มารีวิวงานมาราธอนดราม่าแห่งปีกัน จริงๆอยากให้ตัวเองในอนาคตได้อ่านด้วย
เรียกว่าเป็นงานระดับโลกจริงๆแฮะ คือ นอกจากสำนักข่าวไทยแล้ว
The Guardian UK
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.theguardian.com/world/2015/nov/16/bangkok-half-marathon-worlds-longest-u-turn-17-mile-race
NY Time
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.nytimes.com/aponline/2015/11/16/world/asia/ap-as-thailand-marathon-mistake.html?_r=0
อันนี้ส่วน intro เฉยๆ เริ่มตั้งแต่เริ่มใฝ่ฝันว่าอยากวิ่งมาราธอน #introยาวนะ #เกิน 8 บรรทัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้าต้องท้าวความย้อนกลับไป ก็ต้องเริ่มด้วยการที่ สมัยก่อน ผมเป็นคนที่วิ่งสปริ้นประเภทวิ่งผลัด เล่นฟุตซอล ตีแบต ว่ายน้ำ ได้ดีพอควร
แต่ผมไม่สามารถวิ่งต่อเนื่องแบบ endurance ได้เลย ตอนแรกก็ไม่นึกหรอกว่าคนทั่วๆไปเค้าจะวิ่งได้กันขนาดนั้น จนกระทั้งเข้าปี 1 แล้วพบว่าขนาดเพื่อนผู้หญิง ยังวิ่งรอบสนามบอล 400 เมตร เป็นสิบรอบได้สบายๆ ขณะที่ผมวิ่ง 4 รอบก็หอบแฮกๆแล้ว
พอมาฝึกงานในเมือง การหาที่ให้วิ่ง ก็เริ่มเป็นเรื่องยากขึ้นพอสมควร โชคที่ดีไม่ไกลจากสวนสันติภาพ
สวนสันติภาพ รอบนึงประมาณ 800 เมตร ผมจะวิ่งได้ประมาณ 3-4 รอบติด ก่อนพัก (ส่วนมากก็คือกลับไปเลย) ก็ถือว่าเป็นพัฒนาการขึ้นนะ
แต่มันยังดูกากอยู่ดี ยิ่งพอรู้ว่าคนอื่นวิ่งได้เป็นสิบๆ โล ได้แต่สงสัยว่าเค้าทำกันยังไง เคยฝันว่าอยากวิ่งเข้าเส้นชัยมาราธอน (ตอนนั้นรัก 7 ปี ดี 7 หนฉายพอดี) แต่มันก็เกินไขว่คว้าเหลือเกิน
พอรู้ว่าข้างที่ฝึกงานมีฟิตเนสสำหรับบุคลากร เลยไปสมัครดู อนิจจา แค่สายพานที่ตั้งเวลา default มาเป็น 30 นาทีนั้น ...ไม่สามารถวิ่งได้จนครบหว่ะครับ ได้แต่วิ่งนาทีที่ 5-15 แล้วเดิน แล้วก็ 8-28 แล้ว นี่คือวิ่งที่ความเร็ว 7km/hr เท่านั้นน
แต่แล้วผมก็ไปวิ่งทุกสัปดาห์ (โอเคร เกือบทุกสัปดาห์) แต่ถ้าว่างจริงๆ จะไปวิ่ง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เลยนะ แบบเสียดายค่าสมัครส่วนนึงด้วย พยายามลดระยะเวลาเดินลง ส่วนมากก็วิ่ง 30 นาที แล้วค่อยเล่นกล้าม (ใช่ ถ้าวิ่งก่อนจะไม่มีแรงยกเวท แต่ผมให้ priority วิ่งก่อน)
แล้วในที่สุดผมก็สามารถวิ่ง 5-28 km ได้โดยไม่หยุด
ผ่านไปปีนึง (บอกแล้วว่าค่อยๆพัฒนา) ก็เพิ่มความเร็วเริ่มได้ละ 7.2 7.5 7.7
บางทีก็วิ่งไป 1 cycle แล้ว เดินอีก 15 นาที แล้ววิ่งอีก 10 นาทีให้ครบ cycle 2
ก่อนจะรู้ว่าวิ่งชน 30 นาทีไปเหอะ เครื่องมัน extra cool down ให้เอง
