อยู่กับตลาดหุ้น ด้วยหลักพุทธศาสนา (ตอนที่3 "โลกธรรม8" กับการเทรดหุ้น (2) )



จากตอนที่แล้ว
อยู่กับตลาดหุ้น ด้วยหลักพุทธศาสนา (ตอนที่3 "โลกธรรม8" กับการเทรดหุ้น (1) )
http://pantip.com/topic/34467612

วันนี้ก็จะมาต่อกันนะครับ ในรูปแบบเดิมคือการ ถาม-ตอบ
ก็มาเริ่มกันเลยครับ

ปุจฉา : คำสอนเรื่องโลกธรรม8 จะนำมาใช้ปรับจิตใจในการเทรดหุ้นได้อย่างไร?
วิสัชนา : ถ้าเราเชื่อมั่นและยึดถือกฎของโลกธรรม8 ซึ่งเป็นกฎแห่งธรรมดาแล้ว การวางแผนในการ Trade ของเราก็จะเปลี่ยนไป ดังนี้
                      ในโลกธรรม8 เริ่มต้นก็กล่าวถึง "มีลาภ เสื่อมลาภ" ว่าเป็นของธรรมดาเป็นของคู่กัน เมื่อมีลาภ ก็ย่อมเสื่อมลาภ....
                      
ปุจฉา : ถ้าเรายึดถือเรื่องโลกธรรม8 แล้วจะมีผลอย่างไร?
วิสัชนา : เราก็จะลดกิเลส คือ ความโลภ ในจิตใจเราได้มาก....เนื่องจาก โดยปกติ คนเราส่วนใหญ่ มักจะอยากมีลาภ อย่างเดียว และเกลียดการ
                      เสียลาภ ดังนั้นการเสียลาภ (การขาดทุน) ในตลาดหุ้นแต่ละครั้งจึงส่งผลต่อจิตใจเราอย่างมาก....
                      แผนการลงทุนเปลี่ยนไป สามารถอยู่รอดในระยะยาว
                      มีความสุขขึ้นในการ Trade หุ้น

ปุจฉา : ถ้าไม่มีโลกธรรม8 ในใจ ไม่ยอมรับการเสียลาภ มีแต่อยากได้ลาภ จะเกิดอะไรขึ้น?
วิสัชนา : เมื่อไม่ยอมรับการเสียลาภ จะไม่สามารถตัดใจ Cut loss ได้ เมื่อหุ้นที่วิเคราะห์ไว้วิ่งไปคนละทางกับที่คาดการณ์ ก็จะเกิดการติดดอยเม่าติดดอย และถึงแม้ว่า ตัดใจ Cut loss ไปเพราะทนไม่ไหว ตอนนั้นก็จะปล่อยให้ราคาไหลลงมาลึกมากแล้ว ทำให้เกิดการขาดทุนอย่างหนัก และเมื่อขาดทุนอย่างหนัก ....ก็จะเกิดจุดดำ ในจิตใจ ทำให้การเทรดครั้งต่อๆไป ไม่มีประสิทธิภาพ หรือเทรดอย่างกล้าๆ กลัวๆ ลังเล ไม่กล้าตัดสินใจ จนเป็นเหตุให้ต้องเจอกับการขาดทุนอย่างเดิมๆ ผิดพลาดอย่างเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำอีก....

**เพราะทุกอย่างทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้น จะถูกบันทึกลงใน "จิตใต้สำนึก" ของคุณ และมันจะแสดงออกมาในลักษณะของสัญชาติญาณ ยิ่งปล่อยเหตุการณ์นี้ไว้นานวัน จะยิ่งแก้ได้ยากขึ้น

Ex1. เมื่อคุณกลัวเสียลาภ => หุ้นตกเม่าจอแดง2 => ไม่ยอม Cut loss => หุ้นตกอีก => ขาดทุนหนัก เริ่มทนไม่ไหว => Cut loss => หุ้นเด้ง
=> เกิดความรู้สึกว่า "ไม่น่า Cut loss"เม่าคัทลอส นึกแล้วจะต้องเด้งลงมาขนาดนี้ น่าจะรออีกสักหน่อย => ครั้งต่อไป หุ้นตก => ไม่ยอม Cut loss => หุ้นตกอีก => ขาดทุนหนัก เริ่มทนไม่ไหว => แต่นึกใจใจว่า รออีกหน่อยน่ะ เดี๋ยวดีดตัวกลับแล้วจะ Cut loss => หุ้นตกต่อ
=> ตัดใจ Cut lossเม่าคัทลอส => หุ้นเด้งเม่าตกใจ

