สะพานข้ามแม่น้ำแคว-Lake heaven-วัดถ้ำเสือ
14-15 Nov 2015
กระทู้แรกของเราค่า (ไม่บอกเดี๋ยวจะหาว่าเชยยย)
เป็นทริปที่พี่ๆน้องๆในครอบครัวตั้งใจว่าจะไปเที่ยวกัน
คิดกันไว้เล่นๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน จนเกือบจะล่ม
เพราะตกลงกันไม่ได้ว่าจะไปที่ไหน สุดท้ายลงเอยกันที่กาญจนบุรี
(โดยที่ยังไม่รู้จุดหมายปลายทางที่ชัดเจนอีกนั่นแหละ = =')
ล้อหมุน 05.30 น. ของวันเสาร์ค่ะ
ใช้เส้นทางหมายเลข 346 วิ่งตรงยาวๆ
ผ่าน ม.เกษตร (กำแพงแสน) รถสิบล้อเยอะพอสมควร
เลี้ยวซ้ายอีกทีผ่านเข้าตัวเมือง เส้นทางหมายเลข 324
ปักหมุดไว้ที่แรก คือสะพานข้ามแม่น้ำแควค่ะ (พึ่งกูเกิลแมพมาตั้งแต่ที่บ้าน)

8 โมงนิดๆ เราก็ถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควกันแล้วค่ะ

แดดยังไม่แรงมาก เดินเล่นถ่ายรูปกันซักพักกก

หลานตัวแสบ นางแบบของทริปนี้ค่ะ
เริ่มหิวกันแล้ว เพราะกินขนมที่ปั๊มรองท้องกันไปนิดเดียว
เลยกินข้าวกันที่ร้าน 'แพโฟลทติ้ง' ซึ่งจะมีทางลงไปร้านอยู่ตรงเชิงสะพาน
ร้านอยู่ริมแม่น้ำแควเลยค่ะ นั่งมองวิวสะพานข้ามแม่น้ำแควกันเพลินๆ
อาหารมา ทุกคนก็ไม่รอช้าา เราลืมกล้องถ่ายรูปไปสนิทค่ะ
กินข้าวกันเสร็จประมาณ 9 โมงครึ่ง ที่สะพานคนเริ่มมากันเยอะแล้ว
แล้วเราก็เริ่มเดินทางกันต่อ ตอนแรกจะไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นค่ะ
ช่วยกันหาข้อมูลในเน็ต หาไปหามา สรุปว่า
ไปเลคเฮฟเว่นกันนนนน ซะงั้น _ _*
เลยเริ่มช่วยกันโทถามที่พัก
ที่แรกก็ที่ lake heaven resort ค่ะ
ซึ่งก็เต็ม แบบไม่มีเงื่อนไข น่าจะต้องโทรจองล่วงหน้าเป็นเดือน
สุดท้ายเราก็วอคอินตามทางไปเรื่อยๆค่ะ
มีทั้งบ้านเป็นหลัง มีทั้งแพ ส่วนใหญ่ถ้าไม่เต็มก็ราคาแพง
ราคาที่ถามมีตั้งแต่ 2400-6500 (ลืมบอกไป เรามากัน7 คน รวมหลาน)
ขับรถหาที่พักกันมาเรื่อยๆ ก็ยังไม่ได้ที่ที่ถูกใจ
จนมาถึงเลคเฮฟเว่นแล้วค่ะ ตั้งใจว่าจะหาต่ออีก1-2 ที่
ถ้าไม่โอเคก็จะวนกลับไปพักที่ที่ผ่านมาค่ะ
.
สุดท้ายเกือบจะเที่ยงแล้ว เราก็มาเจอที่นี่ค่ะ 'บ้านสวนครูเสริฐ'
อยู่ซ้ายมือ ติดถนนใหญ่เลยค่ะ เลยเลคเฮฟเว่นมาไม่ถึง 1 กิโลเมตร
ตกลงปลงใจกันว่าจะพักที่นี่ละค่ะ
ไม่ได้นอนแพก็ดีเหมือนกัน เพราะหลานก็กำลังซนเลย
บ้านพักที่นี่มีทั้งแบบห้อง แล้วก็บ้านเป็นหลังๆสำหรับครอบครัวค่ะ
แบบนี้เป็นห้องๆค่ะ พักได้ 2 คน
ราคา 1200-1300/ห้อง สำหรับเสาร์-อาทิตย์
ส่วนของเรา เราเลือกแบบเป็นหลังๆค่ะ
หลังนี้ให้พักได้ 6 คน ค่ะ
ราคา 3800/ห้อง สำหรับเสาร์-อาทิตย์
ข้างในแบ่งเป็น 3 ห้องค่ะ
ห้องตรงกลางมีโซฟาไม้, โต๊ะกลาง, ทีวี, ตู้เย็น, น้ำเปล่า 6 ขวด
ห้องทางขวาเป็นเตียง 6 ฟุตครึ่ง 1 เตียง มีแอร์, ทีวี , ห้องน้ำในตัว
ห้องทางซ้ายเป็นเตียง 5 ฟุตครึ่ง 2 เตียง มีแอร์, ทีวี , ห้องน้ำ
มีผ้าขนหนูและเครื่องอาบน้ำให้ครบ 6 คน
เรื่องความสะอาดถือว่าโอเคมากเลยค่ะ
(ไม่มีรูปข้างในนะคะ เพราะพอเราเข้าไปมันก็เละเทะเลย)

