[CR]พาเที่ยวโรงผลิตแชมเปญ Moët & Chandon, พิพิธภัณฑ์ Heineken experience และขึ้นชมวิวบน Atomium

พอดีได้มีโอกาสไปเที่ยวตามเมืองต่างๆในยุโรป เห็นว่าน่าสนใจและยังไม่ค่อยมีใครเขียนถึง เลยขอเอามาบันทึกลงไว้ในนี้ครับเผื่อใครสนใจอยากจะไป หรือผ่านไปแถวๆนั้นจะได้ลองแวะเข้าไปเยี่ยมชมกันครับ

โดยที่แรกที่ได้แวะไปนั้นคือโรงงานแชมเปญ Moët & Chandon ครับอยู่ที่เมือง Épernay แคว้น Champagne ซึ่งไวน์แบบ sparkling wine ที่ผลิตในแคว้นนี้จะเรียกกันว่า Champagne หรือที่คนไทยเรียกกันว่าแชมเปญ นะครับ ถ้าเป็น sparkling wine ที่ผลิตจากที่อื่นจะไม่ได้เรียกว่าแชมเปญ พอขับรถเข้ามาในเขตเมืองนี้จะเห็นไร่องุ่นครับ ไร่องุ่นทั้งนั้น เพราะรายได้หลักของเมืองนี้คือผลิตแชมเปญส่งขายทั่วโลกครับ


เมือง Épernay ครับ


ตึกสำนักงานเทศบาลเมือง Épernay


ตึกโรงงานแชมเปญ Moët & Chandon

โรงงานแชมเปญของ Moët & Chandon จะอยู่เกือบกลางๆเมืองเลย ตรงข้ามกับตึกสำนักงานเทศบาลเมือง(ผมเข้าใจว่านะ)ราคาค่าเข้าเยี่ยมชมตกคนละ 22ยูโร แบบถูกสุด สามารถลงชื่อจองล่วงหน้าในเวบได้ครับ แต่ค่าเข้าชมจริงๆแล้วมีหลายราคานะครับ 22ยูโรจะเยี่ยมชมพร้อมดื่มแชมเปญ Moët Impérial 1แก้ว ส่วน 28ยูโรจะได้ดื่มแชมเปญ 2แก้วโดยเพิ่ม Rose เข้ามา แต่ถ้า 32ยูโรจะได้ 2แก้วแต่จะเป็น Grand Vintage 2แก้วเลย อันนี้ก็แล้วแต่ศรัทธาว่าใครอยากจะชิมแบบไหนนะครับ ส่วนเด็กต่ำกว่า 18จะเสียคนละ 10ยูโร เด็กเล็กเข้าชมฟรีครับ




รูปปั้นของ Dom Pérignon

เข้ามาหน้าโรงงานจะเจอรูปปั้นของ Dom Pérignon นักบวชชาวฝรั่งเศสคนสำคัญที่เป็นผู้บุกเบิกการผลิตแชมเปญ หรือ sparkling wine ครับ ซึ่งโรงงาน Moët & Chandon นั้นก็ผลิตแชมเปญ Dom Pérignon ในโรงงานแห่งนี้ด้วย
แต่จะเป็นพรีเมี่ยมแบรนด์ของเค้า


เข้ามาซื้อตั๋วก่อน



เข้ามาถึงก็ลงทะเบียนจ่ายค่าเข้าก็จะได้ตั๋วพร้อมกับ booklet มาหนึ่งเล่ม จากนั้นก็จะมีไกด์พาเข้าชมครับในส่วนแรกจะเป็นด้านนอกที่จะมีรูปของ Claude Moët ผู้เริ่มผลิตแชมเปญแบรนด์นี้ครับ เริ่มตั้งบริษัทในปี 1743
โดยได้ส่งไปจำหน่ายที่ปารีส และมีการทำส่งถวายให้ราชสำนักฝรั่งเศสด้วย หลังจากนั้นในรุ่นหลานที่ชื่อ Jean-Remy Moet ก็ได้เริ่มทำแชมเปญส่งออกขายนอกประเทศฝรั่งเศส จนเป็นที่รู้จักทั่วโลกในปัจจุบันแล้ว รวมถึงในยุคนี้เองที่ได้มีการศึกษาด้านเคมี และวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้ในการผลิตแชมเปญ ให้สามารถควบคุมคุณภาพได้มากขึ้นกว่ายุคแรกๆ ไม่ว่าจะรสชาด หรือปริมาณแอลกอฮอลที่พอเหมาะ


