สวัสดีค่ะ ขอแทนตัวเองว่า พลอย ละกันนะคะ เพื่อความสะดวก อิอิ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกค่ะ หลังจากคอยตามอ่านกระทู้ที่เกี่ยวกับท่องเที่ยวมาเยอะมาก แถมเป็นงานเขียนชิ้นแรก ภาพทุกภาพถ่ายเองจากกล้องไอโฟน อาจจะรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็อย่าโกรธกันเลยนะค้า 55
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพลอยได้มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีมาค่ะ จะเรียกว่าเที่ยวก็คงไม่ถูกนักเพราะได้ไปเพียงสองที่ในกาญจนบุรีเท่านั้นเอง 55 เรียกว่าเปลี่ยนที่นอนเท่านั้นเองล่ะค่า โดยในแพลนก็คือ อยากจะนอนแพสักครั้งในชีวิต! และหลังจากลองหาข้อมูลจาก agoda google บลาๆ ก็มาตกลงปลงใจกับที่นี่ล่ะค่ะ ‘อนันตา ริเวอร์ ฮิลล์ รีสอร์ท’
โดยในการจองนั้นพลอยจองล่วงหน้าเกือบเดือนเลยค่ะ เพราะรีสอร์ทในกาญจนบุรีเต็มเร็วมากจริงๆโดยเฉพาะในวันเสาร์ อาทิตย์ และทริคอีกอย่างนึงคือ ไปเที่ยวในวันจันทร์ –ศุกร์ ค่ะ เพราะเกือบทุกที่จะเป็นราคาโปรโมชั่น!!!!!
เอาล่ะ ออกเดินทางกันเลยดีกว่าค่า
วันที่ 1
9.30 น.
พลอยเลือกเดินทางโดยรถตู้ค่ะ โดยคิวรถตู้ อยู่ติดกับBTS (ทางออกที่4) ค่าตั๋วก็อยู่ที่ 120 บาทค่ะ ที่นี่รถออกทุก 20 นาทีค่ะ สะดวกมาก
หลับหนึ่งตื่นก็ถึงกาญจนบุรีแล้วค่า โดยพลอยเดินทางมาถึงเวลาประมาณ 11.30 น. แต่นี่ยังไม่ใช่ที่หมายของเราค่ะ เพราะเราต้องเดินทางต่ออีก 70 โล!! ซึ่งยานพาหนะของเราก็นี่เลยค่ะ แต่นแต๊นน
รถสองแถวค่าท่านผู้ชมมม (เขิน แอบใส่รูปตัวเอง อิอิ) รถคันนี้จะเดินทางไปศรีสวัสดิ์ซึ่งเป็นทางผ่านของเรา ซึ่งมีเพียงสายนี้เท่านั้นที่ไปถึงค่ะ ไม่มีทางเลือก55 หลังจากเจรจา พี่คนขับบอกว่าจะออกเดินทางบ่ายโมงตรงเป๊ะ โดยเวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชม. (จริงเหรอเพ่ ?! ) ดังนั้นพลอยจึงรีบไปทานข้าวและซื้อเสบียงระหว่างเดินทางค่ะ
13.00 ตรงเป๊ะ
ออกเดินทางจาก บขส กาญจนบุรีค่ะ เย้ๆ
ตามจริงตอนแรกเห็นรถนี่แอบกลัว 55 เพราะรถเก่ามากกกกกกก แถมพี่แกจอดบ่อยจริงๆค่ะ ทั้งเติมแก๊ส จอดรับของสารพัดสารเพ แอบคิดในใจว่า นี่จะถึงม้ายยย

นี่แทบจะไม่มีที่วางเท้า