Ex2. เมื่อคุณกลัวเสียลาภ => หุ้นตก => ไม่ยอม Cut loss => หุ้นตกอีก => ขาดทุนหนัก เริ่มทนไม่ไหว เครียดเม่าตาสว่าง => Cut loss
=> หุ้นเด้ง => เกิดความรู้สึกว่า "ไม่น่า Cut loss" นึกแล้วจะต้องเด้งลงมาขนาดนี้ น่าจะรออีกสักหน่อย => ครั้งต่อไป หุ้นตก => ไม่ยอม Cut loss
=> หุ้นตกอีก => ขาดทุนหนัก เริ่มทนไม่ไหว => แต่นึกใจใจว่า รออีกหน่อยน่ะ เดี๋ยวดีดตัวกลับแล้ว => หุ้นตกต่อ
=> ตัดใจ Cut loss ไม่ไหวเพราะขาดทุนหนัก
=> ติดดอยเม่าติดดอย

Ex3. เมื่อคุณกลัวเสียลาภ แต่ เรียนเทคนิคมา เค้าสอนกันมาให้มีวินัย Cut loss => หุ้นตก => Cut loss => หุ้นเด้ง
=> เกิดความรู้สึกว่า "ไม่น่า Cut loss" นึกแล้วจะต้องเด้งลงมาขนาดนี้ น่าจะรออีกสักหน่อย => ครั้งต่อไป หุ้นตก => ไม่ยอม Cut loss
=> ขาดทุนหนัก เริ่มทนไม่ไหว => ตัดใจ Cut loss => หุ้นเด้ง => อยากซื้อแต่กลัวเป็นแค่ "ขึ้นเพื่อลง" รอก่อนๆ รอให้ชัดๆก่อน => หุ้นขึ้นอีก
=> เอ๊ะ หรือว่าคราวนี้หุ้นจะขึ้นจริง รออีกนิดละกัน => หุ้นขึ้นอีก

=> ไม่ได้แล้วเดี๋ยวตกรถ รีบเคาะซื้อ เม่าเคาะซื้อ นักวิเคราะห์ก็ให้เป้าไว้ไกล
=> หุ้นขึ้นต่อ => เริ่มมีกำไร ใจชื้น เม่าชอปปิ้ง => คราวนี้รวยแล้ว จะถอนทุนคืนได้แล้ว => หุ้นเริ่มกลับตัวลง
=> คิดในใจว่า เดี๋ยวก็ขึ้นต่อ ยังห่างกับเป้าที่นักวิเคราะห์ให้ไว้เลย => หุ้นลงมาใกล้ทุนที่ซื้อ => เดี๋ยวก็ดีดตัวกลับ => หุ้นตกลงไปต่ำกว่าทุน
=> จากกำไรกลายเป็นขาดทุน => ยังคงบอกตัวเองว่า หุ้นแค่ปรับฐาน เดี๋ยวก็ขึ้น => => ขาดทุนหนัก เริ่มทนไม่ไหว => ตัดใจ Cut loss => หุ้นเด้ง

=> นึกในใจว่า ครั้งต่อไปมีกำไรจะต้องรีบขายแล้ว => หุ้นเริ่มขึ้น => เคาะซื้อหุ้น => หุ้นขึ้นไปต่อ กระทิงเริงร่า 5% จากที่ซื้อมา
=> รีบขายดีกว่า เดี๋ยวขาดทุนอีก
=> พอใจกำไรแค่นี้แหล่ะ เอาครั้งละ 5% พอ => เคาะขาย => ปรากฎว่า หุ้นพุ่งแสกหน้าทันที เหมือนกับมาเชคชื่อให้เราออกแล้วจากไป
=> นึกในใจว่า นึกอยู่แล้วเชียว ว่าเดี๋ยวมันต้องขึ้น ไม่น่าขายเลย ขายหมูเลยเราเม่าขายหมู => ครั้งต่อไปจะต้อง Let profit run

จริงๆแล้วมันมีรายละเอียดอีกเยอะแยะมากมายจากเหตุการณ์ต่างๆที่จะฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึกเรา แต่คงบรรยายไม่หมด

