การที่โลกเจริญก้าวหน้าก็เพราะวิทยาศาสตร์ ซึ่งวิทยาศาสตร์ก็คือความรู้ที่เกิดขึ้นมาจากการสังเกตปรากฏการณ์ของธรรมชาติ และได้รับการบันทึกเป็นสถิติเอาไว้อย่างเป็นระบบ ซึ่งการสังเกตปรากฏการณ์ของธรรมชาตินั้น ก็ตรงกับเรื่องการพิสูจน์ให้เกิดความเห็นแจ้ง ตามหลักปัญญาขั้นเห็นแจ้งของพุทธศาสนานั่นเอง ซึ่งเมื่อสังเกตพบ (ค้นพบ) ความจริงของปรากฏการณ์ของธรรมชาติแล้ว ก็จะพบเหตุที่ทำให้เกิดผลของความจริงนั้นขึ้นมาด้วย ซึ่งเหตุผลของความจริงนั้นก็ตรงปัญญาขั้นเข้าใจของพุทธศาสนานั่นเอง
สรุปหลักอันเป็นหัวใจสำคัญของวิทยาศาสตร์ ที่ตรงกับหลักปัญญาของพุทธศาสนาก็คือ
๑. ศึกษาจากของจริง คือจากสิ่งที่เรามีอยู่จริงในปัจจุบัน
๒. ศึกษาโดยใช้เหตุใช้ผล คือเป็นเหตุผลจากสิ่งที่เรามีอยู่จริง
๓. ศึกษาอย่างเป็นระบบ คือศึกษาจากพื้นฐานแล้วค่อยๆแตกกิ่งก้านสาขาออกไปอย่างเป็นระเบีบยและมีหลักการที่ชัดเจนแน่นอน
๔. เชื่อสิ่งที่ได้พิสูจน์จนเห็นผลจริงแล้ว คือจะไม่เชื่อะไรล่วงหน้าจนกว่าจะได้พิสูจน์จนเกดิผลขึ้นมาจริงๆอย่างแน่ชัดก่อนแล้วเท่านั้น
สรุปได้ว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ (การค้นพบสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดสำหรับมนุษย์) อริยสัจ ๔ โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ จึงเท่ากับว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้หลักวิทยาศาสตร์ก่อน จึงทรงตรัสรู้อริยสัจ ๔ แต่ถ้าไม่ตรัสรู้หลักวิทยาศาสตร์ ก็จะไม่ทรงตรัสรู้หลักอริยสัจ ๔ แต่สมัยนั้นไม่มีคำว่าวิทยาศาสตร์ มีแต่คำว่า สัจธรรม ที่หมายถึง ความจริงแท้ของธรรมชาติ ซี่งมันตรงข้ามหรือสวนทางกับคำสอนของศาสนาต่างๆในสมัยของพระพุทธเจ้า ที่เขามีแต่ความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ เช่น เรื่องเทพเจ้า เรื่องเทวดา นางฟ้า เรื่องตัวตนอมตะที่เวียนว่ายตายเกิดได้ เรื่องนรก-สวรรค์อย่างที่เป็นสถานที่ เป็นต้น ซึ่งมีผู้คนเชื่อถือกันอยู่อย่างมากมายและเหนียวแน่น (ซึ่งก็ได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน)
พุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์
สรุปหลักอันเป็นหัวใจสำคัญของวิทยาศาสตร์ ที่ตรงกับหลักปัญญาของพุทธศาสนาก็คือ
๑. ศึกษาจากของจริง คือจากสิ่งที่เรามีอยู่จริงในปัจจุบัน
๒. ศึกษาโดยใช้เหตุใช้ผล คือเป็นเหตุผลจากสิ่งที่เรามีอยู่จริง
๓. ศึกษาอย่างเป็นระบบ คือศึกษาจากพื้นฐานแล้วค่อยๆแตกกิ่งก้านสาขาออกไปอย่างเป็นระเบีบยและมีหลักการที่ชัดเจนแน่นอน
๔. เชื่อสิ่งที่ได้พิสูจน์จนเห็นผลจริงแล้ว คือจะไม่เชื่อะไรล่วงหน้าจนกว่าจะได้พิสูจน์จนเกดิผลขึ้นมาจริงๆอย่างแน่ชัดก่อนแล้วเท่านั้น
สรุปได้ว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ (การค้นพบสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดสำหรับมนุษย์) อริยสัจ ๔ โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ จึงเท่ากับว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้หลักวิทยาศาสตร์ก่อน จึงทรงตรัสรู้อริยสัจ ๔ แต่ถ้าไม่ตรัสรู้หลักวิทยาศาสตร์ ก็จะไม่ทรงตรัสรู้หลักอริยสัจ ๔ แต่สมัยนั้นไม่มีคำว่าวิทยาศาสตร์ มีแต่คำว่า สัจธรรม ที่หมายถึง ความจริงแท้ของธรรมชาติ ซี่งมันตรงข้ามหรือสวนทางกับคำสอนของศาสนาต่างๆในสมัยของพระพุทธเจ้า ที่เขามีแต่ความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ เช่น เรื่องเทพเจ้า เรื่องเทวดา นางฟ้า เรื่องตัวตนอมตะที่เวียนว่ายตายเกิดได้ เรื่องนรก-สวรรค์อย่างที่เป็นสถานที่ เป็นต้น ซึ่งมีผู้คนเชื่อถือกันอยู่อย่างมากมายและเหนียวแน่น (ซึ่งก็ได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน)