ปรัชญา ศาสนาและจิตวิญญาณใน Star Wars : “มาร” ใน STAR WARS



“มาร” ใน STAR WARS (1)

เคยไปนั่งดู “คอนเสิร์ตที่ตู้” จรัสพงษ์ สุรัสวดี จำได้ว่ามีอยู่เรื่องที่แกพูดน่าสนใจ
    “พี่ตู้” แกบอกว่าที่จัดคอนเสิร์ตนี่เพื่อหาทุนไปสร้าง “พิพิธภัณฑ์คนดี-คนเลว”!
    แบบนั้นทำไว้เสร็จสรรพแล้วเหลือแต่ทุนสร้าง เลยคิดจัดคอนเสิร์ตหาเบี้ยไปทำโมเดลสัก 10-20  ชิ้น เพื่อเสนอไปทางบรรดาเศรษฐี ขอทุนสนับสนุนคนละ 10-20 ล้าน ได้ซัก 10 คนก็คงพอจะสร้างพิพิธภัณฑ์ที่ว่านี้ได้
    มีคนอยากรู้ว่าจะสร้างไปทำไม “พิพิธภัณฑ์คนดี – คนเลว” นี่

    “พี่ตู้” แกบอกว่า สร้างไว้เก็บรูปปั้นประวัติของคน... คนดีๆ ก็เอาไว้ให้คนรุ่นหลังรับรู้ถึงคุณงามความดีท่านหรือเขาหรือเธอเหล่านี้ได้กระทำ จดจำ จาร จารึกความดี เอาไว้ไม่ให้สูญหาย..
    ส่วนคนเลว…………

    แกเล่าให้ฟังว่าที่เมืองจีน มีอนุสาวรีย์คนชั่ว คนขายชาติ คนทรยศแผ่นดิน เขามีไว้ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานมายิ้มน้ำลายใส่..!!
    ประมาณว่า “พิพิธภัณฑ์คนเลว” คงมีฟังก์ชั่นคล้ายๆ กัน..

    ผมไม่รู้แกจะทำจริงหรือเป็นมุกเพื่อเรียกเสียงฮากันแน่ แต่ไม่น่าเชื่อว่าเพียงอีกไม่กี่ปีหลังจากที่ไปดูคอนเสิร์ตวันนั้น ปี พศ. 2558 ประเทศไทยก็มีพิพิธภัณฑ์กลโกงชาติคล้ายๆ เจตนารมณ์ของพี่ตู้ไปเสียแล้ว แต่ไหนๆ เสียค่าสมทบทุนทำโมเดลที่ว่าไปแล้วก็คงต้องขอแสดงความคิดเห็นหน่อยตามสิทธิที่พึงมีพึงได้...

    ถ้าจำทำกันจริงๆ ในส่วน “พิพิธภัณฑ์คนดี” นี้ไม่น่ามีปัญหา คนส่วนใหญ่คงพอนึกกันได้ว่า “นาม” ใดจะได้จารึกอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้...

    แต่ไอ้ฝั่ง “คนเลว” นั้นอาจจะยุ่งหน่อย

    ปัญหามันอาจไม่ได้มีแค่ไม่รู้จะเลือกใคร? แต่อาจเลยไปถึงใครที่จะมาคัดเลือกด้วย?

    คงรู้กันดีว่าประเด็นไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยไม่มีคนเลว คนชั่วคนเลวในบ้านเราหลายคนบอกว่ามันมีอยู่ถมถืด บางทีก็เห็นๆ  รู้ๆ กันอยู่ แต่ในวิสัยแบบไทยๆ ก็เป็นที่รู้กันว่า “ฮู้บ่ได้”

    วิธีคัดสรรคนเลวนั้นคือต้องไปตั้งมาตรฐานความเลวขึ้นมาก่อน ว่าอย่างนี้เลวเข้าเกณฑ์ ควรจะมีชื่อติดกลุ่มเข้ารอบสุดท้าย แล้วค่อยไปแยกแยะเป็น “เลว” ของเลว, “เลวมาก” ของเลว และ “เลวที่สุด” ของเลว เพื่อหา “แชมป์ออฟเดอะเลว”!!

ดีไม่ดีในขั้นตอนนี้อาจจัดให้ “ภาคประชาชน” ร่วมโหวตหรือส่งไปรษณียบัตรทายผลว่าใครจะเป็นที่สุดของคนเลวก็ยังไหว...

“ฮิตเลอร์ อาจสั่งฆ่าคนยิวเป็นผักเป็นปลา แต่เทียบกับผลงานของ “เจงกิสข่าน” แล้วก็ยังถือว่าห่างชั้นกันอยู่เยอะ”
    
น่ากลัวว่าคัดไปคัดมาอาจเหลือประมาณนักโทษประหารคดียาบ้า หรือผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ที่เป็นข่าวหน้าหนึ่ง..แต่กับบิ๊กๆ ตัวเบ้งๆ ที่ขายชาติ ขายแผ่นดิน แต่ชื่อนั้น “ฮู้บ่ได้” อาจตกรอบไปหมด

ไม่เหมือนฝรั่งที่เวลามันคัดสรรคนขึ้น “ทำเนียบคนเลว” ล้วนแล้วแต่มีชื่อ “คนใหญ่คนโต” ประมาณ “ฮิตเลอร์” “สตาลิน” “พอลพต” “รัสปูติน” ฯลฯ ที่เอ่ยชื่อมาใครๆ ก็ร้องอ๋อ ระดับ “ลิ่วล้อ” หรือ “โจรกระจอก” หมดสิทธิขึ้นทำเนียบ...

