หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
BOM AND JOURNEY เชียงใหม่ไง จะไปป่ะ! | 4 วัน 3 คืน ขึ้นอ่างขาง นอนกลางเมืองเก่า เข้าร้านสโลว์ไลฟ์
กระทู้สนทนา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวไทย
Backpack
ดอยอ่างขาง
จังหวัดเชียงใหม่
ถ้าพูดถึงเชียงใหม่
โคตรเป็นจังหวัดที่ mass สุดๆ ใครๆ ก็เคยไปทั้งนั้น... แต่สำหรับผม นี่คือเชียงใหม่ครั้งแรกเลยครับ และคิดว่าไม่ใช่ผมคนเดียวแน่ๆ สำหรับใครที่เป็นมือใหม่เหมือนกัน ผมหวังว่ากระทู้นี้ คงจะพอเป็นคู่มือการใช้เชียงใหม่ให้คุณได้บ้างนะครับ (5555พูดจบแล้วรู้สึกหล่ออย่างบอกไม่ถูก)
11 พฤศจิกา เวลานัดหมาย 2 ทุ่ม ...ความพร้อมไม่มี ทั้งหนีงาน โดดเรียน ไม่สบาย ฝ่ารถติดมาเจอกันที่ท่ารถนครชัยแอร์ มีหลายคนถามทำไมไม่นั่งเครื่อง ถ้าจะเอาคำตอบแบบเท่ๆ ผมก็จะตอบว่า “กูอยากได้ฟีลแบ็คแพ็คว่ะ!” แต่ถ้าเอาความจริงคือ... “กูไม่มีตังค์” - - ภาพเบื้องหลังก่อนที่จะจองตั๋วรถทัวร์ คือการนั่งค้นหาตั๋วเครื่องบิน low cost แทบทุกสายการบินอยู่สามวัน แต่ด้วยราคาที่ไม่มีโปรอะไรเลย ก็เลยทำให้เจ้เกียวเป็นผู้ได้สัมปทานตูดทั้งห้าจากพวกเราไป 5555
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอน 3 ทุ่มครึ่ง ความตื่นเต้นแพ้ให้กับความง่วงไป 2 ชั่วโมง ก่อนจะถึงเชียงใหม่ตอนประมาณ 7 โมงเช้า ...เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ระหว่างที่คุยกะเพื่อนเรื่องการเดินทางไปดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นเป้าหมายในวันแรกของเรา ก็มีป้าแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ในหัวคิดว่า ถ้าถามข้อมูลกับป้า ป้าจะไม่โก่งราคาเราแน่... ใช่ครับ ป้าไม่โก่งราคาเราจริงๆ แต่การอู้กำเมืองของป้า ทำให้ผมอยากจะให้กูเกิลทรานสเลตมีแปลภาษาเหนือซะจริงๆ 555
ลืมบอกไปว่า ทริปนี้เป็นทริปประหยัด เราตั้งงบไว้ทุกอย่างต้องจบใน 5 พันบาท (ค่ารถไป-กลับ
ก็พันห้าละสัส) ต่อๆ ตอนแรกคุยกันว่า เราจะไม่ยอมโดนโก่งราคาเว้ย! เราจะออกไปโบกรถแดงข้างนอกแบบที่ป้าบอกเว้ย! เราจะต้องเสียค่ารถแดงแค่ 20บาทเว้ย! ...ภาพตัดมา ยังก้าวไม่ทันพ้นเก้าอี้นั่งตัวสุดท้าย ลุงรถแดงเสนอราคาคนละ 40 ไปส่งท่ารถช้างเผือก หึหึ พวกผมมองหน้ากันด้วยสีหน้าของนักเดินทางขาลุยที่ลุงจะไม่มีวันได้กินเงินพวกผมร้อก! ..ก่อนจะเดินเรียงแถวแบกเป้ขึ้นรถลุงไปอย่างง่ายดายด้วยความขี้เกียจ 55555
Day 1 >
