ผู้ต้องขังเผาศาลากลางมหาสารคามเสียชีวิต เผยเดือนหน้าจะได้รับการพักโทษ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1448375679&grpid=&catid=19&subcatid=1905
24 พ.ย. 2558 รายงานข่าวจากพื้นที่จังหวัดมหาสารคามแจ้งว่า นายอุทัย คงหา หนึ่งในผู้ต้องหาคดีเผาศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม เมื่อ 19 พ.ค.2553 เสียชีวิตขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม ผู้สื่อข่าวสอบถามจากเจ้าหน้าที่เรือนจำในช่วงเย็นวันนี้ได้รับการยืนยันว่านายอุทัยเสียชีวิตแล้วจริงและญาติได้รับศพไปบำเพ็ญกุศลแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุสาเหตุที่แน่ชัด
นางวิจิตร ดวงพรม ภรรยาของนายอุทัยผู้ต้องขังที่เสียชีวิตกล่าวว่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่าอุทัยเกิดอาการช็อคในเรือนจำ โดยก่อนหน้านี้ไม่นานมีอาการความดันต่ำ เหนื่อย หายใจไม่ทั่วท้อง เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งตัวมารักษาที่รพ.มหาสารคาตั้งแต่เย็นวันที่ 23 พ.ย. และได้เรียกตนเองมาดูอาการเมื่อ 22.00 น.ในคืนนั้น
ต่อมาแพทย์ผู้ทำการรักษาได้แจ้งกับตนเองว่าอุทัยมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ในคืนนั้นเขามีอาการดิ้นทุรนทุรายต้องมัดตัวไว้กับเตียง จนกระทั่งเช้าจึงอยู่ในสภาพไม่ได้สติ ร่างกายไม่ตอบสนอง จนกระทั่งเวลาประมาณเที่ยงของวันนี้ (24 พ.ย.) แพทย์จึงยุติการยื้อชีวิตโดยการเห็นชอบของญาติและภรรยา
ทั้งนี้ นายอุทัยอายุ 40 ปี เป็น 1 ใน 9 ผู้ต้องหาคดีเตรียมการเผาศาลากลางจังหวัด (ที่ว่าการอำเภอเมือง) มหาสารคาม ในเหตุการณ์วันที่
19 พ.ย.2553 ซึ่งตัวอาคารของทางจังหวัดไม่ได้ถูกเผาแต่อย่างใด ปรากฏเพียงการเผายาง ตู้โทรศัพท์และต้นมะขาม 1 ต้น เขาถูกจับกุมหลังเหตุการณ์ไม่นานและถูกจำคุกเรื่อยมาจนศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 5 ปี 8 เดือน จากนั้นในเดือนกรกฎาคม 2555 เขาได้รับการประกันตัวโดยความช่วยเหลือของกรมคุ้มครองสิทธิฯ ก่อนที่จะติดคุกอีกครั้งเมื่อศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุก 5 ปี 8 เดือน เมื่อเดือนกันยายน 2557
ภรรยาของนายอุทัย กล่าวอีกว่า ประมาณต้นเดือนธันวาคม 2558 นี้ อุทัยจะได้รับการพักโทษทำให้ได้รับอิสรภาพออกมาอยู่กับครอบครัว ทั้งนี้ ครอบครัวนี้มีลูก 3 คน ลูกสาวคนโตเรียนชั้น ม.6 ลูกชายคนกลางเรียนชั้น ป.6 และลูกสาวคนเล็กเรียนชั้น ป.4 ที่ผ่านมาอุทัยเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำอาชีพรับจ้างฆ่าและชำแหละหมูให้กับเขียงหมูในตลาดจังหวัดมหาสารคาม โดยระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอุทัยเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ไม่เคยมีโรคประจำตัวใดๆ การสูญเสียอุทัยทำให้เธอต้องรับภาระเลี้ยงดูครอบครัวเพียงลำพัง และความหวังที่จะได้อยู่ร่วมกันในเดือนหน้าก็พังทลาย
ปล.แหล่งข่าวน่าจะพิมพ์ผิดตรงขีดเส้นใต้ "19 พ.ค.2553"
ติดเชื้อในกระแสโลหิต...อีกแล้ว...
