ลาลูแบร์เดินทางจากราชสำนักฝรั่งเศสถึงกรุงศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1687 (พ.ศ. 2230) มีบันทึกว่าพวกแขกมักกะสันได้ก่อการกบฏต่อพระเจ้ากรุงสยามเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้าที่จะมาถึงกรุงสยาม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ครั้งนั้นมีกองทหารต่างชาติที่จ้างไว้รักษาเมืองธนบุรี 2 กอง เป็นทหารโปรตุเกส 40 คน ทหารสัญชาติพื้นเมือง 40 คน
ทหารพื้นเมืองเหล่านั้นเมื่อรู้ว่าฟอร์บังซึ่งเป็นทหารฝรั่งเศสจะเป็นผู้บัญชาการต่อไป เลยไม่พอใจ แล้วร่วมกันคิดกบฏ
ก็พอดีกับช่วงนั้นมีแขก“มักกะสัน”กลุ่มหนึ่งราว 300 คน ตั้งบ้านเรือนอยู่ย่านคลองตะเคียน นอกพระนครศรีอยุธยา ได้สมคบกับเจ้านายพื้นเมืองกลุ่มอื่นๆ ก่อความวุ่นวายขึ้น แต่ถูกปราบปรามจนต้องลงเรือหนีล่องตามแม่น้ำผ่านไปทางบางกอก
เมื่อถูกสกัดกั้นจากกองทหารชาวยุโรปที่รักษาเมือง พวกทหารพื้นเมืองกับพวกแขกมักกะสันเลยผสมโรงกันก่อความวุ่นวายทั่วเมืองธนบุรี ทั้งๆ ที่มีอาวุธประจำตัวเพียงอย่างเดียวคือกริช แต่กองทหารยุโรปมีปืนทันสมัย ก็ต้องล้มตายมากกว่าจึงปราบลงได้
ฟอร์บังบันทึกว่าฝ่ายทหารรักษาเมืองตายไป 366 คน แต่พวกมักกะสันตายเพียง 17 คน (ถูกฆ่าบนป้อม 6 คน ในวัด 6 คน ในสมรภูมิหน้าป้อม 5 คน)
ชื่อ“มักกะสัน”เพี้ยนจากชื่อหมู่เกาะมากัสสาร์ (Macassar ปัจจุบันอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย) แต่คนที่ถูกเรียกว่าแขกมักกะสัน มีทั้งมาจากเกาะมากัสสาร์และเกาะเซลีเบส (Celebes) ที่อยู่ใกล้เคียง ฟอร์บังได้เขียนบันทึกไว้ตอนหลังถึงคนกลุ่มนี้ว่า
“คนเหล่านี้มาจากเกาะเสลีเบสหรือเกาะมักกะสัน เคร่งในศาสนามะหะหมัดและถือลางเชื่อคาถาอาคมที่พวกอิหม่ามแจกจ่ายให้มียันต์ผูกไว้ที่แขน เพราะได้รับคำสั่งสอน ว่า ถ้ามีไว้ติดตัวก็ไม่มีใครทำอันตรายได้”
“ชาวเกาะพวกนี้รูปร่างปานกลาง เนื้อสีดำแดง เป็นคนแคล่วคล่องว่องไวมาก มีเครื่องแต่งกายคือ กางเกงขาสั้นแนบกับเนื้อ เสื้อแขนสั้นสีขาว หรือสีเทาคล้ายเสื้ออังกฤษ หมวกชนิดหนึ่งมีผ้าพันกว้างประมาณสามนิ้ว ไม่สวมถุงน่อง มีแต่รองเท้าแตะ มีผ้ารัดพุงสอดกริชอาวุธของมัจจุราช”

ถ้าเจอกับ คนตัวดำเหมือนกันแบบ เมจไจย์ จะเป็นไไงครับ
แขกมักกะสัน VS เมจไจย์(Medjay) องค์รักษ์ฟาโรห์สู้กันใครเก่งกว่าครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าเจอกับ คนตัวดำเหมือนกันแบบ เมจไจย์ จะเป็นไไงครับ