
รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกที่ผมเขียน และเการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางไปยังต่างประเทศเป็นครั้งแรกของพวกเรา (ผมไปกับเพื่อนๆรวมทั้งหมด 7 คน)ที่ได้เดินทางไปพร้อมกัน ไม่อยากจะเชื่อว่าทริปต่างประเทศของกลุ่มเราก็สามารถจัดได้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะประสบความสำเร็จด้วยดี การเดินทางในครั้งนี้เป้าหมายของเราคือดินแดนแห่งพุทธศาสนาที่ซึ่งมีวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่ศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพบูชานั่นก็คือประเทศเมียนมาร์ พอดีว่าเราได้โปรโมชั่นของสายการบินหางแดงราคาของเมียนมาร์ถูก เราเลยสอยตั๋วเครื่องบินและเตรียมออกเดินทางตะลุยเมียนมาร์ อุปสรรคในครั้งนี้ก็มีบ้างแต่จะอะไรก็ตามเหมือนสิ่งดีๆเข้ามาหาเราก่อนการเดินทางเพียงไม่กี่อาทิตย์ก่อนการไปทำวีซ่า เพราะเมียนมาร์ต้องทำวีซ่าก่อนเข้าประเทศ เราก็ได้รับข่าวดีว่าเมียนมาร์จะยกเลิกวีซ่านักท่องเที่ยวทางอากาศ เราใจจดใจจ่อขอให้มันมีกำหนดยกเลิกวีซ่าก่อนวันที่เราเดินทาง ทุกคนต่างพากันเชคข่าวว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร จนในที่สุดข่าวดีก็เกิดขึ้นกับพวกเราเพราะมีการลงนามและยกเลิกวีซ่านักท่องเที่ยวทางอากาศตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.58 ซึ่งก็ก่อนการเดินทางของเราเพียงแค่อาทิตย์เดียว (ผมไปวันที่ 20-23 ส.ค.58) เราจึงโชคดีที่ไม่ต้องเสียค่าทำวีซ่าตั้ง 810 บาท เอาค่าทำวีซ่าไปตะลอนหาของกินทั่วเมืองย่างกุ้งดีกว่า หวังว่าทริปนี้จะทำให้เพื่อนๆได้เก็บประสบการณ์ร่วมกันและทำให้เกิดความทรงจำดีๆระหว่างกันตลอดทริปและตลอดไป
แพลนของพวกเราวางไว้ดังนี้ครับ
"บอกก่อนว่านี่เป็นแพลนที่เราตั้งใจว่าจะทำให้ได้ตามนี้ แต่พอเอาเข้าจริงด้วยสถานการณ์ + เวลา บางสถานที่ไม่เอื้ออำนวย พวกเราก็เลยตัดออกไปแต่ก็มีที่อื่นมาเสริมแทนครับ"
ตอนที่ 1 กายพร้อม ใจพร้อม ก็ออกเดินทางกันเลย

คืนก่อนวันเดินทางดูเหมือนว่าทุกคนจะตื่นเต้นกับการออกเดินทางพร้อมกันไปต่างประเทศครั้งแรกของพวกเรา เชื่อได้แน่ว่าต้องมีคนนอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นที่จะได้เดินทาง จนมาถึงเช้ามืดของวันเดินทางวันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม 2558 เวลานัดหมายคือเวลา 05.30 น. ที่สนามบินดอนเมือง ประตูทางเข้าที่ 1 เคาเตอร์จำหน่ายตั๋วโดยสารของแอร์เอเชีย เมื่อทุกคนมาสถานที่นัดหมายพร้อม !!! คนพร้อม Passport พร้อม ผมก็ทำการรวบรวมเอกสารกับพาสปอร์ตของทุกคนไปยังเคาเตอร์เช็คอินเพื่อทำการเช็คอินแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ผมเช็คอินไปแล้ว ไม่ต้องทำอะไรเลย เดินเข้าเกตได้เลย 555+ เงิบเลย พวกเราก็เลยเดินเข้าไปยังจุดตรวจผ่านด่านตม.