เรื่องของเรื่อง เกิดจากการมีโอกาสได้เข้าไปดูหนังไทยเรื่องหนึ่งตามคำตื๊อของเพื่อนสาว (ประโยคนี้คำว่า “เรื่อง” ปาเข้าไป 3 ครั้ง ว้า แย่จัง) เป็นหนังโรแมนติกคอเมดี้ ดูแล้วขำอะดิและมีความสุข ฟิลกู๊ด โซกู๊ด เวรี่กู๊ด อันเป็นที่มาของการปลื้มนักแสดงชายซึ่งแสดงนำในเรื่องซึ่งสวมบทบาทโดยคุณ.... (เฮ้ย เขาห้ามบอกชื่อ)
แม้เขาจะอยู่วงการมาหลายปีดีดัก มีผลงานเยอะแยะมากมายทั้งถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา ร้องเพลง เล่นละคร เล่นหนัง เป็นพิธีกร แถมเคยได้รับรางวัลการันตีความสามารถมากมาย แต่ดิฉันก็ไม่เคยจะนึกสะดุดตาสะดุดใจอะไรพ่องามไส้คนนี้ จนมีโอกาสเห็นเขาในหนังเรื่องนี้แหละ เนื้อเรื่องของหนังบังเอิญมาคล้ายกับเสี้ยวใหญ่ๆ ของชีวิตจริงตัวเองด้วย คือ สะดุดแรงมาก ก็เลยไปดูหนังเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยชวนพ่อแม่ พี่ชาย พี่สาว น้องสาว เพื่อนที่ทำงาน ไปดูซ้ำอีก กลายเป็นความชอบขึ้นมา ฮากันครบ (เวลาชอบหนังฝรั่งก็ทำแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่ไม่หลายรอบเท่านี้)
มันก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนนะ ดูทุกรอบ ชอบทุกรอบ จำบทสนทนาได้หมด ก็ยังชอบ คาดว่ารายได้หลายสิบล้านของหนังนี่ น่าจะมีกะตังค์ของคนที่ดูหลายรอบเฉกเช่นข้าพเจ้าอยู่ไม่น้อย ภูมิใจที่อุดหนุนหนังไทยด้วย
กล่าวคือเขาเป็นนักแสดงที่หน้าตาดีละ (เป็นลูกครึ่งพิมพ์นิยมของวงการบันเทิงบ้านเรา) แต่ฝีมีการแสดงในเรื่องนี้ก็ดีมากเช่นกัน ดูธรรมชาติจนน่าประทับใจ เข้าใจว่าด้วยอายุอานาม และประสบการณ์ที่อยู่ในวงการบันเทิงมา เลยน่าจะทำให้ผลงานของเขาดูดี กลมกล่อมขึ้นเรื่อยๆ อันนี้ไม่ได้ "อวยไส้แตก" นะคะ บอกเลยว่าผลงานของเขาก่อนหน้านี้ ดิฉันเคยหยิบมาดูย้อนหลัง ก็งั้นๆ ไม่ได้สะดุดอะไร (ทั้งที่ควรจะสะดุดเพราะสมัยหนุ่มๆ เขาก็หล่อเหมือนกัน ฮา) แต่สะดุดรัก เอ๊ย สะดุดตาสะดุดใจจากเรื่องที่ตัวเองได้ไปดูกับเพื่อนในโรงภาพยนตร์นี่แหละ
..จากการสืบประวัติโดยสอบถามจากอากู๋ผู้รู้ทุกเรื่อง เขาเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ที่เคยเล่น และกวาดรางวัลมาแล้วจากหลายเวที แถมมีข่าวมาว่าบทหนังเรื่องนี้ก็ยังถูกซื้อไปทำรีเมคในต่างประเทศด้วย เรียกว่าไม่ธรรมดานะเฟ้ย (แบบว่าขอให้เครดิตเขานิดนึงว่ามีดี นอกเหนือความหล่อด้วย)