สรุป ...จากตัวอย่างที่ กล่าวๆมาแล้ว จะเป็นวงจรอุบาทว์ ของคำว่า "ไม่น่ารีบ Cut loss เลย" "ไม่น่ารีบขายเลย ได้กำไรนิดเดียวเอง"
ก็จะวนเวียนซ้ำๆจากคนที่เคย มีวินัย ในการ Cut loss แล้วเด้งบ่อยๆ ก็กลายเป็นคนเสียวินัย ถอยจุด Cut loss ออกไปเรื่อยๆๆ จนขาดทุนหนัก ค่อย Cut loss หรือไม่ก็ติดดอยตามระเบียบ และพอขาดทุนบ่อยๆ คุณก็ได้กลัวการขาดทุนมากขึ้นๆ ก็จะทำให้คุณตัดสินใจขายหุ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ยังไม่มีสัญญาณขาย หรือสัญญาณจะกลับตัวใดๆ ทำให้คุณ ต้องขายหมู บ่อยๆ

Cut loss => หุ้นเด้ง => กลัว Cut loss แล้วเด้ง =>คิดว่าไม่น่า Cut ถอดจุด Cut loss => ขาดทุนหนัก Cut loss => กลัวการขาดทุน
=> พอมีกำไรนิดหน่อย ก็รีบขาย => ขายหมู => กลัวขายหมู คิดว่าไม่น่าขาย => ทนราคาวิ่งต่อ แต่พอราคาตก ก็ไม่กล้าขายล้อคกำไร เพราะกลัวจะขายหมูอีก => หุ้นตก จากพอร์ทเขียวกลายเปนพอร์ทแดง => กลัว Cut loss แล้วเด้ง => ถอดจุด Cut loss => วนไปวนมา


บางคนขาดทุนหนักๆเครียด อาจจะทำบางอย่างแบบในภาพนี้ก็เป็นได้ นี่คือผลกระทบของการ ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้า


แต่ถ้าคุณ ไม่กลัวการ "เสียลาภ" หรือ "ขาดทุน" เพราะรู้อยู่แล้วว่า มันเป็นของธรรมดาของโลกใบนี้ มีได้ก็ต้องมีเสีย มีกำไรก็ต้องมีขาดทุน
1.ในเมื่อ มันมีได้ ก็ต้องมีเสีย เป็นไปไม่ได้ที่จะได้อย่างเดียวไม่เสีย
คำถามคุณจะเปลี่ยนไป...จากเดิมคือ ทำยังไงให้ได้กำไรไม่ขาดทุน เป็น ทำยังไง? ให้ขาดทุนน้อยๆ และเวลาได้กำไรได้มากๆ
เมื่อคำถามเปลี่ยนไป การหาเทคนิค มาจับหุ้นก็จะ เปลี่ยนไป  แนวคิด"ความสำคัญของการตั้งคำถาม" สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://pantip.com/topic/34409960

2.เมื่อถึงเวลาคุณก็จะสามารถ ทำตามวินัย ที่คุณตั้งไว้ ว่าจะ Cut loss ที่ราคานี้ จะขายทำกำไรที่ราคานี้.... และเมื่อคุณมีวินัยในการ Trade ก็จะนำความสำเร็จอย่างยั่งยืนมาให้คุณได้ในระยะยาว "คุณไม่จำเป็นต้องกำไรทุกครั้ง ในการ Trade แต่ขอให้ผลรวมของการ Trade คุณ ได้กำไร ก็เพียงพอ"

ปล. แน่นอนว่า เมื่อเรา Cut loss แล้วราคาเด้ง หรือ ขายไปแล้ว ราคาวิ่งต่อ เป็นขายหมู เราก็จะมีความรู้สึก แบบเดียวกับข้างบน และเราก็อาจจะรู้สึกว่า
"รู้อย่างนี้ ไม่น่ารีบขาย" ซึ่งเกิดขึ้นได้ แต่ว่าาาาา.............ช้าก่อน... เมื่อรู้สึกขึ้นแล้ว
ให้เรานำ หลักธรรม ที่องค์สมเด็จพระจอมไตร ตรัสสอนไว้ คือ "ให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบัน" สติ คือความรู้ตัว หมายความว่า
"รู้ตัวว่า บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่" "รู้ตัวว่า บัดนี้เรากำลังรู้สึกอย่างไร"