ไปยังช่องอัตโนมัติสำหรับคนไทยเพื่อผ่านพิธีตรวจคนเข้า-ออกเมือง ทันใดนั้นเองผมก็เหลือบไปเห็นผู้โดยสารคนอื่นๆมีใบตม.ของประเทศไทยที่เป็นใบสีขาวตัวหนังสือสีฟ้าอยู่กันทุกคน แต่ผมจำได้ว่ามันไม่จำเป็นต้องใช้แล้วนิ เพราะมันมีเครื่องอัตโนมัติคอยตรวจสอบให้อยู่แล้ว ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่หน้าเครื่องดังกล่าวบอกให้พวกเราไปเอาใบตม.มากรอก เงิบรอบสองสิครับ ผมก็เลยต้องออกมาเอาใบตม.แล้วก็ให้เพื่อนๆกรอกก่อนที่จะผ่านด่านตรวจของตม. สรุปว่าผ่านด่านตม.มาได้ฉลุยพร้อมกับใบตม.สีฟ้าที่ยืนเขียนตั้งนานนั้นแหละ เจ้าหน้าที่ไม่เก็บใบตม.ผม และเพื่อนคนอื่นๆบ้างคนก็เก็บ ผมเลยสงสัย ตกลงมันจำเป็นหรือไม่จำเป็น 555+ แต่ก็ผ่านมาได้ จากนั้นก็เข้าสู่การตรวจสอบกระเป๋าและวัตถุอันตรายก่อนเข้าเกต มีการสแกนกระเป๋าเดินทาง สแกนตัวหาสิ่งของต้องห้าม พวกเราทั้งหมดก็ผ่านมาได้ ทางเดินไปยังเกตก็จะมีสินค้าปลอดภาษีจำหน่าย (Duty-free) รวมทั้งมีร้านค้า อาหาร เครื่องดื่มต่างๆมากมายแต่ในที่นี้ราคาสินค้าอาหารเครื่องดื่มค่อนข้างแพง เราไม่ได้ซื้ออะไรในนี้เพราะเราเตรียมของกินมาก่อนล่วงหน้าแล้วจึงหมดปัญหา มีเพียงขวดน้ำเปล่า 2 ใบของผมและก็ของออยที่นำเข้ามาเพื่อมาใส่น้ำด้านใน หลังจากนั้นก็รอเวลาขึ้นเครื่อง ระหว่างรอขึ้นเครื่องผมก็ได้แจกจ่ายเงินดอลลาร์ที่ทำการแลกมาให้กับเพื่อนๆพร้อมทั้งคู่มือเที่ยวพม่าฉบับ Hand make คนละ 1 เล่ม ซึ่งเที่ยวบินของเราลืมบอกไป คือเที่ยวบินที่ FD251 เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานย่างกุ้ง เวลาเดินทาง 07.15 น. ถึงย่างกุ้ง 08.00 น. เรารอขึ้นเครื่องที่ประตูทางออกหมายเลข 5 (Gate 5) ทางออกนี้เป็นทางออกเพื่อต่อ Shutter Bus ไปยังเครื่องบิน เราต้องนั่งรถบัสของสายการบินไปยังตัวเครื่องที่อยู่บริเวณที่จอดเครื่องบิน จากนั้นก็ได้ขึ้นเครื่อง แอร์ประจำเที่ยวบินก็ได้แจกใบตม.เข้าประเทศเมียนมาร์ให้เราเขียนก่อนถึงเมียนมาร์ เราได้ที่นั่งแถว 15 และ 16 ซึ่งอยู่บริเวณปีกเครื่องบิน เหตุผลที่ได้ที่นั่งดังกล่าวเพราะเราไม่ได้ทำการจองที่นั่งเพิ่มเพราะถ้าจองที่นั่งเพิ่มก็จะต้องเสียค่าจองที่นั่งอีกคนละ 70 บาท ซึ่งก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุจึงให้สายการบินสุ่มเลือกที่นั่งให้ แต่เราก็ได้นั่งติดกัน การนั่งเครื่องบินครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกของใครหลายคนจึงทำให้การเดินทางครั้งนี้ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับเพื่อนๆ ระหว่างที่อยู่บนน่านฟ้าพวกเราก็จัดแจงเขียนใบตม.เมียนมาร์และใบศุลกากรของเมียนมาร์เพื่อใช้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เวลาการเดินทางบนน่านฟ้าใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงก็บินมาถึงสนามบินย่างกุ้งเวลาประมาณ 08.20 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 30 นาที