ประจวบเหมาะกับตอนนั้น ดิฉันเพิ่งเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟน (หลังจากดื้อดึงแทบตายว่าจะใช้แต่ smart brain กร๊ากก) และมีน้องสาวช่วยดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไว้ให้บนเครื่องมากมาย ทั้งการจองตั๋วหนัง การทำธุรกรรมกับธนาคาร รวมทั้ง Facebook LINE และ Instagram โดยโซเชียลมีเดียตัวแรกที่ชื่อเฟซบุคนี่ดิฉันเล่นมาตั้งแต่ปี 2550 แล้วค่ะ ส่วนอินสตาแกรมนี่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่คุณน้องนางก็ได้จัดการสร้าง account ให้ดิฉันเสร็จสรรพ สอนและแนะนำวิธีการเล่นจนสามารถเข้าไปดูรูปภาพของนักแสดงคนนี้ได้ด้วยที่เขาเรียกว่าไป follow (ไม่ใช่ฟอลอินเลิฟ หุหุ)
มันก็ไม่ยากนะ..เพลินค่ะ พูดเลย หลงรักเทคโนโลยีก็ตรงนี้ อีคุณน้องสาว กดติดตามไอจีนักร้องนักแสดงที่นางชื่นชอบทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศอยู่นับร้อยเชียว ดิฉันขอตามแค่คนเดียวนี่ละคะ ขี้เกียจอ่านเยอะ แล้วก็ติดตามน้องสาวตัวเองอีกคน จะได้รู้ว่านางทำอะไรบ้าง (เดี๋ยวห่างเหิน)
จากคำบอกเล่าของน้องสาว เธอว่านักแสดงและนักร้องทั้งหลายจะมีไอจีของตัวเองไว้ให้พวกแฟนคลับติดตาม และพวกเขาจะเป็นคนเล่นเอง (อัพรูปเอง เขียนแคปชั่นหรือคำบรรยายภาพเอง) เพราะมันอยู่บนโทรศัพท์มือถือซึ่งติดตัวพวกเขาตลอดนั่นเอง เออ ที่นางพูดก็มีเหตุผล แบบว่า ตัวจริงเสียงจริงแน่นอน เหมือนเป็นช่องทางได้ใกล้ชิดพวกเขาขึ้นอีกก้าวหนึ่งว่างั้น..
ไม่เหมือนแฟนเพจซึ่งอาจจะมีแฟนคลับคนหนึ่ง (หรือหลายคน ซึ่งเรียกในหมู่แฟนคลับว่า “แอดมิน” ของเพจ) เป็นคนคอยหาภาพมาลง และโพสต์อะไรไปเรื่อยเปื่อยตามใจเขา อาจมีการแชร์ข้อมูลข่าวสารคิวงานของศิลปินบ้าง ก็ว่ากันไปแล้วการบริหารจัดการ.. โอ มิน่าละเนอะ เดี๋ยวนี้นักข่าวทำงานไม่ยาก วันๆ นั่งอ่านแต่ไอจีของดารานักแสดงเหล่านี้ ก็สามารถได้ทั้งภาพและเนื้อหาไปลงข่าวได้แล้ว (เผลอๆ คลิปด้วย) โดยไม่ต้องวิ่งไปตามถ่ายรูป ทำข่าวให้เหนื่อย กดไลค์ให้แอพพลิเคชั่นอย่างไอจีไปหนึ่งที หุหุ
ดิฉันไม่ได้สามารถใช้เวลากับแอพพลิเคชั่นมากมาย เพราะมีงานการทำเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ เข้าไปดูรูปและอ่านเรื่องราวของนักแสดงคนนี้ที่ชื่นชอบบ้าง แล้วก็ให้รู้สึกชื่นชมในแนวคิด การปฏิบัติตัว และอารมณ์ขันของเขา ตอนนั้นเห็นว่าเขามียอดผู้ติดตามบนไอจีส่วนตัวของเขาแล้วหลายแสนคน (ปัจจุบันยอดผู้ติดตามทะลุหลักล้านไปละ) จนมาวันหนึ่ง เขาโพสต์กำหนดงานแถลงข่าวของผลงานละครเรื่องใหม่ ซึ่งจะมีขึ้นในห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางกรุงเลย แถมเป็นเวลาบ่ายแก่ หลังเลิกงานด้วย ประมาณเชิญชวนให้แฟนๆ ไปให้กำลังใจ..
นั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำพาดิฉันเข้ามาสู่เส้นทางวงการติ่งหรือวงการแฟนคลับ ชีวิตอันแสนเรียบง่ายของข้าพเจ้ากำลังจะมีสีสันแล้วค้าบบบบ (โปรดติดตามตอนต่อไป)
สมรภูมิติ่ง - ดราม่าหลังป้ายไฟ อารัมภบท
http://pantip.com/topic/34477300
สมรภูมิติ่ง - ดราม่าหลังป้ายไฟ ตอน เหตุเกิดจากความปลื้ม
แม้เขาจะอยู่วงการมาหลายปีดีดัก มีผลงานเยอะแยะมากมายทั้งถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา ร้องเพลง เล่นละคร เล่นหนัง เป็นพิธีกร แถมเคยได้รับรางวัลการันตีความสามารถมากมาย แต่ดิฉันก็ไม่เคยจะนึกสะดุดตาสะดุดใจอะไรพ่องามไส้คนนี้ จนมีโอกาสเห็นเขาในหนังเรื่องนี้แหละ เนื้อเรื่องของหนังบังเอิญมาคล้ายกับเสี้ยวใหญ่ๆ ของชีวิตจริงตัวเองด้วย คือ สะดุดแรงมาก ก็เลยไปดูหนังเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยชวนพ่อแม่ พี่ชาย พี่สาว น้องสาว เพื่อนที่ทำงาน ไปดูซ้ำอีก กลายเป็นความชอบขึ้นมา ฮากันครบ (เวลาชอบหนังฝรั่งก็ทำแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่ไม่หลายรอบเท่านี้)
มันก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนนะ ดูทุกรอบ ชอบทุกรอบ จำบทสนทนาได้หมด ก็ยังชอบ คาดว่ารายได้หลายสิบล้านของหนังนี่ น่าจะมีกะตังค์ของคนที่ดูหลายรอบเฉกเช่นข้าพเจ้าอยู่ไม่น้อย ภูมิใจที่อุดหนุนหนังไทยด้วย
กล่าวคือเขาเป็นนักแสดงที่หน้าตาดีละ (เป็นลูกครึ่งพิมพ์นิยมของวงการบันเทิงบ้านเรา) แต่ฝีมีการแสดงในเรื่องนี้ก็ดีมากเช่นกัน ดูธรรมชาติจนน่าประทับใจ เข้าใจว่าด้วยอายุอานาม และประสบการณ์ที่อยู่ในวงการบันเทิงมา เลยน่าจะทำให้ผลงานของเขาดูดี กลมกล่อมขึ้นเรื่อยๆ อันนี้ไม่ได้ "อวยไส้แตก" นะคะ บอกเลยว่าผลงานของเขาก่อนหน้านี้ ดิฉันเคยหยิบมาดูย้อนหลัง ก็งั้นๆ ไม่ได้สะดุดอะไร (ทั้งที่ควรจะสะดุดเพราะสมัยหนุ่มๆ เขาก็หล่อเหมือนกัน ฮา) แต่สะดุดรัก เอ๊ย สะดุดตาสะดุดใจจากเรื่องที่ตัวเองได้ไปดูกับเพื่อนในโรงภาพยนตร์นี่แหละ
..จากการสืบประวัติโดยสอบถามจากอากู๋ผู้รู้ทุกเรื่อง เขาเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ที่เคยเล่น และกวาดรางวัลมาแล้วจากหลายเวที แถมมีข่าวมาว่าบทหนังเรื่องนี้ก็ยังถูกซื้อไปทำรีเมคในต่างประเทศด้วย เรียกว่าไม่ธรรมดานะเฟ้ย (แบบว่าขอให้เครดิตเขานิดนึงว่ามีดี นอกเหนือความหล่อด้วย)