นั่งรถแดงจากท่ารถอาเขตมาถึงคิวรถช้างเผือก ตรงนี้เราต้องเลือกก่อนนะครับว่า จะเดินทางต่อไปตรงทางขึ้นดอยด้วยรถตู้ หรือรถเมล์หวานเย็น เพราะรถแดงจะได้ไปส่งถูกคิว รถตู้ 150 บาท รถเมล์หวานเย็นน่าจะประมาณ 85 ความสบายและความเร็วก็ตามราคาครับ งานนี้พวกผมเลือกซื้อเวลาด้วยการนั่งรถตู้ต่อจากท่ารถช้างเผือกไปลงที่วัดหาดสำราญ (ทางขึ้นดอยอ่างขาง) จากนั้นต้องเหมารถสองแถวสีขาวขึ้นดอยอ่างขางต่อ... คำแนะนำหนึ่งอย่างจากคนหลับยากอย่างผม “ใส่เพลงใน Playlist มาเยอะๆนะครับ” เพราะระยะเวลาในการนั่งรถจากตัวเมืองมาถึงดอยอ่างขาง รวมๆแล้วประมาณสามชั่วโมงได้ เรียกได้ว่านั่งจนต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว 5555
รถสองแถวขาวที่ขึ้นดอยอ่างขางตรงวัดหาดสำราญ เค้าจะมีเป็นคิวอยู่ครับ ซึ่งถ้าไปถึงเค้าก็จะมีการเสนอเป็นแพ็คเกจประมาณว่า ถ้าขึ้นอย่างเดียว 800 / ขึ้นไปและรับกลับด้วย 1200 / ขึ้น ค้างคืน รับกลับ 1600 / ขึ้น ค้างคืน พาเที่ยว รับกลับ 1900 ไรประมาณนี้ละครับ (ราคาอาจคาดเคลื่อนนะครับ)... ซึ่งพวกผมเลือกฟูลฟังชั่นครับ 1900 เพราะเท่าที่ศึกษามามันน่าจะโอเคสุด
หนึ่งอย่างที่โชคดีมากสำหรับทริปนี้คือ “ลุงจำรัส” ครับ ลุงจำรัสเป็นคนขับรถที่เราเหมาเมื่อกี้ละครับ แกอยู่กับเราตลอด 2 วัน 1คืน และเป็นเหมือนไกด์พาเราเที่ยวไปด้วย ทริปนี้ลุง
ดีจนผมอยากจะเอามาเลี่ยมไว้ห้อยคอเลย 555
หลังจากตูดระบมและโหนบาร์ในรถมาพักใหญ่ เราก็ขึ้นมาถึงดอยอ่างข่าง จุดแรกที่เราแวะคือ จุดชมวิวม่อนสน จุดนี้เป็นจุดที่กางเต๊นท์สวยที่สุดบนอ่างขางนะครับ เพราะด้านหน้าจะเป็นวิวเปิดกว้างเลย ซึ่งความตั้งใจแรกของผมก็คือจะนอนเต๊นท์กันนี่ละครับ แต่ว่าสภาพอากาศวันนั้นเสี่ยงฝนตก และสุดท้ายมันก็ตกจริงๆ พวกเราก็เลยต้องเปลี่ยนแพลนไปนอนรีสอร์ทแทน
เราไปถึงอ่างขางตอนประมาณบ่ายๆละครับ แน่นอน! ความอัดอั้นทุกอย่างที่เราตั้งใจเอามาให้เชียงใหม่บำบัด มันแทบจะกลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว ภาพที่เห็นคือตัวเองยืนอยู่ริมหน้าผา ใบหน้าและร่างกายปะทะกับลมหนาว พร้อมตะโกนดังๆว่า “สวัสดีอ่างขางงงงงงงงงงงงงงง”........แต่ภาพตัดมาคือผมและเพื่อนนอนกลิ้งอยู่บนเตียงที่รีสอร์ทเพื่อรอฝนหยุดครับ - -“ ลุงจำรัสปลอบประโลมพวกเราว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรารอฝนหยุด แล้วค่อยไล่เก็บเที่ยวในสถานีเกษตรหลวงก่อน เอาเท่าที่ได้ แล้วที่เหลือค่อยเก็บต่อพรุ่งนี้ ...ตอนนี้ทำไรไม่ได้นอกจาก นอนเล่นโทรศัพท์และยิ้มรับมันในวันที่ใจอ่อนแอ 555
