หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
แบ่งปันประสบการณ์การถ่ายภาพแนว street ที่ Hongkong
กระทู้สนทนา
ภาพถ่าย
ภาพถ่ายขั้นสูง
ภาพถ่ายบุคคล
ภาพถ่ายทิวทัศน์
นานๆ จะได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศบ้างซักที รอบนี้แบก 5D MkIII บวก 24-70 F 2.8 ไปเที่ยว Hongkong 4 วัน สนุกดีนะ ลองไปถ่ายแนว street ตามประสาคนได้ไปเที่ยว (และไม่มีนางแบบไป) กลับมาหลังแทบเดาะ แนะนำเลยนะครับว่าถ้าใครอยากจะไปเที่ยวถ่ายแนว street เอากล้อง mirrorless ไปอาจจะทรมานน้อยกว่า จริงๆครั้งนี้เป็นการไปถ่ายรูปแนว Street ที่ HK ครั้งที่ 2 ของผม ประสบการณ์ทั้งสองครั้งนั้นคล้ายๆกันคือ สนุก ตื่นเต้น ปนเหนื่อยและหนัก + ปวดหลังตอนจบ 555
จริงๆแล้วคงไม่มีสูตรตายตัวในการถ่ายภาพแนว street ผมเองก็ไม่ได้เข้าใจมากสักเท่าไรในตอนแรก เห็นรูปของเพื่อนที่ไปถ่ายมาสวยดีเลย อิจฉาว่าไมมันสวยจังได้อารมณ์จัง ได้อารมณ์อะไรไม่รู้ แต่มันมีอารมณ์บางอย่างในภาพ แต่ก็เคยไปเห็นของช่างภาพท่านอื่นๆ ที่บอกว่าถ่าย street มา แล้วเราไม่รู้สึกอะไรเลย หรือดูๆไปก็ดูเหมือนถ่ายวิวของ street ธรรมดา ถ้างั้นคำถามคือแล้วอะไรละคือการถ่ายภาพ street จริงๆ อันนี้เป็นคำถามส่วนตัวเลยในตอนนั้น เพราะเราก็อยากถ่ายภาพได้ดีๆ และอีกอย่างก็อยากอวดเพื่อนที่ไปเที่ยวมาเหมือนกันว่าเราก็ถ่ายได้ และสวยด้วย (เนื่องจากเพื่อนคนนั้นใช้ Leica ซึ่งเป็นกล้องที่เกิดมาเพื่อเป็น street โดยเฉพาะเลย) อาจเป็นเพราะความอิจฉาตาร้อน แต่ไม่มีตังค์ เลยเป็นเหตุให้ต้องพยายาม ถ่ายสู้ Leica ของเพื่อนๆ ฮ่าๆ
ก่อนอื่นเลยผมก็พยายามลอง search ดูว่าจริงๆแล้วไอ้ที่เรียกว่าถ่าย street นะ มันคือถ่ายอะไร หรือถ่ายยังไงถึงจะเรียกว่า street ซึ่งอ่านมาหลาย page แล้วก็ยังหาข้อสรุปที่ตรงกันไม่ได้ เลยว่าอะไรคือคำจํากัดความของ street photography จริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากเพราะจริงๆแล้วน่าจะดูเป็นสาขาการถ่ายรูปที่ดูง่ายที่สุด แค่เดินออกไปนอกบ้านแล้วก็ถ่ายรูปอะไรก็ได้ก็น่าจะจบแล้ว แต่ถ้าไปไล่อ่านดูใน หลายๆ page ก็จะพบว่ามันไม่ง่าย และอาจจะงงกว่าเดิม อย่างที่ผมเป็น แต่เท่าที่จะพอหาจุดยืนร่วมของความคิดเห็นหลายๆอัน อาจจะพอสรุปได้คร่าวๆ ตามนี้ (สรุปเองเออเองนะครับ) คือ ถ่ายอะไรก็ได้ จะมีคนในภาพก็ได้ หรือไม่มีคนในภาพก็ได้ 555 แต่การถ่าย street จะไม่ได้มีการวางแผนมาก่อนว่าจะถ่ายอะไร หรือจะถ่ายมุมไหน