รักแรกกับวัดจองคำ วัดสำคัญเมืองสามหมอก ในเส้นทางปั่นเพื่อพ่อ แม่ฮ่องสอน

ว่ากันว่า เรื่องราวใดๆ ที่เป็นสิ่งแรก อย่างรักแรก.....บ้านหลังแรก.....รถคันแรก หรือ ใดๆ ที่เราได้ประสบพบเจอเป็นครั้งแรก มักจะกลายเป็นเรื่องราวสำคัญซึ่งประทับติดตรึงอยู่ในความทรงจำต่อไปอีกตราบนานเท่านาน



ดังเช่นเรื่องราวของ “วัดจองคำ” วัดแห่งแรกของ จ.แม่ฮ่องสอน ที่กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจและศรัทธาของชาวเมืองสามหมอกนับตั้งแต่อดีต.....ยาวนานล่วงเลยมาจวบจนกระทั่งถึงกาลปัจจุบัน

อันที่จริงนั้น ครั้งแรกของผมกับวัดจองคำนั้น ผ่านมาเนิ่นนานเกิน 5 ปีแล้ว แต่ที่นึกขึ้นมานั้น เพราะผมดูเส้นทางการจัดกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ Bike For Dad ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่จะมีปั่นผ่านวัดจองคำนั้น ก็เลยพาให้นึกถึงความทรงจำครั้งนั้นขึ้นมา

หากพูดถึง “วัดจองคำ” ชาวเมืองสามหมอกน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักวัดแห่งนี้ เนื่องจากวัดจองคำเป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และอยู่คู่เมืองสามหมอกมานานนับร้อยปีจนได้รับการสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงเมื่อปี พ.ศ. 2527

จากบันทึกทางประวัติศาสตร์เก่าเล่าไว้ว่า วัดจองคำสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2370 โดย “พระยาสิงหนาทราชา” เจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต่อมาองค์พระเจดีย์ของวัดจองคำได้ชำรุดทรุดโทรมไป “พระอูน่าก๊ะ” จึงได้ทำพิธีบวงสรวงขอรื้อถอนแล้วจัดสร้าง “พระพุทธรูปหลวงพ่อโต” พร้อมทั้งจัดสร้าง “วิหารตรีมุข” ขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยประดิษฐานพระเจดีย์องค์เดิมในปี พ.ศ. 2475 – 2479 (เริ่มต้นสร้างในปี พ.ศ. 2475 และสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2479 ครับ)

“พระพุทธรูปหลวงพ่อโต” สร้างขึ้นโดยฝีมือของ “ช่างสล่าโพโต่ง เตชะโกเมนต์” มีลักษณะเป็นองค์พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะพม่าขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 4.8 เมตร สูง 5.6 เมตร พระพักตร์ขององค์พระพุทธรูปอวบอิ่ม ครองจีวรเป็นริ้วดูสมจริง ส่วน “วิหารตรีมุข” อันเป็นสถานที่ประดิษฐาองค์หลวงพ่อโตนั้นสร้างขึ้นโดยฝีมือของ “ช่างสล่าโพอ่อง” ตามลักษณะศิลปะแบบไทใหญ่ มีหลังคาวิหารเป็นรูปปราสาทมุงด้วยสังกะสี เชิงชายประดับไม้ฉลุดูงดงาม (สาเหตุที่หลังคาวิหารในงานศิลปะไทใหญ่มีลักษณะเป็นยอดปราสาท เนื่องด้วยคติความเชื่อว่าปราสาทเป็นของสูง ผู้ซึ่งประทับอยู่ในปราสาทจึงควรเป็นพระมหากษัตริย์หรือตัวแทนของพระพุทธศาสนาครับ)

และเนื่องจากมีการปิดทองคำเปลวประดับเอาไว้บริเวณเสาวัดจนเหลืองอร่ามชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดจองคำ” (จอง หมายถึง อาคารหลักของวัดไทใหญ่)



ใกล้ๆ กับวัดจองคำมีวัดอีกแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นไว้อยู่เคียงคู่กัน ได้แก่ “วัดจองกลาง” วัดทั้งสองแห่งนี้มีลักษณะคล้ายกับวัดแฝดเนื่องจากตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงแก้วเดียวกัน โดยเมื่อเราหันหน้าเข้าหาตัววัดก็จะเห็น “วัดจองกลาง” อยู่ทางด้านขวามือ และ “วัดจองคำ” อยู่ทางด้านซ้ายมือ และด้านหน้าจะเป็นหนองจองคำ สวนสาธารณะบรรยากาศร่วมรื่น ที่ยามค่ำคืน กลายเป็นกระจกสะท้อนแสงสีขององค์พระธาตุบนผืนน้ำให้ผู้มาเยือนได้เห็น

หนองจองคำ : สวนสาธารณะบรรยากาศดีในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน



“หนองจองคำ” คือ หนองน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อยู่คู่กับเมืองแม่ฮ่องสอนมายาวนานเกินกว่าร้อยปี ได้รับการขุดแต่งบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2438 ในสมัย “พญาพิทักษ์สยามเขต” เจ้าฟ้าผู้ครองเมืองแม่ฮ่องสอนคนที่ 3 .....ในครั้งอดีต.....นอกจากหนองจองคำจะเป็นที่อยู่ที่อาศัยของฝูงปลาจำนวนมากแล้ว บรรดาเจ้าขุนมูลนายยังได้อาศัยใช้ต้นหญ้าริมหนองจองคำแห่งนี้เลี้ยงช้าง รวมถึงได้อาศัยใช้น้ำในหนองอาบน้ำช้างด้วย เมื่อเวลากาลผ่านพ้นมาจนถึงยุคปัจจุบัน.....ทางเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนก็ได้ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบหนองจองคำใหม่แล้วจัดตั้งเป็น “สวนสาธารณะหนองจองคำ” เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้ประโยชน์ในการออกกำลังกายและพักผ่อนอิริยาบถ

ในช่วงฤดูหนาว.....หากนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนหนองจองคำตั้งแต่เช้าตรู่ ก็จะได้พบกับสายหมอกสีขาวบางเบาที่ฟูฟ่องล่องลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณ มองไปไกลๆ จะเห็น “วัดจองคำ – วัดจองกลาง” พร่าเลือนอยู่ในละอองไอเย็นดูราวกับภาพฝัน

ถ้าลองใช้เวลาเดินเล่นเรื่อยๆ เอื่อยๆ จนดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนคล้อยสูงขึ้นบนฟากฟ้าส่งประกายอันอบอุ่นขับไล่อากาศหนาวเหน็บให้จางคลายไป สายหมอกซึ่งเคยโอบล้อมอยู่รอบข้างกายก็จะกลายไปเป็นเพียงแค่เปลวบางๆ หวิวไหวอยู่เหนือผิวน้ำที่สงบงาม



.....เป็นชั่วยามอันน่าจดจำที่เกิดขึ้นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของวัน วัดจองคำ จังหวัดแม่ฮ่องสอน...

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่