บนดอยอ่างขางมีหลายส่วนให้เที่ยวครับ มันกว้างมาก หลักๆ ก็จะมีในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ในนั้นก็จะมีทั้ง สวนดอกไม้ ต้นไม้ ต่างๆ นานา หลากหลายสายพันธุ์ สวนหิน บอนไซ ไร่บ๊วยที่ถ่ายหนังเรื่อง Timeline สวนกีวี่ แปลงผัก แปลงดอกไม้สวยๆ มากมาย นอกสถานีก็จะมีทั้งไร่ชา ไร่สตรอว์เบอรี่ จุดชมวิวขอบด้ง หมู่บ้านนอแล บลาๆ
หลังจากเที่ยวเสร็จ ก่อนกลับที่พักก็เดินหาไรกินในแถวๆ รีสอร์ท อากาศดีถึงขั้นหนาวเลย ...นมสดร้อนผสมน้ำผึ้ง เลยเป็นเมนูปิดท้ายก่อนนอนที่วิเศษมากตอนนั้น ที่สำคัญแก้วละสิบบาทเท่านั้น (ถูกจนอยากจะลงไปช่วยทำจริงๆ)
Day 2 >
เวลานัดหมายกับลุงจำรัสคือตีห้าครึ่ง เพื่อที่จะไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้า กิจกรรมแมสๆ ตามประสาคนเที่ยวดอย 555 งานนี้มีผู้ได้ไปต่อ 4 คน เพราะเพื่อนผมอีกหนึ่งคนลมพิษกำเริบเลยขอนอนพักอยู่ที่ห้อง... เราโดดขึ้นรถลุงจำรัส ฝ่าอากาศหนาวสัสๆ ไปถึงจุดชมวิวขอบด้ง แวบแรกที่เห็นคือร้านอาหารยามเช้ามืด ซึ่งแค่เห็นก็รู้ว่ามันจะอร่อยแน่ๆ และมันก็อร่อยจริงๆ
จากนั้นลุงจำรัสก็บอกเราว่า ให้เดินไปตามทางเข้าไปตรงหน้าผา เพราะตรงนั้นจะเห็นพระอาทิตย์และทะเลหมอกสวยสุด ซึ่งก็จริงครับ มันสวยจริงๆ และที่สำคัญนักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยด้วย
ยืนถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่ ลุงจำรัสก็อุตส่าห์เดินเข้ามาตามพวกเราถึงที่ เพราะกลัวพวกผมจะไม่ทันเห็นไร่ชาตอนแสงอ่อนๆ ซึ่งมันจะสวยมาก ...พอไปถึงไร่ชา มันก็ไม่ทันจริงๆ ครับ หมอกลงหมดแล้ว แต่สำหรับมนุษย์ที่วันๆ ถูกรายล้อมด้วยตึกและความวุ่นวายในเมืองอย่างพวกเรา แค่ที่เห็นตรงหน้านี้มันก็สวยมากแล้ว ... สวยจริงๆ ครับ สวยจนอาม่าที่มากับแก๊งค์เพื่อนถึงกับยืนรำไทเก๊กพร้อมเปล่งเสียงประหนึ่งว่ากำลังฝึกกำลังภายในอยู่บนยอดเขาหลินซาน 55555 คนมองกันทั้งไร่ชา
พอถ่ายรูป และเสพธรรมชาติกันจนตัวจะสังเคราะห์แสงได้แล้ว ลุงก็ถามว่า อยากไปไร่สตรอว์เบอรี่ไหม พอดีลุงมีเพื่อนที่เค้าปลูกอยู่ที่หมู่บ้านนอแลชายแดนไทยพม่า รู้จักกันลุงพาเข้าได้ (คือวันที่ผมไปไร่สตรอว์เบอรี่บนดอยมันปิดทำทาง เข้าไปไม่ได้) ลุงคงเห็นว่าพวกผมบ่นอยากไปตั้งแต่วันแรก ฮ่าๆๆ แต่พวกเราก็ตัดสินใจไม่ไป เพราะเป็นห่วงเพื่อนที่นอนป่วยอยู่ห้อง ..หล่อเลยสัส!