แต่พอเริ่มขับออกจากตัวเมืองเท่านั้นแหละ วิวระหว่างทางสวยมาก ภูเขา สลับกับน้ำ มองไปทางไหนก็เห็นสีเขียวของต้นไม้เต็มไปหมด
คนบนรถสองแถวก็มี10 ชีวิตเท่านั้นเองค่ะ นั่งสบาย แถมคนจังหวัดนี้น่ารักมาก คุยกันบนรถสนุกไปเลยค่ะ
ขออนุญาตินางแบบจำเป็นด้วยนะคะ
นั่งเพลินๆไม่เท่าไหร่ ก็ถึงที่หมายแล้วค่ะ แถมค่าโดยสารยังน่ารักมาก 60 บาทเท่านั้นเอง
อ้อ ลืมบอกไปค่ะเราต้องบอกคนขับว่าเราจะลงตรงโรงเรียนหม่องกระแถะ หลังจากนั้นติดต่อกับทางอนันตา จะมีรถมารับค่ะ แต่พลอยเจรจากับพี่คนขับ (+ค่าโดยสารเพิ่มนิดหน่อยTT) พี่สุดหล่อจึงยอมมาส่งเราถึงรีสอร์ทเลยค่ะ( เกรงใจคนบนรถโดยสารมากเลย เพราะทางเข้าอนันตา แย่มากกเลยค่ะ ฝุ่นเต็มรถไปหมด พลอยขอโทษด้วยนะคะ กระซิกๆ)
แล้วก็ถึงรีสอร์ทแล้วค่ะ
ลืมความเหนื่อยในการเดินทางไปหมดเลย
เช็คอินก็ได้กุญแจห้องมาค่ะ โดยต้องจ่ายค่าห้องพักที่เหลือและมีค่ามัดจำกุญแจอีก 1000 บาท (อย่าลืมเตรียมมาเผื่อนะคะ) พลอยได้เรือนปลาสร้อย2 โดยชื่อบ้านพักของที่นี่จะเป็นชื่อปลาค่ะ น่ารักมาก แอบดีใจไม่ได้อยู่เรือนปลาแรด 55
จะเห็นว่าในเรือนพักจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าน้อยมากค่ะ มีแค่TV กับเครื่องปรับอากาศเท่านั้นเอง ไม่มีตู้เย็น แต่ถ้าใครอยากทานน้ำเย็นๆไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะทางโรงแรมจะมีกระติกน้ำแข็งให้ห้องละ 1 กระติก พร้อมกับน้ำดื่มตามจำนวนคนที่พักโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ
นี่เป็นวิวจากห้องพักค่ะ
จากระเบียงห้องจะเห็นเครื่องเล่นเยอะมากเลยค่ะ โดยที่เราสามารถว่ายน้ำ หรือพายเรือคายัค จากห้องของเราไปยังเครื่องเล่นได้เลย เก๋ๆ
เมื่อเราเข้าพักได้สักพักนึง จะมีพนักงานมาถามว่ามื้อเย็นเราต้องการจะสั่งอะไรไว้ล่วงหน้าเลยค่ะ เพราะแขกเยอะมาก ทางรีสอร์ทกลัวว่าเราจะได้ล่าช้า แถมเรายังเลือกได้ค่ะ ว่าจะทานในห้อง หรือ จะไปทานที่ห้องอาหาร โดยสามารถเลือกเวลาได้เลยค่ะ ว่าเราจะให้ทางรีสอร์ทเสริฟอาหารเวลากี่โมง แต่ถ้ามาเสริฟที่ห้องมี Service Charge อีก 20% ของค่าอาหารค่ะ โหดทีเดียว
กิจกรรมทางน้ำ
เครื่องเล่น
อย่างที่เห็นเลยค่ะ ว่าในน่านน้ำ(ขอใช้คำนี้ละกันค่ะ 55) ของรีสอร์ทจะมีเครื่องเล่นอยู่เยอะมากกกก ขนาดโซนที่เป็นห้องอาหารก็ยังมี คือทานข้าวอยู่อยากเล่นน้ำตอนนั้น ก็กระโดดลงไปได้เลยค่ะ 55 สำหรับใครที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะมีเสื้อชูชีพอยู่พร้อมทุกจุดในรีสอร์ทเลย