บริเวณหน้าบ้านค่ะ มีม้านั่ง มีชิงช้า น่ารักมากๆ

สนามหญ้าด้านข้างค่ะ
งีบหลับกันตามอัธยาศัย zzzZ
รวมพลกันอีกทีเกือบบ่ายสามโมงได้
เราก็ไปเลคเฮฟเว่นกันเล้ยยยย

ขับรถไม่ถึง 5 นาทีเราก็มาถึงกันละค่า
แดดกำลังดำเลยง่าา สงสัยจะไม่สู้ค่ะ
.
กินข้าวกันก่อนละกันเนอะ
ร้านอาหารของที่เลคเฮฟเว่นนี่แหละค่ะ
ตามเคยค่ะ เมื่ออาหารมา เราเลือกจับช้อนแล้ววางกล้อง
Y-Y ไม่มีรูปอีกแล้ว ซอรี่น๊าา
...
เมื่อท้องอิ่มทุกคนก็พร้อมแล้วค่ะ
รสชาติอาหารถือว่าโอเคเลย ราคาก็ไม่แพงด้วยนะ
แล้วเราก็ไปจ่ายค่าเข้าเพื่อเล่นน้ำกันที่เคาเตอร์
ราคาอยู่ที่ 250 บาท สำหรับผู้ใหญ่ เล่นได้ 3 ชม.
มีค่ามัดจำสายรัดข้อมือ คนละ 200 บาท
(จะได้คืนเมื่อเอาสายรัดมาคืนค่ะ)
ราคาสำหรับเด็กน่าจะ 150 บาทค่ะ จำไม่ได้อะดูผ่านๆ
หลานเราไม่เสียค่าเล่นนะคะเพราะยังเล็ก
ข้าวของสัมภาระ สามารถฝากไว้ที่เคาเตอร์ได้ค่ะ
ส่วนของมีค่าเราเอาไปเก็บไว้ที่รถกันอะ

พร้อมแล้วววว ว ไปค่ะ
เดินตรงไปรับเสื้อชูชีพก่อนเลย ทุกคนที่เล่นต้องใส่ค่ะถึงแม้จะว่ายน้ำเป็นก็ตาม
ลืมกระซิบบอกนิดนึง ที่นี่เพิ่งเปิดตัวเครื่องเล่นใหม่ไปเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ค่ะ
( เราไป 14 พ.ย.) เครื่องเล่นทุกชิ้นยังอยู่ในสภาพดีค่ะ
เห็นในรีวิวเก่าๆ คนมาบ่นกันเยอะว่าสภาพไม่โอเคแล้ว
แต่เรื่องความสะอาดของน้ำก็ต้องทำใจค่ะ ไม่ค่อยใสเลย
มีตะใคร่หรืออะไรซักอย่างเขียวๆ ลอยอยู่บ้าง เราก็พยามไม่สนใจมันละกัน ฮ่าๆ
.
เล่นกันจนตัวซีดไปตามๆกัน เหนื่อยเอาเรื่องเลย

สนุกที่สุดก็คงคนนี้ละค่ะ เล่นไม่ยอมเลิก
ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าหลานจะเล่นอะไรได้มั้ย
แต่มีสระสำหรับเด็กด้วยค่ะ เด็กเล็กก็เล่นได้
ที่เด็ดสุดเห็นจะเป็นเจ้าสไลด์เดอร์สูงๆนั่นแหละค่ะ
คือพีคมากกกกกกกกกก
กว่าเราจะเลิกเล่นกันก็ปาไป 6 โมงค่ะ (ปิดบริการ 6 โมงครึ่ง)