หลักๆเลยคือจะต้องให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า และบันทึกเหตุการณ์นั้นไว้ให้ได้ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกะทันหันมากๆๆ ตากล้อง street ส่วนใหญ่จะเน้นที่การบันทึกอารมณ์ของเหตุการณ์ ซึ่งอาจจะคล้ายๆกับสาย Documentary Photography แต่ street photography จะมีอิสระมากกว่า สามารถที่จะถ่ายภาพและใส่ความคิดของตากล้อง หรือสะท้อนความคิดและค่านิยมบางอย่างของสังคมได้ สรุปง่ายๆให้ตัวเองเลยคือ ถ่ายรูปให้สวย ให้มีอารมณ์ และต้องสื่ออะไรบางอย่างได้ ไม่รู้ถูกไหมแต่ก็เป็น guideline และจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผม
เมื่อไปถึง HK ก็มองหาเลยว่าจะถ่ายอะไรดี การถ่าย street ในตอนนั้นผมคิดเพียงแค่ว่าน่าจะถ่ายรูปคนที่นั่น ประมาณว่าเขาใช้ชีวิตวันๆทำอะไรยังไงบ้าง ก็เลยเริ่มมองหา subject ที่จะถ่าย เพราะ reference ที่เพื่อนถ่ายมาให้เห็น เขาก็ไปถ่ายแนวคนเดินถนน อาม่าตามแผงขายของอะไรแบบนี้ ประเด็นคือมันสวย และดูมีอารมณ์มาก มีมุมเก๋ๆ มุม art ถ่ายใกล้แบบเผลอๆ ถ่ายไกลๆ แบบได้อารมณ์ (ส่วนความหมายนั้นละไว้ก่อนเพราะคิดว่าเพื่อนก็คงไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งขนาดนั้น เอาแค่สวยพอ) ดังนั้นผมก็เริ่มตามหาคนเดินถนน อาม่าอาป้า นี่แหละ เดียวจะถ่ายมาให้เพื่อนอายเลย! ซึ่งความเป็นจริงของชีวิตโหดร้ายกว่านั้นเยอะ การแบก canon 5D Mk3กับ เลนส์ 24-70 F2.8 และสะพายเป้ slingshot เดินกลางใจเมืองเพื่อแอบถ่ายภาพชีวิตคนทำมาหากินปกตินั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการแบกปืน M16 พร้อมอาวุธแบบเต็มตัว แล้วย่องทำตัวเนียนๆไปเดินกลางฝูงศัตรู พยายามที่จะไม่เป็นจุดสนใจของใครทั้งนั้น กล้องก็ใหญ่ เลนส์ก็ใหญ่ แต่งตัวก็ tourist สุดๆ เนียนมาาาาากบอกเลย จริงๆ คนอื่นเค้าก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักหรอกจะถ่ายอะไรก็ถ่ายไปเถอะ เพียงแต่ถ้าจะถ่ายคนแบบ street ก็ยกกล้องขึ้นไปทางคนก็แหวกหนีกันเป็นทาง พร้อมกับสีหน้าแบบเอาเรื่องว่าจะถ่ายอะไรของแก (ขอให้นึกถึงสีหน้าของคน HK ในช่วงเวลาเร่งรีบ รมณ์บ่จอยสุดๆ) ซึ่งก็โดนด่ามาจริงๆ เพราะไปแอบถ่ายอาม่าขายหนังสือพิมพ์แล้วแกหันมาเห็นพอดี ไม่ทันจะกดชัตเตอร์ดีก็ชี้หน้าด่ายกไม้ไล่ตีด้วย วิ่งหนีกันไม่เป็นท่าเลย แต่ก็ไม่รู้จะบ่นอะไรกับใคร จะให้ซื้อกล้องใหม่ตอนนั้นก็ใช่เรื่อง ก็ต้องพยายามถ่ายให้ดีที่สุดละกัน ผมพยายามถ่ายหลายรูปแบบมาก วิธีแรกเลยคือเดินไปใกล้ๆ ให้ subject ตายใจ แล้วค่อยยกกล้องขึ้นถ่ายกะทันหัน หรือแบบพอเค้าเผลอก็จัดเลย ด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปด้วยดี ไม่มีใครทันสังเกตุ ภูมิใจกับความใจกล้าบ้าบิ่นนี้มาก ผลลัพธ์ก็คือ รูปเบลอ .....