สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่านี่เป็นกระทู้แรกของพวกเรา(ยืมไอดีเพื่อนลงนะค่ะ) หากมีข้อผิดพลาดประการใด
ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ

การไปเชียงใหม่ครั้งนี้เป็นการเดินทางไปครั้งแรกของพวกเรา จึงมีการวางแผนเที่ยวมาบ้าง เนื่องจากพวกเราอยากให้เข้า Concept ที่ว่า “ Low Cost High Experience ” สำหรับการเดินทางครั้งนี้พวกเราเลือกไปโดยเครื่องบิน เนื่องจากอยากจะมีเวลาเที่ยวเยอะๆ เพราะเวลาว่างของพวกเราไม่ค่อยตรงกัน บางคนอาจจะคิดว่าไปเครื่องบินนี่ Low Cost ตรงไหน?? แต่พวกเราไปจองโปรโมชั่นของสายการบิน Air Asia ในงานท่องเที่ยวไทยจึงได้ตั๋วที่ถูกมาก ราคาแพงกว่ารถทัวร์แค่ 300 บาท ( สมกับที่ยืนคอยนั่งคอยเกือบครึ่งวัน ) ส่วนที่พักพวกเราก็ซื้อ Package ซึ่งลดราคาไป 40% จากราคาปกติมาจากงานนี้เช่นกัน ในตอนนี้ตั๋วไป-กลับพร้อม ที่พักพร้อม เราจะรออะไร ไปกันเลยดีกว่า…..
วันแรก ( 18/10/58 )
พวกเรานัดเจอกันที่สนามบินดอนเมืองตอน 6 โมงเช้า เครื่องบินออกเวลา 07:10 น. ถึงเชียงใหม่เวลา 08:15 น.
เดินออกมาจากสนามบินก็มีคนของโรงแรมมารอรับไปส่งที่โรงแรม พวกเราเลือกพักที่ M Hotel กันคะ ตั้งอยู่ใกล้ประตูท่าแพ
ติดถนนคนเดินวันอาทิตย์
ห้องนอนของพวกเรา

หลังจากเก็บของกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินหาร้านเช่าจักรยานกันคะ เดินดูหลายร้าน บางร้านต้องวางมัดจำ บางร้านก็ไม่ต้องวางมัดจำ จนในที่สุดพวกเราก็เจอร้านที่ถูกใจ คือร้าน "N&K Bicycle For Rent" ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ ประตูเชียงใหม่ ถนนสุริยวงศ์
พี่เจ้าของร้านใจดีมากเลยคะ อยากได้รถจักรยานแบบไหน พี่เขามีให้เลือกเยอะ สามารถบอกได้เลยคะไม่ต้องเกรงใจ ( พี่เขาใจดีมากจริงๆ ) พวกเราไปกัน 6 คน เช่ามา 5 คัน พี่เขาคิดคิดแค่คันละ 70 บาทเองค่ะ(ถูกมากสำหรับเช่ารถจักรยานมีเกียร์ทั้งวัน ) ขั้นตอนการเช่ารถจักรยานของร้านนี้ก็คือ พี่เจ้าของร้านจะเข็นรถมาให้เลือกจนกว่าเราจะพอใจ เลยค่ะ( ณ จุดนี้ประทับใจมากๆ) หลังจากนั้นก็จ่ายเงินพร้อมกับนำบัตรประชาชนฝากไว้ที่ร้าน และถ้าใครยังไม่มีแผนที่ สามารถขอพี่เขาได้เลยคะมีแจกฟรี จักรยานพร้อม คนปั่นพร้อม ไปกันเลย

