เมื่อฉันป่วยเป็น ใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก(Bell’s palsy) ในช่วงเวลาตั้งครรภ์ไตรมาส3 ความทุกข์ที่มาเยือนของคนเป็นแม่ใกล้คลอด

สวัสดีคะเพื่อนชาวพันทิป

วันนี้เป็นวันกำหนดการคลอดลูกสาวคะ ระหว่างรอเวลา เลยมาตั้งกระทู้เล่าเรื่องราวเผื่อเป็นความรู้ให้คุณแม่แม่ทั้งหลาย ปกติเข้าห้องนั้นห้องนี้ ก็แอบอ่าน แอบส่องไปเรื่อย ในหลายๆห้อง ไม่ค่อยได้มีโอกาสมาตั้งกระทู้อะไร แต่ไหนๆ วันนี้ก็มานอนรอคลอดน้อง เลยอยากแบ่งปันประสบการณ์ให้ฟังบ้างคะ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง อาจพิมพ์ติดติดกันบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ มือใหม่ และพิมพ์จากโทรศัพท์คะ

แรกเริ่มเดิมทีแต่งงานกับสามีมาเวลาพอสมควร จนที่บ้านถามว่าเมื่อไหร่จะมีน้อง อยากอุ้มหลาน จนคิดกันไปว่า มีบุตรยาก หรือเครียดกันหรือเปล่า แต่พูดตรงๆ คือเรื่องงานก็ส่วนนึงคะ แต่จริงๆแล้ว ไม่ค่อยมีเวลาทำกิจกรรมมากกว่า เนื่องจากพอมีการทักกันมากขึ้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเลยมีการไปตรวจร่างกายก็พบว่าแข็งแรงทั้งคู่ เพราะตัดสินใจว่าปีนี้ละลองดูมั้ย และลองทำตามกระบวนการที่เหมาะสมหลายอย่าง เช่น บันทึกวันประจำเดือนมาและหมด วันไข่ตกผ่านแอปในมือถือ มาเป็นระยะเวลานึงตั้งแต่ปีก่อน จนจับวันพอได้ เลยเน้นช่วงเวลาดังกล่าว ประสบผลสำเร็จคะ ประจำเดือนขาดได้หนึ่งวันก็ตรวจเจอสองขีดเลย ไว้มีโอกาสจะมาแบ่งปันวิธีการให้ฟังอีกทีนะคะ

หลังจากตรวจพบการตั้งครรภ์ก็ทำการเลือกโรงพยาบาลและเลือกคุณหมอจนได้คะ ระหว่างการตั้งครรภ์ช่วงแรกมีอาการเลือดซึมเป็นระยะๆ อาจเป็นที่ยังไม่ชินทำอะไรไวอยู่ และเดินเยอะมาก จนต้องไปฉีดยากันแท้งและทานฮอร์โมนอยู่หลายรอบเพราะคุณสามีวิตกจริตกลัวแท้ง แต่เค้าบอกกันว่าจริงๆแล้วเป็นเลือดเก่าตกค้างคะ พอพ้นช่วงสี่เดือนมาได้อาการเหล่านั้นก็หายไป มีการซาวด์เพศจนได้ลูกสาวสมใจคุณสามีและอีแม่

ช่วงระหว่างนี้ก็ยังกินอาหารแบบเดิมคะ เหนื่อยตื่นสายข้าวเช้าไปกินเกือบกลางวัล และเบื่ออาหารไม่รู้จะกินอะไร เกิดปัญหาเอาตอนคุณหมอนัดกลืนน้ำตาลทดสอบเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์คะ พลาดอย่างมาก เพราะพฤติกรรมแบบนั้นทำให้น้ำตาลในเลือดมันสูง วันที่นัดกินน้ำตาลไม่ได้ทานอาหารไป ค่าสวิงเกินไปแต่ไม่มาก แถมตื่นเต้นนอนดึก ความดันเลยขึ้นอีก แต่ทั้งสองค่าไม่มาก เลยโดนงดอาหารและกลืนน้ำตาลอีกรอบที่มากขึ้นและเจาะค่าอีกทุกชั่วโมงสี่รอบ สรุปจากพฤติกรรมไม่ทานอาหารเลยทำให้พอกลืนน้ำตาลมีค่าเกินอยู่สองค่า แต่แค่ 1-2 ซึ่งคุณหมอเบาหวานบอกจริงๆเล็กน้อยมาก ไม่ได้เป็น แต่ในเมื่อคุณหมอดูแลครรภ์กังวลจึงต้องให้มาหาและสรุปเป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ไป และควบคุมอาหารเจาะเลือด ซึ่งอันนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำพลาดและหาเรื่องใส่ตัวมากมาก ไปพบหมอพร้อมใบเจาะเลือดนิ้วที่ค่าไม่เคยเกินเลยสักวัน แค่ปรับการกินสามมื้อให้ได้เหมือนเดิม และปกติไม่กินจุบจิบอยู่แล้ว กลายเป็นต้องเสียเวลาพบหมอสองหมอ และหมอเบาหวานก็ขำๆว่าเหมือนมาทำไม อยากเตือนคุณแม่แม่เอาไว้ ว่าพฤติกรรมการกินสำคัญมาก สรุปต้องเจาะเลือดหลังอาหารสามมื้อจดผลไปรายงานหมอด้วย ซึ่งก็โอเคเพราะทำให้รู้ตัวว่าควรกินข้าวให้ครบสามมื้อนะคะ แม้จะไม่อยากก็ตาม