จากนั้นพอกลับมาที่ห้อง ก็รีบพาเพื่อนไปหาหมอที่โรงพยาบาลบนดอยอ่างขาง โดนฉีดยาไปหนึ่งเข็ม ...เป็นข้อมูลเผื่อใครมาแล้วเจ็บป่วยครับ ความจริงโรงพยาบาลที่นี่ตอนกลางคืนอาจจะดูเหมือนปิด แต่เราสามารถเรียกเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลานะครับ อันนี้เจ้าหน้าที่เค้าบอกมา
ก่อนลงจากดอย เราบอกลุงว่าขอไปซ้ำในสถานีเกษตรอีกรอบลุง เมื่อวานมันรีบ และยังสังเคราะห์แสงไม่หนำใจ ลุงก็ไม่เกี่ยงแถมดีลให้เราเข้าฟรีอีก ลุงใจดีมากครับ ลุงบอกว่าตามสบาย ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องเกรงใจลุง ...จุดที่เราไปซ้ำคือสวนด้านหน้าทั้งหมด และก็สวนบ๊วย โดยเฉพาะสวนบ๊วยนี่เป็นตัวความหวังเลย เพราะในหนัง
สวยมาก ..เอาเข้าจริง เรากลับรู้สึกโชคดี ที่เรามาถ่ายรูปที่สวนบ๊วยหลังฝนตกเมื่อวาน เพราะรู้สึกว่ามันมีชีวิตชีวากว่าตอนแดดจ้าๆ เยอะเลย
ได้เวลาล่ำลาอ่างขาง ระหว่างทางลง ลุงจำรัสผู้อยากจับเลี่ยมไว้ห้อยคอ ยังอุตส่าห์ใจดีพาพวกเราแวะนู่นนี่ตามทาง จอดให้ลงไปเดินถ่ายรูปที่สวนส้มอีก และลุงไม่รีบไม่ร้อนอะไรเลยประหนึ่งว่าลางานพาลูกหลานมาเที่ยว 555 ผมเลยขอลุงเก๊กหล่อถ่ายภาพเก็บไว้หนึ่งใบ ซึ่งลุงก็สู้กล้องแบบไม่เขินอายเช่นกัน 555 และด้วยความใจดีของลุงตลอดทริปอ่างขาง พวกผมเลยทิปค่าจ้างให้ลุงเป็นน้ำใจตอบแทนนิดหน่อย ก่อนจะล่ำลากัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
รบกวนขอแพลนเที่ยวเชียงราย 4 วัน 3 คืน ครับ
สวัสดีครับทุกท่าน มีแพลนไปช่วงปลายปี จองตั๋วเรียบร้อย การเดินทางประมาณนี้ พฤหัสบดี กทม. ถึงเชียงราย 10 โมง เช่ารถ สนามบิน กลับ อาทิตย์ บินกลับ บ่ายโมง ขับรถได้หมด เคยขึ้น ดอยอ่างขาง/ทับเบิก/อินทนนท์/
New_BlackCat
ตรวจทริปดอยอ่างขาง-ดอยอินทนนท์-เชียงใหม่ให้หน่อยค่ะ
เดินทางเที่ยว 3 วันค่ะ ออกเดินทางจาก กทม ไป ดอยอ่างขาง คืนวันที่ 8 ประมาณ ทุ่มนึงค่ะ น่าจะถึงเช้าประมาณ 9 โมง 09 Dec 15……ดอยอ่างขาง 09 : 00 - --- น้ำผุร้อนฝาง 11 : 30 - --- ออกจากน้ำ
Bs_nongfilm
ภูทับเบิก , ภูชี้ฟ้า , ดอยอ่างขาง เส้นทางไหนชันสุดครับ (ใครเคยไปแนะนำหน่อยครับ)
พอดีจะไปธุระทางภาคเหนือแล้วขากลับกะแวะเที่ยวตามดอยต่างๆ ลงมา เลยอยากรู้ว่าเส้นทางไหนชันสุด แล้วทางไหนต้องระวังอะไรบ้างครับ กะไปภูชี้ฟ้าก่อน แล้วไล่ลงมาดอยอ่างขาง แล้วจบที่ภูทับเบิกครับ ประสบการณ์ขับรถ
สมาชิกหมายเลข 8722353
รบกวนเพื่อนๆแนะนำสถานที่กางเต้นท์สวยๆช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคมให้หน่อยครับ
อยากได้สถานที่กางเต้นท์ที่คนไม่ค่อยเยอะและไม่พลุกพล่านแถวๆภาคเหนือครับ ที่สำคัญขอแบบเดินทางไม่ลำบากมากเพราะขาไม่ค่อยดี(เคยประสบอุบัติเหตุ) ถ้านั่งไล่เอาที่ผมเคยไปมาแล้วก็มี - ตากสินมหาราช - แม่เมย - ป
T_Tinnaphat
กระบะเกียร์ธรรมดา Revo
สอบถามหน่อยครับ ผมเป็นมือใหม่หัดขับ ผมอยู่ต่างจังหวัด พอดีลุงผมพาออกถนนจังหวะคลัช คันเร่ง เบรค พอได้ พอรู้น้ำหนัก แต่ก็อาจจะหลงๆ ลืมๆ เกียร์ไปหน่อย5555 1. ผมก็ถามลุงนะว่าถ้าเข้าไร่เข้าสวนยางถนนเล่นเดี
สมาชิกหมายเลข 6549515
วางแผนเที่ยวดอยอ่างขางยังไงดีคะ?
