Howa Type 89 ปืนไรเฟิลผู้ต่อยอดมาจาก ar 18

กองทัพญี่ปุ่นกับปืนไรเฟิลแบบ type 89


การพัฒนา
   ในช่วงทศวรรศที่ 1960 อเมริกาได้ทดแทนปืนไรเฟิล m14 ด้วย m16 ที่ทันสมัยกว่าด้วยหลายๆเหตุผล มันมีน้ำหนักที่เบากว่า อัตราการลั่นกระสุนที่เหนือกว่า และปัญหาที่จุกจิกเยอะกว่า(ฮา) มันมาพร้อมกับกระสุนขนาด 5.56x45 mm m193 ที่ให้แรงรีคอยด์ที่น้อยกว่าถึงแม้มันจะมีประสิทธิภาพที่ด้อยกว่ากระสุนขนาด 7.62x51 mm ที่ใช้ใน m14 ก็ตามแต่มันกลับสามารถขนจำนวนกระสุนไปได้เยอะกว่าในน้ำหนักที่เท่ากันเมื่อเทียบกับกระสุนแบบ 7.62x51 mm เนื่องจากมีน้ำหนักที่น้อยและมีขนาดที่เล็กกว่า จนมาถึงในช่วงทศวรรศที่ 1980 เมื่อกระสุนขนาด 5.56x45 mm m855 รุ่นใหม่ที่เหนือกว่าถูกประกาศให้เป็นกระสุนแบบมาตรฐานนาโต้ นั่นเองทำให้ญี่ปุ่นที่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกของนาโต้ แต่ก็เปรียบเสมือนเป็นสมาชิกของนาโต้ด้วยเช่นกันจึงต้องพร้อมปรับเปลี่ยนปืนไรเฟิลของตนในตอนนั้นเพื่อรองรับกับกระสุนขนาด 5.56x45 mm รุ่นใหม่เช่นกัน ญี่ปุ่นจึงได้มีโปรเจคพัฒนาปืนไรเฟิลแบบใหม่เพื่อมาทดแทนปืนไรเฟิลแบบ type 64 ที่ใช้กระสุนแบบ 7.62x51 mm และประจำการมานานกว่า 25 ปี เพื่อการพัฒนาที่รวดเร็วและเสียงบน้อยที่สุดญี่ปุ่นจึงได้ซื้อลิขสิทธิ์ปืนไรเฟิลแบบ  Armalite AR-18 ที่ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่ากลไกมันมีความน่าเชื่อถือและมันมาพร้อมกระสุนแบบ 5.56x45 mm m855 มาตรฐานนาโต้พอดี มันผ่านบททดสอบของกองทัพญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงได้นำเจ้า ar 18  มาพัฒนาดัดแปลงแก้ไขใหม่ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและกองทัพของตน ตัวต้นแบบในชื่อ hr 16 ถูกนำมาพัฒนาจนกลายมาเป็น hr 10,hr 11,hr 13,hr 15  ตัวปืนต้นแบบ hr 15 ถูกคัดเลือกให้ดัดแปลงและพัฒนาไปสู่ปืนไรเฟิลรุ่นใหม่ของกองทัพญี่ปุ่นเนื่องจากมี่ความน่าเชื่อถือที่สุด ปืนไรเฟิลที่พัฒนาเสร็จนั้นถูกตั้งชื่อว่า 89式アサルトライフル หรือ ภาษาอังกฤษ Howa Type 89 Assault Rifle โดยตั้งชื่อตามปี 1989 ซึ่งเป็นปีที่ปืนไรเฟิลพัฒนาเสร็จและเข้าประจำการในกองทัพญี่ปุ่นในช่วงทศวรรศที่ 1990
type 89