จบเรื่องเบาหวาน ระหว่างนี้ก็พบแพทย์และค่าต่างๆดีมาตลอด พัฒนาการน้อง น้ำหนักตัวแม่ที่ไม่ขึ้นเลย ซึ่งคุณหมอบอกว่าไม่ต้องกังวลเพราะกินเข้าไปลงลูกและตามเกณฑ์หมด น้ำหนักไม่ขึ้นไม่เป็นไรเพราะพื้นฐานตอนแรกแม่น้ำหนักเยอะอยู่แล้ว ตรวจน้องแล้วโตได้มาตรฐานไม่มีภาวะอะไรเลยก็สบายใจได้ มาเข้าเรื่องสำคัญที่เป็นหัวข้อกะทู้นี้ดีกว่าคะ

อัมพาตใบหน้าครึ่งซีก หรือเบลพัลซี่ งงคะ เกิดอะไรขึ้น ในไตรมาศที่สาม เข้าเดือนที่แปดกำลังจะเข้าเดือนที่เก้า ช่วงปลายๆกินเจ กำลังมีความสุขเกือบจะได้เจอยัยหนูแล้ว ตอนเช้าวันอาทิตย์มีนัดจะไปพบหมอตามปกติ มีอาการลิ้นชา คล้ายกินของร้อนแล้วลวกปาก เข้าใจว่าตัวเองอาจซดน้ำแกงแล้วร้อนเกิน เดี๋ยวสักวันสองวันคงหาย ก็ไม่ได้คิดอะไร รสชาติอาหารก็เพี้ยนตามลิ้น ไปพบคุณหมอปกติแกนัดอีกทีสองอาทิตย์เพราะติดไปต่างประเทศ งวดหน้าต้องทำ NST และตรวจเชื้อในช่องคลอดละ เพราะต้องเตรียมน้องแล้ว อีแม่ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ กลับมายังลัลลาไม่คิดว่าจะมีอะไรละ พอวันจันทร์ เริ่มรู้สึกตัวเองผิดปกติ เพราะหน้าหนักๆ เหมือนปากและหน้าบวม เลยเริ่มกังวลและคิดว่าตัวเองแพ้อะไร ผงชูรสหรือเปล่า พอสามีกลับมาช่วงเย็นเลยเล่าให้ฟังและรีบไปหาหมอ พบว่าหน้ากับปากไม่ได้บวมหรอก แต่กล้ามเนื้อหน้าซีกซ้ายมันไม่ทำงานมันตก เกิดจากระบบประสาท มีไวรัสเข้าไปในเส้นประสาทสมองคู่ที่7 ฟังแล้วช็อคคะ คืออะไร อัมพฤกษ์ อัมพาตหรอ เกิดอะไรขึ้น คุณหมอบอก โรคนี้มีมานานแล้ว ไม่ต้องกังวลแค่กล้ามเนื้อหน้ามันตายชั่วคราวกินยาและกายภาพก็หาย เลยนัดหมอรุบบประสาทให้ในวันรุ่งขึ้นคืออังคารให้เป็นเฉพาะทางเลย ทีนี้อีแม่เครียดสิคะ อีกไม่กี่อาทิตย์จะคลอดน้องแล้ว แต่เป็นแบบนี้ จะยิ้มด้วยความสุข จะถ่ายรูปได้ยังไง ถึงแม้จะไปเสริช์ข้อมูลและไปพบคุณหมอวันรุ่งขึ้นและได้ยา พร้อมส่งไปกายภาพบำบัดหน้าด้วยการช็อตไฟฟ้าก็แล้วว่ามันหายแน่ 80-90 เปอเซนต์ แต่ใช้เวลาหน่อย สองสามเดือนเป็นอย่างน้อยหรือเป็นปีแต่หายแน่นอน ฝันสลายเลย ยิ้มถ่ายรูปสวยๆกับน้อง ไปกายภาพหน้าพร้อมกลับมากายภาพเองก็แล้ว มันก็ไม่ได้ดั่งใจอยากหายให้ทันก่อนคลอด ใครอยากรู้ว่าโรคนี้คืออะไร ลองอ่านตามลิงค์ที่แปะได้คะ