พวกเราปั่นไปตามถนนปกเกล้า ก็เจอสถานที่แรกที่เราจะแวะนั่นก็คือ วัดเจ็ดลิน ภายในวัดมีหนองน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง เชื่อกันว่าเคยใช้เป็นสถานที่สรงน้ำในพระราชพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ล้านนา คือ พระเมกุฎิวิสุทธิวงศ์ที่นี่พวกเราได้ให้อาหารปลากันด้วย แต่ดูเหมือนนกจะได้กินมากกว่า เพราะไม่กลัวคนเลยเดินเข้ามาใกล้มากๆ
จากนั้นออกจากวัดเจ็ดลินไปทางซ้ายไม่ถึง 100 เมตร ก็จะเจอวัดหมื่นตูม ตามประวัติเล่าว่ากษัตริย์ในราชวงศ์มังราย ก่อนจะขึ้นเสวยราชย์จะต้องไปสะเดาะเคราะห์ที่วัดนี้ก่อน
จากนั้นก็ปั่นไปตามถนนปกเกล้า เจอสี่แยกไฟแดงตรงไป จะเจอวัดเจดีย์หลวงอยู่ซ้ายมือ ภายในวัดมีองค์พระเจดีย์ขนาดใหญ่ ซึ่งแต่เดิมถือว่าเป็นศูนย์กลางทางการปกครองของอาณาจักรล้านนา
พวกเราปั่นบนถนนรอบๆองค์พระเจดีย์ ไปออกทางหลังวัด พวกเราปั่นไปเรื่อยๆก็เจอร้านอาหารชื่อร้าน”เฮือนเพ็ญ” ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว พวกเราจึงตัดสินใจแวะทานข้าวกลางวันกันที่นี่ค่ะ ร้านนี้ตั้งอยู่บนถนนราชมรรคา ร้านอยู่ตรงหัวมุมเลยค่ะ หาง่าย เมนูอาหารในร้านหลากหลายมาก ส่วนใหญ่เป็นอาหารเหนือและส้มตำ รสชาติอร่อยถูกปากพวกเราเกือบทุกอย่างเลย นอกจากอาหารคาว ขนมหวานก็มีหลายอย่าง ใครที่แวะมาทานร้านนี้พวกเราขอแนะนำเลยค่ะ เด็ดจริงๆ(หมดเร็วมากด้วย)

หลังจากท้องอิ่มกันแล้ว ก็เริ่มปั่นจักรยานกันต่อ เป้าหมายต่อไปก็คือ วัดเกตุการาม ซึ่งเป็นวัดประจำปีเกิดปีจอ พวกเราเกิดปีจอกันจึงไม่พลาดที่จะมาทำบุญที่วัดนี้ค่ะ แต่กว่าจะปั่นไปถึงวัดนี่ไม่ง่ายเลย ทั้งหลง ทั้งเหนื่อย (พวกเราใช้วิธีดูแผนที่และปั่นเลี่ยงถนนใหญ่ ลัดเลาะไปตามซอยต่างๆ เพื่อความปลอดภัยค่ะ) แต่ ไหนๆก็ปั่นมาไกลแล้วยังไงก็ต้องไปให้ถึงค่ะ
ถึงแล้ว….. เหนื่อยกันแค่ไหนดูได้จากสีหน้าของพวกเราค่ะ

หลังจากพักกันหายเหนื่อยแล้ว พวกเราก็ไปไหว้พระทำบุญกันค่ะ
ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายสามโมงเศษ ฝนกำลังตั้งท่าจะตก พวกเราจึงรีบปั่นกลับไปที่ร้านเช่าจักรยาน พอถึงร้านฝนก็เทลงมาอย่างหนัก เลยต้องแวะพักหลบฝนที่ร้าน COZY นั่งทานขนมและเครื่องดื่มกัน
หลังจากฝนหยุดตก พวกเราก็เดินกลับที่พัก เข้าห้อง อาบน้ำ แต่งตัว แล้วลงมาเจอกันที่ล็อบบี้ของโรงแรม ได้เวลาไปหาของกินแล้ว...
หาอะไรกินเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็กลับเข้าที่พัก มานั่งคิดกันว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหนกันดี ไหนๆวันนี้ก็เที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่กันไปพอสมควรแล้ว จึงได้ข้อสรุปว่าจะเหมารถไปเที่ยวที่ม่อนแจ่มกัน และสถานที่ปิดท้ายของวันพรุ่งนี้ก็คือพระธาตุประจำเมืองเชียงใหม่ค่ะ
วันที่สอง(19/10/58)
พวกเราตื่นตั้งแต่เช้า อาบน้ำ แต่งตัวแล้วมาทานข้าวกันเวลา 07.00 น. พวกเราลงลิฟต์มาที่ชั้น2ของโรงแรม อาหารเช้าที่เราทานเป็นบุฟเฟ่ต์ของทางโรงแรม (ราคารวมอยู่ในค่าที่พัก)
หลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเราก็ขึ้นไปเก็บสัมภาระแล้วก็ลงมา check-out ตอนนี้ลุงที่นัดไว้ก็มรออยู่หน้าโรงแรม ได้เวลาเดินทางกันแล้วคะ....สถานที่แรกที่พวกเราไป คือ ม่อนแจ่ม ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางกันต่อ จุดหมายต่อไปคือ ปางช้างแม่แตง
ที่ปางช้างแม่แตงมีกิจกรรมหลากหลายให้ทำเช่น ชมการแสดงความสามารถของช้าง (ช้างวาดรูป,เตะฟุตบอล ฯลฯ) ขี่ช้าง ให้อาหารช้าง ล่องแพ เป็นต้น ถ้าใครสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 089-7555451 ส่วนพวกเรานั้นเลือกที่จะให้อาหารช้าง ราคากล้วย ตะกร้านี้ 100 บาทคะ (แอบแพง)

หลังจากให้อาหารช้างเสร็จ พวกเราก็เดินดูรอบๆๆปางช้าง แล้วเดินไปดูร้านขายของที่ระลึก มีอยู่ร้านนึงคะ ที่น่าสนใจมากๆ เป็นร้านที่ขายของทำเป็นฝีมือช้างล้วนๆเลยคะ พวกเราตัดสินใจซื้อมารูปนึงราคา 500 บาท ราคาค่อนข้างแพง แต่เงินทั้งหมดนี้จะนำไปบริจาคให้กับศูนย์อนามัยปางช้างแม่แตง ไว้ใช้สำหรับรักษาช้างป่วย พวกเราจึงยอมซื้อโดยง่ายคะ ^^
พวกเราออกจากปางช้างแม่แตงประมาณ 13.30 น. เดินทางกันไปสถานที่สุดท้ายของวันคะ นั่นก็คือ วันพระธาตุดอยสุเทพ ก่อนออกรถ คุณลุงถามพวกเราว่าหิวไหม?? พวกเราตอบโดยพร้อมเพรียงว่า หิวคะ 55555 คุณลุงจึงบอกว่า งั้นเดี๋ยวลุงพาไปกินก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยๆ ราคาไม่แพง พวกเราก็ตกลง
ถึงแล้วคะ ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ลุงบอก ร้านสมุทรสาครเย็นตาโฟ (เห็นชื่อร้านแอบตกใจ เราอยู่เชียงใหม่ไม่ใช่หรอ 5555 )
ถึงแล้วคะ วัดพระธาตุดอยสุเทพ สถานที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ที่เขาว่ากันว่าถ้าไม่มาก็เหมือนมาไม่ถึงเชียงใหม่
และแล้วก็ถึงเวลากลับ....สู่โลกแห่งความเป็นจริง โดยรวมแล้วสำหรับทริปนี้พวกเราเที่ยวกันเยอะมากถ้าเทียบกับเวลาแค่ 2 วัน ทั้งเหนื่อย ทั้งสนุก หากจะเที่ยวแบบพวกเรา ขอให้เผื่อเวลาไว้บ้างนะคะ ขอบคุณจริงๆที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ
[CR] เที่ยวเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน ตัวเมือง-ม่อนแจ่ม-ดอยสุเทพ
วันแรก ( 18/10/58 )
พวกเรานัดเจอกันที่สนามบินดอนเมืองตอน 6 โมงเช้า เครื่องบินออกเวลา 07:10 น. ถึงเชียงใหม่เวลา 08:15 น.
