สวัสดีครับ นี่ไม่ใช่ล๊อคอินของผมนะครับ แต่ยืมของน้อมาใช้
เรื่องมันเป็นมาแบบนี้ครับ ผมคบกับแฟนคนนี้ได้สามปีกว่าเกือบสี่ปีแล้ว แต่ตลอดสามปีสี่ปีที่ผ่านมา เราไม่เคยมีอะไรเกินเลยนะครับ มีจับมือ โอบไหล่ กอดกันบ้างบางโอกาสซึ่งแค่นั้น แต่ผมโอเคนะครับ ไม่ได้อะไร(ทั้งๆที่อยากมากกว่านั้น แต่กลัวเธอไม่โอเค)
แฟนผมเธอเป็นคนง่ายๆครับ ง่ายๆในที่นี้คือกินอยู่ง่าย ไม่เรื่องมาก ไม่ค่อยเรียกร้องอะไรจากผมเลย(ซึ่งบางทีผมก็อยากให้เธออ้อนผมบ้าง ขออะไรผมบ้างก็ได้ นี่มันแข็งแกร่งเกินไป 555) เธอเป็นคนเฮฮา เฟรนลี่ วางตัวดีครับเวลาอยู่กับผมนะ ทำให้ผมรู้สึกโชคดีที่ได้เธอเป็นแฟน ที่สำคัญเธอเป็นผู้หญิงที่เลี้ยงง่ายมาก คือผมจะทำอะไรเธอตามใจหมดถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบก็ตาม แต่เธอก็ทำตามผม เช่นผมชอบดูหนังแนวแอคชั่น เวลาที่ไปดูหนังด้วยกัน เธอก็ไม่ค่อยอยากดู แต่ก็ซื้อตั๋วเข้าไปดูทุกครั้งแล้วตั้งใจดูจนจบ แล้วเราก็เอาออกมาคุยกับ หรือแม้กระทั่งเรื่องกินข้าว เธอเป็นคนไม่ชอบกินปิ้งย่าง เพราะว่ากลิ่นมันจะติดผม แต่ผมชอบกินอะไรพวกนี้ไงครับ ซึ่งผมถามว่าเธออยากกินอะไร แฟนผมก็ตอบว่าไม่รู้ว่าจะกินอะไรเหมือนกัน จนเธอบอกว่าถ้าผมอยากกินปิ้งย่างเธอก็จะกินด้วย(ผมรู้สึกว่าเหมือนเป็นการบังคับใจเธอแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ) พอนเสร็จจะจ่ายเงิน เธอก็จ่ายเอง และไม่ว่าจะมื้อไหนๆ เธอก็จะจ่ายส่วนของเธอเองจนผมรู้สึกว่าผมยังทำหน้าที่แฟนไม่ดีพอ
สรุปเลยครับเธอเป็นทั้งแฟนที่ดี แต่ในขณะเดียวกันเธอทำให้ผมรู้สึกว่าผมกำลังอยู่กับเพื่อน ซึ่งก็ดีครับ มันกลายเป็นว่าผมติดเพื่อนน้อยลงแล้วหันมามีเวลาใส่ใจแฟนมากขึ้น
ผมและแฟนทำงานกันคนละที่ และเวลาทำงานเราไม่ค่อยจะตรงกัน เธอทำงาน4วัน หยุด3วัน ซึ่งผมก็ทำงาน15วันหยุดครั้ง เวลาเจอกันเลยต้องนัด
ทีนี้มันเป็นความ

ของผมเองตรงที่ว่า เมื่ออาทิตย์ก่อนผมเจอแฟนเก่าโดยบังเอิญ เรานัดกินข้าวกันที่เซนลาด ผมไม่ได้บอกแฟนว่าผมจะเข้ามากรุงเทพ คือมันไม่ใช่วันที่แฟนหยุดงานด้วย และไม่อยากให้เข้าใจผิดกัน ผมมานั่งกินข้าวกับแฟนเก่า หลักๆเธอมาขอคืนดี(แต่หายไปจากชีวิตผมสี่ปีแล้วนะ กลับมาทำไม) ผมก็ไม่ได้อะไร ผมตอบบอกว่ากลับมาได้ แต่คงไม่ใช่สถานะเดิม เพราะผมมีใหม่แล้วและคิดว่าจะแต่งงานกับแฟนคนปัจจุบันคนนี้แหละ
วันนั้นมันเป็นเหมือนวันที่ผมรู้สึกว่ากรุงเทพเป็นเมืองที่แคบเลยก็ว่าได้ มันเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญแต่ก็ไม่ใช่ เพราะแฟนคนปัจจุบันของผมมาก็นัดเพื่อนมากินข้าวที่ร้านนี้ เธอลากกระเป๋าวิ่งหน้าตั้งไปที่โต๊ะเพื่อน(ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าไอ้โต๊ะข้างๆนี่เป็นโต๊ะเพื่อนเธอ เพราะผมไม่เคยเห็นเพื่อนกลุ่มนี้ ปกติเพื่อนมหาลัยของแฟนผมที่เจอจะเป็นสายติสๆติดดิน