ในที่สุด เวลาผ่านไปรวดเร็วเหมือนโกหก ก็เริ่มร็สึกว่าวิ่งได้ไกลขึ้นแบบมีนัยสำคัญ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คืออยู่แค่บนสายพาน
โชคนี้ที่เมื่อกลางปีนี้ เริ่มว่างพอดี เลยเพราะเดิมที่แรก ไกลมาก...ข้ามถนนไปรพ.พระมงกุฏ
ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรหรอก มันดูปลอดภัยดี รอบกว้าง ก็พอดีเจออีก 2 คนกำลังวิ่งด้วย แต่วิ่งสวนกัน (เออ ไม่รู้หรือผมที่วิ่งผิดทาง) ดังนั้น จะเจอเค้า 2 ครั้งต่อ 1 รอบ แล้วถ้าวิ่งช้า จุดที่เจอมันจะร่นมาทางผมเรื่อยๆ เลยต้องฝืนวิ่ง และเนื่องจากเค้าไม่มีช่วงเดินให้เห็นเลย เพื่อความไม่เสียหน้า เลยต้องทำเป็นวิ่งเร็วตอนผ่านพอดี
แต่สุดท้ายระยะทางมันก็ร่นมาทางผมเนี่ยแหล่ะ แต่ตกใจ ที่ผมสามารถวิ่ง 10km ได้โดยไม่หยุด และเป็นที่ความเร็ว 8-9 km/hr ด้วยนะ (รู้สึกพอมาวิ่ง track แล้วมันจะเร็วกว่าลู่เองโดยอัตโนมัติ)
หลังจากนั้นก็มันส์สิ รู้สึกเหมือนตัวเองไปซุ่มฝึกกำลังพลมา แล้ว right back on track โชคดีที่ช่วงนั้นว่าง แผนการ hunting สนามวิ่งรอบกรุงเทพของจึงเริ่มขึ้น ตั้งแต่สวนพญาไทภิรมณ์ ไปถึงสวนลุม
เสียดายที่มันต้องหยุดลงช่วงระเบิดราชประสงค์ แต่อย่างไรตาม ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี การที่มีทางวิ่งยาวๆ มันทำให้เหมือนมี goal ว่า เห้ย ยังไม่ครบรอบ ยังหยุดไม่ได้นะ แล้วก็จะวิ่งไปต่อรอบสองได้เอง หลังจากนั้นสามารถวิ่งได้ 6 โลชิวๆ (2 รอบสวนลุม) ก่อนพักเดินครึ่งรอบ วิ่งอีกครึ่งรอบ cool down แล้วกลับ
เสียดายที่เริ่มไม่ว่างอีกแล้ว เลย right back to the gym ไปวิ่งลู่ amazing อีกแล้วฮะท่านผู้ชม ผมสามารถวิ่งลู่ที่ความเร็ว 8 จนทะลุ 30 นาทีสบายๆ ถ้าว่างก็เดินอีก 10 นาที แล้ววิ่ง 8 ต่อได้จนครบ 2nd cycle หรือถ้าไม่มีเวลา ก็สามารถ sprint ความเร็ว 12 ช่วง 3 นาทีสุดท้าย
ในที่สุด ความหวังว่าจะสามารถวิ่ง marathon ได้ จึงเริ่มมา ตัดสินใจถามเพื่อนผู้เคยลง marathon 10 โล ว่าสนใจลงไหม มันบอกว่ารอวิ่งอีกงานเดียวงานใหญ่เลยนะ คืองาน BKK marathon แล้วมันจะลง half ไอเราจะไปวิ่งคนเดียว mini ก็แปลกๆ เลยตัดสินใจเปิดตัวมาทีก็เปิด half เลยฮะ
หลังจากนั้นก็ซ้อมบ้างไม่ซ้อมบ้าง ตามแต่ว่างหรือไม่ แต่อย่างน้อยๆ ในสัปดาห์นึง ต้องมีไปวิ่ง บางทีก็ไปว่ายน้ำคอนโดเพื่อนบ้าง ในที่สุด ไม่อยากโม้เลย (
โม้มาทั้งหน้าแล้ว) ผมก็รู้สึกว่าผมเริ่ม endurance ดีกว่าหลายๆคน (เอาจริงๆ มโนเลยเถิด ฮึกเหิมไปถึงอยากลง tri-athlete แต่ว่ายน้ำ 1km ในทะเลมีคลื่นนี่ยังไม่ไหว) สิ่งที่รู้สึกได้คือ วินัยการออกกำลังกาย อยู่เฉยๆนานไม่ได้แล้ว ต้องออกไปขยับแข้งขยับขาบ้าง