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1448375679&grpid=&catid=19&subcatid=1905
24 พ.ย. 2558 รายงานข่าวจากพื้นที่จังหวัดมหาสารคามแจ้งว่า นายอุทัย คงหา หนึ่งในผู้ต้องหาคดีเผาศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม เมื่อ 19 พ.ค.2553 เสียชีวิตขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม ผู้สื่อข่าวสอบถามจากเจ้าหน้าที่เรือนจำในช่วงเย็นวันนี้ได้รับการยืนยันว่านายอุทัยเสียชีวิตแล้วจริงและญาติได้รับศพไปบำเพ็ญกุศลแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุสาเหตุที่แน่ชัด
นางวิจิตร ดวงพรม ภรรยาของนายอุทัยผู้ต้องขังที่เสียชีวิตกล่าวว่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่าอุทัยเกิดอาการช็อคในเรือนจำ โดยก่อนหน้านี้ไม่นานมีอาการความดันต่ำ เหนื่อย หายใจไม่ทั่วท้อง เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งตัวมารักษาที่รพ.มหาสารคาตั้งแต่เย็นวันที่ 23 พ.ย. และได้เรียกตนเองมาดูอาการเมื่อ 22.00 น.ในคืนนั้น ต่อมาแพทย์ผู้ทำการรักษาได้แจ้งกับตนเองว่าอุทัยมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ในคืนนั้นเขามีอาการดิ้นทุรนทุรายต้องมัดตัวไว้กับเตียง จนกระทั่งเช้าจึงอยู่ในสภาพไม่ได้สติ ร่างกายไม่ตอบสนอง จนกระทั่งเวลาประมาณเที่ยงของวันนี้ (24 พ.ย.) แพทย์จึงยุติการยื้อชีวิตโดยการเห็นชอบของญาติและภรรยา
ทั้งนี้ นายอุทัยอายุ 40 ปี เป็น 1 ใน 9 ผู้ต้องหาคดีเตรียมการเผาศาลากลางจังหวัด (ที่ว่าการอำเภอเมือง) มหาสารคาม ในเหตุการณ์วันที่ 19 พ.ย.2553 ซึ่งตัวอาคารของทางจังหวัดไม่ได้ถูกเผาแต่อย่างใด ปรากฏเพียงการเผายาง ตู้โทรศัพท์และต้นมะขาม 1 ต้น เขาถูกจับกุมหลังเหตุการณ์ไม่นานและถูกจำคุกเรื่อยมาจนศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 5 ปี 8 เดือน จากนั้นในเดือนกรกฎาคม 2555 เขาได้รับการประกันตัวโดยความช่วยเหลือของกรมคุ้มครองสิทธิฯ ก่อนที่จะติดคุกอีกครั้งเมื่อศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุก 5 ปี 8 เดือน เมื่อเดือนกันยายน 2557
ภรรยาของนายอุทัย กล่าวอีกว่า ประมาณต้นเดือนธันวาคม 2558 นี้ อุทัยจะได้รับการพักโทษทำให้ได้รับอิสรภาพออกมาอยู่กับครอบครัว ทั้งนี้ ครอบครัวนี้มีลูก 3 คน ลูกสาวคนโตเรียนชั้น ม.6 ลูกชายคนกลางเรียนชั้น ป.6 และลูกสาวคนเล็กเรียนชั้น ป.4 ที่ผ่านมาอุทัยเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำอาชีพรับจ้างฆ่าและชำแหละหมูให้กับเขียงหมูในตลาดจังหวัดมหาสารคาม โดยระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอุทัยเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ไม่เคยมีโรคประจำตัวใดๆ การสูญเสียอุทัยทำให้เธอต้องรับภาระเลี้ยงดูครอบครัวเพียงลำพัง และความหวังที่จะได้อยู่ร่วมกันในเดือนหน้าก็พังทลาย
ปล.แหล่งข่าวน่าจะพิมพ์ผิดตรงขีดเส้นใต้ "19 พ.ค.2553"