Claude Moët ผู้ก่อตั้งบริษัท


Jean-Remy Moet ผู้ที่ทำให้แชมเปญแบรนด์นี้พ้ฒนาขึ้นจากแค่ขายในประเทศ


ห้องรับแขก ที่ใช้เป็นห้องชิมไวน์สำหรับแขกระดับ VIP ครับ จักรพรรดิ์นโปเลียน เคยมาชิมไวน์ที่ห้องนี้ครับ

จากนั้นก็จะมีการฉายวิดีโอให้ชมว่าวิธีการทำไวน์แชมเปญในปัจจุบันเป็นยังไงตั้งแต่การเก็บองุ่นมาหมัก ซึ่งองุ่นแต่ละชนิด แต่ละพื้นที่จะให้รสชาดออกมาคนละแบบนะครับ เมื่อหมักบ่มจนได้ที่แล้วถึงนำไวน์องุ่นแบบต่างๆมาผสมกันจนได้รสชาดที่ต้องการ โดยในแต่ละปีส่วนผสมจะต่างกันออกไปเพราะรสชาดของไวน์องุ่นในแต่ละปีนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับภาวะอากาศในปีนั้นๆ สุดท้ายก็จะมี tester ชิมให้ได้รสตามต้องการ



จากนั้นก็ลงไปในโรงเก็บหรือ ไวน์เซลล่า ชั้นใต้ดินครับเค้าบอกกันว่ามีการขุดอุโมงค์ใต้ดินไว้ยาวถึง 28กิโลเมตร เข้าใจว่าขุดลอดไปกว้างมากสมัยนี้คงขุดไม่ได้ขนาดนี้แล้ว เพราะเจ้าของที่ดินด้านบนคงไม่ยอมมั้ง ตลอดทางเดินอุณหภูมิจะเย็นเหมือนอยู่ในตู้เย็นครับ เพื่อให้อุณหภูมิคงที่ตลอดทั้งปี ตลอดทางเดินที่ผ่านจะมีขวด Moet กองเรียงไว้พร้อมเขียนเลขล๊อตไว้เพื่อรอเวลาให้บ่มได้เหมาะสมก่อนที่จะนำออกขายได้


เดินลงอุโมงค์ใต้ดินครับ




แชมเปญในขวดพวกนี้คือนำไวน์องุ่นแบบต่างๆมาผสมแล้ว แล้วนำมาใส่ขวดบ่มไว้เพื่อให้ได้ที่ครับ




ในอุโมงค์มีป้ายหินสลักว่า  Napoleon Bonaparte หรือ จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 เคยมาเยือนอุโมงค์เก็บไวน์นี้ด้วย ซึ่งไกด์บอกว่า นโปเลียนมาเยี่ยมโรงงานแห่งนี้หลายครั้ง และค่อนข้างสนิทสนมกับ Jean-Rémy Moët มาก จนทำให้แชมเปญของ Moet ตั้งแต่ยุคนั้นมาจนถึงปัจจุบันจะมีคำว่า Imperial อยู่เพื่อให้เกียรติกับความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิ์นโปเลียน กับ Jean-Rémy Moët ครับ


ถังไวน์นี้เค้าบอกว่าเป็นของขวัญที่จักรพรรดิ์นโปเลียนพระราชทานให้กับ Jean-Rémy Moët ครับ