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เคยวิ่งถึง 21 km ซักทีนะ มากสุดก็ 12-13 โล ตามที่อ่านมา เค้าว่ากันว่าวันจริงไปกระหืดกระหอบเอาได้
3 wk ก่อนวิ่งจริง ต้องไปฝึกงานต่างจังหวัด ทำพลาดไปเยอะ พี่ๆใจดีมาก เลี้ยงเยอะมาก น้ำหนักขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตารางการวิ่งก็เป๋ไปหมด แบบวิ่งเหลือ 2 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละแค่ 4 km หวั่นๆนิดๆว่าวันจริงจะไหวไม๊
เอาหล่ะ เข้าสู่วันวิ่งจริง
เดี๋ยวก่อน ต้องไปรับเสื้อ กับ bib tag ก่อน ก็ถือว่าทำได้สะดวกดี รับได้ตั้งแต่พุธ - เสาร์ก่อนวิ่ง รับแทนกันก็ได้ (แต่ต้องมีบัตรประชาชนผู้ฝากมา) สถานที่คือ airport link มักกะสัน ก็โอเคร มา mrt หรือมา airport link ได้ทั้งคู่ ผมไปวันเสาร์ (ตรงกับ a day bike week พอดี) การจัดการตอนนั้นก็ถือว่าดี โชคดีที่ถ่าย bib number มาจากเว็บ ก็ยื่นได้เลย ส่วนเพื่อนที่ไม่ได้ถ่ายมา ก็มีจนท.หาชื่อให้ เรียงตามตัวอักษร เป็นระเบียบดี ตินิดเดียวคือหลังป้ายมีให้กรอก u/d blood group แต่จนท.ไม่ได้แจ้งทุกคน น่าจะบังคับเขียนตรงนั้นเลยนะ มีไปแวะเช็ค bib tag แล้วถ่ายรูปเล็กๆน้อยๆ
ในถุงประกอบด้วย เสื้อ (ของ ego sport นะ แต่ new balance เป็น SR เห็นหลายที่ก็เป็นอย่างนี้) แผนที่ bib tag และเหรียญ!! ตอนแรกงงๆเหมือนกันทำไมได้แล้ว(ฟร่ะ?) แล้วก็ไปโกย smirnoff เอ้ย snickers ที่แจกฟรีมา หลังรับเสร็จ ก็ไปเติม glycogen ตามที่เคยอ่าน โดยการกินคาร์บ ตอนแรกกะจะกินบุฟ พิซซ่า แต่อิ่มอยู่กลัวไม่คุ้ม เลยสั่ง alacarte ไป รวมสปาเก็ตตี้กับเบรดสติ๊กแล้ว สรุปคือแพงกว่าบุฟฮะ
นั่งรีวิวแผนที่ มีอีกอันบอกสถานที่ จุดต่างๆก็ถือว่าทำออกมาได้ดี แต่คือไม่ได้ทุกคนฮะ ผมไม่ได้ แต่เพื่อนได้
ตามที่ดูๆ ก็คือพอถึงกม.ที่ 4-5 เราจะวกตรงแถวๆเซนทรัลพอดี แล้วเราก็จะผ่านสะพานพระราม 8 แฮะ ใน รัก7 ปี เค้าเห็นพระอาทิตย์ขึ้นพอดีหนิ แล้วก็ผ่านพระที่นั่งอนันตสมาคมด้วย เคยไปแต่ตอนเย็นๆ ตอนเช้าจะเป็นไงนะ
คืนนั้นก็เตรียมสายรัดมือถือ เงิน เสื้อ bib จัด playlist เสร็จแล้วก็พยายามข่มตานอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม (เออ ซัด ceterizine ไปก่อนด้วย พอดีผื่นแพ้ขึ้น เลยพอหลับได้หน่อย แล้วซัด biocalm ไปอีก มโนเอาเอง ว่าป้อนกันตะคริวได้) แต่ก็นอนได้จริง 4 ทุ่ม แถมถึงแค่เที่ยงคืน หลังจากนั้นตื่นๆหลับหลับๆตื่นๆ โดยตลอด รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังวิ่งอยู่
ในที่สุดเวลาก็ไปถึง ตี 2.30 เลยไปล้างหน้า ใส่เสื้อวิ่ง ติด bib tag ซัดกล้วยไปลูก ชาเขียวมัทฉะหวานเจี๊ยบไปขวด แล้วน้ำขวด 600 อีกขวด ก่อนไปรอจุดนัดพบเพื่อน แล้วแท๊กซี่ไปสนามชัย
คนเยอะมากกก ไปหาที่ฝากของก่อนเลย เค้าทำแยกเป็นระยะทาง พอไปฝากก็จะเขียนเลขที่ฝากบน bib บนเสื้อเรา เสร็จแล้วก็จะไปเข้าห้องน้ำ ที่ใกล้สุดคงเป็นที่หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ปรากฏคนยาวเป็นหางว่าว เสร็จแล้วก็ยืดๆ วอร์มได้นิด จ๊อกกิ้งไปที่จุดปล่อยตัวก่อนกำหนด 15 นาที ได้กลางๆค่อนมาทางท้าย จิบ 100 plus ที่ยื่นมาให้จากข้างๆอีกอึก
แล้วก็รอเค้าพูด ฟังไม่ค่อยออกเลย ได้ยินอีกทีคือเสียงปรี๊ดดด อะดรีนาลีนหลั่ง สวมหูฟัง เปิด playlist running mix กด start จับการวิ่ง (เออ ผมใช้แอพ S health ธรรมดาใน note5 นะ ทุนน้อย มันมีกว่า endomodo ตัวฟรี ตรงถ้าตั้ง distance target มันจะบอกระยะทางเรา ระยะทางที่เหลือ pace และ estimated time ทุกๆกิโล)แต่ กว่าจะออกจากเส้นชัย ใช้เวลาไป 5 นาทีได้ คนแออัดยัดเยียดมาก ต้องเดินๆตามกันไป
พอเข้าสู่ถนนข้างสนามหลวงแล้ว เริ่มตีแผ่ขยายออกไปเป็นแพได้ เริ่มหาลู่ทางวิ่งได้ พอเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานเล็กๆถนนราชินี ก่อนขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า มือถือบอก 1km พอดี มีป้อมตำรวจเป็นสวนหน่อยเท่านั้นแหล่ะ มีแต่คนไปยืนยิงกระต่ายข้างทาง เป็นร้อยคนได้เลยมั้ง เพราะแค่ตอนวิ่งผ่านก็เกินสิบคนไปเยอะละ (นี่คืองานแรกด้วย เลยไม่รู้ว่ามันเรียกว่าปรกติรึเปล่านะ)
แล้วก็เริ่มขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่น ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่นะผมว่า แล้วก็วิ่งไปเรื่อยๆ แล้วก็เห็นพาต้า กับเซ็นทรัลปิ่น นึกในใจว่าไม่ไกลเลย แต่ก็ยังไม่ยูเทิร์น (ตอนนั้นไม่เอะใจเลยว่าเส้นทางของ half มันผิด) ก็เลยวิ่งไปเรื่อยๆ จนมือถือมันบอกว่า ระหว่างวิ่งก็ฮาที (เพื่อนสปอยมาละ ว่าจะมีคนแต่งตัวแปลกๆมาวิ่ง แต่ไม่คิดว่ามีขนาดนี้) มีแบบคุณพ่อฝรั่งตัวสูงโย่ง เข็นรถเข็นเด็กวิ่งแซงซอกแซก ตอนแรกนึกว่าเด็กปลอม แม่มได้ยินเสียงเด็กร้องด้วย (ไม่รู้ว่าเป็นแค่ลำโพงหรือลูกจริงจัง) วิ่งแซงซอกแซกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็มีแตกตัวเป็นแบทแมน โดราเอม่อน ที่ฮาปนตกใจ คือวิ่งๆไป เจอผู้ชายผิวเข้มนุ่งกระโจมอย่างเดียว ถือขวาน(น่าจะต้องเป็นของ)ปลอม ตอนแรกนึกว่าคนบ้าขึ้นมาวิ่งด้วย มันมืดๆอยู่