สวัสดีคะ คือเรามีโปรแกรมเที่ยวดอยอ่างขาง วันที่ 1-4 มค 60 คะ ตั้งใจอยากจะไปเที่ยวที่นี่มาก ไปครั้งแรกด้วยคะ อ่านในเน็ตบอกมีที่เที่ยวหลายที่ในดอยอ่างขาง สวน 80 จุดชมวิวทะเลหมอก สวนบอนไซ ไร่ชา 2000 ไร่ส
สมาชิกหมายเลข 3197659
รถ vios ขึ้นดอยอ่างขางไหวมั้ยคะ
เริ่มต้นจากเส้นทางแม่จันเชียงรายไปฝางค่ะ ที่คิดไว้คืออยากขึ้นทางฝาง แล้วลงทางอรุโนทัย เพราะจะไปเที่ยวในเมืองเชียงใหม่ต่อ รถวีออส2014 เดินทางไปแค่2คน รถพอจะไหวมั้ยคะ เคยแค่ติดรถกระบะ
สมาชิกหมายเลข 8502413
ภาคเหนือเก็บให้ครบ - เชียงใหม่
วันนี้เราจะพาขึ้นเหนือกัน เชียงใหม่แบบสโลว์ไลฟ์ เรามาเที่ยวแบบไม่วางแผนเช่นเคย ขับรถไปเรื่อยๆกันค่ะ นั่งเอื่อยเฉื่อยริมปิง ดูงานศิลป์ ไปวัด เดินตลาดนัด หาของกินอร่อยๆกันค่ะ ตอนที่ไป เราโชคดีที่ไม่เ
สมาชิกหมายเลข 8658249
🔥สวนทุเรียนเถื่อน จีนเทา กลางเขื่อนคีรีธาร เนื้อที่นับ 100 ไร่ จ.ที่จันทบุรี🔥
🔥สวนทุเรียนเถื่อน จีนเทา/ไทยเทา กลางเขื่อนคีรีธาร เนื้อที่นับ 100 ไร่ จ.ที่จันทบุรี🔥 ชาวบ้านวอนตรวจสอบ “สวนทุเรียน” นับร้อยไร่ โผล่กลางเกาะและริมอ่างเก็บน้ำ
สมาชิกหมายเลข 8385508
แจกแพลน พร้อมรีวิว ทริป แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ 5 วัน 4 คืน
ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ได้มีโอกาศได้เที่ยวทางภาคเหนือ และเป็นครั้งแรกที่ได้ไปเยี่ยนแม่ฮ่องสอน ปาย รักไทย และดอยอ่างขางจังหวัดเชียงใหม่ เลยอย่างลองเขียนรีวิวประสบการณ์ในการเดินทางในครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั
สมาชิกหมายเลข 3204353
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวไทย
Backpack
ดอยอ่างขาง
จังหวัดเชียงใหม่
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 9
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
BOM AND JOURNEY เชียงใหม่ไง จะไปป่ะ! | 4 วัน 3 คืน ขึ้นอ่างขาง นอนกลางเมืองเก่า เข้าร้านสโลว์ไลฟ์
11 พฤศจิกา เวลานัดหมาย 2 ทุ่ม ...ความพร้อมไม่มี ทั้งหนีงาน โดดเรียน ไม่สบาย ฝ่ารถติดมาเจอกันที่ท่ารถนครชัยแอร์ มีหลายคนถามทำไมไม่นั่งเครื่อง ถ้าจะเอาคำตอบแบบเท่ๆ ผมก็จะตอบว่า “กูอยากได้ฟีลแบ็คแพ็คว่ะ!” แต่ถ้าเอาความจริงคือ... “กูไม่มีตังค์” - - ภาพเบื้องหลังก่อนที่จะจองตั๋วรถทัวร์ คือการนั่งค้นหาตั๋วเครื่องบิน low cost แทบทุกสายการบินอยู่สามวัน แต่ด้วยราคาที่ไม่มีโปรอะไรเลย ก็เลยทำให้เจ้เกียวเป็นผู้ได้สัมปทานตูดทั้งห้าจากพวกเราไป 5555