ไม่ใช่สายคุณหนูไฮโซแบบนี้ และเหมือนเพื่อนของเธอจะไม่รู้ด้วยว่าผมเป็นแฟนเขา ทั้งๆที่เราคบกันอย่างเปิดเผยนะครับไม่ได้ปิดบังใครเลย ทำไมเพื่อกลุ่มนี้ผมไม่รู้จักก็ไม่รู้) เธอหันมามองผม ส่วนผมก็หันไปมองเธอ แฟนผมยิ้มให้ผมแล้วนั่งที่โต๊ะเพื่อนแบบทำเหมือนไม่ได้รู้จักกับผม แล้วก็นั่งกินน้ำส้มที่เพื่อนเขาสั่งไว้ให้หน้าตาเฉย ผมในตอนนั้นที่บังเอิญจับมือกับแฟนเก่านี่แทบจะปล่อยไม่ทันเลยทีเดียว
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ แฟนเก่าผมก็คยั้นคะยอให้ผมไปส่งที่บ้าน ผมส่งสายตาหาแฟนผมที่นั่งที่โต๊ะข้างๆ และดูเธอเหมือนจะไม่สนใจผมเอาซะเลย ผมคิดว่าเธออาจจะไม่พอใจผม ซึ่งผมเองก็คิดว่าถ้าแฟนคนปัจจุบันของผมมานัดกินข้าวอะไรแบบนี้สองต่อสองก็คงจะโกรธ(แต่เวลาผมไปไหน ทำอะไรผมจะบอกเธอนะครับ แล้วเธอก็จะบอกผมเหมือนกัน แบบเราไม่เคยมีอะไรปกปิดกันเลย ซึ่งเรื่องที่เธอมากินข้าวกับเพื่อนเธอก็ไลน์มาบอกผมแล้ว แต่ผมไม่ได้อ่านเอง คือไลน์มันไม่แจ้งเตือนด้วย ไม่รู้ทำไม) วันนั้นมันสองทุ่มกว่า ผมเลยเดินไปส่งให้แฟนเก่าผมขึ้นmrt กลับบ้าน แทนที่ผมจะขับรถไปส่งเขา ส่วนแฟนคนปัจจุบันของผมเขาก็กลับบ้านเขาไปตามปกติ แล้วคืนนั้นเราก็ไม่ได้คุยกัน คือผมโทรไปหาเธอเพื่อปรับความเข้าใจ แต่เธอไม่ได้รับโทรศัพท์ผม ในใจตอนนั้นผมคิดแล้วว่าเธอคงรับไม่ได้กับพฤติกรรมผม เพราะเราสองคนอยู่อย่างการให้เกียรติมาตลอด แล้วผมก็มาทำแบบนี้กับเธอไง แต่ผมสาบานได้ว่าผมกับแฟนเก่าไม่ได้มีอะไรแล้วจริงๆ
หลังจากนั้นอีกสองวันเป็นวันที่เธอหยุดงาน แล้วมันตรงกับวันหยุดผมพอดี เธอโทรมาหาผมนัดไปกินข้าว ดูหนังฟังเพลงตามประสาแฟนปกติ เธอร่าเริงเหมือนเดิน ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรติดใจในเรื่องวันนั้นแล้ว แต่เป็นผมเองที่ติดใจ ผมไม่สบายใจ ผมไม่อยากให้เธอเป็นแบบนี้ ดูมันผิดปกติของผู้หญิงมากเกินไป ซึ่งผมคิดว่าควรวอธิบายให้เธอเข้าใจ ผมเป็นคนเริ่มก่อน แล้วเธอก็นั่งฟังนิ่งๆ เงียบๆ ทำหน้าเข้าใจทุกอย่าง คำสุดท้ายที่เธอพูดเรื่องนี้คือ "ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ เราเข้าใจว่า...เพื่อนผู้หญิงเยอะ จะจับมือถือแขขน หรือนัดกินข้าวอะไรก็เป็นเรื่องปกติ ไหนๆเรื่องก็ผ่านมาแล้วอย่ามาคิดให้เครียดดิ นี่วันนี้วันหยุดเรานะ อยากพักผ่อนสมอง" พอพูดจบ มันก็ไปปิดฉากตรงที่เธอชวนผมโยนโบว์กับร้องเกะ หาหนังดูเรื่องหนึ่งแล้วก็แยกย้ายกลับบ้าน ซึ่งวันนี้ผมรบเร้าขอไปส่งเธอที่บ้าน ซึ่งก็ตามยุคผู้หญิงสมัยใหม่ เธอขับรถมาเอง นั่นทำให้ผมไม่ได้ว่าอะไรต่อจากนั้นต่างคนก้ต่างแยกย้าย แล้วมันก็กลับมาปกติเหมือนเดิมคือเธอถึงบ้านแล้วก็ไลน์มาหาผมทันที