มือถือเตือนวิ่งครบ 8 โล ก็ถึง turning point พอดี พอย้อนกลับมา ที่เอะใจอย่างแรกคือ ตอนแรกกะว่าจะพักกินแตงโมกับเกลือแร่เป็นจุดแรกตรงนี้ แต่พอวกกลับมาแล้ว เอ๊ะ ทำไมมันไม่มีตามแผนที่ที่ให้ไว้อันแรก แต่ก็ยังวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่สงสัยมาก เพราะส่วนนึงคือ รู้สึกไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่ แปลกประหลาดมาก ถ้านับว่าใช้ชีวิต 3 สัปดาห์ก่อนวิ่งได้โหลยโท่ยมาก รู้สึกวิ่งได้ไปเรื่อยๆ รู้สึกฟังเพลงไป ปลอดโปร่งไป ไม่ต้องคิดอะไร ฝีเท้าวิ่งไปเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกว่าวิ่งเปลี่ยนชีวิตอาจเป็นอย่างนี้เอง
ถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายโค้งไปสะพานพระราม 8 กูแอบเห็นแสงพระอาทิตย์เริ่มขึ้นรำไรเล็กๆ เลยแวะเข้าห้องน้ำอีกที (ดื่มน้ำเผื่อไว้เยอะ กลัว dehydrate มาก) มีห้องนึงก่อนขึ้น รอคิวนานประมาณ 3 นาที ถามว่านานไม๊ ก็ไม่มาก แต่มันก็น่าจะมีห้องน้ำเยอะกว่านี้นะ
พอขึ้นไปบนสะพานเท่านั้นแหล่ะ โอโห ไม่ใช่สวยนะ โอโห คนจอดเซลฟี่กันเต็มเลยเป็นแพ คือก็ยอมรับว่าผมก็หยุดถ่ายรูปมานะ แต่ผมชิดซ้ายสุดเลย ไม่ใช่เป็นแพกลางสะพานกัน ซอกแซกอย่างมันแซงคนอย่างมัน นึกว่านั่งวินอยู่กลางสาทร
[CR] Marathon ดราม่า แห่งปี Standard Charter Bangkok Marathon 2015
เรียกว่าเป็นงานระดับโลกจริงๆแฮะ คือ นอกจากสำนักข่าวไทยแล้ว
The Guardian UK
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
NY Time
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันนี้ส่วน intro เฉยๆ เริ่มตั้งแต่เริ่มใฝ่ฝันว่าอยากวิ่งมาราธอน #introยาวนะ #เกิน 8 บรรทัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เอาหล่ะ เข้าสู่วันวิ่งจริง
เดี๋ยวก่อน ต้องไปรับเสื้อ กับ bib tag ก่อน ก็ถือว่าทำได้สะดวกดี รับได้ตั้งแต่พุธ - เสาร์ก่อนวิ่ง รับแทนกันก็ได้ (แต่ต้องมีบัตรประชาชนผู้ฝากมา) สถานที่คือ airport link มักกะสัน ก็โอเคร มา mrt หรือมา airport link ได้ทั้งคู่ ผมไปวันเสาร์ (ตรงกับ a day bike week พอดี) การจัดการตอนนั้นก็ถือว่าดี โชคดีที่ถ่าย bib number มาจากเว็บ ก็ยื่นได้เลย ส่วนเพื่อนที่ไม่ได้ถ่ายมา ก็มีจนท.หาชื่อให้ เรียงตามตัวอักษร เป็นระเบียบดี ตินิดเดียวคือหลังป้ายมีให้กรอก u/d blood group แต่จนท.ไม่ได้แจ้งทุกคน น่าจะบังคับเขียนตรงนั้นเลยนะ มีไปแวะเช็ค bib tag แล้วถ่ายรูปเล็กๆน้อยๆ