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอน 3 ทุ่มครึ่ง ความตื่นเต้นแพ้ให้กับความง่วงไป 2 ชั่วโมง ก่อนจะถึงเชียงใหม่ตอนประมาณ 7 โมงเช้า ...เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ระหว่างที่คุยกะเพื่อนเรื่องการเดินทางไปดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นเป้าหมายในวันแรกของเรา ก็มีป้าแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ในหัวคิดว่า ถ้าถามข้อมูลกับป้า ป้าจะไม่โก่งราคาเราแน่... ใช่ครับ ป้าไม่โก่งราคาเราจริงๆ แต่การอู้กำเมืองของป้า ทำให้ผมอยากจะให้กูเกิลทรานสเลตมีแปลภาษาเหนือซะจริงๆ 555
ลืมบอกไปว่า ทริปนี้เป็นทริปประหยัด เราตั้งงบไว้ทุกอย่างต้องจบใน 5 พันบาท (ค่ารถไป-กลับ
Day 1 >
นั่งรถแดงจากท่ารถอาเขตมาถึงคิวรถช้างเผือก ตรงนี้เราต้องเลือกก่อนนะครับว่า จะเดินทางต่อไปตรงทางขึ้นดอยด้วยรถตู้ หรือรถเมล์หวานเย็น เพราะรถแดงจะได้ไปส่งถูกคิว รถตู้ 150 บาท รถเมล์หวานเย็นน่าจะประมาณ 85 ความสบายและความเร็วก็ตามราคาครับ งานนี้พวกผมเลือกซื้อเวลาด้วยการนั่งรถตู้ต่อจากท่ารถช้างเผือกไปลงที่วัดหาดสำราญ (ทางขึ้นดอยอ่างขาง) จากนั้นต้องเหมารถสองแถวสีขาวขึ้นดอยอ่างขางต่อ... คำแนะนำหนึ่งอย่างจากคนหลับยากอย่างผม “ใส่เพลงใน Playlist มาเยอะๆนะครับ” เพราะระยะเวลาในการนั่งรถจากตัวเมืองมาถึงดอยอ่างขาง รวมๆแล้วประมาณสามชั่วโมงได้ เรียกได้ว่านั่งจนต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว 5555
รถสองแถวขาวที่ขึ้นดอยอ่างขางตรงวัดหาดสำราญ เค้าจะมีเป็นคิวอยู่ครับ ซึ่งถ้าไปถึงเค้าก็จะมีการเสนอเป็นแพ็คเกจประมาณว่า ถ้าขึ้นอย่างเดียว 800 / ขึ้นไปและรับกลับด้วย 1200 / ขึ้น ค้างคืน รับกลับ 1600 / ขึ้น ค้างคืน พาเที่ยว รับกลับ 1900 ไรประมาณนี้ละครับ (ราคาอาจคาดเคลื่อนนะครับ)... ซึ่งพวกผมเลือกฟูลฟังชั่นครับ 1900 เพราะเท่าที่ศึกษามามันน่าจะโอเคสุด
หนึ่งอย่างที่โชคดีมากสำหรับทริปนี้คือ “ลุงจำรัส” ครับ ลุงจำรัสเป็นคนขับรถที่เราเหมาเมื่อกี้ละครับ แกอยู่กับเราตลอด 2 วัน 1คืน และเป็นเหมือนไกด์พาเราเที่ยวไปด้วย ทริปนี้ลุง