วันต่อมาเธอไลน์มาบอกผมว่าคืนนี้มีนัดเลี้ยงรุ่นเลี้ยงสายกับเพื่อนแล้วก็รุ่นน้องที่มหาลัย เธอบอกว่างานเลี้ยงกลับค่ำเลย สถานที่คือร้านอาหารแถวกึ่งผับกึ่งบาร์แถวทองหล่อ ผมอาสาจะขับรถไปรับเธอถึงที่บ้าน ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เธอหัดทำตัวสมหญิงคือให้ผมมารับที่บ้านพอไปงานกินเลี้ยง ผมไปรับเธอออกจากบ้านตอนสี่โมงเย็น ในรถเราก็พูดอะไรเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่ผมจะบ่นเรื่องงานให้เธอฟังมากกว่า ส่วนเธอก็เป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาที่ดีกับผม เราคุยกันมาตลอดทางจนมาถึงร้านอาหารที่ว่า
วันนั้นเป็นวันที่ผมดีใจมากไปอีกวัน เพราะเธอขอให้ผมอยู่ที่นี่กับเธอด้วย(คือเหมือนผมจะได้รู้จักโลกของเธอมากขึ้น คือผมไม่เคยเห็นเวลาที่เธออยู่กับเพื่อนเท่าไหร่) ส่วนค่าอาหารของผมเธอจะออกให้ ซึ่งผมคิดว่ามันไม่ดีเท่าไหร่ ผมเลยยื่นแบงก์พันให้เธอไป บอกว่าส่วนของผม ผมออกเอง
และทันทีที่ผมเข้าไปในงานเลี้ยง สิ่งแรกที่ผมไม่เคยเห็นจากตัวแฟนผมคนนี้เลยคือเรื่องความมีจริตจะก้านในตัว รุ่นน้องที่เป็นตุ๊ดก็เข้ามาสวัสดีค่ะคุณพี่ จีบปากจีบคอ เธอก็เล่นด้วย แล้วก็จุ๊บกันที่ข้างแก้ม ซึ่งผมก็ช๊อคไปชั่วขณะเพราะผมเองยังไม่เคยหอมแก้มเธอด้วยซ้อมตั้งแต่คบกันมา(ไม่รู้ว่าทนไปได้ยังไง) ผมก้ไม่เป็นไร เพราะคิดว่าน้องเขาร่างเป็นชายใจเป็นหญิง คงไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับแฟนเราหรอก แต่ตอนนั้นแฟนผมก็หันมาหาผมพร้อมขอโทษ เธอบอกว่าตอนอยู่มหาลัยเธอก็เล่นกับรุ่นน้องแบบนี้ ซึ่งดูแล้วรุ่นน้องก็รักและเคารพเธอมากพอสมควร แถมเล่นกับถึงเนื้อถึงตัวมากเช่นกัน แต่ผมได้แต่บอกตัวเองว่าเขาเล่นกันอย่าคิดมาก แต่พอเพื่อนเธอมาถึงปุ๊บ ตอนแรกเธอก็กอดผู้หญิงก่อนแล้วบอกว่าคิดถึง ตามประสาเพื่อนน่ะครับแยกย้ายทำงาน นานๆเจอที ทีนี้พอเพื่อนผู้ชายมา สิ่งแรกที่เจอคือเพื่อนผู้ชายของเธอก็สาดคำหยาบใส่ประมาณว่า "มีผัวแล้วลืมเพื่อน" แฟนผมซึ่งปกติไม่ค่อยพูดคำหยาบเท่าไหร่ แต่พอเจอหน้าเพื่อนผู้ชายก็ปล่อยสัตว์ และคำที่ผมรับไม่ค่อยได้ออกใส่เพื่อนผู้ชายแก๊งนั้น แล้วก็กอดกัน คือไล่กอดไปทีละคนและกอดกันแน่นมากจนผมรู้สึกไม่โอเคเลย เธอหันมามองหน้าผมแล้วบอกว่าตอนอยู่มหาลัย เธอกับเพื่อนผู้ชายก็สนิทกันแบบนี้ และไม่ว่าทุกครั้งที่ใครมาถึง มันก็เดินตรงมากอดแฟนผม ซึ่งแฟนผมก็กอดตอบ จนผมทนไม่ไหวเลยต้องไปยืนประกบข้าง ไม่งั้นก็เอามือมาจับจนรุ่นน้องผู้ชายบางคน หรือเพื่อนผู้ชายที่เดินมาอีกไม่กล้ามากอด แต่แฟนผมก็ไม่ได้อะไร แต่ก็ตะโกนด่ากันไปมาด้วยคำหยาบที่ผมไม่เคยได้ยินจากปากเธอเลยเช่นกัน (คือคณะที่เธอเรียนมีผู้ชายเรียนเยอะมากครับ โดยเฉพาสาขาของเธอนี่สัดส่วนผู้ชายต่อผู้หญิง เป็น 80:20 ซึ่งผมเรียนคณะเดียวกับเธอแต่คนละมหาลัยนะครับ คือคณะผมผู้ชายเยอะแต่ผมก็ยังไม่กล้าเดินกอดผู้หญิงแบบนี้เลย คือมันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วหรอ รึยังไง?)