รายละเอียด
   ตัวปืนใช้ระบบปฏิบัติการแบบ gas-operate short stroke piston(อันนี้ไม่แน่ใจแต่น่าจะแบบเดียวกับ ar 18)ท่อแก๊สอยู่เหนือลำกล้อง ตัวลำกล้องแบบมีเกลียว 1:7 เวียนขวาครบรอบที่ 305 mm ถูกล็อคด้วยคานเหวี่ยง ตัวกลไกปืนถูกออกแบบให้มีแรงรีคอยด์จากการยิงให้น้อยที่สุดและให้กลไกภายในเคลื่อนไหวน้อยที่น้อยที่สุดเพื่อความแม่นยำที่สูงที่สุด ตัวปืนมีโหมดการยิง 4 โหมดคือ safe-semi-auto-3 round burst ในโหมด 3 round burst นั้นต้องโมดิฟายปืนดัดแปลงเพิ่มเข้าไปอีกเนื่องจากในโหมด 3 round burst นั้นมักจะสร้างปัญหาเรื่องความร้อนให้กับตัวปืน ตัวปุ่มปรับโหมดการยิงปืนอยู่ทางด้านขวาเหนือด้ามจับ ตัวขาตั้งแบบถอดพับเก็บได้ออกได้ถูกติดตั้งไว้หลังลำกล้องปืนไม่เหมือนกับขาตั้งที่ใช้ใน type 64 ตัวขาตั้งปืนถูกล็อคด้วยหมุดแบบปรับระดับด้วยสปริงและล็อคไว้หลังตัวล็อกสำหรับติดตั้งดาบปลายปืน  ตัวกระโจมปืนด้านล่างมีช่องที่ออกแบบไว้สำหรับเก็บขาตั้งตัวปืน เมื่อพับขาตั้งเข้ามาข้างใน ตัวปืนทำจากอะลูมิเนียม พลาสติก และเหล็กแผ่นปั๊มขึ้นรูปเช่นเดียวกับ ar 18 และ hk g3 เนื่องจากการผลิตและออกแบบตัวปืนได้เอาข้อดีของการออกแบบ เรื่องความเป็นมิตรของผู้ใช้และข้อดีของตัวปืน type 64 และ ar 18 เข้ามาใส่ด้วย คันรั้งตัวปืนที่ติดกับ bolt โดยตรง ตัวปืนมาพร้อมกับช่องสำหรับติดตั้งสายพาดตัวปืน 3 จุดและตัวปืนใช้กระสุนขนาด 5.56x45 mm m855 โดยตัวกระสุน m855 ที่ผลิตโดยกองทัพญี่ปุ่นจะมีตราซากุระซึ่งเป็นเสมือนแสดงความเป็นญี่ปุ่นไปในตัวด้วย ตัวปืนออกแบบให้สามารถใช้แม็กกาซีนแบบ Stanag ร่วมกับนาโต้ได้หรือจะใช้แม็กกาซีนที่ผลิตเองโดยทางกองทัพ อย่างไรก็ตามแม็กกาซีนที่ผลิตโดยกองทัพญี่ปุ่นจะไม่เหมือนกับแม็กกาซีนแบบ stanag มาตรฐานนาโต้ ตัวแม็กกาซีนของกองทัพญี่ปุ่นจะมีการเจาะรูไว้ข้างๆเพื่อเอาไว้ดูระดับกระสุน แต่มันก็ไม่ดีนักเนื่องจากการเจาะรูนั้นเสี่ยงต่อที่ฝุ่นทรายจะสามารถเข้าไปในตัวแม็กกาซีนตัวปืนได้ ทางด้านทางช่องที่เอาไว้ยัดกระสุนก็ไม่เหมือนเช่นกัน ช่องแม็กกาซีนของกองทัพญี่ปุ่นจะอวบๆและมีรอยหยักเพื่อให้ลงล็อคกับช่องใส่แม็กกาซีนของตัวปืนพอดี เทียบกับช่องแม็กกาซีน stanag จะเป็นแบบเรียบๆเรียวๆ และเมื่อกระสุนนัดสุดท้ายหมดตัว bolt จะเปิดออกเพื่อเป็นการบอกว่ากระสุนหมด ในขณะที่ถ้าใช้แม็กาซีนแบบ stanag ของนาโต้ เมื่อกระสุนนัดสุดท้ายหมดตัว bolt จะปิด
   ตัวปืนยังสามารถติดตั้งดาบปลายปืนแบบอเนคประสงค์ของกองทัพญี่ปุ่นเอง ที่สามารถเอาไว้ใช้เปิดขวดก็ได้ หรือจะติดตั้งดาบปลายปืนแบบ m9 มาตรฐานของสหรัฐก็ได้ ตัวปืนมาพร้อมความสามารถในการติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดจากปากลำกล้องแบบ type 06 พร้อมศูนย์เล็งสำหรับยิงเครื่องยิงลูกระเบิดเพิ่มเติม ตัวเครื่องยิงลูกระเบิดมีระยหวังผล 300 เมตร พร้อมหัวรบแบบ heat เอาไว้ทำลายยานเกราะขนาดเบาของข้าศึก หรือจะติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดใต้ลำกล้องแบบ m203 ก็ได้ แต่ทางกองทัพญี่ปุ่นไม่นิยมติดเครื่องลูกระเบิดแบบ m203 เนื่องจากแต่เดิมตัวปืนไม่ได้ออกแบบมารองรับกับการติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดแบบ m203 ตั้งแต่แรกแล้ว ในรุ่นหน่วยรบพิเศษตัวปลายลำกล้องปืนนั้นมีสวิตท์สำหรับปรับแรงดันเพื่อติดตั้งเครื่องชี้เป้าด้วยเลเซอร์และไฟฉาย แต่อย่างไรก็ดีในรุ่นสำหรับทหารราบปกติจะไม่มีฟังชั่นนี้มาให้ และตัวไฟฉายและเลเซอร์กองทัพไม่มีแจกสำหรับทหารราบปกติต้องไปหาซื้อเอาเอง ตัวปืนมาพร้อมกับศูนย์เล็งโดยเป็นศูนย์แบบรู ตัวศูนย์ทีระยะปรับเล็งสูงสุด 500 เมตร(อันนี้ไม่แน่ใจ)
เทียบแม็กกาซีน stanag(ซ้าย)จะเป็นแบบเรียบๆเรียวๆ และ แม็กกาซีนของกองทัพญี่ปุ่นเอง(ขวา)จะอวบๆและมีรอยหยัก ทั้งนี้เพื่อให้เสียบได้พอดีกับช่องแม็กกาซีนของตัวปืนนั่นเอง(ในรูปเป็นแม็คของบีบี)