กรรม....... เลยต้องพยายามปรับ shutter speed ให้เร็วขึ้นพร้อมดัน ISO ช่วยไว้ตลอด เพราะวันนั้นอากาศค่อยข้างครึ้มๆ กดเพิ่มความเร็ว shutter speed ทำให้ภาพมันมืด แต่ติดโทนมืดก็ดีกว่า tone สว่าง อย่างน้อยควรจะ under สัก 1 เพราะรู้สึกเองว่าการถ่ายติด under จะทำให้ภาพดูลึกลับและมี drama มากกว่า แต่ถ้าถ่ายสาวๆ ก็ควรจะเน้นสว่างๆไว้นะครับจะได้ขาวเนียน ไม่งั้นรอยย่นเพียบ และอาจโดนด่าได้ อันนึงที่ช่วยได้ในกรณีที่ภาพองค์ประกอบดี แต่เหมือนไม่ค่อยมีอารมณ์หรือ drama ในภาพก็คือปรับภาพขาวดำไปเลย ไม่รู้ทำไมแต่ผมว่ามันทำให้ภาพดูมีเรื่องราวมากกว่า
แต่วิธีการยกถ่ายเร็วๆแบบนี้ก็ยังมีปัญหาอยู่สำหรับผมถึงแม้จะปรับตามที่เขียนมา เพราะการยกขึ้นถ่ายเร็วๆนั้น ทำให้เราจัดองค์ประกอบภาพค่อนข้างยาก และทำให้ focus ไม่ค่อยตรงจุดที่ต้องการสักเท่าไร ทางที่ดีควรจะเผื่อเวลาอีกนิดจับ focus ให้ได้ก่อน แล้วค่อยเผ่น
วิธีที่สองที่ผมลองใช้เพื่อไม่ให้คนรู้ตัวก็คือปรับ set กล้องให้พร้อมถือกล้องประมาณลำตัวแล้วกะระยะให้ดี ลุยเข้าไปหา subject กด shutter ครึ่งนึงให้มัน auto focus ไปก่อนพอได้จังหวะก็ถ่ายเลย framing เดี๋ยวมา crop ทีหลังอีกที ซึ่งอาจจะดูยากกว่า แต่ผมพบว่า 50% จะได้ภาพแบบมุมมองใหม่ๆมา และอยู่ใน focus ด้วย เปิดมุมกว้างๆ แล้วเดินไปถ่ายใกล้ๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ทำให้ trip Hk ของผมสนุกพอควรได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ได้พยายามคิดอะไรใหม่ๆ มองหาความหมายของภาพ และอารมณ์ต่างๆมากขึ้น แน่นอนที่สุดคือต้องอาศัยการฝึกฝน เพราะไม่มีกฏตายตัวทำให้การถ่ายแนวนี้นั้นเหมือนจะง่ายก็ไม่ง่าย จะยากก็ไม่ยาก แต่ที่เขียนมาทั้งหมดไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแบบนี้นะครับ มาจากที่ลองหาอ่าน และประสมกับที่ไปลุยมาเอง ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าคนอื่นๆจะคิดยังไง แต่สำหรับผมค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์พอสมควรสำหรับการเริ่มต้นในการถ่ายภาพแนวนี้ "Street Photography"
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
🎀🎀กระทู้โพสต์ไปเรื่อยครั้งที่ ๒๔๗/๓๖๕ วัน ๓๖๕ ภาพ ปีที่ ๑๖ ประจำวันพฤหัสบดีที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๘ 🎀🎀