พอถึงสั่งอาหาร เราก็กินกันไปมีร้องเกะกันไป แฟนผมก็ร้องเพลงแบบเกรียนๆ กับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย ซึ่งเพื่อนผู้หญิงที่มีสี่ห้าคนในรุ่นของเธอก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่ จากนั้นเพื่อนผู้ชายเธอและรุ่นน้องก็ร้องลูกทุ่งสนุกๆ แล้วก็นั่งกินอะไรไปเรื่อยๆ จากนั้นไม่นานผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำกับคุยโทรศัพท์กับแม่นิดหน่อยเพราะแม่ฝากซื้อของเข้าบ้าน ผมคุยไม่นานแล้วเดินเจ้าไปในงานเลี้ยงใหม่ ตอนนี้แฟนผมกำลังถ่ายรูปเซลฟี่กับเพื่อน ซึ่งเพื่อนผู้หญิงก็นั่งตักเธอก็ไม่ได้อะไร ทีนี้มันถึงตาเพื่อนผู้ชายบ้าง เพื่อนผู้ชายก็โอบคอ เธอก็โอบกลับ ถ่ายเซลฟี่ไป คือเธอกับเพื่อนสนุกเฮอามาก แต่ผมไม่ขำเลย เธอหันมาหาผมแป๊บนึง ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า ด้วยสายตาของเธอที่มองผมเหมือนมันสะใจ แต่ก็อย่างที่ผมบอก ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ ทีนี้ตรงที่พีคสุดคือรุ่นน้องผู้ชาย ตุ๊ด ผู้หญิงมาขอเซลฟี่ด้วย เธอก็โอเค ถ่ายๆไปซักพัก รุ่นน้องผู้ชายก็นั่งตักเธอ เธอก็โอบมันจากด้านหลัง โอบแน่นมาก แล้วก็เงยหน้าไปถ่ายรูป ซึ่งจุดนี้ผมเริ่มทนไม่ไหว แต่ก็ได้แค่มอง ถ้าเกิดว่าผมไปอาลวาดในนี้เธอคงจะโกรธผมแน่ๆ ไอ้รุ่นน้องกับแฟนผมก็สลับกันนั่งตัก เต้นเพลงหญิงลี แล้วก็มีป้อนนู่นนั่นนี่ให้กัน เธอหันมามองผมอีกครั้งเป็นเชิงขอโทษ แล้วก็หันกลับไปสนุกกับเพื่อนเธออีก
มันเหมือนเป็นการปลดปล่อยตัวเธอหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ แต่ผมสังเกตต่อมาคือเธอตัวติดกับไอ้รุ่นน้องคนนั้นขนาดที่ว่าไม่ห่างกันไปไหนเลย แต่ไม่มีการจับมือนะครับ รุ่นน้องนั่งตัก เธอโอบมันไว้อย่างนั้น แล้วก็ทำสลับกันไปมา จนเธอเดินมาหาผมว่าเธอจะกลับแล้ว รุ่นน้องกับเพื่อนล่ำลากับเธอ แล้วก็มีเสียงตะโกนแซวมาว่า "อย่าไปเยกับผัวจนไปทำงานไม่ไหวนะ" ซึ่งเธอก็ตะโกนกลับไปว่า "พรุ่งนี้หยุดงาน จะเยกันถึงเช้าก็ไม่แปลกอะไร" เพื่อนผู้ชายเธอหัวเราะชอบใจ ส่วนเพื่อนผู้หญิงยกนิ้วโป้งให้เธอ พร้อมพูดว่า....เธอ strongมาก ฝีปากแกร่งกล้าเหมือนเดิม แต่เป็นผมกลับมองว่ามันไม่งามเลย
พอมาถึงรถ ผมก็ถามเธอว่าอยู่ที่มหาลัยเป็นแบบนี้เหรอ เธอก็บอกว่าใช่ ปกติเป็นคนแรงๆ และไม่ค่อยมีใครเห็นเธอเป็นผู้หญิง ผมถามเธอกลับว่าแล้วกอดกับคนอื่นไปทั่วเลยเหรอ เธอก็บอกว่าเฉพาะในสาขาเธอ ถ้าคนนอกสาขาและไม่สนิทเธอก็ไม่ทำ ผมถามอีกทีกับรุ่นน้องคนนั้นทำไมต้องโอบ ซึ่งเธอไม่ตอบ แล้วบอกว่า รุ่นน้องสนิทกัน ก็ไม่เห็นแปลกอะไร ใครๆก็ทำกัน แต่ผมบอกเลยว่าผมไม่โอเค ใครจะว่าผมเรื่องเยอะก็ช่าง วันนั้นผมไม่โอเคกับแฟนผมเลยจริงๆ
ซึ่งพอผมลองเอาเหตุการณ์มาประติดประต่อแบบไม่อยากเข้าข้างตัวเอง ผมเลยไลน์ไปถามเพื่อนเธอว่าปกติเธอเป็นแบบนั้นมั้ย เพื่อนเธบอกว่าอยู่มหาลัยเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่เรื่องเธอนั่งโอบนั่งตักกับรุ่นน้องคนนั้นนั่นเป็นครั้งแรกที่เห็น แต่ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะปกติแฟนผมสมัยเรียนก็มีรุ่นน้องที่เป็นตุ๊ดมานั่งตักอยู่แล้ว หรือแม้แต่เพื่อนผู้หญิงด้วยกันเอง เพื่อนผู้ชายจะมากสุดแค่กอด แต่ผู้ชายมานั่งตักนี่ไม่เคยจริงๆ ผมถามเพื่อนแฟนไปแล้วว่ารุ่นน้องคนนั้นเป้นผู้ชายแท้ๆ แล้วมันหมายความว่ายังไงครับ?
คำถามของผมคือ
1.เป็นไปได้มั้ยที่เหตุการณ์วันที่ไปกินเลี้ยงกับเพื่อนและรุ่นน้องที่มหาลัยเธอทำประชดผมที่เกิดจากสาเหตุที่ผมไปกินข้าวกับแฟนเก่า
2.นี่มันคืออาการของผู้หญิงหรือเปล่าครับ คือก่อนหน้านี้เวลาที่ผมอยู่กับผู้หญิงมีมากอกแกก จับมือถือแขนเธอก็ไม่เคยแสดงออกแบบนี้นะครับ
3.ถ้าเธอหึงผมจริงๆ มันไม่แรงไปเหรอครับกับการกระทำแบบนี้
ขอบคุณครับ
ปล. จากวันนั้นถึงวันนี้เรายังไม่ได้คุยกันเลยครับ
ปล. จากวันนั้นถึงวันนี้เรายังไม่ได้พูดนะครับ หมายถึงไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น เพราะเธอทำเหมือนเรื่องปกติมาก แล้วกลายเป็นว่าผมจะเป็นประสาทซะเองกับพฤติกรรมของเธอในวันนั้น
ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นการแสดงออกของการหึงหวงของผู้หญิงหรือเปล่า ถ้าใช่คิดว่ามันแรงไปมั้ย?