การพัฒนาเพิ่มเติม
    ในภารกิจรักษาสันติภาพที่อิรัก ที่กองทัพญีปุ่นได้เข้าร่วมกับทหารราบสหรัฐนั้น ตัวปุ่มปรับโหมดการยิงถูกปรับไปอยู่ทางด้านซ้ายและสามารถปรับได้ทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวา แต่อย่างไรก็ดีหลังจากจบภารกิจรักษาสันติภาพที่อิรักทางญี่ปุ่นก็ได้เอาถอดปุ่มปรับโหมดการยิงด้านซ้ายออก และกลับไปใช้ปุ่มปรับโหมดการยิงทางด้านขวาด้านเดียวเหมือนเดิม ตัวปืนยังดัดแปลงเพื่อติดตั้งรางติดอุปกรณ์เสริมและกล้องเล็งแบบต่างๆได้ โดยทางญี่ปุ่นได้ซื้อลิขสิทธิ์กล้องเล็ง md 33 มาผลิตเองในประเทศ ในช่วงรักษาสันติภาพที่อิรักได้มีการค้นพบว่าทางกองทัพญี่ปุ่นได้มัการติดตั้งด้ามจับ และรางติดอุปกรณ์เสริมด้านใต้กระโจมมือปืนแต่ภายหลังได้ค้นพบได้มีการถอดตัวรางออกไปเนื่องจากตัวรางนั้นไปสร้างความเสียหายให้กับตัวกระโจมมือด้านใน ในโครงการ future soldier ของญี่ปุ่น พบว่าตัวปืนถูกตัดลำกล้องให้เหลือเพียง 14 นิ้วจาก 16.5 นิ้วในของเดิม ตัวกระโจมมือมาพร้อมกับรางติดอุปกรณ์ 4 ด้าน รางติดอุปกรณ์ด้านหลังยาวไปถึงลำตัวปืนตามสมัยนิยม ตัวด้านใต้กระโจมมือติดตั้งด้ามจับที่มีสวิตท์ที่เชื่อมต่อกับกล้องเล็งแบบดิจิตอลที่จะรวบรวมข้อมูลของระดับเป้าหมาย ระยะยิง ศูนย์เล็งกล้องและกล้องวิดิโอขนาดใหญ่บนตัวกล้อง นั่นเองทำให้ตัวปืนมีความแม่นยำในทุกระยะของเป้าหมายและในทุกสถานการณ์ ทหารราบสามารถเล็งปืนได้โดยไม่ต้องมองที่ตัวกล้องเมื่อยิงกันในมุมตึก ตัวปืนแบบใหม่มาพร้อมพานท้ายโพลีเมอร์แบบถอดออกได้ที่มีความคล้ายคลึงกับพานท้ายของตัวปืน scar h และ ramington acr
type 89 ที่ถูกปรับปรุงในโครงการ future soldier


รุ่นต่างๆ
1.Type 89F
type 89 ทีมาพร้อมกับพานท้ายที่พับได้โดยพับไปทางซ้ายของตัวปืนเพื่อไม่ให้ไปบังปุ่มปรับโหมดการยิงที่อยู่ทางด้านขวาของตัวปืน อย่างไรก็ดีนั้นเมื่อพับพานท้ายปืนนั้นจะทำให้ปรับตำแหน่งสายพาดตัวปืนได้ลำบาก เนื่องจากตำแหน่งสายพาดตัวปืนอยู่ทางด้าซ้ายพอดี สำหรับหน่วยพลร่มและยานเกราะที่ต้องการความคล่องตัวในการเข้าออกและการรบในที่แคบๆ
type 89f


รายละเอียดโดยรวม
ประเทศผู้ผลิต: ญี่ปุ่น
ขนาดกระสุน: 5.56x45 mm m855
ความยาวลำกล้อง: 16.5 นิ้ว(type 89),14 นิ้ว(Future soldier)
ระยะหวังผล: 600 เมตร
น้ำหนัก: 3.5 kg

อ้างอิง
http://www.militaryfactory.com/smallarms/detail.asp?smallarms_id=213
https://en.wikipedia.org/wiki/Howa_Type_89
http://www.forgottenweapons.com/rifles/howa-type-89/
http://www.thefirearmblog.com/blog/2014/11/06/modernized-howa-type-89-rifle/

อย่าลืมโหวตและกดถูกใจกระทู้ จขกท.จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับ อมยิ้ม22อมยิ้ม22

กระทู้เก่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่