พอเรารู้ตัวว่าเรากำลังคิด เรากำลังรู้สึกในวงจรอุบาทว์ แล้ว เราก็บอกตัวเองว่า "อ่อ นี่เรากำลังจะเข้าวงจรนี้นะ" เราก็จะหยุดคิดได้
ต่อจากนั้น  เมื่อเรามีสติ คือความรู้ตัว เราก็ใช้หลักธรรมข้อต่อไป คือ "อัตตนา โจทยัตตานัง" คือ การเตือนตนด้วยตน โจทก์โทษความผิดของตัวเอง
ดังที่เคยเขียนบทความไว้แล้วที่ http://pantip.com/topic/34427403
หมายความว่า ให้เราย้อนกลับมามองดูอีกครั้ง ว่า เพราะเหตุใดเราจึง Cut loss แล้วหุ้นไปต่อ หรือ ขายหมูแล้วหุ้นไปต่อ
เพราะสิ่งเหล่านี้คือ "ผล" พระพุทธเจ้า ทรงตรัสว่า "ผล ทุกอย่าง ล้วนเกิดแต่ เหตุ"
ดังที่เคยเขียนเป็นบทความไว้แล้วที่ http://pantip.com/topic/34432424

ดังนั้นตอนนี้เราก็จะมาเหตุว่าทำไม เราจึงผิดพลาดแบบนั้น ด้วยสติ และใช้ความรู้ทางเทคนิค + บลาๆ (ส่วนตัวใช้ Pure technical)
เมื่อเราเจอข้อผิดพลาดต่างๆนั้นแล้ว เราก็จดไว้ และเตือนตนเองว่า จะไม่ผิดพลาดซ้ำแบบนี้อีก
เมื่อทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราก็จะสามารถหลุดจากวงจรอุบาทว์ นี้ได้

ปล.ขณะนี้ก็เวลาเที่ยงคืนแล้ว บทความต่างๆที่ผมเขียนไป เขียนไปด้วย Feeling ล้วนๆ ดังนั้น หากมีข้อความใด ไม่ต่อเนื่องหรือผิดพลาดแต่ประการใดก็พร้อมรับคำชี้แนะ ติชม หรือบอกให้แก้ไข ทุกประการครับ

ปล.2 ซึ่งเรื่องราวต่างๆ นี้ก็ยังไม่จบนะครับ....ก็จะคงมีต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าผมจะนึกไม่ออกหรือหมด Feeling แล้ว ซึ่งตอนนี้ ตาไม่ลืมแล้วครับ ก็ขอตัวนะคร้าบบบ บ๊ายๆ

หวังว่าจะได้ประโยชน์กับท่านผู้อ่านทุกท่าน ทั้งในทางธรรมและทางโลก
บทความที่แนะนำให้อ่าน

อยู่กับตลาดหุ้น ด้วยหลักพุทธศาสนา (ตอนที่2.1 "หลักธรรมะ" กับการเทรดหุ้น @ การติดดอย)
http://pantip.com/topic/34432424
อยู่กับตลาดหุ้น ด้วยหลักพุทธศาสนา (ตอนที่2 "หลักธรรมะ" กับการเทรดหุ้น)
http://pantip.com/topic/34427403
อยู่กับตลาดหุ้น ด้วยหลักพุทธศาสนา (ตอนที่1 "อนิจจัง" กับการเทรดหุ้น)
http://pantip.com/topic/34368530

คำสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดา ไม่เคยล้าสมัย แม้พระองค์ปรินิพพานไปนานแล้ว
และนำมาประยุกต์ใช้ได้กับบุคคลทุกเพศทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ

**บทความใดๆที่เกี่ยวกับธรรมะ หากผมซึ่งมีความรู้น้อย และยังไม่ได้บรรลุธรรมใดๆ กล่าวไป และมีความผิดเพี้ยนไปจาก ความเป็นจริง
ก็ต้องขอขมา แด่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ทุกพระองค์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วย หวังว่า พระรัตนตรัย จะอดโทษ แก่ข้าพเจ้า

**บุญใดที่เกิดจากการ ให้ธรรมเป็นทาน ดังนี้ ซึ่งเป็น ทาน ที่ชนะทานทั้งปวง "สัพพะ ทานัง ธัมมะ ทานัง ชินาติ" ก็ขอโมทนาบุญนี้ให้ทุกท่านที่ได้รับธรรมนี้ด้วยเถิด ...สาธุ !!
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  TFEX (Thailand Future Exchange) หุ้น Technical Analysis การลงทุน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่