จะสิ้นสุดเส้นทางของลาภนั่นๆ
อย่าว่าแต่ ลาภที่ได้จากการชิงโชคเป็นรางวัลท่องเที่ยวฟรีเลย
http://pantip.com/topic/34420549
แม้แต่ ลากที่ได้เป็นเงินแท้ๆ ยังก่อทุกขลาภได้เช่นกัน
ตัวอย่างที่เห็นๆ ก็กำไรเงินมายาในพอร์ตหุ้น ที่หายไปเจ็ดแปดล้านบาท
ถ้าทำใจไม่ได้ก็เกิดทุกข์ จากลาภที่เราคิดว่า เราควรจะได้เท่านั้นๆ
ข่าวผัวเมืยถูกรางวัลที่ ๑ แล้วแย่งเงินกันจนเป็นเรื่องอื้อฉาวเมื่อเร็วๆนี้ ก็เข้าข่ายทุกขลาภเช่นกัน
หลังจากกลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแล้ว
ผมกับภรรยาสารภาพตรงกันว่า
ระหว่างทางการท่องเที่ยว ต่างคนต่างกลัวจะเกิดทุกขลาภ
อย่างร้ายแรงมากๆก็เครื่องบินตก รถบัสที่นั่งเกิดอุบัติเหตุตกข้างทางที่ไม่มีอะไรกั้น
ตกก็หมายถึง หล่นลงไปเป็นห้าหกสิบเมตรทันที
(คนญี่ปุ่น ถึงให้การนับถือคนขับรถมากๆ ถือเป็นอาชีพมีเกียรติ ที่คนนั่งต้องฝากชีวิตเอาไว้)
อุปสรรครองลงมาก็คือ ไม่สบายมากจนเที่ยวไม่ไหว
ในคืนวันที่สาม หลังกลับจากตากฝนและลมหนาวจากยอดเขาทาเทยามะ
เริ่มรู้สึกปวดเมื่อยตัว เหมือนกำลังจะเป็นหวัด
ดีที่ได้ใช้วิธีซื้อยาทาแก้ปวดเมื่อยจากช็อบของโรงแรมที่พัก
บวกกับใส่ถุงเท้านาโนทำจากแมคคาดาเนีย ที่เตรียมไปจากเมืองไทย
ตื่นเช้า อาการเลยค่อยยังชั่ว เที่ยวต่อไหว
ส่วนของสำคัญหาย อันนี้ไม่มี เพราะพยายามระวังไม่ให้หลงลืมเต็มที่
ลงท้ายก็ถือ่ได้ว่า
มันเป็นลาภที่ก่ออุปสรรคบ้าง
แต่พอจะรับได้และทำใจให้สนุกสนานได้




อุปสรรคที่เกิดขึ้น แล้วเห็นชัดเจนคือ
๑ กล้องคอมแพค ricoh cx6 ที่เอาติดเข็มขัดกางเกงไปถ่ายภาพ
เกิดเสียขึ้นมาเฉยๆในวันที่ สองของการเที่ยว
โขคดีที่ได้เอา ซัมซุง tab s 2
ที่ซื้อจากงานคอมมาร์ทติดตัวไปด้วย เลยได้ใช้ถ่ายภาพในวันท่องเที่ยวที่เหลือ
๒ กลายเป็นคนไม่ยอมยิ้มให้ใคร ตลอดสองวันสุดท้ายของการเที่ยว
เพราะว่าฟันปลอมบนด้านหน้าขวามือ ไปเคี้ยวโดนเนื้อวัวที่เหนียวมากๆ จนหลุดหักออกมาบางส่วน
ฉีกยิ้มให้ใครเมื่อไรก็...... ฮาฮา
๓ สามวันแรกของการเที่ยว มีฝนตก ปนกับหมอกลงหนาในบางที่
ทำให้ สถานที่ที่ควรจะได้เห็น ได้ชื่นชม ก็ได้แต่ชื่นชมหมอกหนากับฝนที่โปรยปราย
เดี๋ยวจะค่อยๆทะยอยลงภาพที่ถ่ายๆไว้ ทั้งจากกล้องคอมแพค และแทบเล็ตซัมซุง
