หากย้อนเวลากลับไปได้...
...ฉันจะไม่ทำอย่างนี้
...ฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้
...ฉันจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป
เชื่อว่าหลายคนคงเคยพูดประโยคนี้และคิดหาคำตอบกับตัวเอง
หลายๆ คำตอบของคำถามที่เกิดขึ้นมักจะเป็นการย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องที่คิดว่าได้เคยทำผิดพลาดไว้ในอดีต
เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกเสียใจมาก และยากจะแก้ไข
ทว่าเราแน่ใจได้อย่างไรว่าหากเราไม่ทำแบบนั้นแล้วสิ่งต่างๆ จะดีขึ้น
เราไม่รู้ และเราไม่มีทางรู้
บางทีการที่เราถามคำถามนี้กับตัวเองอาจเป็นเพราะเรากำลังยึดติดอยู่กับภาพในอดีตในชั่วขณะนั้นอยู่
มันเป็นชั่วขณะที่ทำให้เรารู้สึกอ่อนแอ
ชั่วขณะที่ทำให้เรารู้สึกไม่มั่นคง
เราจึงต้องการเปลี่ยนแปลงมัน
ความกลัวเป็นเรื่องปกติของสิ่งมีชีวิต เราเองก็เช่นกัน พวกเราล้วนมีความกลัวในจิตใจ
เรากลัวความคลุมเคลือ
เรากลัวความไม่มั่นคง
อนาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เราไม่อาจรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
และนั่นทำให้มันไม่มั่นคงและดูคลุมเคลือเป็นอย่างยิ่ง
หากย้อนเวลากลับไปได้...
ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่บางทีเราก็จะยังคงเลือกเส้นทางเดิม
เพราะเรากลัวอนาคตใหม่ที่ยังมาไม่ถึง
เพราะเรากลัวอนาคตที่ไม่มั่นคง
และที่สำคัญ
เรากลัวสิ่งที่ไม่มั่นคงที่สุดในตัว
นั่นคือความอ่อนแอในตัวเรา ความอ่อนแอของจิตใจของเรา
บางทีแค่เราขจัดสิ่งที่กำลังยึดติดในอดีต
ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดจนเราไม่ต้องมานึกเสียใจในภายหลัง
ยอมรับกับความคลุมเคลือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“หากย้อนเวลากลับไปได้”
เราก็คงไม่จำเป็นต้องถามคำถามนี้กับตัวเองอีกต่อไป
หากย้อยเวลากลับไปได้...
...ฉันจะไม่ทำอย่างนี้
...ฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้
...ฉันจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป
เชื่อว่าหลายคนคงเคยพูดประโยคนี้และคิดหาคำตอบกับตัวเอง
หลายๆ คำตอบของคำถามที่เกิดขึ้นมักจะเป็นการย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องที่คิดว่าได้เคยทำผิดพลาดไว้ในอดีต
เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกเสียใจมาก และยากจะแก้ไข
ทว่าเราแน่ใจได้อย่างไรว่าหากเราไม่ทำแบบนั้นแล้วสิ่งต่างๆ จะดีขึ้น
เราไม่รู้ และเราไม่มีทางรู้
บางทีการที่เราถามคำถามนี้กับตัวเองอาจเป็นเพราะเรากำลังยึดติดอยู่กับภาพในอดีตในชั่วขณะนั้นอยู่
มันเป็นชั่วขณะที่ทำให้เรารู้สึกอ่อนแอ
ชั่วขณะที่ทำให้เรารู้สึกไม่มั่นคง
เราจึงต้องการเปลี่ยนแปลงมัน
ความกลัวเป็นเรื่องปกติของสิ่งมีชีวิต เราเองก็เช่นกัน พวกเราล้วนมีความกลัวในจิตใจ
เรากลัวความคลุมเคลือ
เรากลัวความไม่มั่นคง
อนาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เราไม่อาจรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
และนั่นทำให้มันไม่มั่นคงและดูคลุมเคลือเป็นอย่างยิ่ง
หากย้อนเวลากลับไปได้...
ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่บางทีเราก็จะยังคงเลือกเส้นทางเดิม
เพราะเรากลัวอนาคตใหม่ที่ยังมาไม่ถึง
เพราะเรากลัวอนาคตที่ไม่มั่นคง
และที่สำคัญ
เรากลัวสิ่งที่ไม่มั่นคงที่สุดในตัว
นั่นคือความอ่อนแอในตัวเรา ความอ่อนแอของจิตใจของเรา
บางทีแค่เราขจัดสิ่งที่กำลังยึดติดในอดีต
ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดจนเราไม่ต้องมานึกเสียใจในภายหลัง
ยอมรับกับความคลุมเคลือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“หากย้อนเวลากลับไปได้”
เราก็คงไม่จำเป็นต้องถามคำถามนี้กับตัวเองอีกต่อไป