นี่เป็นมุมจากห้องอาหารค่ะ
เรือคายัค
นี่ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ สามารถพายตอนไหนก็ได้ตามต้องการเลย (ขออภัยมัวแต่พาย ลืมถ่ายค่าา TT)
เอาล่ะ มาถึงไฮไลท์ของอนันตา นะค้าาาาา นั่นก็คือ
ล่องแพเปียกก
ล่องแพเปียก คือการนั่งไปบนแพไม้ไผ่(ปลอม555) โดยจะมีเรือลากแพไปชมวิวของเขื่อนศรีนครินทร์ ใครที่อยากเล่นน้ำก็ได้เต็มที่เลยค่ะ เพราะเรือจะลากแพไปจอดกลางเขื่อน ให้เล่นจนหนำใจไปเลย เย้
ทำไมถึงเรียกแพเปียก ? เพราะว่าเปียกค่ะ 55 แต่ใครที่ไม่อยากเล่นน้ำล่ะก็จะเปียกแค่ก้นที่นั่งลงไปแค่นั้นเองค่ะ สอบถามแล้ว สามารถเอากล้อง หรือโทรศัพท์มือถือไปบันทึกภาพได้นะคะ แต่ต้องรับผิดชอบเอง พลอยเลยเอาถุงพลาสติกเล็กๆพกไปด้วยค่ะ ใครจะเอาเทคนิคไปใช้ก็ได้นะคะ อิอิ
เวลา 16.30 น. ทางรีสอร์ทจะส่งสัญญาณให้เรามารวมตัวแถวๆบริเวณห้องอาหารค่ะ
เริ่มออกเรือแล้วค่ะ
น้ำสวย ภูเขาสวย ฟิ๊น ฟิน
พอถึงกลางเขื่อนก็จะจอดให้เล่นน้ำตามอัธยาศัยค่ะ
ชมพระอาทิตย์ตก ท่ามกลางขุนเขา
ประมาณหกโมงเย็นเรือก็จะลากแพกลับมายังรีสอร์ทค่ะ คุ้มค่ามาก ^^ ซึ่งใครอยากจะเล่นเครื่องเล่น พายเรือคายัคต่อ ก็สามารถทำได้ตามสะดวกเลยค่ะ พลอยก็เล่นน้ำต่ออีกนิดหน่อยค่ะ พอหกโมงครึ่งก็ไปอาบน้ำ เพราะนัดห้องอาหารไว้หนึ่งทุ่มค่ะ
มื้อเย็น
มื้อเย็นที่พลอยได้สั่งไปมี
-ต้มยำปลากระพงน้ำใส
-หน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้ง
-แกงส้ม
-ทะเลกระเทียม (ชอบอันนี้มากกกกก)
โดยรวมพอทานได้ค่ะ ออกหวานไปหน่อย จึงไม่ถูกปากพลอยนักค่ะ แต่ชอบทะเลกระเทียมทำได้อร่อยดีค่ะ
แต่บรรยากาศของห้องอาหารคือถูกใจมาก ลมพัดเย็นๆ มีดนตรีสดเล่นให้ฟัง เสียงนักร้องคือนุ่มมาก แถมที่เด็ดคือโต๊ะค่ะท่านผู้โช้มมมม เป็นโต๊ะแบบนั่งหย่อนเท้า ข้างล่างมองเห็นปลาสีสันสวยงามน่ากิน เอ๊ยยย น่าเอ็นดูจริงๆ 55
ระหว่างที่รอให้พนักงานเอาน้ำมาเสริฟก็รอ รอ รอ รอจนหงุดหงิด แต่สิ่งที่ตามมาหลังการรอคอยคือ
เซอร์ไพรส์วันเกิดพลอยเองค่ะ ฮือออ ดีใจมากก ขอบคุณทุกคนที่ร่วมร้องเพลงให้นะคะ
ค่าเสียหายรวมเค้ก ก็ 1490 บาทค่ะ ....