ก้าวแรกที่เดินผ่านด่านสแกนคนออกประเทศของไทย ซึ่งตรวจเข้มข้นกว่าของญี่ปุ่นขาออกประเทศมาก
คงทายกันออกว่า ผมใส่รองเท้าคู่ไหน ขึ้นเครื่องบิน
ใช่แล้ว ผมไม่อยากจะต้องถอดรองเท้า ถุงเท้า เพื่อผ่านการสแกนขาออก
ก็เลยเป็นคนเดียวในไฟท์นั้น ที่ใส่รองเท้าแตะขึ้นเครื่อง
และเป็นคนเดียว ที่เดินทางเที่ยวในวันแรก ด้วยรองเท้าแตะ (ซึ่งคนญี่ปุ่นถือว่าไม่ค่อยสุภาพ)
เพราะลืมไปเลยว่า รองเท้าหุ้มส้นอีกคู่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง
ที่จะเปิดเอาออกมาใช้ได้ ก็เมื่อเข้าพักในห้องพักโรงแรมคืนแรก
ถึงสนามบินคันไซของโอซาก้าโดยสวัสดิภาพ ตอนประมาณ ตีห้าของประเทศญี่ปุ่น หรือตีสามของประเทศไทย
ใครไม่ได้ซฺิ้อแพ็คเก็จไวไฟ ไปจากไทย ก็สามารถเลือกซื้อได้ที่สนามบิน (น่าจะทุกที่ของญี่ปุ่น)
คุณต้อม สุดยอดซุปเปอร์ไกด้ ที่บรรยาข้อมูลเรื่องญี่ปุ่นให้ฟัง ได้พกพอกเก็ตไว้ไฟไปด้วย
เลยไม่ต้องซื้อแพคเก็จเพิ่ม แชร์ไวไฟของไกด์ก็ดูเนตได้เกือบตลอดการเดินทาง นอกจากช่วงเข้าอุโมงค์
แถมขากลับ ยังช่วยสั่งลูกพลับให้หนึ่งลัง สามสิบลูก ในราคาหกพันเยน
และลูกแอ๊ปเปิ้ลระดับถวายจักรพรรดิ์ให้หนึ่งลัง ในราคาตามภาพประกอบ
ราคาลูกพลับและแอ๊ปเปิ้ล ถูกกว่า ท็อปส์ เกินครึ่ง
ของที่ควรซื้อติดตัวไปเที่ยวญี่ปุ่น
คือตัวปล่อยไฟหลายช่องผ่านยูเอสบี
ปลั๊กไฟในญี่ปุ่น เป็นปลั๊กที่ใช้ได้กับขาเสียบแบบแบน และมีสองขาเท่านั้น
เป็นของที่ใช้ประโยชน์ได้มากจริงๆ ไม่เชื่อก็ดูภาพประกอบ
จุดพักรถทั่วญี่ปุ่น จะแยกออกจากปั๊มน้ำมัน จะไม่ตั้งรวมกัน
เพราะญี่ปุ่นถือว่า ปั๊มน้ำมันเป็นสถานที่อันตราย
จุดพักรถของแต่ละที่ คนในท้องถิ่นจะแข่งขันกันพัฒนาบริการ
เพื่อให้คนเดินทางจดจำและกลับมาใช้บริการ
ซึ่งจะกลับมาเป็นรายได้ในภายหลัง
เรียกว่า ต้องแข่งกันทำดี เพื่อให้ตัวเองได้ดี
สำหรับตู้กดซื้อเครื่องดื่ม มีอยู่แทบทุกที่ในญี่ปุ่น แม้แต่หน้าร้านค้าย่อยนอกเมืองใหญ่
ให้สังเกตว่า เครื่องดื่มที่ต้องการ เป็นแบบร้อนหรือเย็น
จากป้ายที่อยู่ใต้เครื่องดื่ม ถ้าเป็นปุ่มแดงคือเครื่องดื่มร้อน ถ้าเป็นปุ่นฟ้าคือเครื่องดื่มเย็น
ผมแวะซื้อเสื้อฝนเพิ่มเติมอีกสองตัว จากแฟมิลี่มาร์ทของจุดพักรถ
จากที่เคยมีแต่ made in china เดี๋ยวนี้เริ่มมี made in .....