หลังจากตูดระบมและโหนบาร์ในรถมาพักใหญ่ เราก็ขึ้นมาถึงดอยอ่างข่าง จุดแรกที่เราแวะคือ จุดชมวิวม่อนสน จุดนี้เป็นจุดที่กางเต๊นท์สวยที่สุดบนอ่างขางนะครับ เพราะด้านหน้าจะเป็นวิวเปิดกว้างเลย ซึ่งความตั้งใจแรกของผมก็คือจะนอนเต๊นท์กันนี่ละครับ แต่ว่าสภาพอากาศวันนั้นเสี่ยงฝนตก และสุดท้ายมันก็ตกจริงๆ พวกเราก็เลยต้องเปลี่ยนแพลนไปนอนรีสอร์ทแทน
เราไปถึงอ่างขางตอนประมาณบ่ายๆละครับ แน่นอน! ความอัดอั้นทุกอย่างที่เราตั้งใจเอามาให้เชียงใหม่บำบัด มันแทบจะกลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว ภาพที่เห็นคือตัวเองยืนอยู่ริมหน้าผา ใบหน้าและร่างกายปะทะกับลมหนาว พร้อมตะโกนดังๆว่า “สวัสดีอ่างขางงงงงงงงงงงงงงง”........แต่ภาพตัดมาคือผมและเพื่อนนอนกลิ้งอยู่บนเตียงที่รีสอร์ทเพื่อรอฝนหยุดครับ - -“ ลุงจำรัสปลอบประโลมพวกเราว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรารอฝนหยุด แล้วค่อยไล่เก็บเที่ยวในสถานีเกษตรหลวงก่อน เอาเท่าที่ได้ แล้วที่เหลือค่อยเก็บต่อพรุ่งนี้ ...ตอนนี้ทำไรไม่ได้นอกจาก นอนเล่นโทรศัพท์และยิ้มรับมันในวันที่ใจอ่อนแอ 555
บนดอยอ่างขางมีหลายส่วนให้เที่ยวครับ มันกว้างมาก หลักๆ ก็จะมีในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ในนั้นก็จะมีทั้ง สวนดอกไม้ ต้นไม้ ต่างๆ นานา หลากหลายสายพันธุ์ สวนหิน บอนไซ ไร่บ๊วยที่ถ่ายหนังเรื่อง Timeline สวนกีวี่ แปลงผัก แปลงดอกไม้สวยๆ มากมาย นอกสถานีก็จะมีทั้งไร่ชา ไร่สตรอว์เบอรี่ จุดชมวิวขอบด้ง หมู่บ้านนอแล บลาๆ
หลังจากเที่ยวเสร็จ ก่อนกลับที่พักก็เดินหาไรกินในแถวๆ รีสอร์ท อากาศดีถึงขั้นหนาวเลย ...นมสดร้อนผสมน้ำผึ้ง เลยเป็นเมนูปิดท้ายก่อนนอนที่วิเศษมากตอนนั้น ที่สำคัญแก้วละสิบบาทเท่านั้น (ถูกจนอยากจะลงไปช่วยทำจริงๆ)
Day 2 >
เวลานัดหมายกับลุงจำรัสคือตีห้าครึ่ง เพื่อที่จะไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้า กิจกรรมแมสๆ ตามประสาคนเที่ยวดอย 555 งานนี้มีผู้ได้ไปต่อ 4 คน เพราะเพื่อนผมอีกหนึ่งคนลมพิษกำเริบเลยขอนอนพักอยู่ที่ห้อง... เราโดดขึ้นรถลุงจำรัส ฝ่าอากาศหนาวสัสๆ ไปถึงจุดชมวิวขอบด้ง แวบแรกที่เห็นคือร้านอาหารยามเช้ามืด ซึ่งแค่เห็นก็รู้ว่ามันจะอร่อยแน่ๆ และมันก็อร่อยจริงๆ