สวัสดีสมาชิกผู้รักการถ่ายภาพทุกท่าน วันนี้มาในหัวข้อ "ยกทะเลมาไว้ที่บ้าน" ใครตีความได้อย่างไร ช่วยกันถ่ายทอดออกมาเป็นภาพถ่ายได้เลยนะครับ ภาพที่นำมาลงเราไม่จำกัดค่ายกล้อง ความสวยงาม ขอเพีย
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้สามตัวตรง
ทำไมสนามอินดอร์ หัวหมาก ถ่ายทอดสดออกมาแล้วมันดูไม่สวย ไม่เต็ม (มุมถ่ายทอดสดแบบมุมเดิม)
อย่าพึ่งดราม่า แค่สงสัย สนามอินดอร์ หัวหมาก มันก็สวยมีความขลังในตัว ความเก่าแก่ในตัว มุมแบบนี้คือสวย (ถ้ากล้องถ่ายสด มาอยู่มุมนี้ สนามจะสวยมาก) สนามดูเต็ม อัฒจันทร์สวย ถ้าคนนั่งเต็มมันจะสวยแบบเป็นร
ArTolano
India | Cinematic Street Photography ; ภาพถ่ายอินเดียผ่านมุมมองแบบภาพยนตร์
สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้งกับ Cinematic คราวนี้ลองมาชมภาพถ่ายของประเทศอินเดียกันบ้าง เรามีโอกาสไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา สนุก มัน ฮา คนที่นั่นน่ารักแล้วก็เป็นมิตรมากๆ ใครเคยไปแล้วคงทราบ ยกกล้องขึ้นมาก็มาเ
สมาชิกหมายเลข 713942
“ฝนดาวตก Geminids 2025 จะมาแล้ว! 13-14 ธันวาคม ชมได้ทั่วไทย ที่ไหนดูสวยที่สุด?”
สวัสดีครับ/ค่ะ สาวกดาราศาสตร์ทุกคน! ✨🌟 เตรียมตัวให้พร้อม! ฝนดาวตก Geminids 2025 กำลังจะมาถึงแล้ว วันที่ 13-14 ธันวาคม 2025 จะเป็นช่วงที่เห็นได้ชัดที่สุด! นี่คือ ฝนดาวตกที่งดงามที่สุดในรอบปี และปี 202
สมาชิกหมายเลข 7089400
Canon 700D ถ่ายโหมด M AV TV P แล้วค้าง โหมดพวกออโต้ปกติหมด
ใช้เลนส์ติดกล้อง EFS 18-55mm เวลากด shutter ไปในโหมด M AV TV P กล้องจะวิวฟายเดอร์จะคำแล้วค้าง และจอดำไป 1 วิ แล้วแสดงหน้าปรับค่าแต่ค้างกดอะไรไม่ได้เลย ต้องปิดเปิดเครื่องใหม่ ซึ่งภาพก็ไม่มา แต่พอเป็นโห
สมาชิกหมายเลข 1777105
JAPAN | Cinematic Street Photography ; ภาพถ่ายญี่ปุ่นฤดูร้อนผ่านมุมมองแบบภาพยนตร์
สวัสดีค่ะ เมื่อเดือนที่แล้วควบๆกับต้นเดือนนี้ที่ผ่านมา เรามีโอกาสไปสัมผัสความร้อนแบบ 40 องศาของญี่ปุ่นทั้งแถบโตเกียวและคันไซ บอกตามตรงว่าร้อนมหากาพย์มากกกก แต่ผู้คนก็ยังน่ารักเช่นเดิม โดยเฉพาะที่
สมาชิกหมายเลข 713942
ผมว่าผมโดนคนถ่าย Street ด่าว่า "ฟัก Off"
นี่เป็นกระทู้แรกหลังจากเกาะพันทิปมานับสิบปี เหตุผลที่ตั้งคือนี่ผมโดนด่าว่า Fcuk Off ใช่มั้ย แล้วความสำพันธ์ระหว่างช่างภาพและ subject ควรเป็นยังไง วันนี้ 25/11/2014 ตอนประมาณเที่ยงตรง 12.00 ขึ้นบันไดเ