ส่วนเสื้อฝนที่เตรียมไปจากไทย เพราะอ่านเวบอุณหภมิได้ความว่า
จะมีฝนตกทั่วญี่ปุ่นใน ช่วงที่ไปเที่ยว ก็ได้ใช้ประโยขน์ตอนเที่ยวแอลป์แจแปน ท่ามกลางสายฝนและลมหนาว
ภาพที่ถ่ายได้ชัดๆไม่มีฝน ไม่มีหมอก
ก็มีตรงสะพานแดงข้ามลำห้วย ของเมืองเกียวโต
ยอมรับว่า ผมจำชื่อสถานที่ไม่ค่อยได้
ตรงบู๊ธขายของของสะพานแดง ได้ลองชิมซาลาเปาไส้หมูป่า
อยากบอกว่า ซาลาเปาทั่วทุกที่ของญี่ปุ่น ที่ได้มีโอกาสชิม
อร่อยสู้ซาลาเปาวราภรณ์ ไม่ได้ซักเจ้า




วันที่ สองและสามในการเดินทางท่องเที่ยว เจอฝนสลับกับหมอกลงตลอด
ก็เลยได้เห็นบรรยากาศของเส้นทางขึ้นเทือกเขาแอลป์แจแปน หรือ ทาเทยามะ ไปอีกแบบ
ภาพข้างใต้ ถ่ายบริเวณนอกสถานีกระเช้าขึ้นยอดเขา
มีโอกาสถ่ายภาพกลางสายฝนและลมหนาวขนาด ๕ องศา ที่สวนด้านนอกของสถานี
โดยความช่วยเหลือของหนุ่มร่วมทริปผู้มีน้ำใจ ยืนกลางร่มถ่ายให้
ส่วนเทือกเขาทาเทยามะสวยๆ ไม่มีโอกาสเห็น เพราะหมอกลงจัดทั้งวัน
ระหว่างทาง พอจะเห็นกองหิมะข้างทาง
แสดงว่า เริ่มมีหิมะตกเป็นช่วงๆเวลา
คุณต้อม ซุปเปอร์ไกด์เคลมว่า สวนโอบาระ ของเกียวโต
เป็นสถานที่ไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น ที่ดอกซากุระจะบาน พร้อมกับใบไม้เปลี่ยนสี เพื่อรอร่วงเข้าสู่ฤดูหนาว
(ขอแก้ไขตามข้อมูลที่เพือนสมาขิกบอกมาทางหลังไมค์)
ถ้าไม่ได้เอาซัมชุง tab 2 ติดตัวไปด้วย คงหงุดหงิด ที่ไม่มีโอกาสถ่ายภาพ
เนื่องจาก กล้องคอมแพค ricoh cx6 เกิดเสียอย่างกระทันหัน
เลยได้ใช้แทบเอส ๒ ของซัมซุง ถ่ายภาพในระบบ dual camera โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาฟูจิ
จากห้องอาหารชั้น ๙ ของโรงแรม ฟูจิโนโบะ
ถ่ายบนสะพานข้ามคูน้ำของปราสาทมัตซิโมโต้
โดยมีใบต้นแปะก๊วยกำลังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสะพรั่งสวยงามมาก เป็นฉากหลัง
ถ่ายภาพกับใบไม้เปลียนสี โดยมีปราสาทมัตซิโมไต้ ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสามของญี่ปุ่นเป็นฉากหลัง
สำหรับภาพอื่นๆ ที่ถ่ายไว้
จะทะยอยลงไว้ในความเห็นย่อยๆ เผื่อใครสนใจ จะได้ตามดูต่อ
ใครไม่สนใจ ก็จบลงแค่หัวกระทู้
ใครสนใจจะดูภาพเพิ่ม ดูต่อได้จากความคิดเห็นที่ 8 เป็นต้นไป
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ ลาภที่เราได้มา ไม่รู้ว่า มันจะเป็น "ทุกขลาภ" หรือ "ลาภที่ไม่เกิดทุกข์" จนกว่า....
