คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
จริงๆแล้ว บริษัทจะให้ทางเลือกแกมบังคับ ให้พนักงานต้องเข้ารับการบำบัด
อาจเนื่องจาก บริษัทเข้าร่วมเป็นภาคีสถานประกอบการปลอดยาเสพติด
ทางเลือกเข้ารับการบำบัดเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
การลาออกก่อนการบำบัด จะมีผลเสียทางประวัติการทำงาน
ส่วนการเข้ารับการบำบัด จะมีเพียงบัญชีผู้เข้ารับการบำบัดในท้องถิ่นเท่านั้น
แนะนำว่าให้เข้ารับการบำบัดครับ
ทางบริษัทอาจงดจ่ายค่าแรงในช่วงบำบัดได้ตามกฎเกณฑ์
แต่ทั้งนี้ ผู้เข้ารับการบำบัด ถือเป็นผู้ป่วย
พรบ.แรงงานกำหนดให้สถานประกอบการ มีวันหยุดสำหรับพักรักษาอาการป่วยโดยไม่หักค่าแรง ปีละ..... วัน (ตอนนี้กี่วันก็ไม่ทราบ)
อาจเนื่องจาก บริษัทเข้าร่วมเป็นภาคีสถานประกอบการปลอดยาเสพติด
ทางเลือกเข้ารับการบำบัดเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
การลาออกก่อนการบำบัด จะมีผลเสียทางประวัติการทำงาน
ส่วนการเข้ารับการบำบัด จะมีเพียงบัญชีผู้เข้ารับการบำบัดในท้องถิ่นเท่านั้น
แนะนำว่าให้เข้ารับการบำบัดครับ
ทางบริษัทอาจงดจ่ายค่าแรงในช่วงบำบัดได้ตามกฎเกณฑ์
แต่ทั้งนี้ ผู้เข้ารับการบำบัด ถือเป็นผู้ป่วย
พรบ.แรงงานกำหนดให้สถานประกอบการ มีวันหยุดสำหรับพักรักษาอาการป่วยโดยไม่หักค่าแรง ปีละ..... วัน (ตอนนี้กี่วันก็ไม่ทราบ)
แสดงความคิดเห็น
เรื่องการบำบัดผู้ เสพยาเสพติด
1.ลาออกจากงานโดยสมัครใจ
2.ยินยอมเข้ารับการบำบัดด้วยความสมัครใจ
จากการสอบถามน้อง ได้ความว่า เพิ่งหัดเสพ ได้ไม่นาน ( ยังไม่ติด ) สาเหตุที่เสพมาจากกินเหล้ากับพี่ที่ทำงาน แล้ว เห็นเขาทำก็เลยลองทำตาม ทำการเสพมา 3 ครั้ง ส่วนตัวผมอยากให้น้องยินยอมเข้ารับการบำบัด แต่กลัวผลที่ตามมาหลังจากที่เราไม่รู้ ครับ
ขั้นตอนการบำบัดฟื้นฟูพนักงานติดสารเสพติด ที่บริษัทแจ้งมา มีดังนี้
1. ไปติดต่อที่ ที่ว่าการอำเภอศรีราชา ฝ่ายความมั่นคง ชั้น 2 ( ทางบริษัทพาไป )
2. นำพนักงานไปรายงานตัว โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปด้วย
3. สำเนาบัตรประชาชนคนละ 2 ใบ
4. เอกสารที่พนักงานลงลายมือชื่อ
5. เมื่อไปลงนามเพื่อฟื้นฟูแล้วทางอำเภอจะส่งรายชื่อมาที่สาธารณสุขใกล้ๆๆ
6. การบำบัดฟื้นฟูทั้งหมด จำนวน 16 ครั้ง โดยมีเอกสารนัดหมาย
*ซึ่งทางสาธารณสุขแจ้งใคร่ขอความร่วมมือให้ทางบริษัทช่วยอำนวยความสะดวกให้พนักงานได้ไปบำบัดตามกำหนดการอย่างเคร็งครัด*
จากข้อมูลที่กล่าวมา ผมจึงอยากปรึกษาท่านผู้รู้ทุกท่าน และขอคำแนะนำว่า
1.เราตัดสินใจถูกไหม ที่ปล่อยให้บริษัทดำเนินการ ตามกฏหมาย
2.การบำบัดต้องหยุดงานไหม เพราะทางบริษัทไม่ให้รายละเอียดอะไรเลย
3.ถ้าเราสมัครใจที่จะบำบัด จะมีประวัติอาชญากรรม ติดตัวไหม
4.ถ้าเกิดมีประวัติ ในการบำบัด มันจะมีการลบประวัติออกไหม ถ้ามี กี่ปีครับ
5.ถ้าเราเลือกที่จะไม่ไปบำบัด โดยให้น้องลาออกจากงาน แล้วมาพักรักษาตัวจนหายดีแล้วค่อยหาสมัครงานใหม่ จะดีกว่าไหม ***แต่วิธีนี้ไม่อยากเลือก เพราะเดือนหน้าก็จะได้โบนัสละ แล้วอีกอย่าง งานก็หายากด้วย
ผมจึงอยากรบกวนท่านผู้รู้ ช่วยชี้แนะหน่อยครับ ไม่รู้จะไปปรึกษาใครจริงๆ รู้ว่าน้องทำผิด แต่ก็อดสงสารน้องไม่ได้ ตอนนี้ พ่อ กับแม่ยังไม่รู้เรื่อง ไม่กล้าบอกท่าน จึงอยากหาทางออกที่ดีก่อน ค่อยบอกท่านทีหลัง ขอบคุณสำหรับคำแนะนำไว้ล่วงหน้านะครับ