จากนั้นลุงจำรัสก็บอกเราว่า ให้เดินไปตามทางเข้าไปตรงหน้าผา เพราะตรงนั้นจะเห็นพระอาทิตย์และทะเลหมอกสวยสุด ซึ่งก็จริงครับ มันสวยจริงๆ และที่สำคัญนักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยด้วย
ยืนถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่ ลุงจำรัสก็อุตส่าห์เดินเข้ามาตามพวกเราถึงที่ เพราะกลัวพวกผมจะไม่ทันเห็นไร่ชาตอนแสงอ่อนๆ ซึ่งมันจะสวยมาก ...พอไปถึงไร่ชา มันก็ไม่ทันจริงๆ ครับ หมอกลงหมดแล้ว แต่สำหรับมนุษย์ที่วันๆ ถูกรายล้อมด้วยตึกและความวุ่นวายในเมืองอย่างพวกเรา แค่ที่เห็นตรงหน้านี้มันก็สวยมากแล้ว ... สวยจริงๆ ครับ สวยจนอาม่าที่มากับแก๊งค์เพื่อนถึงกับยืนรำไทเก๊กพร้อมเปล่งเสียงประหนึ่งว่ากำลังฝึกกำลังภายในอยู่บนยอดเขาหลินซาน 55555 คนมองกันทั้งไร่ชา
พอถ่ายรูป และเสพธรรมชาติกันจนตัวจะสังเคราะห์แสงได้แล้ว ลุงก็ถามว่า อยากไปไร่สตรอว์เบอรี่ไหม พอดีลุงมีเพื่อนที่เค้าปลูกอยู่ที่หมู่บ้านนอแลชายแดนไทยพม่า รู้จักกันลุงพาเข้าได้ (คือวันที่ผมไปไร่สตรอว์เบอรี่บนดอยมันปิดทำทาง เข้าไปไม่ได้) ลุงคงเห็นว่าพวกผมบ่นอยากไปตั้งแต่วันแรก ฮ่าๆๆ แต่พวกเราก็ตัดสินใจไม่ไป เพราะเป็นห่วงเพื่อนที่นอนป่วยอยู่ห้อง ..หล่อเลยสัส!
จากนั้นพอกลับมาที่ห้อง ก็รีบพาเพื่อนไปหาหมอที่โรงพยาบาลบนดอยอ่างขาง โดนฉีดยาไปหนึ่งเข็ม ...เป็นข้อมูลเผื่อใครมาแล้วเจ็บป่วยครับ ความจริงโรงพยาบาลที่นี่ตอนกลางคืนอาจจะดูเหมือนปิด แต่เราสามารถเรียกเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลานะครับ อันนี้เจ้าหน้าที่เค้าบอกมา
ก่อนลงจากดอย เราบอกลุงว่าขอไปซ้ำในสถานีเกษตรอีกรอบลุง เมื่อวานมันรีบ และยังสังเคราะห์แสงไม่หนำใจ ลุงก็ไม่เกี่ยงแถมดีลให้เราเข้าฟรีอีก ลุงใจดีมากครับ ลุงบอกว่าตามสบาย ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องเกรงใจลุง ...จุดที่เราไปซ้ำคือสวนด้านหน้าทั้งหมด และก็สวนบ๊วย โดยเฉพาะสวนบ๊วยนี่เป็นตัวความหวังเลย เพราะในหนัง
ได้เวลาล่ำลาอ่างขาง ระหว่างทางลง ลุงจำรัสผู้อยากจับเลี่ยมไว้ห้อยคอ ยังอุตส่าห์ใจดีพาพวกเราแวะนู่นนี่ตามทาง จอดให้ลงไปเดินถ่ายรูปที่สวนส้มอีก และลุงไม่รีบไม่ร้อนอะไรเลยประหนึ่งว่าลางานพาลูกหลานมาเที่ยว 555 ผมเลยขอลุงเก๊กหล่อถ่ายภาพเก็บไว้หนึ่งใบ ซึ่งลุงก็สู้กล้องแบบไม่เขินอายเช่นกัน 555 และด้วยความใจดีของลุงตลอดทริปอ่างขาง พวกผมเลยทิปค่าจ้างให้ลุงเป็นน้ำใจตอบแทนนิดหน่อย ก่อนจะล่ำลากัน