เรื่องมันเป็นมาแบบนี้ครับ ผมคบกับแฟนคนนี้ได้สามปีกว่าเกือบสี่ปีแล้ว แต่ตลอดสามปีสี่ปีที่ผ่านมา เราไม่เคยมีอะไรเกินเลยนะครับ มีจับมือ โอบไหล่ กอดกันบ้างบางโอกาสซึ่งแค่นั้น แต่ผมโอเคนะครับ ไม่ได้อะไร(ทั้งๆที่อยากมากกว่านั้น แต่กลัวเธอไม่โอเค)
แฟนผมเธอเป็นคนง่ายๆครับ ง่ายๆในที่นี้คือกินอยู่ง่าย ไม่เรื่องมาก ไม่ค่อยเรียกร้องอะไรจากผมเลย(ซึ่งบางทีผมก็อยากให้เธออ้อนผมบ้าง ขออะไรผมบ้างก็ได้ นี่มันแข็งแกร่งเกินไป 555) เธอเป็นคนเฮฮา เฟรนลี่ วางตัวดีครับเวลาอยู่กับผมนะ ทำให้ผมรู้สึกโชคดีที่ได้เธอเป็นแฟน ที่สำคัญเธอเป็นผู้หญิงที่เลี้ยงง่ายมาก คือผมจะทำอะไรเธอตามใจหมดถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบก็ตาม แต่เธอก็ทำตามผม เช่นผมชอบดูหนังแนวแอคชั่น เวลาที่ไปดูหนังด้วยกัน เธอก็ไม่ค่อยอยากดู แต่ก็ซื้อตั๋วเข้าไปดูทุกครั้งแล้วตั้งใจดูจนจบ แล้วเราก็เอาออกมาคุยกับ หรือแม้กระทั่งเรื่องกินข้าว เธอเป็นคนไม่ชอบกินปิ้งย่าง เพราะว่ากลิ่นมันจะติดผม แต่ผมชอบกินอะไรพวกนี้ไงครับ ซึ่งผมถามว่าเธออยากกินอะไร แฟนผมก็ตอบว่าไม่รู้ว่าจะกินอะไรเหมือนกัน จนเธอบอกว่าถ้าผมอยากกินปิ้งย่างเธอก็จะกินด้วย(ผมรู้สึกว่าเหมือนเป็นการบังคับใจเธอแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ) พอนเสร็จจะจ่ายเงิน เธอก็จ่ายเอง และไม่ว่าจะมื้อไหนๆ เธอก็จะจ่ายส่วนของเธอเองจนผมรู้สึกว่าผมยังทำหน้าที่แฟนไม่ดีพอ
สรุปเลยครับเธอเป็นทั้งแฟนที่ดี แต่ในขณะเดียวกันเธอทำให้ผมรู้สึกว่าผมกำลังอยู่กับเพื่อน ซึ่งก็ดีครับ มันกลายเป็นว่าผมติดเพื่อนน้อยลงแล้วหันมามีเวลาใส่ใจแฟนมากขึ้น
ผมและแฟนทำงานกันคนละที่ และเวลาทำงานเราไม่ค่อยจะตรงกัน เธอทำงาน4วัน หยุด3วัน ซึ่งผมก็ทำงาน15วันหยุดครั้ง เวลาเจอกันเลยต้องนัด
ทีนี้มันเป็นความ
วันนั้นมันเป็นเหมือนวันที่ผมรู้สึกว่ากรุงเทพเป็นเมืองที่แคบเลยก็ว่าได้ มันเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญแต่ก็ไม่ใช่ เพราะแฟนคนปัจจุบันของผมมาก็นัดเพื่อนมากินข้าวที่ร้านนี้ เธอลากกระเป๋าวิ่งหน้าตั้งไปที่โต๊ะเพื่อน(ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าไอ้โต๊ะข้างๆนี่เป็นโต๊ะเพื่อนเธอ เพราะผมไม่เคยเห็นเพื่อนกลุ่มนี้ ปกติเพื่อนมหาลัยของแฟนผมที่เจอจะเป็นสายติสๆติดดิน ไม่ใช่สายคุณหนูไฮโซแบบนี้ และเหมือนเพื่อนของเธอจะไม่รู้ด้วยว่าผมเป็นแฟนเขา ทั้งๆที่เราคบกันอย่างเปิดเผยนะครับไม่ได้ปิดบังใครเลย ทำไมเพื่อกลุ่มนี้ผมไม่รู้จักก็ไม่รู้) เธอหันมามองผม ส่วนผมก็หันไปมองเธอ แฟนผมยิ้มให้ผมแล้วนั่งที่โต๊ะเพื่อนแบบทำเหมือนไม่ได้รู้จักกับผม แล้วก็นั่งกินน้ำส้มที่เพื่อนเขาสั่งไว้ให้หน้าตาเฉย ผมในตอนนั้นที่บังเอิญจับมือกับแฟนเก่านี่แทบจะปล่อยไม่ทันเลยทีเดียว