อย่าว่าแต่ ลาภที่ได้จากการชิงโชคเป็นรางวัลท่องเที่ยวฟรีเลย
http://pantip.com/topic/34420549
แม้แต่ ลากที่ได้เป็นเงินแท้ๆ ยังก่อทุกขลาภได้เช่นกัน
ตัวอย่างที่เห็นๆ ก็กำไรเงินมายาในพอร์ตหุ้น ที่หายไปเจ็ดแปดล้านบาท
ถ้าทำใจไม่ได้ก็เกิดทุกข์ จากลาภที่เราคิดว่า เราควรจะได้เท่านั้นๆ
ข่าวผัวเมืยถูกรางวัลที่ ๑ แล้วแย่งเงินกันจนเป็นเรื่องอื้อฉาวเมื่อเร็วๆนี้ ก็เข้าข่ายทุกขลาภเช่นกัน
หลังจากกลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแล้ว
ผมกับภรรยาสารภาพตรงกันว่า
ระหว่างทางการท่องเที่ยว ต่างคนต่างกลัวจะเกิดทุกขลาภ
อย่างร้ายแรงมากๆก็เครื่องบินตก รถบัสที่นั่งเกิดอุบัติเหตุตกข้างทางที่ไม่มีอะไรกั้น
ตกก็หมายถึง หล่นลงไปเป็นห้าหกสิบเมตรทันที
(คนญี่ปุ่น ถึงให้การนับถือคนขับรถมากๆ ถือเป็นอาชีพมีเกียรติ ที่คนนั่งต้องฝากชีวิตเอาไว้)
อุปสรรครองลงมาก็คือ ไม่สบายมากจนเที่ยวไม่ไหว
ในคืนวันที่สาม หลังกลับจากตากฝนและลมหนาวจากยอดเขาทาเทยามะ
เริ่มรู้สึกปวดเมื่อยตัว เหมือนกำลังจะเป็นหวัด
ดีที่ได้ใช้วิธีซื้อยาทาแก้ปวดเมื่อยจากช็อบของโรงแรมที่พัก
บวกกับใส่ถุงเท้านาโนทำจากแมคคาดาเนีย ที่เตรียมไปจากเมืองไทย
ตื่นเช้า อาการเลยค่อยยังชั่ว เที่ยวต่อไหว
ส่วนของสำคัญหาย อันนี้ไม่มี เพราะพยายามระวังไม่ให้หลงลืมเต็มที่
ลงท้ายก็ถือ่ได้ว่า
มันเป็นลาภที่ก่ออุปสรรคบ้าง
แต่พอจะรับได้และทำใจให้สนุกสนานได้
อุปสรรคที่เกิดขึ้น แล้วเห็นชัดเจนคือ
๑ กล้องคอมแพค ricoh cx6 ที่เอาติดเข็มขัดกางเกงไปถ่ายภาพ
เกิดเสียขึ้นมาเฉยๆในวันที่ สองของการเที่ยว
โขคดีที่ได้เอา ซัมซุง tab s 2
ที่ซื้อจากงานคอมมาร์ทติดตัวไปด้วย เลยได้ใช้ถ่ายภาพในวันท่องเที่ยวที่เหลือ
๒ กลายเป็นคนไม่ยอมยิ้มให้ใคร ตลอดสองวันสุดท้ายของการเที่ยว
เพราะว่าฟันปลอมบนด้านหน้าขวามือ ไปเคี้ยวโดนเนื้อวัวที่เหนียวมากๆ จนหลุดหักออกมาบางส่วน
ฉีกยิ้มให้ใครเมื่อไรก็...... ฮาฮา
๓ สามวันแรกของการเที่ยว มีฝนตก ปนกับหมอกลงหนาในบางที่
ทำให้ สถานที่ที่ควรจะได้เห็น ได้ชื่นชม ก็ได้แต่ชื่นชมหมอกหนากับฝนที่โปรยปราย
เดี๋ยวจะค่อยๆทะยอยลงภาพที่ถ่ายๆไว้ ทั้งจากกล้องคอมแพค และแทบเล็ตซัมซุง