ตอนที่ 2 เหยียบแผ่นดินเมียนมาร์

หลังจากที่ล้อเครื่องบินแตะรันเวย์ของสนามบินย่างกุ้ง พวกเราก็ได้เวลาออกเดินทางผจญภัยในต่างแดนกันแล้ว หลังจากเครื่องจอดสนิทเทียบเกตออกจากประตู ผ่านตม.ของเมียนมาร์ เราก็ทำภารกิจส่วนตัวเข้าห้องน้ำรวมทั้งแลกเงินจ๊าด เพราะเราแลกเงินดอลาร์สหรัฐมาก่อนหน้านี้เพื่อนำเงินดอลลาร์มาแลกเงินจ๊าด ซึ่งเงินดอลลาร์ที่นำมาก็ต้องเป็นเงินที่ใหม่ไม่มีรอบพับ (เพื่อ?) แลกเงินใหม่ได้เงินเก่า 555+ แบงค์พม่าสุดแสนจะน่าจับต้องซะเหลือเกิน สีสันหมองคล้ำผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วง บางใบก็เกือบขาด บางใบก็เลอะซะไม่เหลือร่องรอยความเป็นธนบัตรประจำชาติ แต่พวกเราก็ต้องจำใจแลกมาเพราะเป็นสิ่งที่สำคัญในการดำรงชีวิตอยู่ในเมียนมาร์ตั้ง 4 วัน เราทำการแลกเงินที่เคาเตอร์ภายในสนามบินได้เรทที่พอรับได้อยู่ที่ 1 USD แลกได้ 1,270 จ๊าด ซึ่งแต่ละคนก็แลกตามสัดส่วนที่ต้องการ ส่วนมีเพื่อนคนนึงก็ไปซื้อซิมการ์ดเพื่อเล่นอินเตอร์เน็ตในประเทศ ค่าบริการก็ตกอยู่ที่ค่าซิมการ์ด 1,500 จ๊าด บวกกับค่าการ์ดเน็ต 10,000 กว่าจ๊าดจำตัวเลขไม่ได้ ตกแล้วเบ็ดเสร็จแปลงเป็นเงินไทยอยู่ที่ 300 กว่าบาท (ก็ถือว่าคุ้มนะ 555+ เพราะจากเท่าที่สังเกตตลอดทริป) เมื่อคนพร้อม เงินพร้อม เราก็ออกเดินทางต่อกันเลย
[CR] ตะลุยเมียนมา เมืองย่างกุ้ง ชเวดากอง เทพทันใจ พระธาตุอินแขวน สิเรียม 4 วัน 3 คืน
รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกที่ผมเขียน และเการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางไปยังต่างประเทศเป็นครั้งแรกของพวกเรา (ผมไปกับเพื่อนๆรวมทั้งหมด 7 คน)ที่ได้เดินทางไปพร้อมกัน ไม่อยากจะเชื่อว่าทริปต่างประเทศของกลุ่มเราก็สามารถจัดได้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะประสบความสำเร็จด้วยดี การเดินทางในครั้งนี้เป้าหมายของเราคือดินแดนแห่งพุทธศาสนาที่ซึ่งมีวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่ศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพบูชานั่นก็คือประเทศเมียนมาร์ พอดีว่าเราได้โปรโมชั่นของสายการบินหางแดงราคาของเมียนมาร์ถูก เราเลยสอยตั๋วเครื่องบินและเตรียมออกเดินทางตะลุยเมียนมาร์ อุปสรรคในครั้งนี้ก็มีบ้างแต่จะอะไรก็ตามเหมือนสิ่งดีๆเข้ามาหาเราก่อนการเดินทางเพียงไม่กี่อาทิตย์ก่อนการไปทำวีซ่า เพราะเมียนมาร์ต้องทำวีซ่าก่อนเข้าประเทศ เราก็ได้รับข่าวดีว่าเมียนมาร์จะยกเลิกวีซ่านักท่องเที่ยวทางอากาศ เราใจจดใจจ่อขอให้มันมีกำหนดยกเลิกวีซ่าก่อนวันที่เราเดินทาง ทุกคนต่างพากันเชคข่าวว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร จนในที่สุดข่าวดีก็เกิดขึ้นกับพวกเราเพราะมีการลงนามและยกเลิกวีซ่านักท่องเที่ยวทางอากาศตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.58 ซึ่งก็ก่อนการเดินทางของเราเพียงแค่อาทิตย์เดียว (ผมไปวันที่ 20-23 ส.ค.58) เราจึงโชคดีที่ไม่ต้องเสียค่าทำวีซ่าตั้ง 810 บาท เอาค่าทำวีซ่าไปตะลอนหาของกินทั่วเมืองย่างกุ้งดีกว่า หวังว่าทริปนี้จะทำให้เพื่อนๆได้เก็บประสบการณ์ร่วมกันและทำให้เกิดความทรงจำดีๆระหว่างกันตลอดทริปและตลอดไป