สมาชิกหมายเลข 1896770
หน้าเบี้ยว
สวัสดีค่ะทุกคน คือเราเจอปัญหาหน้าเบี้ยวค่ะเราสังเกตได้ชัดแบบมากๆคือตอนถ่ายกล้องหลัง มันดูออกเลยค่ะว่าหน้าไม่เท่ากัน เราเลยลองศึกษาข้อมูลมาบ้างเล็กน้อย และลองถ่ายรูปกล้องหน้าใหม่ เราสังเกตเห็นว่ามุมปาก
สมาชิกหมายเลข 8065069
การตั้งค่า speed shutter Nikon FE
สวัสดีครับ อยากสอบถามการตั้งค่าสปีดชัตเตอร์ที่ใช้ถ่ายในอควาเรียมครับ ใช้กล้องฟิล์มรุ่น Nikon FE ครับ ส่วนของฟิล์มคือ Kodak Colorplus 200 ครับ ถ้าตั้งค่าไว้ที่ 1/125 ภาพจะมืดเกินไปมั้ยครับ พอดีพึ่งเคยใ
สมาชิกหมายเลข 6427948
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ภาพถ่าย
ภาพถ่ายขั้นสูง
ภาพถ่ายบุคคล
ภาพถ่ายทิวทัศน์
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 3
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
แบ่งปันประสบการณ์การถ่ายภาพแนว street ที่ Hongkong
จริงๆแล้วคงไม่มีสูตรตายตัวในการถ่ายภาพแนว street ผมเองก็ไม่ได้เข้าใจมากสักเท่าไรในตอนแรก เห็นรูปของเพื่อนที่ไปถ่ายมาสวยดีเลย อิจฉาว่าไมมันสวยจังได้อารมณ์จัง ได้อารมณ์อะไรไม่รู้ แต่มันมีอารมณ์บางอย่างในภาพ แต่ก็เคยไปเห็นของช่างภาพท่านอื่นๆ ที่บอกว่าถ่าย street มา แล้วเราไม่รู้สึกอะไรเลย หรือดูๆไปก็ดูเหมือนถ่ายวิวของ street ธรรมดา ถ้างั้นคำถามคือแล้วอะไรละคือการถ่ายภาพ street จริงๆ อันนี้เป็นคำถามส่วนตัวเลยในตอนนั้น เพราะเราก็อยากถ่ายภาพได้ดีๆ และอีกอย่างก็อยากอวดเพื่อนที่ไปเที่ยวมาเหมือนกันว่าเราก็ถ่ายได้ และสวยด้วย (เนื่องจากเพื่อนคนนั้นใช้ Leica ซึ่งเป็นกล้องที่เกิดมาเพื่อเป็น street โดยเฉพาะเลย) อาจเป็นเพราะความอิจฉาตาร้อน แต่ไม่มีตังค์ เลยเป็นเหตุให้ต้องพยายาม ถ่ายสู้ Leica ของเพื่อนๆ ฮ่าๆ
ก่อนอื่นเลยผมก็พยายามลอง search ดูว่าจริงๆแล้วไอ้ที่เรียกว่าถ่าย street นะ มันคือถ่ายอะไร หรือถ่ายยังไงถึงจะเรียกว่า street ซึ่งอ่านมาหลาย page แล้วก็ยังหาข้อสรุปที่ตรงกันไม่ได้ เลยว่าอะไรคือคำจํากัดความของ street photography จริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากเพราะจริงๆแล้วน่าจะดูเป็นสาขาการถ่ายรูปที่ดูง่ายที่สุด แค่เดินออกไปนอกบ้านแล้วก็ถ่ายรูปอะไรก็ได้ก็น่าจะจบแล้ว แต่ถ้าไปไล่อ่านดูใน หลายๆ page ก็จะพบว่ามันไม่ง่าย และอาจจะงงกว่าเดิม อย่างที่ผมเป็น แต่เท่าที่จะพอหาจุดยืนร่วมของความคิดเห็นหลายๆอัน อาจจะพอสรุปได้คร่าวๆ ตามนี้ (สรุปเองเออเองนะครับ) คือ ถ่ายอะไรก็ได้ จะมีคนในภาพก็ได้ หรือไม่มีคนในภาพก็ได้ 555 แต่การถ่าย street จะไม่ได้มีการวางแผนมาก่อนว่าจะถ่ายอะไร หรือจะถ่ายมุมไหน หลักๆเลยคือจะต้องให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า และบันทึกเหตุการณ์นั้นไว้ให้ได้ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกะทันหันมากๆๆ ตากล้อง street ส่วนใหญ่จะเน้นที่การบันทึกอารมณ์ของเหตุการณ์ ซึ่งอาจจะคล้ายๆกับสาย Documentary Photography แต่ street photography จะมีอิสระมากกว่า สามารถที่จะถ่ายภาพและใส่ความคิดของตากล้อง หรือสะท้อนความคิดและค่านิยมบางอย่างของสังคมได้ สรุปง่ายๆให้ตัวเองเลยคือ ถ่ายรูปให้สวย ให้มีอารมณ์ และต้องสื่ออะไรบางอย่างได้ ไม่รู้ถูกไหมแต่ก็เป็น guideline และจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผม
เมื่อไปถึง HK ก็มองหาเลยว่าจะถ่ายอะไรดี การถ่าย street ในตอนนั้นผมคิดเพียงแค่ว่าน่าจะถ่ายรูปคนที่นั่น ประมาณว่าเขาใช้ชีวิตวันๆทำอะไรยังไงบ้าง ก็เลยเริ่มมองหา subject ที่จะถ่าย เพราะ reference ที่เพื่อนถ่ายมาให้เห็น เขาก็ไปถ่ายแนวคนเดินถนน อาม่าตามแผงขายของอะไรแบบนี้ ประเด็นคือมันสวย และดูมีอารมณ์มาก มีมุมเก๋ๆ มุม art ถ่ายใกล้แบบเผลอๆ ถ่ายไกลๆ แบบได้อารมณ์ (ส่วนความหมายนั้นละไว้ก่อนเพราะคิดว่าเพื่อนก็คงไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งขนาดนั้น เอาแค่สวยพอ) ดังนั้นผมก็เริ่มตามหาคนเดินถนน อาม่าอาป้า นี่แหละ เดียวจะถ่ายมาให้เพื่อนอายเลย! ซึ่งความเป็นจริงของชีวิตโหดร้ายกว่านั้นเยอะ การแบก canon 5D Mk3กับ เลนส์ 24-70 F2.8 และสะพายเป้ slingshot เดินกลางใจเมืองเพื่อแอบถ่ายภาพชีวิตคนทำมาหากินปกตินั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการแบกปืน M16 พร้อมอาวุธแบบเต็มตัว แล้วย่องทำตัวเนียนๆไปเดินกลางฝูงศัตรู พยายามที่จะไม่เป็นจุดสนใจของใครทั้งนั้น กล้องก็ใหญ่ เลนส์ก็ใหญ่ แต่งตัวก็ tourist สุดๆ เนียนมาาาาากบอกเลย จริงๆ คนอื่นเค้าก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักหรอกจะถ่ายอะไรก็ถ่ายไปเถอะ เพียงแต่ถ้าจะถ่ายคนแบบ street ก็ยกกล้องขึ้นไปทางคนก็แหวกหนีกันเป็นทาง พร้อมกับสีหน้าแบบเอาเรื่องว่าจะถ่ายอะไรของแก (ขอให้นึกถึงสีหน้าของคน HK ในช่วงเวลาเร่งรีบ รมณ์บ่จอยสุดๆ) ซึ่งก็โดนด่ามาจริงๆ เพราะไปแอบถ่ายอาม่าขายหนังสือพิมพ์แล้วแกหันมาเห็นพอดี ไม่ทันจะกดชัตเตอร์ดีก็ชี้หน้าด่ายกไม้ไล่ตีด้วย วิ่งหนีกันไม่เป็นท่าเลย แต่ก็ไม่รู้จะบ่นอะไรกับใคร