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ แฟนเก่าผมก็คยั้นคะยอให้ผมไปส่งที่บ้าน ผมส่งสายตาหาแฟนผมที่นั่งที่โต๊ะข้างๆ และดูเธอเหมือนจะไม่สนใจผมเอาซะเลย ผมคิดว่าเธออาจจะไม่พอใจผม ซึ่งผมเองก็คิดว่าถ้าแฟนคนปัจจุบันของผมมานัดกินข้าวอะไรแบบนี้สองต่อสองก็คงจะโกรธ(แต่เวลาผมไปไหน ทำอะไรผมจะบอกเธอนะครับ แล้วเธอก็จะบอกผมเหมือนกัน แบบเราไม่เคยมีอะไรปกปิดกันเลย ซึ่งเรื่องที่เธอมากินข้าวกับเพื่อนเธอก็ไลน์มาบอกผมแล้ว แต่ผมไม่ได้อ่านเอง คือไลน์มันไม่แจ้งเตือนด้วย ไม่รู้ทำไม) วันนั้นมันสองทุ่มกว่า ผมเลยเดินไปส่งให้แฟนเก่าผมขึ้นmrt กลับบ้าน แทนที่ผมจะขับรถไปส่งเขา ส่วนแฟนคนปัจจุบันของผมเขาก็กลับบ้านเขาไปตามปกติ แล้วคืนนั้นเราก็ไม่ได้คุยกัน คือผมโทรไปหาเธอเพื่อปรับความเข้าใจ แต่เธอไม่ได้รับโทรศัพท์ผม ในใจตอนนั้นผมคิดแล้วว่าเธอคงรับไม่ได้กับพฤติกรรมผม เพราะเราสองคนอยู่อย่างการให้เกียรติมาตลอด แล้วผมก็มาทำแบบนี้กับเธอไง แต่ผมสาบานได้ว่าผมกับแฟนเก่าไม่ได้มีอะไรแล้วจริงๆ
หลังจากนั้นอีกสองวันเป็นวันที่เธอหยุดงาน แล้วมันตรงกับวันหยุดผมพอดี เธอโทรมาหาผมนัดไปกินข้าว ดูหนังฟังเพลงตามประสาแฟนปกติ เธอร่าเริงเหมือนเดิน ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรติดใจในเรื่องวันนั้นแล้ว แต่เป็นผมเองที่ติดใจ ผมไม่สบายใจ ผมไม่อยากให้เธอเป็นแบบนี้ ดูมันผิดปกติของผู้หญิงมากเกินไป ซึ่งผมคิดว่าควรวอธิบายให้เธอเข้าใจ ผมเป็นคนเริ่มก่อน แล้วเธอก็นั่งฟังนิ่งๆ เงียบๆ ทำหน้าเข้าใจทุกอย่าง คำสุดท้ายที่เธอพูดเรื่องนี้คือ "ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ เราเข้าใจว่า...เพื่อนผู้หญิงเยอะ จะจับมือถือแขขน หรือนัดกินข้าวอะไรก็เป็นเรื่องปกติ ไหนๆเรื่องก็ผ่านมาแล้วอย่ามาคิดให้เครียดดิ นี่วันนี้วันหยุดเรานะ อยากพักผ่อนสมอง" พอพูดจบ มันก็ไปปิดฉากตรงที่เธอชวนผมโยนโบว์กับร้องเกะ หาหนังดูเรื่องหนึ่งแล้วก็แยกย้ายกลับบ้าน ซึ่งวันนี้ผมรบเร้าขอไปส่งเธอที่บ้าน ซึ่งก็ตามยุคผู้หญิงสมัยใหม่ เธอขับรถมาเอง นั่นทำให้ผมไม่ได้ว่าอะไรต่อจากนั้นต่างคนก้ต่างแยกย้าย แล้วมันก็กลับมาปกติเหมือนเดิมคือเธอถึงบ้านแล้วก็ไลน์มาหาผมทันที