แพลนของพวกเราวางไว้ดังนี้ครับ
"บอกก่อนว่านี่เป็นแพลนที่เราตั้งใจว่าจะทำให้ได้ตามนี้ แต่พอเอาเข้าจริงด้วยสถานการณ์ + เวลา บางสถานที่ไม่เอื้ออำนวย พวกเราก็เลยตัดออกไปแต่ก็มีที่อื่นมาเสริมแทนครับ"
ตอนที่ 1 กายพร้อม ใจพร้อม ก็ออกเดินทางกันเลย
คืนก่อนวันเดินทางดูเหมือนว่าทุกคนจะตื่นเต้นกับการออกเดินทางพร้อมกันไปต่างประเทศครั้งแรกของพวกเรา เชื่อได้แน่ว่าต้องมีคนนอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นที่จะได้เดินทาง จนมาถึงเช้ามืดของวันเดินทางวันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม 2558 เวลานัดหมายคือเวลา 05.30 น. ที่สนามบินดอนเมือง ประตูทางเข้าที่ 1 เคาเตอร์จำหน่ายตั๋วโดยสารของแอร์เอเชีย เมื่อทุกคนมาสถานที่นัดหมายพร้อม !!! คนพร้อม Passport พร้อม ผมก็ทำการรวบรวมเอกสารกับพาสปอร์ตของทุกคนไปยังเคาเตอร์เช็คอินเพื่อทำการเช็คอินแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ผมเช็คอินไปแล้ว ไม่ต้องทำอะไรเลย เดินเข้าเกตได้เลย 555+ เงิบเลย พวกเราก็เลยเดินเข้าไปยังจุดตรวจผ่านด่านตม.ไปยังช่องอัตโนมัติสำหรับคนไทยเพื่อผ่านพิธีตรวจคนเข้า-ออกเมือง ทันใดนั้นเองผมก็เหลือบไปเห็นผู้โดยสารคนอื่นๆมีใบตม.ของประเทศไทยที่เป็นใบสีขาวตัวหนังสือสีฟ้าอยู่กันทุกคน แต่ผมจำได้ว่ามันไม่จำเป็นต้องใช้แล้วนิ เพราะมันมีเครื่องอัตโนมัติคอยตรวจสอบให้อยู่แล้ว ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่หน้าเครื่องดังกล่าวบอกให้พวกเราไปเอาใบตม.มากรอก เงิบรอบสองสิครับ ผมก็เลยต้องออกมาเอาใบตม.แล้วก็ให้เพื่อนๆกรอกก่อนที่จะผ่านด่านตรวจของตม. สรุปว่าผ่านด่านตม.มาได้ฉลุยพร้อมกับใบตม.สีฟ้าที่ยืนเขียนตั้งนานนั้นแหละ เจ้าหน้าที่ไม่เก็บใบตม.ผม และเพื่อนคนอื่นๆบ้างคนก็เก็บ ผมเลยสงสัย ตกลงมันจำเป็นหรือไม่จำเป็น 555+ แต่ก็ผ่านมาได้ จากนั้นก็เข้าสู่การตรวจสอบกระเป๋าและวัตถุอันตรายก่อนเข้าเกต มีการสแกนกระเป๋าเดินทาง สแกนตัวหาสิ่งของต้องห้าม พวกเราทั้งหมดก็ผ่านมาได้ ทางเดินไปยังเกตก็จะมีสินค้าปลอดภาษีจำหน่าย (Duty-free) รวมทั้งมีร้านค้า อาหาร เครื่องดื่มต่างๆมากมายแต่ในที่นี้ราคาสินค้าอาหารเครื่องดื่มค่อนข้างแพง เราไม่ได้ซื้ออะไรในนี้เพราะเราเตรียมของกินมาก่อนล่วงหน้าแล้วจึงหมดปัญหา มีเพียงขวดน้ำเปล่า 2 ใบของผมและก็ของออยที่นำเข้ามาเพื่อมาใส่น้ำด้านใน หลังจากนั้นก็รอเวลาขึ้นเครื่อง ระหว่างรอขึ้นเครื่องผมก็ได้แจกจ่ายเงินดอลลาร์ที่ทำการแลกมาให้กับเพื่อนๆพร้อมทั้งคู่มือเที่ยวพม่าฉบับ Hand make คนละ 1 เล่ม ซึ่งเที่ยวบินของเราลืมบอกไป คือเที่ยวบินที่ FD251 เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานย่างกุ้ง เวลาเดินทาง 07.15 น. ถึงย่างกุ้ง 08.00 น. เรารอขึ้นเครื่องที่ประตูทางออกหมายเลข 5 (Gate 5) ทางออกนี้เป็นทางออกเพื่อต่อ Shutter Bus ไปยังเครื่องบิน เราต้องนั่งรถบัสของสายการบินไปยังตัวเครื่องที่อยู่บริเวณที่จอดเครื่องบิน จากนั้นก็ได้ขึ้นเครื่อง แอร์ประจำเที่ยวบินก็ได้แจกใบตม.เข้าประเทศเมียนมาร์ให้เราเขียนก่อนถึงเมียนมาร์ เราได้ที่นั่งแถว 15 และ 16 ซึ่งอยู่บริเวณปีกเครื่องบิน เหตุผลที่ได้ที่นั่งดังกล่าวเพราะเราไม่ได้ทำการจองที่นั่งเพิ่มเพราะถ้าจองที่นั่งเพิ่มก็จะต้องเสียค่าจองที่นั่งอีกคนละ 70 บาท ซึ่งก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุจึงให้สายการบินสุ่มเลือกที่นั่งให้ แต่เราก็ได้นั่งติดกัน การนั่งเครื่องบินครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกของใครหลายคนจึงทำให้การเดินทางครั้งนี้ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับเพื่อนๆ ระหว่างที่อยู่บนน่านฟ้าพวกเราก็จัดแจงเขียนใบตม.เมียนมาร์และใบศุลกากรของเมียนมาร์เพื่อใช้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เวลาการเดินทางบนน่านฟ้าใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงก็บินมาถึงสนามบินย่างกุ้งเวลาประมาณ 08.20 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 30 นาที
ตอนที่ 2 เหยียบแผ่นดินเมียนมาร์
หลังจากที่ล้อเครื่องบินแตะรันเวย์ของสนามบินย่างกุ้ง พวกเราก็ได้เวลาออกเดินทางผจญภัยในต่างแดนกันแล้ว หลังจากเครื่องจอดสนิทเทียบเกตออกจากประตู ผ่านตม.ของเมียนมาร์ เราก็ทำภารกิจส่วนตัวเข้าห้องน้ำรวมทั้งแลกเงินจ๊าด เพราะเราแลกเงินดอลาร์สหรัฐมาก่อนหน้านี้เพื่อนำเงินดอลลาร์มาแลกเงินจ๊าด ซึ่งเงินดอลลาร์ที่นำมาก็ต้องเป็นเงินที่ใหม่ไม่มีรอบพับ (เพื่อ?) แลกเงินใหม่ได้เงินเก่า 555+ แบงค์พม่าสุดแสนจะน่าจับต้องซะเหลือเกิน สีสันหมองคล้ำผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วง บางใบก็เกือบขาด บางใบก็เลอะซะไม่เหลือร่องรอยความเป็นธนบัตรประจำชาติ แต่พวกเราก็ต้องจำใจแลกมาเพราะเป็นสิ่งที่สำคัญในการดำรงชีวิตอยู่ในเมียนมาร์ตั้ง 4 วัน เราทำการแลกเงินที่เคาเตอร์ภายในสนามบินได้เรทที่พอรับได้อยู่ที่ 1 USD แลกได้ 1,270 จ๊าด ซึ่งแต่ละคนก็แลกตามสัดส่วนที่ต้องการ ส่วนมีเพื่อนคนนึงก็ไปซื้อซิมการ์ดเพื่อเล่นอินเตอร์เน็ตในประเทศ ค่าบริการก็ตกอยู่ที่ค่าซิมการ์ด 1,500 จ๊าด บวกกับค่าการ์ดเน็ต 10,000 กว่าจ๊าดจำตัวเลขไม่ได้ ตกแล้วเบ็ดเสร็จแปลงเป็นเงินไทยอยู่ที่ 300 กว่าบาท (ก็ถือว่าคุ้มนะ 555+ เพราะจากเท่าที่สังเกตตลอดทริป) เมื่อคนพร้อม เงินพร้อม เราก็ออกเดินทางต่อกันเลย