อันนี้แหละค่ะที่ต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนๆ เก็บบรรยากาศมาฝาก
เรานั่งท้ายกระบะกลับไปอาบน้ำกันที่รีสอร์ทค่ะ
มารวมตัวกันอีกครั้งช่วงค่ำๆ
หน้าที่พักมีร้านอาหารตามสั่งค่ะ แต่เราอยากไป 7-11 กัน
ซึ่งมันไกลมาก ต้องขับรถลงเขาไป 7-11 จะอยู่ตรงทางเข้าเขื่อนศรีนครินทร์นู่น
ใครที่มาพักบนนี้เราแนะนำว่าให้ตุนเสบียงมาให้พร้อมค่ะ
.
.
ภาพตัด
เช้าแล้วค่ะ ตื่นมาแบบงัวเงีย อากาศกำลังดี
เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมากกๆ คันยุบยิบไปหมด
น่าจะเป็นผลมาจากการลงไปเล่นในสระเด็กเมื่อวาน
(ใครมาเที่ยวแนะนำว่าอย่าลงสระเด็กถ้าไม่จำเป็นเน้ออ)
มื้อเช้าเราฝากท้องไว้กับทางรีสอร์ทค่ะ

เมนูอาหารเช้าค่ะ
ตอนมาเชคอินเข้าที่พัก จนท. จะถามเราก่อนว่าจะซื้อชุดอาหารเช้ามั้ย?
คิดราคา 100บาท/คน
จะได้ชุด breakfast, น้ำส้ม, โอวัลติน/กาแฟ, น้ำเปล่า
ซึ่งต้องแจ้งตั้งแต่ตอนที่เชคอินค่ะ
ถ้าไม่ได้บอกไว้ ก็มาสั่งเป็นเมนูๆไป แบบเราก็ได้

ระหว่างรออาหาร

Breakfast

ข้าวผัดอเมริกัน
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปเก็บของเตรียมตัวเชคเอ้าท์ตอนเที่ยงตรงค่ะ

บ๊าย บายยย
เดินทางกันต่อค่ะ ตามมาไหว้พระกันน๊า
จุดหมายต่อไปคือวัดถ้ำเสือ อยู่ในอ.ท่าม่วง ซึ่ง จขกท. เคยมากับคุณแม่แล้วค่ะ
ทางไปวัด เป็นทางผ่านที่จะกลับกทม. ด้วย แต่เราก็บอกทางไม่ถูกนะ
ต้องพึ่งกูเกิลแมพเหมือนกัน
มาถึงวัดก็ปาเข้าไป บ่าย 2 ครึ่งแล้วค่ะ
จริงๆ ไม่ได้ไกลขนาดนั้น แต่แอบแวะกินแมคโดนัลกันมา แฮ่
เสา-อาทิตย์ คนเยอะมากค่ะ มีทั้งรถตู้ รถทัวร์มาลง

จะเดินขึ้นไปก็ได้น๊าา

แต่เราเลือกนั่งอันนี้อะ ไม่รู้เรียกกระเช้าหรือรถราง
จ่ายเงินคนละ 10 บาทค่ะ ได้ทั้งขึ้นและลงเลย