ติดถนนคนเดินวันอาทิตย์
ห้องนอนของพวกเรา
พวกเราปั่นไปตามถนนปกเกล้า ก็เจอสถานที่แรกที่เราจะแวะนั่นก็คือ วัดเจ็ดลิน ภายในวัดมีหนองน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง เชื่อกันว่าเคยใช้เป็นสถานที่สรงน้ำในพระราชพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ล้านนา คือ พระเมกุฎิวิสุทธิวงศ์ที่นี่พวกเราได้ให้อาหารปลากันด้วย แต่ดูเหมือนนกจะได้กินมากกว่า เพราะไม่กลัวคนเลยเดินเข้ามาใกล้มากๆ
จากนั้นออกจากวัดเจ็ดลินไปทางซ้ายไม่ถึง 100 เมตร ก็จะเจอวัดหมื่นตูม ตามประวัติเล่าว่ากษัตริย์ในราชวงศ์มังราย ก่อนจะขึ้นเสวยราชย์จะต้องไปสะเดาะเคราะห์ที่วัดนี้ก่อน
จากนั้นก็ปั่นไปตามถนนปกเกล้า เจอสี่แยกไฟแดงตรงไป จะเจอวัดเจดีย์หลวงอยู่ซ้ายมือ ภายในวัดมีองค์พระเจดีย์ขนาดใหญ่ ซึ่งแต่เดิมถือว่าเป็นศูนย์กลางทางการปกครองของอาณาจักรล้านนา
พวกเราปั่นบนถนนรอบๆองค์พระเจดีย์ ไปออกทางหลังวัด พวกเราปั่นไปเรื่อยๆก็เจอร้านอาหารชื่อร้าน”เฮือนเพ็ญ” ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว พวกเราจึงตัดสินใจแวะทานข้าวกลางวันกันที่นี่ค่ะ ร้านนี้ตั้งอยู่บนถนนราชมรรคา ร้านอยู่ตรงหัวมุมเลยค่ะ หาง่าย เมนูอาหารในร้านหลากหลายมาก ส่วนใหญ่เป็นอาหารเหนือและส้มตำ รสชาติอร่อยถูกปากพวกเราเกือบทุกอย่างเลย นอกจากอาหารคาว ขนมหวานก็มีหลายอย่าง ใครที่แวะมาทานร้านนี้พวกเราขอแนะนำเลยค่ะ เด็ดจริงๆ(หมดเร็วมากด้วย)
หลังจากท้องอิ่มกันแล้ว ก็เริ่มปั่นจักรยานกันต่อ เป้าหมายต่อไปก็คือ วัดเกตุการาม ซึ่งเป็นวัดประจำปีเกิดปีจอ พวกเราเกิดปีจอกันจึงไม่พลาดที่จะมาทำบุญที่วัดนี้ค่ะ แต่กว่าจะปั่นไปถึงวัดนี่ไม่ง่ายเลย ทั้งหลง ทั้งเหนื่อย (พวกเราใช้วิธีดูแผนที่และปั่นเลี่ยงถนนใหญ่ ลัดเลาะไปตามซอยต่างๆ เพื่อความปลอดภัยค่ะ) แต่ ไหนๆก็ปั่นมาไกลแล้วยังไงก็ต้องไปให้ถึงค่ะ
ถึงแล้ว….. เหนื่อยกันแค่ไหนดูได้จากสีหน้าของพวกเราค่ะ
หลังจากพักกันหายเหนื่อยแล้ว พวกเราก็ไปไหว้พระทำบุญกันค่ะ
ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายสามโมงเศษ ฝนกำลังตั้งท่าจะตก พวกเราจึงรีบปั่นกลับไปที่ร้านเช่าจักรยาน พอถึงร้านฝนก็เทลงมาอย่างหนัก เลยต้องแวะพักหลบฝนที่ร้าน COZY นั่งทานขนมและเครื่องดื่มกัน
หลังจากฝนหยุดตก พวกเราก็เดินกลับที่พัก เข้าห้อง อาบน้ำ แต่งตัว แล้วลงมาเจอกันที่ล็อบบี้ของโรงแรม ได้เวลาไปหาของกินแล้ว...
หาอะไรกินเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็กลับเข้าที่พัก มานั่งคิดกันว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหนกันดี ไหนๆวันนี้ก็เที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่กันไปพอสมควรแล้ว จึงได้ข้อสรุปว่าจะเหมารถไปเที่ยวที่ม่อนแจ่มกัน และสถานที่ปิดท้ายของวันพรุ่งนี้ก็คือพระธาตุประจำเมืองเชียงใหม่ค่ะ
พวกเราตื่นตั้งแต่เช้า อาบน้ำ แต่งตัวแล้วมาทานข้าวกันเวลา 07.00 น. พวกเราลงลิฟต์มาที่ชั้น2ของโรงแรม อาหารเช้าที่เราทานเป็นบุฟเฟ่ต์ของทางโรงแรม (ราคารวมอยู่ในค่าที่พัก)
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางกันต่อ จุดหมายต่อไปคือ ปางช้างแม่แตง
ที่ปางช้างแม่แตงมีกิจกรรมหลากหลายให้ทำเช่น ชมการแสดงความสามารถของช้าง (ช้างวาดรูป,เตะฟุตบอล ฯลฯ) ขี่ช้าง ให้อาหารช้าง ล่องแพ เป็นต้น ถ้าใครสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 089-7555451 ส่วนพวกเรานั้นเลือกที่จะให้อาหารช้าง ราคากล้วย ตะกร้านี้ 100 บาทคะ (แอบแพง)
หลังจากให้อาหารช้างเสร็จ พวกเราก็เดินดูรอบๆๆปางช้าง แล้วเดินไปดูร้านขายของที่ระลึก มีอยู่ร้านนึงคะ ที่น่าสนใจมากๆ เป็นร้านที่ขายของทำเป็นฝีมือช้างล้วนๆเลยคะ พวกเราตัดสินใจซื้อมารูปนึงราคา 500 บาท ราคาค่อนข้างแพง แต่เงินทั้งหมดนี้จะนำไปบริจาคให้กับศูนย์อนามัยปางช้างแม่แตง ไว้ใช้สำหรับรักษาช้างป่วย พวกเราจึงยอมซื้อโดยง่ายคะ ^^
ถึงแล้วคะ ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ลุงบอก ร้านสมุทรสาครเย็นตาโฟ (เห็นชื่อร้านแอบตกใจ เราอยู่เชียงใหม่ไม่ใช่หรอ 5555 )
เมื่อกินอิ่มแล้ว พวกเราก็เดินทางกันต่อคะ
ถึงแล้วคะ วัดพระธาตุดอยสุเทพ สถานที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ที่เขาว่ากันว่าถ้าไม่มาก็เหมือนมาไม่ถึงเชียงใหม่
และแล้วก็ถึงเวลากลับ....สู่โลกแห่งความเป็นจริง โดยรวมแล้วสำหรับทริปนี้พวกเราเที่ยวกันเยอะมากถ้าเทียบกับเวลาแค่ 2 วัน ทั้งเหนื่อย ทั้งสนุก หากจะเที่ยวแบบพวกเรา ขอให้เผื่อเวลาไว้บ้างนะคะ ขอบคุณจริงๆที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ
ค่าเครื่องบินไป-กลับ 1530 บาท/คน
ค่าที่พัก 600 บาท/คน
เช่าจักรยาน 350/6 = 59 บาท/คน
มื้อเที่ยง(วันแรก)492/6 = 82 บาท/คน
มื้อเย็น 240/6 = 40 บาท/คน
เหมารถแดง 2200/6=367บาท/คน
มื้อเที่ยง(วันที่สอง) /6=44บาท/คน
รวมประมาณคนละ 2722 บาทต่อคน(ไม่รวมค่าซื้อของฝาก)