ก้าวแรกที่เดินผ่านด่านสแกนคนออกประเทศของไทย ซึ่งตรวจเข้มข้นกว่าของญี่ปุ่นขาออกประเทศมาก
คงทายกันออกว่า ผมใส่รองเท้าคู่ไหน ขึ้นเครื่องบิน
ใช่แล้ว ผมไม่อยากจะต้องถอดรองเท้า ถุงเท้า เพื่อผ่านการสแกนขาออก
ก็เลยเป็นคนเดียวในไฟท์นั้น ที่ใส่รองเท้าแตะขึ้นเครื่อง
และเป็นคนเดียว ที่เดินทางเที่ยวในวันแรก ด้วยรองเท้าแตะ (ซึ่งคนญี่ปุ่นถือว่าไม่ค่อยสุภาพ)
เพราะลืมไปเลยว่า รองเท้าหุ้มส้นอีกคู่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง
ที่จะเปิดเอาออกมาใช้ได้ ก็เมื่อเข้าพักในห้องพักโรงแรมคืนแรก
ถึงสนามบินคันไซของโอซาก้าโดยสวัสดิภาพ ตอนประมาณ ตีห้าของประเทศญี่ปุ่น หรือตีสามของประเทศไทย
ใครไม่ได้ซฺิ้อแพ็คเก็จไวไฟ ไปจากไทย ก็สามารถเลือกซื้อได้ที่สนามบิน (น่าจะทุกที่ของญี่ปุ่น)
คุณต้อม สุดยอดซุปเปอร์ไกด้ ที่บรรยาข้อมูลเรื่องญี่ปุ่นให้ฟัง ได้พกพอกเก็ตไว้ไฟไปด้วย
เลยไม่ต้องซื้อแพคเก็จเพิ่ม แชร์ไวไฟของไกด์ก็ดูเนตได้เกือบตลอดการเดินทาง นอกจากช่วงเข้าอุโมงค์
แถมขากลับ ยังช่วยสั่งลูกพลับให้หนึ่งลัง สามสิบลูก ในราคาหกพันเยน
และลูกแอ๊ปเปิ้ลระดับถวายจักรพรรดิ์ให้หนึ่งลัง ในราคาตามภาพประกอบ
ราคาลูกพลับและแอ๊ปเปิ้ล ถูกกว่า ท็อปส์ เกินครึ่ง
ของที่ควรซื้อติดตัวไปเที่ยวญี่ปุ่น
คือตัวปล่อยไฟหลายช่องผ่านยูเอสบี
ปลั๊กไฟในญี่ปุ่น เป็นปลั๊กที่ใช้ได้กับขาเสียบแบบแบน และมีสองขาเท่านั้น
เป็นของที่ใช้ประโยชน์ได้มากจริงๆ ไม่เชื่อก็ดูภาพประกอบ
จุดพักรถทั่วญี่ปุ่น จะแยกออกจากปั๊มน้ำมัน จะไม่ตั้งรวมกัน
เพราะญี่ปุ่นถือว่า ปั๊มน้ำมันเป็นสถานที่อันตราย
จุดพักรถของแต่ละที่ คนในท้องถิ่นจะแข่งขันกันพัฒนาบริการ
เพื่อให้คนเดินทางจดจำและกลับมาใช้บริการ
ซึ่งจะกลับมาเป็นรายได้ในภายหลัง
เรียกว่า ต้องแข่งกันทำดี เพื่อให้ตัวเองได้ดี
สำหรับตู้กดซื้อเครื่องดื่ม มีอยู่แทบทุกที่ในญี่ปุ่น แม้แต่หน้าร้านค้าย่อยนอกเมืองใหญ่
ให้สังเกตว่า เครื่องดื่มที่ต้องการ เป็นแบบร้อนหรือเย็น
จากป้ายที่อยู่ใต้เครื่องดื่ม ถ้าเป็นปุ่มแดงคือเครื่องดื่มร้อน ถ้าเป็นปุ่นฟ้าคือเครื่องดื่มเย็น
ผมแวะซื้อเสื้อฝนเพิ่มเติมอีกสองตัว จากแฟมิลี่มาร์ทของจุดพักรถ
จากที่เคยมีแต่ made in china เดี๋ยวนี้เริ่มมี made in .....