หวิวๆ ค่ะ

ด้านบนของวัดค่ะ

ด้านหลังของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ วิวสวยมากกกๆ
ถ้าใครไม่รีบก็แนะนำให้เดินลงทางบันได จะมีทางไปถ้ำค่ะ
แวะกราบร่างของหลวงพ่อชื่นกันซักนิด (ท่านเป็นผู้สร้างวัดถ้ำเสือ)
ร่างท่านยังอยู่ในโลงแก้ว ไม่เน่าไม่เปื่อยค่ะ
สำหรับเรา หลานเริ่มงอแงแล้ว เลยไม่ได้แวะกราบค่ะ
ได้ฤกษ์กลับกรุงฯแล้วจ้าา ฝากไว้เพียงเท่านี้ค่ะ
Bye Bye Kanchanaburi
ปอลิง**กำลังจะ backpack ไปเวียดนาม ไว้มารีวิวให้ฟังค่ะ
ติดตามกันได้จ้า >> IG:bumbimmongtakoo
[CR] หนีไปโดดน้ำที่ 'Lake Heaven' ฉบับเร่งด่วน 2 วัน 1 คืน ไม่มีแพลน ไม่จองที่พัก
14-15 Nov 2015
กระทู้แรกของเราค่า (ไม่บอกเดี๋ยวจะหาว่าเชยยย)
เป็นทริปที่พี่ๆน้องๆในครอบครัวตั้งใจว่าจะไปเที่ยวกัน
คิดกันไว้เล่นๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน จนเกือบจะล่ม
เพราะตกลงกันไม่ได้ว่าจะไปที่ไหน สุดท้ายลงเอยกันที่กาญจนบุรี
(โดยที่ยังไม่รู้จุดหมายปลายทางที่ชัดเจนอีกนั่นแหละ = =')
ล้อหมุน 05.30 น. ของวันเสาร์ค่ะ
ใช้เส้นทางหมายเลข 346 วิ่งตรงยาวๆ
ผ่าน ม.เกษตร (กำแพงแสน) รถสิบล้อเยอะพอสมควร
เลี้ยวซ้ายอีกทีผ่านเข้าตัวเมือง เส้นทางหมายเลข 324
ปักหมุดไว้ที่แรก คือสะพานข้ามแม่น้ำแควค่ะ (พึ่งกูเกิลแมพมาตั้งแต่ที่บ้าน)
8 โมงนิดๆ เราก็ถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควกันแล้วค่ะ
แดดยังไม่แรงมาก เดินเล่นถ่ายรูปกันซักพักกก
หลานตัวแสบ นางแบบของทริปนี้ค่ะ
เริ่มหิวกันแล้ว เพราะกินขนมที่ปั๊มรองท้องกันไปนิดเดียว
เลยกินข้าวกันที่ร้าน 'แพโฟลทติ้ง' ซึ่งจะมีทางลงไปร้านอยู่ตรงเชิงสะพาน
ร้านอยู่ริมแม่น้ำแควเลยค่ะ นั่งมองวิวสะพานข้ามแม่น้ำแควกันเพลินๆ
อาหารมา ทุกคนก็ไม่รอช้าา เราลืมกล้องถ่ายรูปไปสนิทค่ะ
กินข้าวกันเสร็จประมาณ 9 โมงครึ่ง ที่สะพานคนเริ่มมากันเยอะแล้ว
แล้วเราก็เริ่มเดินทางกันต่อ ตอนแรกจะไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นค่ะ
ช่วยกันหาข้อมูลในเน็ต หาไปหามา สรุปว่า
ไปเลคเฮฟเว่นกันนนนน ซะงั้น _ _*
เลยเริ่มช่วยกันโทถามที่พัก
ที่แรกก็ที่ lake heaven resort ค่ะ
ซึ่งก็เต็ม แบบไม่มีเงื่อนไข น่าจะต้องโทรจองล่วงหน้าเป็นเดือน
สุดท้ายเราก็วอคอินตามทางไปเรื่อยๆค่ะ
มีทั้งบ้านเป็นหลัง มีทั้งแพ ส่วนใหญ่ถ้าไม่เต็มก็ราคาแพง
ราคาที่ถามมีตั้งแต่ 2400-6500 (ลืมบอกไป เรามากัน7 คน รวมหลาน)
ขับรถหาที่พักกันมาเรื่อยๆ ก็ยังไม่ได้ที่ที่ถูกใจ
จนมาถึงเลคเฮฟเว่นแล้วค่ะ ตั้งใจว่าจะหาต่ออีก1-2 ที่
ถ้าไม่โอเคก็จะวนกลับไปพักที่ที่ผ่านมาค่ะ