ตายไปเลย ฮืออออ
เช้าวันที่ 2
ตื่นเช้ามาก็เล่นน้ำก่อนเลยค่ะ วิวตอนเช้าสวยมาก แต่ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ค่ะ มัวแต่เล่นน้ำ TT พอสายหน่อยก็ไปทานข้าวเช้ากันค่ะ แน่นอนว่า
ฟรี ถึงไม่ฟรีก็ไม่มีตังค์จ่ายแล้วค่ะ (ร่ำร้อง)
โดยอาหารเช้าที่นี่จะเริ่มเสริฟตอน 7.00 - 10.00 น. อาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ต์ค่ะ มีพวกไข่กระทะ ต้มเลือดหมู ขนมปังปิ้ง ข้าวต้ม ข้าวผัด ข้าวราดแกงมีหลายอย่างเลยค่ะ โดยโซนไข่กระทะเราจะสั่งให้เค้า ทำไข่ดาวเปล่าๆก็ได้นะคะ สำหรับใครที่อยากทานอเมริกัน เบรคฟาสต์ค่ะ
โดยรวมชอบค่ะ หลากหลาย และน้ำซุปต้มเลือดหมูอร่อยดีค่ะ ชอบที่สุดคือ ฟรี 555
หลังจากทานข้าวเสร็จก็ไปเก็บของไปเช็คเอาท์ค่ะ (โดยเราต้องเช็คเอาท์ก่อน 11.00 น )
เดินทางกลับ
มายาก แน่นอนกลับก็ยากค่ะ ยากกว่าขามาคือ เราไม่รู้ว่ารถจะมาตอนไหน แต่โชคดีที่ทางรีสอร์ทมีบริการไปส่งที่น้ำตกเอราวัณค่ะ (กรี๊ดดังๆ)
ข้อดี
1 ได้เที่ยวต่อ
2 มีคิวรถประจำทางทั้งวันค่ะ เย้ๆๆ
พลอยจึงตัดสินใจให้ทางรีสอร์ทไปส่งที่น้ำตกค่ะ โดยค่าบริการคนละ 100 บาทค่ะ
ระยะทางจากรีสอร์ทก็ใกล้นิดเดียวค่ะ ขับรถไม่เกิน 30 นาทีก็ถึงน้ำตกเอราวัณแล้ว
น้ำเป็นสีฟ้าใส สวยงามมากเลยค่ะ
ภาพที่น้ำตกมีเท่านี้นะคะ อยากให้ทุกคนไปสัมผัสเอง (ตามจริงลืมถ่ายค่า555)
ที่น้ำตกเอราวัณมีอาหารขายหลากหลายมากเลยค่ะ ราคาไม่แพงด้วย ชอบบ
รถเที่ยวที่พลอยนั่งกลับเป็นรถเอราวัญ - กาญจนบุรี ราคา 50 บาทขาดตัว รอบ 14.00 น.ค่ะ (รอบสุดท้ายคือ 16.30 น ค่ะ) บรรยากาศก็คลาสสิคมาก ที่น่าแปลกคือแทบจะไม่มีคนไทยเลย
น้องน่าร๊ากกก
ชมวิว ใจร่มๆ ไม่นานก็ถึงกาญจนบุรี จากนั้นก็ขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพค่ะ
จบทริป
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ปลื้มใจ
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่ารถตู้ ไป-กลับ 240 บาท
- ค่ารถโดยสารขาไป 60 บาท
- ค่าโรงแรม 5120 บาท ราคาสำหรับ 4 ท่าน (ลด 20% วันธรรมดา)
- ค่ารถไปเอราวัณ 100 บาท
- ค่าเข้าน้ำตกเอราวัณ 100 บาท (ถ้าไปวันธรรมดาจะเหลือ 50 บาทค่ะ)
- ค่ารถเอราวัณ กาญ 50 บาท
ขอไม่รวมค่ากินละกันนะคะ