http://www.healthtoday.net/thailand/disease/diisease_133.html

หรือเสริช์ในกูเกิลข้อมูลเยอะมาก ในกรณีคนท้องอาจเกิดจากไวรัสเวลาเป็นหวัด ซึ่งตัวเองย้อนไปคิดว่าก่อนเป็นได้อาทิตย์นึงช่วงนั้นอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ฝนตกเกือบทุกวันมีอาการเหมือนเป็นหวัดและปวดหูนิดหน่อยแต่ไม่ได้คิดอะไร และไม่เคยสนใจโรคนี้เลย อาการสามวันแรกจะชัดมากเลยเรื่องปากเบี้ยวไปข้างนึง เพราะอีกข้างตกลงหมดเลย ตาปิดไม่สนิท ต้องระวังลมและน้ำเข้าตาใช้มือช่วยปิดและแว่นตาช่วยเอา ยาต้องกินสม่ำเสมอซึ่งพอท้องการกินยาเสตียรอย์ 12 เม็ดต่อวัน โดสคุณหมอไม่สามารถให้ได้ เลยได้กินสามื้อ หกเม็ดและลดลงทุกอาทิตย์ จนตอนนี้ถึงวันกำหนดคลอดแล้วเหลือเช้าเย็นอย่างละเม็ด ทานคู่กับนิวโรเบียน เลยทำให้การรักษาช้าขึ้นไปอีกไม่เหมือนคนปกติที่เจอเร็วและกินยาตามโดส กายภาพถี่ๆเร็ว บางคนเดือนเดียวหน้าก็กลับมาปกติแล้ว แต่ตอนนี้ทำใจแล้วคะ ที่จะต้องทำหน้านิ่งถ่ายรูปกับลูกไปก่อนเพราะหน้าเลี้ยวไปข้างนึง อย่างน้อยอีแม่ก็เป็นโรคดารานะคะ เป็นอย่างโออนุชิต โหน่งชะชะช่า พลอยเฌอมาลย์ อันนี้ให้กำลังใจตัวเอง

ก็อยากเตือนคุณแม่ท้องเอาไว้คะ ว่าโรคภัยไข้เจ็บ การแทรกซ้อนมีมากมาย เดี๋ยวนี้โรคแปลกๆก็มีมากมาย อยากให้พึงระวังและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและอย่าเป็นอะไรเลยนะคะ คนรอบข้างก็อยากให้บอกเค้าให้เข้าใจถ้าเราจะวิตกจริตตรวจนั่นนี่ หรือคุณหมอยุคใหม่จะตรวจอะไรมากมายเชื่อไว้เถอะคะ เพราะเดี๋ยวนี้โรคแปลกๆมันเยอะ อากาศเชื้อโรคอะไรก็ไม่เหมือนสมัยก่อน ต้องระวังขึ้นเยอะเลยคะ อย่างน้อยวันนี้ก็ได้มาระบายและเล่าเรื่องประสบการณ์ป่วยก่อนคลอดน้อง ขอบคุณที่อ่านนะคะ ไว้โอกาสหน้าจะมาเล่าเทคนิคการวางแผนมีน้องแบบจะเรียกว่าโอกาสติดสูง กับเมาท์มอยเรื่องคุณสามีที่ทำยังไงให้คบกับยืนยาวรวมแต่งงานกัน 19 ปี วีรกรรมวางแผนจีบและอื่นๆอีกเยอะเลยคะ ยังไงขอตัวพักเอาแรงรอเวลาคลอดก่อนนะคะ

ปล.สิ่งที่ต้องเจอในการเป็นเบลพัลซี่ระหว่างตั้งครรภ์ คือ คนรอบข้างไม่เข้าใจจะคิดว่าเป็นอัมพฤษ์อัมพาต เกิดจากความอ้วน สารพัดเหตุผลที่เสียใจมากมายซึ่งไม่จริงเลยสักอย่าง ลองอ่านดูที่สาเหตุการเกิดโรคนะคะ ดาราผอมๆยังเป็นเลย อีแม่สบายใจหายเครียดแต่พอมาอธิบายสาเหตุแปลกๆที่คนยัดมาก็เพลียทุกที บางคนก็ว่าเด็กทับเส้นประสาท ลูกแม่ผิดอีก เหอๆ ขออย่าให้เป็นกันเลยนะคะ ยิ่งใกล้คลอดนี่ยิ่งต้องการความสบายใจ ไม่ต้องการความเห็นใจจากสายตาและสีหน้าเหมือนสงสารอะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่