    แต่ถ้าถามต่อว่าในโพลล์ของฝรั่ง ชื่อ “คนเลว” ที่ขึ้นทำเนียบนั้น “เลว” จริงๆ หรือ? คำว่าเลวจริงๆ ในที่นี้หมายถึงเลวแบบที่ไม่ถูกตัดสินจากอคติของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด...

“ฮิตเลอร์” อาจสั่งฆ่ายิวเป็นผักเป็นปลา แต่เทียบกับผลงานของ “เจงกิสข่าน” แล้วก็ยังถือว่าห่างชั้นกันอยู่เยอะ (ถ้าเอาจำนวนศพเป็นตัวชี้วัด)
“ฮิตเลอร์” “เจงกิสข่าน” อาจทำผิดศีลข้อปาณาฯ แต่นั้นเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงปริมาณหรือคุณภาพของความเลวร้ายที่เขามีหรือเปล่า มันดูเหมือนว่าในการรับรู้ของเรา “ฮิตเลอร์” ที่เป็นศัตรูของพันธมิตรตะวันตกในสงครามโลกครั้งที่สองจะถูกตีตราว่าเลวมากกว่า “เจงกิสข่าน”
    
มาดูกันที่ใครก็ไม่รู้ที่ขายชาติ โกงแผ่นดิน คนพวกนี้อาจไม่เคยฆ่าใคร อาจชอบทำบุญปล่อยนก ปล่อยเต่า ปล่อยปลา แต่ถ้าพิจารณาสิ่งที่พวกเขาทำ กรรมที่พวกเขาก่อว่าเป็นเรื่องไม่เลว มันก็กระไรๆ อยู่

    “เลว” คืออะไร? อะไรคือ “เลว” ? เอาเข้าจริงนิยามมันอาจไม่ง่ายเหมือนผู้ร้ายในลิเกหรือละครน้ำเน่า

    อย่างไรมหากาพย์จักรวาล STAR WARS ที่ผมเขียนถึง “มาร” มาหลายต่อหลายตอน
ถ้ามองผิวเผิน เราจะมองว่า “หน้ากากของดาร์ธ เวเดอร์” เป็นสิ่งที่คล้ายกับ “หนวดของฮิตเลอร์” หรือเป็นสัญลักษณ์ของเผด็จการ ความชั่วร้ายต่างๆ แบบมีเส้นขีดแบ่ง ขาว-ดำชัดๆ เหมือนมารในนิทาน หรือตำนานวีรบุรุษ

แต่พอลูคัสสร้างไตรภาคของอนาคินเผยให้เห็นตัวตนของดาร์ธ เวเดอร์มากขึ้น เผยให้เห็นการเดินทางสู่ด้านมืดของจิตวิญญาณ ไอ้เส้นขีดแบ่งขาว-ดำที่มีก็ชักจะเบลอๆ ไป

    คล้ายๆ ว่า ยิ่งพยายามไปตอบคำถามว่าอะไร ทำให้คนคนหนึ่งกลายเป็นคนเลว มันก็ดูว่าความเลวที่เคยตีตราให้คนคนหนึ่งนั้นมันก็จะหย่อนคลายลงไปด้วย..

    “มาร” จะเห็นเป็น “มาร” มันอาจต้องอาศัย “ระยะห่าง” อยู่พอสมควร แต่เมื่อระยะห่างมันหดสั้น โฉมหน้าของ “มาร” อาจจะแปรเปลี่ยนไป ดีไม่ดีหน้าตามันอาจไปเหมือนกับคนที่กำลังสู้รบตบมือกับมารเสียเอง
    
        เหมือนตอนที่ “ลุค สกายวอล์คเกอร์” เข้าไปเจอ “ดาร์ธ เวเดอร์” ใน “ต้นไม้อาถรรพณ์” แล้วพบว่าโฉมหน้าภายใต้หน้ากากมารคือใบหน้าของตนเอง!

    ตรงนั้นอาจจะเกิดความขัดแย้ง (Paradox) ขึ้น ถ้า “มาร” มันชักคล้ายๆ เราแล้ว “มาร” ก็ดูไม่ค่อย “เลว” เพราะเราเข้าใจมารมากขึ้น แต่เราก็ยังอยากจะให้ “มาร” นั้น “เลว” อยู่เดี๋ยวไม่เช่นนั้นมาตรฐานความดี-ชั่วมันจะสูญหายไป

    ยุ่งวุ่นวายดีนะครับเรื่อง “มาร” นี่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่