เดินมามีส่วนนึงที่จะเก็บไวน์แชมเปญ Dom Pérignon รุ่นเก่าๆไว้ด้วยครับ ถามไกด์ได้ความว่าจะเก็บไว้เพื่อให้เจ้าของ หรือผู้ผลิตแชมเปญรุ่นต่อๆไปหลายๆรุ่นจะได้มีต้นแบบของแชมเปญรสชาดแท้ๆดั้งเดิมในแต่ละยุคเอาไว้ชิม เพื่อที่จะได้ปรุงผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆให้ออกมาได้ใกล้เคียงกับรุ่นเก่าๆที่เคยผลิตมาก่อนหน้านี้ครับ ก็จะมีการเก็บไว้เรื่อยๆ แต่บางครั้งก็อาจจะมีการนำออกมาขายบ้าง แต่ราคาแพงมากแน่นอน


กองนี้หละครับที่เค้าบอกว่าเป็น Dom Pérignon รุ่นเก๋าๆ

เมื่อบ่มในขวดไว้ระยะนึงจะมีกากใยอยู่ในขวดครับ ซึ่งกากใยเหล่านี้จะเหมือนหัวเชื้อที่จะทำให้แชมเปญมีรสชาด และมีแอลกอฮอลในปริมานที่ต้องการรวมถึงมีความซ่าในตัว และทำให้เก็บได้นานครับ แต่เมื่อบ่มได้ที่แล้วจะส่งออกจำหน่ายก็จะมีการนำกากใยเหล่านี้ออกจากขวดครับโดยจะค่อยๆหมุนขวดคว่ำลงไปเรื่อยๆในยุคปัจจุบันที่ปลายขวดจะใช้เทคโนโลยีที่ทำให้อุณหภูมิที่ปลายขวดติดลบจนแชมเปญแข็งเป็นน้ำแข็ง พอคว่าขวดแล้วจะสามารถดันกากใยออกจากขวดไปกับก้อนน้ำแข็งได้ก่อนที่จะปิดขวดด้วยจุกไม้ก๊อก ทำความสะอาดแล้วก็ส่งขายครับ ซึ่งเมื่อกากใยเหล่านี้นำออกจากขวดไปแล้ว แชมเปญในขวดก็จะมีอายุอยู่ที่ 10ปีครับ ถ้าเปิดออกดื่มหลังจาก 10ปีรสชาดจะไม่เหมือนเดิม ฉะนั้นใครที่มีแชมเปญอยู่อย่าเก็บนานๆนะครับ 10ปีก็พอ


กากใยที่อยู่ในขวดนี่หละครับที่เค้าบอกว่าเป็นสูตรของแชมเปญที่ดี


เดินมาเรื่อยๆจะมีแชมเปญกองเรียงๆตลอดทาง


อันนี้เริ่มเอาขวดมาตั้งเฉียงๆแสดงว่าเริ่มบ่มได้ที่



จบการเยี่ยมชมอุโมงค์เก็บแชมเปญแล้วก็ขึ้นมาที่ห้องชิมครับ ก็จะมีการอธิบายถึงแชมเปญรุ่นต่างๆ พร้อมทั้งนำแชมเปญแช่เย็นมาเปิดให้ชิมคนละแก้ว หรือ 2แก้วอันนี้แล้วแต่บัตรเข้าชมว่าจ่ายแบบไหนไปก็จะได้แบบนั้นมาชิม โดยจะมีเจ้าหน้าที่มารินให้ชิมพร้อมให้ความรู้ครับ เค้าบอกว่าควรแช่ที่อุณหภูมิ 6องศากำลังดี


เจ้าหน้าที่ๆจะมาแนะนำการชิมแชมเปญ


แชมเปญรุ่นต่างๆตั้งโชว์ไว้




เริ่มชิมได้


เตรียมส่งจำหน่าย




ป้ายตรงทางออกครับ

จากนั้นออกมาก็จะพบร้านขายแชมเปญพร้อมของที่ระลึกก่อนจะถึงทางออกครับ ก็มีแชมเปญแบบต่างๆให้เลือกซื้อทั้งของ Dom Pérignon และ Moet














ซื้อกลับบ้านพอเป็นพิธี

กระทู้ต่อเนื่อง พาไปดู Madurodam เมืองเนเธอร์แลนด์ในไซส์มินิแห่งกรุงเฮก
http://pantip.com/topic/34462358/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่