.
สุดท้ายเกือบจะเที่ยงแล้ว เราก็มาเจอที่นี่ค่ะ 'บ้านสวนครูเสริฐ'
อยู่ซ้ายมือ ติดถนนใหญ่เลยค่ะ เลยเลคเฮฟเว่นมาไม่ถึง 1 กิโลเมตร
ตกลงปลงใจกันว่าจะพักที่นี่ละค่ะ
ไม่ได้นอนแพก็ดีเหมือนกัน เพราะหลานก็กำลังซนเลย
บ้านพักที่นี่มีทั้งแบบห้อง แล้วก็บ้านเป็นหลังๆสำหรับครอบครัวค่ะ
แบบนี้เป็นห้องๆค่ะ พักได้ 2 คน
ราคา 1200-1300/ห้อง สำหรับเสาร์-อาทิตย์
ส่วนของเรา เราเลือกแบบเป็นหลังๆค่ะ
หลังนี้ให้พักได้ 6 คน ค่ะ
ราคา 3800/ห้อง สำหรับเสาร์-อาทิตย์
ข้างในแบ่งเป็น 3 ห้องค่ะ
ห้องตรงกลางมีโซฟาไม้, โต๊ะกลาง, ทีวี, ตู้เย็น, น้ำเปล่า 6 ขวด
ห้องทางขวาเป็นเตียง 6 ฟุตครึ่ง 1 เตียง มีแอร์, ทีวี , ห้องน้ำในตัว
ห้องทางซ้ายเป็นเตียง 5 ฟุตครึ่ง 2 เตียง มีแอร์, ทีวี , ห้องน้ำ
มีผ้าขนหนูและเครื่องอาบน้ำให้ครบ 6 คน
เรื่องความสะอาดถือว่าโอเคมากเลยค่ะ
(ไม่มีรูปข้างในนะคะ เพราะพอเราเข้าไปมันก็เละเทะเลย)
บริเวณหน้าบ้านค่ะ มีม้านั่ง มีชิงช้า น่ารักมากๆ
สนามหญ้าด้านข้างค่ะ
งีบหลับกันตามอัธยาศัย zzzZ
รวมพลกันอีกทีเกือบบ่ายสามโมงได้
เราก็ไปเลคเฮฟเว่นกันเล้ยยยย
ขับรถไม่ถึง 5 นาทีเราก็มาถึงกันละค่า
แดดกำลังดำเลยง่าา สงสัยจะไม่สู้ค่ะ
.
กินข้าวกันก่อนละกันเนอะ
ร้านอาหารของที่เลคเฮฟเว่นนี่แหละค่ะ
ตามเคยค่ะ เมื่ออาหารมา เราเลือกจับช้อนแล้ววางกล้อง
Y-Y ไม่มีรูปอีกแล้ว ซอรี่น๊าา
...
เมื่อท้องอิ่มทุกคนก็พร้อมแล้วค่ะ
รสชาติอาหารถือว่าโอเคเลย ราคาก็ไม่แพงด้วยนะ
แล้วเราก็ไปจ่ายค่าเข้าเพื่อเล่นน้ำกันที่เคาเตอร์
ราคาอยู่ที่ 250 บาท สำหรับผู้ใหญ่ เล่นได้ 3 ชม.
มีค่ามัดจำสายรัดข้อมือ คนละ 200 บาท
(จะได้คืนเมื่อเอาสายรัดมาคืนค่ะ)
ราคาสำหรับเด็กน่าจะ 150 บาทค่ะ จำไม่ได้อะดูผ่านๆ
หลานเราไม่เสียค่าเล่นนะคะเพราะยังเล็ก
ข้าวของสัมภาระ สามารถฝากไว้ที่เคาเตอร์ได้ค่ะ
ส่วนของมีค่าเราเอาไปเก็บไว้ที่รถกันอะ
พร้อมแล้วววว ว ไปค่ะ
เดินตรงไปรับเสื้อชูชีพก่อนเลย ทุกคนที่เล่นต้องใส่ค่ะถึงแม้จะว่ายน้ำเป็นก็ตาม
ลืมกระซิบบอกนิดนึง ที่นี่เพิ่งเปิดตัวเครื่องเล่นใหม่ไปเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ค่ะ
( เราไป 14 พ.ย.) เครื่องเล่นทุกชิ้นยังอยู่ในสภาพดีค่ะ
เห็นในรีวิวเก่าๆ คนมาบ่นกันเยอะว่าสภาพไม่โอเคแล้ว
แต่เรื่องความสะอาดของน้ำก็ต้องทำใจค่ะ ไม่ค่อยใสเลย
มีตะใคร่หรืออะไรซักอย่างเขียวๆ ลอยอยู่บ้าง เราก็พยามไม่สนใจมันละกัน ฮ่าๆ
.
เล่นกันจนตัวซีดไปตามๆกัน เหนื่อยเอาเรื่องเลย
สนุกที่สุดก็คงคนนี้ละค่ะ เล่นไม่ยอมเลิก
ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าหลานจะเล่นอะไรได้มั้ย
แต่มีสระสำหรับเด็กด้วยค่ะ เด็กเล็กก็เล่นได้
ที่เด็ดสุดเห็นจะเป็นเจ้าสไลด์เดอร์สูงๆนั่นแหละค่ะ
คือพีคมากกกกกกกกกก
กว่าเราจะเลิกเล่นกันก็ปาไป 6 โมงค่ะ (ปิดบริการ 6 โมงครึ่ง)
อันนี้แหละค่ะที่ต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนๆ เก็บบรรยากาศมาฝาก
เรานั่งท้ายกระบะกลับไปอาบน้ำกันที่รีสอร์ทค่ะ
มารวมตัวกันอีกครั้งช่วงค่ำๆ
หน้าที่พักมีร้านอาหารตามสั่งค่ะ แต่เราอยากไป 7-11 กัน
ซึ่งมันไกลมาก ต้องขับรถลงเขาไป 7-11 จะอยู่ตรงทางเข้าเขื่อนศรีนครินทร์นู่น
ใครที่มาพักบนนี้เราแนะนำว่าให้ตุนเสบียงมาให้พร้อมค่ะ
.
.
ภาพตัด
เช้าแล้วค่ะ ตื่นมาแบบงัวเงีย อากาศกำลังดี
เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมากกๆ คันยุบยิบไปหมด
น่าจะเป็นผลมาจากการลงไปเล่นในสระเด็กเมื่อวาน
(ใครมาเที่ยวแนะนำว่าอย่าลงสระเด็กถ้าไม่จำเป็นเน้ออ)
มื้อเช้าเราฝากท้องไว้กับทางรีสอร์ทค่ะ
เมนูอาหารเช้าค่ะ
ตอนมาเชคอินเข้าที่พัก จนท. จะถามเราก่อนว่าจะซื้อชุดอาหารเช้ามั้ย?
คิดราคา 100บาท/คน
จะได้ชุด breakfast, น้ำส้ม, โอวัลติน/กาแฟ, น้ำเปล่า
ซึ่งต้องแจ้งตั้งแต่ตอนที่เชคอินค่ะ
ถ้าไม่ได้บอกไว้ ก็มาสั่งเป็นเมนูๆไป แบบเราก็ได้
ระหว่างรออาหาร
Breakfast
ข้าวผัดอเมริกัน
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปเก็บของเตรียมตัวเชคเอ้าท์ตอนเที่ยงตรงค่ะ
บ๊าย บายยย
เดินทางกันต่อค่ะ ตามมาไหว้พระกันน๊า
จุดหมายต่อไปคือวัดถ้ำเสือ อยู่ในอ.ท่าม่วง ซึ่ง จขกท. เคยมากับคุณแม่แล้วค่ะ
ทางไปวัด เป็นทางผ่านที่จะกลับกทม. ด้วย แต่เราก็บอกทางไม่ถูกนะ
ต้องพึ่งกูเกิลแมพเหมือนกัน
มาถึงวัดก็ปาเข้าไป บ่าย 2 ครึ่งแล้วค่ะ
จริงๆ ไม่ได้ไกลขนาดนั้น แต่แอบแวะกินแมคโดนัลกันมา แฮ่
เสา-อาทิตย์ คนเยอะมากค่ะ มีทั้งรถตู้ รถทัวร์มาลง
จะเดินขึ้นไปก็ได้น๊าา
แต่เราเลือกนั่งอันนี้อะ ไม่รู้เรียกกระเช้าหรือรถราง
จ่ายเงินคนละ 10 บาทค่ะ ได้ทั้งขึ้นและลงเลย
หวิวๆ ค่ะ
ด้านบนของวัดค่ะ
ด้านหลังของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ วิวสวยมากกกๆ
ถ้าใครไม่รีบก็แนะนำให้เดินลงทางบันได จะมีทางไปถ้ำค่ะ
แวะกราบร่างของหลวงพ่อชื่นกันซักนิด (ท่านเป็นผู้สร้างวัดถ้ำเสือ)
ร่างท่านยังอยู่ในโลงแก้ว ไม่เน่าไม่เปื่อยค่ะ
สำหรับเรา หลานเริ่มงอแงแล้ว เลยไม่ได้แวะกราบค่ะ
ได้ฤกษ์กลับกรุงฯแล้วจ้าา ฝากไว้เพียงเท่านี้ค่ะ
Bye Bye Kanchanaburi
ปอลิง**กำลังจะ backpack ไปเวียดนาม ไว้มารีวิวให้ฟังค่ะ
ติดตามกันได้จ้า >> IG:bumbimmongtakoo