วันต่อมาเธอไลน์มาบอกผมว่าคืนนี้มีนัดเลี้ยงรุ่นเลี้ยงสายกับเพื่อนแล้วก็รุ่นน้องที่มหาลัย เธอบอกว่างานเลี้ยงกลับค่ำเลย สถานที่คือร้านอาหารแถวกึ่งผับกึ่งบาร์แถวทองหล่อ ผมอาสาจะขับรถไปรับเธอถึงที่บ้าน ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เธอหัดทำตัวสมหญิงคือให้ผมมารับที่บ้านพอไปงานกินเลี้ยง ผมไปรับเธอออกจากบ้านตอนสี่โมงเย็น ในรถเราก็พูดอะไรเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่ผมจะบ่นเรื่องงานให้เธอฟังมากกว่า ส่วนเธอก็เป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาที่ดีกับผม เราคุยกันมาตลอดทางจนมาถึงร้านอาหารที่ว่า
วันนั้นเป็นวันที่ผมดีใจมากไปอีกวัน เพราะเธอขอให้ผมอยู่ที่นี่กับเธอด้วย(คือเหมือนผมจะได้รู้จักโลกของเธอมากขึ้น คือผมไม่เคยเห็นเวลาที่เธออยู่กับเพื่อนเท่าไหร่) ส่วนค่าอาหารของผมเธอจะออกให้ ซึ่งผมคิดว่ามันไม่ดีเท่าไหร่ ผมเลยยื่นแบงก์พันให้เธอไป บอกว่าส่วนของผม ผมออกเอง
และทันทีที่ผมเข้าไปในงานเลี้ยง สิ่งแรกที่ผมไม่เคยเห็นจากตัวแฟนผมคนนี้เลยคือเรื่องความมีจริตจะก้านในตัว รุ่นน้องที่เป็นตุ๊ดก็เข้ามาสวัสดีค่ะคุณพี่ จีบปากจีบคอ เธอก็เล่นด้วย แล้วก็จุ๊บกันที่ข้างแก้ม ซึ่งผมก็ช๊อคไปชั่วขณะเพราะผมเองยังไม่เคยหอมแก้มเธอด้วยซ้อมตั้งแต่คบกันมา(ไม่รู้ว่าทนไปได้ยังไง) ผมก้ไม่เป็นไร เพราะคิดว่าน้องเขาร่างเป็นชายใจเป็นหญิง คงไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับแฟนเราหรอก แต่ตอนนั้นแฟนผมก็หันมาหาผมพร้อมขอโทษ เธอบอกว่าตอนอยู่มหาลัยเธอก็เล่นกับรุ่นน้องแบบนี้ ซึ่งดูแล้วรุ่นน้องก็รักและเคารพเธอมากพอสมควร แถมเล่นกับถึงเนื้อถึงตัวมากเช่นกัน แต่ผมได้แต่บอกตัวเองว่าเขาเล่นกันอย่าคิดมาก แต่พอเพื่อนเธอมาถึงปุ๊บ ตอนแรกเธอก็กอดผู้หญิงก่อนแล้วบอกว่าคิดถึง ตามประสาเพื่อนน่ะครับแยกย้ายทำงาน นานๆเจอที ทีนี้พอเพื่อนผู้ชายมา สิ่งแรกที่เจอคือเพื่อนผู้ชายของเธอก็สาดคำหยาบใส่ประมาณว่า "มีผัวแล้วลืมเพื่อน" แฟนผมซึ่งปกติไม่ค่อยพูดคำหยาบเท่าไหร่ แต่พอเจอหน้าเพื่อนผู้ชายก็ปล่อยสัตว์ และคำที่ผมรับไม่ค่อยได้ออกใส่เพื่อนผู้ชายแก๊งนั้น แล้วก็กอดกัน คือไล่กอดไปทีละคนและกอดกันแน่นมากจนผมรู้สึกไม่โอเคเลย เธอหันมามองหน้าผมแล้วบอกว่าตอนอยู่มหาลัย เธอกับเพื่อนผู้ชายก็สนิทกันแบบนี้ และไม่ว่าทุกครั้งที่ใครมาถึง มันก็เดินตรงมากอดแฟนผม ซึ่งแฟนผมก็กอดตอบ จนผมทนไม่ไหวเลยต้องไปยืนประกบข้าง ไม่งั้นก็เอามือมาจับจนรุ่นน้องผู้ชายบางคน หรือเพื่อนผู้ชายที่เดินมาอีกไม่กล้ามากอด แต่แฟนผมก็ไม่ได้อะไร แต่ก็ตะโกนด่ากันไปมาด้วยคำหยาบที่ผมไม่เคยได้ยินจากปากเธอเลยเช่นกัน (คือคณะที่เธอเรียนมีผู้ชายเรียนเยอะมากครับ โดยเฉพาสาขาของเธอนี่สัดส่วนผู้ชายต่อผู้หญิง เป็น 80:20 ซึ่งผมเรียนคณะเดียวกับเธอแต่คนละมหาลัยนะครับ คือคณะผมผู้ชายเยอะแต่ผมก็ยังไม่กล้าเดินกอดผู้หญิงแบบนี้เลย คือมันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วหรอ รึยังไง?)