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.anantariverhills.com/en/ ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรม การจอง
http://www.kanchanaburi.co/th/transportation-to-kanchanaburi.php ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทาง ครบมาก
[CR] 2วัน1คืน มองฟ้า กอดภูเขา จูบแม่น้ำ @กาญจนบุรี
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพลอยได้มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีมาค่ะ จะเรียกว่าเที่ยวก็คงไม่ถูกนักเพราะได้ไปเพียงสองที่ในกาญจนบุรีเท่านั้นเอง 55 เรียกว่าเปลี่ยนที่นอนเท่านั้นเองล่ะค่า โดยในแพลนก็คือ อยากจะนอนแพสักครั้งในชีวิต! และหลังจากลองหาข้อมูลจาก agoda google บลาๆ ก็มาตกลงปลงใจกับที่นี่ล่ะค่ะ ‘อนันตา ริเวอร์ ฮิลล์ รีสอร์ท’
โดยในการจองนั้นพลอยจองล่วงหน้าเกือบเดือนเลยค่ะ เพราะรีสอร์ทในกาญจนบุรีเต็มเร็วมากจริงๆโดยเฉพาะในวันเสาร์ อาทิตย์ และทริคอีกอย่างนึงคือ ไปเที่ยวในวันจันทร์ –ศุกร์ ค่ะ เพราะเกือบทุกที่จะเป็นราคาโปรโมชั่น!!!!!
เอาล่ะ ออกเดินทางกันเลยดีกว่าค่า
วันที่ 1
9.30 น.
พลอยเลือกเดินทางโดยรถตู้ค่ะ โดยคิวรถตู้ อยู่ติดกับBTS (ทางออกที่4) ค่าตั๋วก็อยู่ที่ 120 บาทค่ะ ที่นี่รถออกทุก 20 นาทีค่ะ สะดวกมาก
หลับหนึ่งตื่นก็ถึงกาญจนบุรีแล้วค่า โดยพลอยเดินทางมาถึงเวลาประมาณ 11.30 น. แต่นี่ยังไม่ใช่ที่หมายของเราค่ะ เพราะเราต้องเดินทางต่ออีก 70 โล!! ซึ่งยานพาหนะของเราก็นี่เลยค่ะ แต่นแต๊นน
รถสองแถวค่าท่านผู้ชมมม (เขิน แอบใส่รูปตัวเอง อิอิ) รถคันนี้จะเดินทางไปศรีสวัสดิ์ซึ่งเป็นทางผ่านของเรา ซึ่งมีเพียงสายนี้เท่านั้นที่ไปถึงค่ะ ไม่มีทางเลือก55 หลังจากเจรจา พี่คนขับบอกว่าจะออกเดินทางบ่ายโมงตรงเป๊ะ โดยเวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชม. (จริงเหรอเพ่ ?! ) ดังนั้นพลอยจึงรีบไปทานข้าวและซื้อเสบียงระหว่างเดินทางค่ะ
13.00 ตรงเป๊ะ
ออกเดินทางจาก บขส กาญจนบุรีค่ะ เย้ๆ
ตามจริงตอนแรกเห็นรถนี่แอบกลัว 55 เพราะรถเก่ามากกกกกกก แถมพี่แกจอดบ่อยจริงๆค่ะ ทั้งเติมแก๊ส จอดรับของสารพัดสารเพ แอบคิดในใจว่า นี่จะถึงม้ายยย
นี่แทบจะไม่มีที่วางเท้า
แต่พอเริ่มขับออกจากตัวเมืองเท่านั้นแหละ วิวระหว่างทางสวยมาก ภูเขา สลับกับน้ำ มองไปทางไหนก็เห็นสีเขียวของต้นไม้เต็มไปหมด