ในถุงประกอบด้วย เสื้อ (ของ ego sport นะ แต่ new balance เป็น SR เห็นหลายที่ก็เป็นอย่างนี้) แผนที่ bib tag และเหรียญ!! ตอนแรกงงๆเหมือนกันทำไมได้แล้ว(ฟร่ะ?) แล้วก็ไปโกย smirnoff เอ้ย snickers ที่แจกฟรีมา หลังรับเสร็จ ก็ไปเติม glycogen ตามที่เคยอ่าน โดยการกินคาร์บ ตอนแรกกะจะกินบุฟ พิซซ่า แต่อิ่มอยู่กลัวไม่คุ้ม เลยสั่ง alacarte ไป รวมสปาเก็ตตี้กับเบรดสติ๊กแล้ว สรุปคือแพงกว่าบุฟฮะ
นั่งรีวิวแผนที่ มีอีกอันบอกสถานที่ จุดต่างๆก็ถือว่าทำออกมาได้ดี แต่คือไม่ได้ทุกคนฮะ ผมไม่ได้ แต่เพื่อนได้
ตามที่ดูๆ ก็คือพอถึงกม.ที่ 4-5 เราจะวกตรงแถวๆเซนทรัลพอดี แล้วเราก็จะผ่านสะพานพระราม 8 แฮะ ใน รัก7 ปี เค้าเห็นพระอาทิตย์ขึ้นพอดีหนิ แล้วก็ผ่านพระที่นั่งอนันตสมาคมด้วย เคยไปแต่ตอนเย็นๆ ตอนเช้าจะเป็นไงนะ
คืนนั้นก็เตรียมสายรัดมือถือ เงิน เสื้อ bib จัด playlist เสร็จแล้วก็พยายามข่มตานอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม (เออ ซัด ceterizine ไปก่อนด้วย พอดีผื่นแพ้ขึ้น เลยพอหลับได้หน่อย แล้วซัด biocalm ไปอีก มโนเอาเอง ว่าป้อนกันตะคริวได้) แต่ก็นอนได้จริง 4 ทุ่ม แถมถึงแค่เที่ยงคืน หลังจากนั้นตื่นๆหลับหลับๆตื่นๆ โดยตลอด รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังวิ่งอยู่
ในที่สุดเวลาก็ไปถึง ตี 2.30 เลยไปล้างหน้า ใส่เสื้อวิ่ง ติด bib tag ซัดกล้วยไปลูก ชาเขียวมัทฉะหวานเจี๊ยบไปขวด แล้วน้ำขวด 600 อีกขวด ก่อนไปรอจุดนัดพบเพื่อน แล้วแท๊กซี่ไปสนามชัย
คนเยอะมากกก ไปหาที่ฝากของก่อนเลย เค้าทำแยกเป็นระยะทาง พอไปฝากก็จะเขียนเลขที่ฝากบน bib บนเสื้อเรา เสร็จแล้วก็จะไปเข้าห้องน้ำ ที่ใกล้สุดคงเป็นที่หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ปรากฏคนยาวเป็นหางว่าว เสร็จแล้วก็ยืดๆ วอร์มได้นิด จ๊อกกิ้งไปที่จุดปล่อยตัวก่อนกำหนด 15 นาที ได้กลางๆค่อนมาทางท้าย จิบ 100 plus ที่ยื่นมาให้จากข้างๆอีกอึก
แล้วก็รอเค้าพูด ฟังไม่ค่อยออกเลย ได้ยินอีกทีคือเสียงปรี๊ดดด อะดรีนาลีนหลั่ง สวมหูฟัง เปิด playlist running mix กด start จับการวิ่ง (เออ ผมใช้แอพ S health ธรรมดาใน note5 นะ ทุนน้อย มันมีกว่า endomodo ตัวฟรี ตรงถ้าตั้ง distance target มันจะบอกระยะทางเรา ระยะทางที่เหลือ pace และ estimated time ทุกๆกิโล)แต่ กว่าจะออกจากเส้นชัย ใช้เวลาไป 5 นาทีได้ คนแออัดยัดเยียดมาก ต้องเดินๆตามกันไป