ส่วนเสื้อฝนที่เตรียมไปจากไทย เพราะอ่านเวบอุณหภมิได้ความว่า
จะมีฝนตกทั่วญี่ปุ่นใน ช่วงที่ไปเที่ยว ก็ได้ใช้ประโยขน์ตอนเที่ยวแอลป์แจแปน ท่ามกลางสายฝนและลมหนาว
ภาพที่ถ่ายได้ชัดๆไม่มีฝน ไม่มีหมอก
ก็มีตรงสะพานแดงข้ามลำห้วย ของเมืองเกียวโต
ยอมรับว่า ผมจำชื่อสถานที่ไม่ค่อยได้
ตรงบู๊ธขายของของสะพานแดง ได้ลองชิมซาลาเปาไส้หมูป่า
อยากบอกว่า ซาลาเปาทั่วทุกที่ของญี่ปุ่น ที่ได้มีโอกาสชิม
อร่อยสู้ซาลาเปาวราภรณ์ ไม่ได้ซักเจ้า
วันที่ สองและสามในการเดินทางท่องเที่ยว เจอฝนสลับกับหมอกลงตลอด
ก็เลยได้เห็นบรรยากาศของเส้นทางขึ้นเทือกเขาแอลป์แจแปน หรือ ทาเทยามะ ไปอีกแบบ
ภาพข้างใต้ ถ่ายบริเวณนอกสถานีกระเช้าขึ้นยอดเขา
มีโอกาสถ่ายภาพกลางสายฝนและลมหนาวขนาด ๕ องศา ที่สวนด้านนอกของสถานี
โดยความช่วยเหลือของหนุ่มร่วมทริปผู้มีน้ำใจ ยืนกลางร่มถ่ายให้
ส่วนเทือกเขาทาเทยามะสวยๆ ไม่มีโอกาสเห็น เพราะหมอกลงจัดทั้งวัน
ระหว่างทาง พอจะเห็นกองหิมะข้างทาง
แสดงว่า เริ่มมีหิมะตกเป็นช่วงๆเวลา
คุณต้อม ซุปเปอร์ไกด์เคลมว่า สวนโอบาระ ของเกียวโต
เป็นสถานที่ไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น ที่ดอกซากุระจะบาน พร้อมกับใบไม้เปลี่ยนสี เพื่อรอร่วงเข้าสู่ฤดูหนาว
(ขอแก้ไขตามข้อมูลที่เพือนสมาขิกบอกมาทางหลังไมค์)
ถ้าไม่ได้เอาซัมชุง tab 2 ติดตัวไปด้วย คงหงุดหงิด ที่ไม่มีโอกาสถ่ายภาพ
เนื่องจาก กล้องคอมแพค ricoh cx6 เกิดเสียอย่างกระทันหัน
เลยได้ใช้แทบเอส ๒ ของซัมซุง ถ่ายภาพในระบบ dual camera โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาฟูจิ
จากห้องอาหารชั้น ๙ ของโรงแรม ฟูจิโนโบะ
ถ่ายบนสะพานข้ามคูน้ำของปราสาทมัตซิโมโต้
โดยมีใบต้นแปะก๊วยกำลังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสะพรั่งสวยงามมาก เป็นฉากหลัง
ถ่ายภาพกับใบไม้เปลียนสี โดยมีปราสาทมัตซิโมไต้ ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสามของญี่ปุ่นเป็นฉากหลัง
จะทะยอยลงไว้ในความเห็นย่อยๆ เผื่อใครสนใจ จะได้ตามดูต่อ
ใครไม่สนใจ ก็จบลงแค่หัวกระทู้
ใครสนใจจะดูภาพเพิ่ม ดูต่อได้จากความคิดเห็นที่ 8 เป็นต้นไป