คนบนรถสองแถวก็มี10 ชีวิตเท่านั้นเองค่ะ นั่งสบาย แถมคนจังหวัดนี้น่ารักมาก คุยกันบนรถสนุกไปเลยค่ะ
ขออนุญาตินางแบบจำเป็นด้วยนะคะ
นั่งเพลินๆไม่เท่าไหร่ ก็ถึงที่หมายแล้วค่ะ แถมค่าโดยสารยังน่ารักมาก 60 บาทเท่านั้นเอง
อ้อ ลืมบอกไปค่ะเราต้องบอกคนขับว่าเราจะลงตรงโรงเรียนหม่องกระแถะ หลังจากนั้นติดต่อกับทางอนันตา จะมีรถมารับค่ะ แต่พลอยเจรจากับพี่คนขับ (+ค่าโดยสารเพิ่มนิดหน่อยTT) พี่สุดหล่อจึงยอมมาส่งเราถึงรีสอร์ทเลยค่ะ( เกรงใจคนบนรถโดยสารมากเลย เพราะทางเข้าอนันตา แย่มากกเลยค่ะ ฝุ่นเต็มรถไปหมด พลอยขอโทษด้วยนะคะ กระซิกๆ)
แล้วก็ถึงรีสอร์ทแล้วค่ะ
ลืมความเหนื่อยในการเดินทางไปหมดเลย
เช็คอินก็ได้กุญแจห้องมาค่ะ โดยต้องจ่ายค่าห้องพักที่เหลือและมีค่ามัดจำกุญแจอีก 1000 บาท (อย่าลืมเตรียมมาเผื่อนะคะ) พลอยได้เรือนปลาสร้อย2 โดยชื่อบ้านพักของที่นี่จะเป็นชื่อปลาค่ะ น่ารักมาก แอบดีใจไม่ได้อยู่เรือนปลาแรด 55
จะเห็นว่าในเรือนพักจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าน้อยมากค่ะ มีแค่TV กับเครื่องปรับอากาศเท่านั้นเอง ไม่มีตู้เย็น แต่ถ้าใครอยากทานน้ำเย็นๆไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะทางโรงแรมจะมีกระติกน้ำแข็งให้ห้องละ 1 กระติก พร้อมกับน้ำดื่มตามจำนวนคนที่พักโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ
นี่เป็นวิวจากห้องพักค่ะ
จากระเบียงห้องจะเห็นเครื่องเล่นเยอะมากเลยค่ะ โดยที่เราสามารถว่ายน้ำ หรือพายเรือคายัค จากห้องของเราไปยังเครื่องเล่นได้เลย เก๋ๆ
เมื่อเราเข้าพักได้สักพักนึง จะมีพนักงานมาถามว่ามื้อเย็นเราต้องการจะสั่งอะไรไว้ล่วงหน้าเลยค่ะ เพราะแขกเยอะมาก ทางรีสอร์ทกลัวว่าเราจะได้ล่าช้า แถมเรายังเลือกได้ค่ะ ว่าจะทานในห้อง หรือ จะไปทานที่ห้องอาหาร โดยสามารถเลือกเวลาได้เลยค่ะ ว่าเราจะให้ทางรีสอร์ทเสริฟอาหารเวลากี่โมง แต่ถ้ามาเสริฟที่ห้องมี Service Charge อีก 20% ของค่าอาหารค่ะ โหดทีเดียว
กิจกรรมทางน้ำ
เครื่องเล่น
อย่างที่เห็นเลยค่ะ ว่าในน่านน้ำ(ขอใช้คำนี้ละกันค่ะ 55) ของรีสอร์ทจะมีเครื่องเล่นอยู่เยอะมากกกก ขนาดโซนที่เป็นห้องอาหารก็ยังมี คือทานข้าวอยู่อยากเล่นน้ำตอนนั้น ก็กระโดดลงไปได้เลยค่ะ 55 สำหรับใครที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะมีเสื้อชูชีพอยู่พร้อมทุกจุดในรีสอร์ทเลย