พอถึงสั่งอาหาร เราก็กินกันไปมีร้องเกะกันไป แฟนผมก็ร้องเพลงแบบเกรียนๆ กับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย ซึ่งเพื่อนผู้หญิงที่มีสี่ห้าคนในรุ่นของเธอก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่ จากนั้นเพื่อนผู้ชายเธอและรุ่นน้องก็ร้องลูกทุ่งสนุกๆ แล้วก็นั่งกินอะไรไปเรื่อยๆ จากนั้นไม่นานผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำกับคุยโทรศัพท์กับแม่นิดหน่อยเพราะแม่ฝากซื้อของเข้าบ้าน ผมคุยไม่นานแล้วเดินเจ้าไปในงานเลี้ยงใหม่ ตอนนี้แฟนผมกำลังถ่ายรูปเซลฟี่กับเพื่อน ซึ่งเพื่อนผู้หญิงก็นั่งตักเธอก็ไม่ได้อะไร ทีนี้มันถึงตาเพื่อนผู้ชายบ้าง เพื่อนผู้ชายก็โอบคอ เธอก็โอบกลับ ถ่ายเซลฟี่ไป คือเธอกับเพื่อนสนุกเฮอามาก แต่ผมไม่ขำเลย เธอหันมาหาผมแป๊บนึง ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า ด้วยสายตาของเธอที่มองผมเหมือนมันสะใจ แต่ก็อย่างที่ผมบอก ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ ทีนี้ตรงที่พีคสุดคือรุ่นน้องผู้ชาย ตุ๊ด ผู้หญิงมาขอเซลฟี่ด้วย เธอก็โอเค ถ่ายๆไปซักพัก รุ่นน้องผู้ชายก็นั่งตักเธอ เธอก็โอบมันจากด้านหลัง โอบแน่นมาก แล้วก็เงยหน้าไปถ่ายรูป ซึ่งจุดนี้ผมเริ่มทนไม่ไหว แต่ก็ได้แค่มอง ถ้าเกิดว่าผมไปอาลวาดในนี้เธอคงจะโกรธผมแน่ๆ ไอ้รุ่นน้องกับแฟนผมก็สลับกันนั่งตัก เต้นเพลงหญิงลี แล้วก็มีป้อนนู่นนั่นนี่ให้กัน เธอหันมามองผมอีกครั้งเป็นเชิงขอโทษ แล้วก็หันกลับไปสนุกกับเพื่อนเธออีก
มันเหมือนเป็นการปลดปล่อยตัวเธอหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ แต่ผมสังเกตต่อมาคือเธอตัวติดกับไอ้รุ่นน้องคนนั้นขนาดที่ว่าไม่ห่างกันไปไหนเลย แต่ไม่มีการจับมือนะครับ รุ่นน้องนั่งตัก เธอโอบมันไว้อย่างนั้น แล้วก็ทำสลับกันไปมา จนเธอเดินมาหาผมว่าเธอจะกลับแล้ว รุ่นน้องกับเพื่อนล่ำลากับเธอ แล้วก็มีเสียงตะโกนแซวมาว่า "อย่าไปเยกับผัวจนไปทำงานไม่ไหวนะ" ซึ่งเธอก็ตะโกนกลับไปว่า "พรุ่งนี้หยุดงาน จะเยกันถึงเช้าก็ไม่แปลกอะไร" เพื่อนผู้ชายเธอหัวเราะชอบใจ ส่วนเพื่อนผู้หญิงยกนิ้วโป้งให้เธอ พร้อมพูดว่า....เธอ strongมาก ฝีปากแกร่งกล้าเหมือนเดิม แต่เป็นผมกลับมองว่ามันไม่งามเลย
พอมาถึงรถ ผมก็ถามเธอว่าอยู่ที่มหาลัยเป็นแบบนี้เหรอ เธอก็บอกว่าใช่ ปกติเป็นคนแรงๆ และไม่ค่อยมีใครเห็นเธอเป็นผู้หญิง ผมถามเธอกลับว่าแล้วกอดกับคนอื่นไปทั่วเลยเหรอ เธอก็บอกว่าเฉพาะในสาขาเธอ ถ้าคนนอกสาขาและไม่สนิทเธอก็ไม่ทำ ผมถามอีกทีกับรุ่นน้องคนนั้นทำไมต้องโอบ ซึ่งเธอไม่ตอบ แล้วบอกว่า รุ่นน้องสนิทกัน ก็ไม่เห็นแปลกอะไร ใครๆก็ทำกัน แต่ผมบอกเลยว่าผมไม่โอเค ใครจะว่าผมเรื่องเยอะก็ช่าง วันนั้นผมไม่โอเคกับแฟนผมเลยจริงๆ
ซึ่งพอผมลองเอาเหตุการณ์มาประติดประต่อแบบไม่อยากเข้าข้างตัวเอง ผมเลยไลน์ไปถามเพื่อนเธอว่าปกติเธอเป็นแบบนั้นมั้ย เพื่อนเธบอกว่าอยู่มหาลัยเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่เรื่องเธอนั่งโอบนั่งตักกับรุ่นน้องคนนั้นนั่นเป็นครั้งแรกที่เห็น แต่ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะปกติแฟนผมสมัยเรียนก็มีรุ่นน้องที่เป็นตุ๊ดมานั่งตักอยู่แล้ว หรือแม้แต่เพื่อนผู้หญิงด้วยกันเอง เพื่อนผู้ชายจะมากสุดแค่กอด แต่ผู้ชายมานั่งตักนี่ไม่เคยจริงๆ ผมถามเพื่อนแฟนไปแล้วว่ารุ่นน้องคนนั้นเป้นผู้ชายแท้ๆ แล้วมันหมายความว่ายังไงครับ?
คำถามของผมคือ
1.เป็นไปได้มั้ยที่เหตุการณ์วันที่ไปกินเลี้ยงกับเพื่อนและรุ่นน้องที่มหาลัยเธอทำประชดผมที่เกิดจากสาเหตุที่ผมไปกินข้าวกับแฟนเก่า
2.นี่มันคืออาการของผู้หญิงหรือเปล่าครับ คือก่อนหน้านี้เวลาที่ผมอยู่กับผู้หญิงมีมากอกแกก จับมือถือแขนเธอก็ไม่เคยแสดงออกแบบนี้นะครับ
3.ถ้าเธอหึงผมจริงๆ มันไม่แรงไปเหรอครับกับการกระทำแบบนี้
ขอบคุณครับ
ปล. จากวันนั้นถึงวันนี้เรายังไม่ได้คุยกันเลยครับ
ปล. จากวันนั้นถึงวันนี้เรายังไม่ได้พูดนะครับ หมายถึงไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น เพราะเธอทำเหมือนเรื่องปกติมาก แล้วกลายเป็นว่าผมจะเป็นประสาทซะเองกับพฤติกรรมของเธอในวันนั้น