จะให้ซื้อกล้องใหม่ตอนนั้นก็ใช่เรื่อง ก็ต้องพยายามถ่ายให้ดีที่สุดละกัน ผมพยายามถ่ายหลายรูปแบบมาก วิธีแรกเลยคือเดินไปใกล้ๆ ให้ subject ตายใจ แล้วค่อยยกกล้องขึ้นถ่ายกะทันหัน หรือแบบพอเค้าเผลอก็จัดเลย ด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปด้วยดี ไม่มีใครทันสังเกตุ ภูมิใจกับความใจกล้าบ้าบิ่นนี้มาก ผลลัพธ์ก็คือ รูปเบลอ .....กรรม....... เลยต้องพยายามปรับ shutter speed ให้เร็วขึ้นพร้อมดัน ISO ช่วยไว้ตลอด เพราะวันนั้นอากาศค่อยข้างครึ้มๆ กดเพิ่มความเร็ว shutter speed ทำให้ภาพมันมืด แต่ติดโทนมืดก็ดีกว่า tone สว่าง อย่างน้อยควรจะ under สัก 1 เพราะรู้สึกเองว่าการถ่ายติด under จะทำให้ภาพดูลึกลับและมี drama มากกว่า แต่ถ้าถ่ายสาวๆ ก็ควรจะเน้นสว่างๆไว้นะครับจะได้ขาวเนียน ไม่งั้นรอยย่นเพียบ และอาจโดนด่าได้ อันนึงที่ช่วยได้ในกรณีที่ภาพองค์ประกอบดี แต่เหมือนไม่ค่อยมีอารมณ์หรือ drama ในภาพก็คือปรับภาพขาวดำไปเลย ไม่รู้ทำไมแต่ผมว่ามันทำให้ภาพดูมีเรื่องราวมากกว่า
แต่วิธีการยกถ่ายเร็วๆแบบนี้ก็ยังมีปัญหาอยู่สำหรับผมถึงแม้จะปรับตามที่เขียนมา เพราะการยกขึ้นถ่ายเร็วๆนั้น ทำให้เราจัดองค์ประกอบภาพค่อนข้างยาก และทำให้ focus ไม่ค่อยตรงจุดที่ต้องการสักเท่าไร ทางที่ดีควรจะเผื่อเวลาอีกนิดจับ focus ให้ได้ก่อน แล้วค่อยเผ่น
วิธีที่สองที่ผมลองใช้เพื่อไม่ให้คนรู้ตัวก็คือปรับ set กล้องให้พร้อมถือกล้องประมาณลำตัวแล้วกะระยะให้ดี ลุยเข้าไปหา subject กด shutter ครึ่งนึงให้มัน auto focus ไปก่อนพอได้จังหวะก็ถ่ายเลย framing เดี๋ยวมา crop ทีหลังอีกที ซึ่งอาจจะดูยากกว่า แต่ผมพบว่า 50% จะได้ภาพแบบมุมมองใหม่ๆมา และอยู่ใน focus ด้วย เปิดมุมกว้างๆ แล้วเดินไปถ่ายใกล้ๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ทำให้ trip Hk ของผมสนุกพอควรได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ได้พยายามคิดอะไรใหม่ๆ มองหาความหมายของภาพ และอารมณ์ต่างๆมากขึ้น แน่นอนที่สุดคือต้องอาศัยการฝึกฝน เพราะไม่มีกฏตายตัวทำให้การถ่ายแนวนี้นั้นเหมือนจะง่ายก็ไม่ง่าย จะยากก็ไม่ยาก แต่ที่เขียนมาทั้งหมดไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแบบนี้นะครับ มาจากที่ลองหาอ่าน และประสมกับที่ไปลุยมาเอง ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าคนอื่นๆจะคิดยังไง แต่สำหรับผมค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์พอสมควรสำหรับการเริ่มต้นในการถ่ายภาพแนวนี้ "Street Photography"