นี่เป็นมุมจากห้องอาหารค่ะ
เรือคายัค
นี่ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ สามารถพายตอนไหนก็ได้ตามต้องการเลย (ขออภัยมัวแต่พาย ลืมถ่ายค่าา TT)
เอาล่ะ มาถึงไฮไลท์ของอนันตา นะค้าาาาา นั่นก็คือ
ล่องแพเปียกก
ล่องแพเปียก คือการนั่งไปบนแพไม้ไผ่(ปลอม555) โดยจะมีเรือลากแพไปชมวิวของเขื่อนศรีนครินทร์ ใครที่อยากเล่นน้ำก็ได้เต็มที่เลยค่ะ เพราะเรือจะลากแพไปจอดกลางเขื่อน ให้เล่นจนหนำใจไปเลย เย้
ทำไมถึงเรียกแพเปียก ? เพราะว่าเปียกค่ะ 55 แต่ใครที่ไม่อยากเล่นน้ำล่ะก็จะเปียกแค่ก้นที่นั่งลงไปแค่นั้นเองค่ะ สอบถามแล้ว สามารถเอากล้อง หรือโทรศัพท์มือถือไปบันทึกภาพได้นะคะ แต่ต้องรับผิดชอบเอง พลอยเลยเอาถุงพลาสติกเล็กๆพกไปด้วยค่ะ ใครจะเอาเทคนิคไปใช้ก็ได้นะคะ อิอิ
เวลา 16.30 น. ทางรีสอร์ทจะส่งสัญญาณให้เรามารวมตัวแถวๆบริเวณห้องอาหารค่ะ
เริ่มออกเรือแล้วค่ะ
น้ำสวย ภูเขาสวย ฟิ๊น ฟิน
พอถึงกลางเขื่อนก็จะจอดให้เล่นน้ำตามอัธยาศัยค่ะ
ชมพระอาทิตย์ตก ท่ามกลางขุนเขา
ประมาณหกโมงเย็นเรือก็จะลากแพกลับมายังรีสอร์ทค่ะ คุ้มค่ามาก ^^ ซึ่งใครอยากจะเล่นเครื่องเล่น พายเรือคายัคต่อ ก็สามารถทำได้ตามสะดวกเลยค่ะ พลอยก็เล่นน้ำต่ออีกนิดหน่อยค่ะ พอหกโมงครึ่งก็ไปอาบน้ำ เพราะนัดห้องอาหารไว้หนึ่งทุ่มค่ะ
มื้อเย็น
มื้อเย็นที่พลอยได้สั่งไปมี
-ต้มยำปลากระพงน้ำใส
-หน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้ง
-แกงส้ม
-ทะเลกระเทียม (ชอบอันนี้มากกกกก)
โดยรวมพอทานได้ค่ะ ออกหวานไปหน่อย จึงไม่ถูกปากพลอยนักค่ะ แต่ชอบทะเลกระเทียมทำได้อร่อยดีค่ะ
แต่บรรยากาศของห้องอาหารคือถูกใจมาก ลมพัดเย็นๆ มีดนตรีสดเล่นให้ฟัง เสียงนักร้องคือนุ่มมาก แถมที่เด็ดคือโต๊ะค่ะท่านผู้โช้มมมม เป็นโต๊ะแบบนั่งหย่อนเท้า ข้างล่างมองเห็นปลาสีสันสวยงามน่ากิน เอ๊ยยย น่าเอ็นดูจริงๆ 55
ระหว่างที่รอให้พนักงานเอาน้ำมาเสริฟก็รอ รอ รอ รอจนหงุดหงิด แต่สิ่งที่ตามมาหลังการรอคอยคือ
เซอร์ไพรส์วันเกิดพลอยเองค่ะ ฮือออ ดีใจมากก ขอบคุณทุกคนที่ร่วมร้องเพลงให้นะคะ
ค่าเสียหายรวมเค้ก ก็ 1490 บาทค่ะ ....