ประจวบเหมาะกับตอนนั้น ดิฉันเพิ่งเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟน (หลังจากดื้อดึงแทบตายว่าจะใช้แต่ smart brain กร๊ากก) และมีน้องสาวช่วยดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไว้ให้บนเครื่องมากมาย ทั้งการจองตั๋วหนัง การทำธุรกรรมกับธนาคาร รวมทั้ง Facebook LINE และ Instagram โดยโซเชียลมีเดียตัวแรกที่ชื่อเฟซบุคนี่ดิฉันเล่นมาตั้งแต่ปี 2550 แล้วค่ะ ส่วนอินสตาแกรมนี่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่คุณน้องนางก็ได้จัดการสร้าง account ให้ดิฉันเสร็จสรรพ สอนและแนะนำวิธีการเล่นจนสามารถเข้าไปดูรูปภาพของนักแสดงคนนี้ได้ด้วยที่เขาเรียกว่าไป follow (ไม่ใช่ฟอลอินเลิฟ หุหุ)
มันก็ไม่ยากนะ..เพลินค่ะ พูดเลย หลงรักเทคโนโลยีก็ตรงนี้ อีคุณน้องสาว กดติดตามไอจีนักร้องนักแสดงที่นางชื่นชอบทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศอยู่นับร้อยเชียว ดิฉันขอตามแค่คนเดียวนี่ละคะ ขี้เกียจอ่านเยอะ แล้วก็ติดตามน้องสาวตัวเองอีกคน จะได้รู้ว่านางทำอะไรบ้าง (เดี๋ยวห่างเหิน)
จากคำบอกเล่าของน้องสาว เธอว่านักแสดงและนักร้องทั้งหลายจะมีไอจีของตัวเองไว้ให้พวกแฟนคลับติดตาม และพวกเขาจะเป็นคนเล่นเอง (อัพรูปเอง เขียนแคปชั่นหรือคำบรรยายภาพเอง) เพราะมันอยู่บนโทรศัพท์มือถือซึ่งติดตัวพวกเขาตลอดนั่นเอง เออ ที่นางพูดก็มีเหตุผล แบบว่า ตัวจริงเสียงจริงแน่นอน เหมือนเป็นช่องทางได้ใกล้ชิดพวกเขาขึ้นอีกก้าวหนึ่งว่างั้น..
ไม่เหมือนแฟนเพจซึ่งอาจจะมีแฟนคลับคนหนึ่ง (หรือหลายคน ซึ่งเรียกในหมู่แฟนคลับว่า “แอดมิน” ของเพจ) เป็นคนคอยหาภาพมาลง และโพสต์อะไรไปเรื่อยเปื่อยตามใจเขา อาจมีการแชร์ข้อมูลข่าวสารคิวงานของศิลปินบ้าง ก็ว่ากันไปแล้วการบริหารจัดการ.. โอ มิน่าละเนอะ เดี๋ยวนี้นักข่าวทำงานไม่ยาก วันๆ นั่งอ่านแต่ไอจีของดารานักแสดงเหล่านี้ ก็สามารถได้ทั้งภาพและเนื้อหาไปลงข่าวได้แล้ว (เผลอๆ คลิปด้วย) โดยไม่ต้องวิ่งไปตามถ่ายรูป ทำข่าวให้เหนื่อย กดไลค์ให้แอพพลิเคชั่นอย่างไอจีไปหนึ่งที หุหุ
ดิฉันไม่ได้สามารถใช้เวลากับแอพพลิเคชั่นมากมาย เพราะมีงานการทำเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ เข้าไปดูรูปและอ่านเรื่องราวของนักแสดงคนนี้ที่ชื่นชอบบ้าง แล้วก็ให้รู้สึกชื่นชมในแนวคิด การปฏิบัติตัว และอารมณ์ขันของเขา ตอนนั้นเห็นว่าเขามียอดผู้ติดตามบนไอจีส่วนตัวของเขาแล้วหลายแสนคน (ปัจจุบันยอดผู้ติดตามทะลุหลักล้านไปละ) จนมาวันหนึ่ง เขาโพสต์กำหนดงานแถลงข่าวของผลงานละครเรื่องใหม่ ซึ่งจะมีขึ้นในห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางกรุงเลย แถมเป็นเวลาบ่ายแก่ หลังเลิกงานด้วย ประมาณเชิญชวนให้แฟนๆ ไปให้กำลังใจ..
นั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำพาดิฉันเข้ามาสู่เส้นทางวงการติ่งหรือวงการแฟนคลับ ชีวิตอันแสนเรียบง่ายของข้าพเจ้ากำลังจะมีสีสันแล้วค้าบบบบ (โปรดติดตามตอนต่อไป)
สมรภูมิติ่ง - ดราม่าหลังป้ายไฟ อารัมภบท http://pantip.com/topic/34477300