พอเข้าสู่ถนนข้างสนามหลวงแล้ว เริ่มตีแผ่ขยายออกไปเป็นแพได้ เริ่มหาลู่ทางวิ่งได้ พอเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานเล็กๆถนนราชินี ก่อนขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า มือถือบอก 1km พอดี มีป้อมตำรวจเป็นสวนหน่อยเท่านั้นแหล่ะ มีแต่คนไปยืนยิงกระต่ายข้างทาง เป็นร้อยคนได้เลยมั้ง เพราะแค่ตอนวิ่งผ่านก็เกินสิบคนไปเยอะละ (นี่คืองานแรกด้วย เลยไม่รู้ว่ามันเรียกว่าปรกติรึเปล่านะ)
แล้วก็เริ่มขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่น ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่นะผมว่า แล้วก็วิ่งไปเรื่อยๆ แล้วก็เห็นพาต้า กับเซ็นทรัลปิ่น นึกในใจว่าไม่ไกลเลย แต่ก็ยังไม่ยูเทิร์น (ตอนนั้นไม่เอะใจเลยว่าเส้นทางของ half มันผิด) ก็เลยวิ่งไปเรื่อยๆ จนมือถือมันบอกว่า ระหว่างวิ่งก็ฮาที (เพื่อนสปอยมาละ ว่าจะมีคนแต่งตัวแปลกๆมาวิ่ง แต่ไม่คิดว่ามีขนาดนี้) มีแบบคุณพ่อฝรั่งตัวสูงโย่ง เข็นรถเข็นเด็กวิ่งแซงซอกแซก ตอนแรกนึกว่าเด็กปลอม แม่มได้ยินเสียงเด็กร้องด้วย (ไม่รู้ว่าเป็นแค่ลำโพงหรือลูกจริงจัง) วิ่งแซงซอกแซกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็มีแตกตัวเป็นแบทแมน โดราเอม่อน ที่ฮาปนตกใจ คือวิ่งๆไป เจอผู้ชายผิวเข้มนุ่งกระโจมอย่างเดียว ถือขวาน(น่าจะต้องเป็นของ)ปลอม ตอนแรกนึกว่าคนบ้าขึ้นมาวิ่งด้วย มันมืดๆอยู่
มือถือเตือนวิ่งครบ 8 โล ก็ถึง turning point พอดี พอย้อนกลับมา ที่เอะใจอย่างแรกคือ ตอนแรกกะว่าจะพักกินแตงโมกับเกลือแร่เป็นจุดแรกตรงนี้ แต่พอวกกลับมาแล้ว เอ๊ะ ทำไมมันไม่มีตามแผนที่ที่ให้ไว้อันแรก แต่ก็ยังวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่สงสัยมาก เพราะส่วนนึงคือ รู้สึกไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่ แปลกประหลาดมาก ถ้านับว่าใช้ชีวิต 3 สัปดาห์ก่อนวิ่งได้โหลยโท่ยมาก รู้สึกวิ่งได้ไปเรื่อยๆ รู้สึกฟังเพลงไป ปลอดโปร่งไป ไม่ต้องคิดอะไร ฝีเท้าวิ่งไปเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกว่าวิ่งเปลี่ยนชีวิตอาจเป็นอย่างนี้เอง
ถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายโค้งไปสะพานพระราม 8 กูแอบเห็นแสงพระอาทิตย์เริ่มขึ้นรำไรเล็กๆ เลยแวะเข้าห้องน้ำอีกที (ดื่มน้ำเผื่อไว้เยอะ กลัว dehydrate มาก) มีห้องนึงก่อนขึ้น รอคิวนานประมาณ 3 นาที ถามว่านานไม๊ ก็ไม่มาก แต่มันก็น่าจะมีห้องน้ำเยอะกว่านี้นะ
พอขึ้นไปบนสะพานเท่านั้นแหล่ะ โอโห ไม่ใช่สวยนะ โอโห คนจอดเซลฟี่กันเต็มเลยเป็นแพ คือก็ยอมรับว่าผมก็หยุดถ่ายรูปมานะ แต่ผมชิดซ้ายสุดเลย ไม่ใช่เป็นแพกลางสะพานกัน ซอกแซกอย่างมันแซงคนอย่างมัน นึกว่านั่งวินอยู่กลางสาทร