ตายไปเลย ฮืออออ
เช้าวันที่ 2
ตื่นเช้ามาก็เล่นน้ำก่อนเลยค่ะ วิวตอนเช้าสวยมาก แต่ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ค่ะ มัวแต่เล่นน้ำ TT พอสายหน่อยก็ไปทานข้าวเช้ากันค่ะ แน่นอนว่า ฟรี ถึงไม่ฟรีก็ไม่มีตังค์จ่ายแล้วค่ะ (ร่ำร้อง)
โดยอาหารเช้าที่นี่จะเริ่มเสริฟตอน 7.00 - 10.00 น. อาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ต์ค่ะ มีพวกไข่กระทะ ต้มเลือดหมู ขนมปังปิ้ง ข้าวต้ม ข้าวผัด ข้าวราดแกงมีหลายอย่างเลยค่ะ โดยโซนไข่กระทะเราจะสั่งให้เค้า ทำไข่ดาวเปล่าๆก็ได้นะคะ สำหรับใครที่อยากทานอเมริกัน เบรคฟาสต์ค่ะ
โดยรวมชอบค่ะ หลากหลาย และน้ำซุปต้มเลือดหมูอร่อยดีค่ะ ชอบที่สุดคือ ฟรี 555
หลังจากทานข้าวเสร็จก็ไปเก็บของไปเช็คเอาท์ค่ะ (โดยเราต้องเช็คเอาท์ก่อน 11.00 น )
เดินทางกลับ
มายาก แน่นอนกลับก็ยากค่ะ ยากกว่าขามาคือ เราไม่รู้ว่ารถจะมาตอนไหน แต่โชคดีที่ทางรีสอร์ทมีบริการไปส่งที่น้ำตกเอราวัณค่ะ (กรี๊ดดังๆ)
ข้อดี
1 ได้เที่ยวต่อ
2 มีคิวรถประจำทางทั้งวันค่ะ เย้ๆๆ
พลอยจึงตัดสินใจให้ทางรีสอร์ทไปส่งที่น้ำตกค่ะ โดยค่าบริการคนละ 100 บาทค่ะ
ระยะทางจากรีสอร์ทก็ใกล้นิดเดียวค่ะ ขับรถไม่เกิน 30 นาทีก็ถึงน้ำตกเอราวัณแล้ว
น้ำเป็นสีฟ้าใส สวยงามมากเลยค่ะ
ภาพที่น้ำตกมีเท่านี้นะคะ อยากให้ทุกคนไปสัมผัสเอง (ตามจริงลืมถ่ายค่า555)
ที่น้ำตกเอราวัณมีอาหารขายหลากหลายมากเลยค่ะ ราคาไม่แพงด้วย ชอบบ
รถเที่ยวที่พลอยนั่งกลับเป็นรถเอราวัญ - กาญจนบุรี ราคา 50 บาทขาดตัว รอบ 14.00 น.ค่ะ (รอบสุดท้ายคือ 16.30 น ค่ะ) บรรยากาศก็คลาสสิคมาก ที่น่าแปลกคือแทบจะไม่มีคนไทยเลย
น้องน่าร๊ากกก
ชมวิว ใจร่มๆ ไม่นานก็ถึงกาญจนบุรี จากนั้นก็ขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพค่ะ
จบทริป
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ปลื้มใจ
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่ารถตู้ ไป-กลับ 240 บาท
- ค่ารถโดยสารขาไป 60 บาท
- ค่าโรงแรม 5120 บาท ราคาสำหรับ 4 ท่าน (ลด 20% วันธรรมดา)
- ค่ารถไปเอราวัณ 100 บาท
- ค่าเข้าน้ำตกเอราวัณ 100 บาท (ถ้าไปวันธรรมดาจะเหลือ 50 บาทค่ะ)
- ค่ารถเอราวัณ กาญ 50 บาท
ขอไม่รวมค่ากินละกันนะคะ
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.anantariverhills.com/en/ ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรม การจอง
http://www.kanchanaburi.co/th/transportation-to-kanchanaburi.php ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทาง ครบมาก