ฉัน : ฮัลโหลลล  มีไรว่ามา (เป็นวันเกิดฉันพอดีคิดว่าเพื่อนจะต้องโทรมาอวยพรวันเกิดแน่ๆ เลย)
เพื่อนฉัน : ไปเที่ยวกันไหม?
ฉัน :ที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง ไปสิ
เพื่อนฉัน : คิดหน่อยไหม? ไปเลยหรอ
ฉัน :ไปสิคะ รออะไร ชีวิตเราต้องออกเดินทาง เพราะทุกการเดินทางล้วนมีความหมาย เราจึงออกเดินทางเพื่อนค้นพบ #lifefortravel  
เราตกลงกันว่าจะไปกัน 5 วัน 4 คืน และที่ๆ เราจะไปก็คือ [เชียงราย>บ้านระเบียงดาว>ดอยอ่างขาง>เชียงใหม่]
วันที่ 30 กย. - 4 ตค. 2558 จริงๆ ตั้งใจจะไปนอนที่เชียงราย 2 วัน แล้วค่อยมาเชียงใหม่
แต่บ้านระเบียงดาวไม่มีวันว่างเลยนอกจากวันที่ 1 เราจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนเพื่อที่จะได้ขึ้นไปนอนที่บ้านระเบียงดาว
โดยอยู่เชียงรายแค่คืนเดียว
วันแรกออกเดินทางแต่เช้ามืดเพื่อให้ไปถึงเชียงรายแต่เช้า จะได้มีเวลาเที่ยวทั้งวัน

เราไปถึงสนามบินเชียงรายประมาณ 8.30 น. และเราก็นั่งแท็กซี่เพื่อไปที่พัก ที่เราจองไว้
เป็นโฮสเทลน่ารักมากๆ เข้าไปแล้วรู้สึกได้ว่านี่เราอยู่ญี่ปุ่นรึเปล่านะ
แค่ได้ยินชื่อโฮลเทลก็รู้สึกมีความสุขละ "happynest hostel"


เราเช่ามอเตอร์ไซค์แว้นกันค่ะ ทัวร์รอบเมืองเชียงรายเลยที่แรกที่เราไปก็คือ ร้านข้าวค่ะ
ตอนนั้น หิว มากกกกก เราได้รับคำแนะนำจากพี่ที่ร้านเช่ามอไซค์ว่า ร้านนี้ถ้าเราไปกินเราจะรู้สึกพอใจ
อ้าว! ไม่รู้สึกอิ่มหรอ จริงๆ แล้วก็รู้สึกพอใจมาก เพราะอาหารอร่อยมากกกกก อร่อยทุกอย่างที่สำคัญถูกด้วย


จากนั้นเราก็ขับรถเพื่อที่จะไปไหว้สักการะพ่อขุนเม็งรายมหาราช
เนื่องจากเราชำนาญทาง และการดูแผนที่มาก เราจึงอาศัย google map วนรถอยู่ประมาณ 3 รอบ ดีค่ะ จำทางได้ละ
จริงๆ ที่หลงมันเป็นสโลแกนของเราเอง ไปที่ไหนแล้วไม่หลง ไม่ใช่เราแน่นอน

หลังจากนั้นเรารู้สึกว่าร้อนมากๆ เราจึงต้องไปหาอะไรเย็นๆ เข้าสู่ร่างกาย นั้นก็คือ กาแฟ!!!!
ซึ่งร้านที่ได้รับคำแนะนำมาก็เป็นร้านธรรมดาๆ ชีวิตธรรมดา แต่...พอไปถึงรู้เลยว่าไม่ธรรมดาเหมือนชื่อแน่ๆ
บอกเลยว่าบรรยากาศร้านน่ารักมากๆ สไตล์ผู้ดีอังกฤษ ซึ่งเหมาะกะเราฝุดๆ กาแฟก็อร่อย
พนักงานในร้านก็น่ารักเป็นกันเอง แนะนำสถานที่เที่ยวต่างๆให้เราด้วย ใจดีจัง



ระหว่างทางที่หลงก่อนไปถึงร้านกาแฟ

จากนั้นเราก็ไปชื่นชมผลงานของศิลปินแห่งชาติที่พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ของ อ.ถวัลย์ ดัชนี
เราได้พบเจอกับทัวร์จีน และการทัศนศึกษาของเด็กๆ เป็นบรรยากาศที่คึกครื้นกันเลยทีเดียว




ระหว่างทางที่เราขับรถจะกลับที่พัก ได้เหลือบไปเห็น ทุ่งนา แดนนี้ยังมีความหมาย
ฮิปเตอร์อย่างเราถอยรถกลับอย่างไว เพื่อ!! ถ่ายรูปเหมือนเดิมค่ะ

เรากับมาล้างหน้าที่พักแปปนึงเพราะว่าไม่ไหวละ ร้อนมากๆ แต่ดีค่ะ ชีวิตต้องลุยแบบนี้แหละ
จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่วัดร่องขุ่นค่ะ


ยังไม่จบค่ะวันนี้เราตั้งใจว่าจะไปถ่ายรูปกับสิงห์ตัวใหญ่ๆ นั้นก็คือ Sing park หรือ ไร่บุญรอด นั่นเอง
ก็ขับออกจากวัดร่องขุ่นด้วยบรรยากาศที่ฝนกำลังจะตก หมอกลอยมาแตะตัว กำลังฟินเลย แต่แล้ว..รถพัง!!!!
รถพังค่ะ ทำไงคะทีนี้ ทำใจค่ะ 555 เราก็โทรหาพี่ที่เราเช่าเพื่อให้เค้าเอารถมาเปลี่ยนให้
ระหว่างที่เรารอ ก็ยังคงฟินกับบรรยากาศอยู่ เพราะเราได้โลเคชั่นที่สวยมากๆ นั่นก็คือทุ่งนา นั่นเอง
ถ่ายรูปสิคะ รออะไร


ในที่สุดวันนี้เราก็ได้มาถ่ายรูปกับพี่สิงห์ แต่...กล้องฉันแบตหมด
ไม่เป็นไร เพื่อนก็มีกล้อง เราไปถึงเย็นเกินไปเราจึงไม่ได้ไปดูยีราฟ เอาไว้โอกาสหน้าเนอะ
จะทัวร์ให้ทั่วไร่เลย


ตอนกลางคืนเราไปเดินที่ตลาดเชียงราย ไนท์บาร์ซา คนไม่ค่อยเยอะมาก เพราะเป็นวันธรรมดา
แต่ดีค่ะ เราไปนั่งฟังเพลงชิวๆ ก็คุยกันกับเพื่อนว่าจะไปดูไฟเปลี่ยนสีที่หอนาฬิกา ซึ่งจะมีเป็นช่วงเวลา
19.00 น. 20.00 น. 21.00 น. 22.00 น. นั่งไปนั่งมาเพลินเกินเวลาที่จะไปดูไฟ ก็เลยนั่งดูพระจันทร์แทนละกัน


เป็นไงคะ วันแรกก็คุ้มแล้วใช่ไหม เหลืออีก 4 วัน 3 คืน ไปต่อค่ะ ...