สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน..
ก่อนอื่นผมต้องบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณพ่อผม ที่จะทำประกันชีวิต จึงได้ตัดสินใจทำกับเมืองไทยประกันชีวิต ผ่านธนาคารกสิกรไทย เนื่องจากท่านอายุมากแล้ว กลัวว่าถ้าอายุเกิน 60 ปี ประกันภัยจะปฎิเสธการทำ เลยต้องการทำตั้งแต่ตอนนี้ แต่ก็เกิดเรื่องกับ ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมาครับ
ช่วงต้นเดือน ตุลาคม
ผู้จัดการสาขา ก็ได้มาที่บ้านเพื่อ เสนอรายละเอียดประกันภัย ที่เขาเสนอก็มีหลากหลายรูปแบบครับ จนสุดท้ายพ่อผมถูกใจอันนี้ เลยตัดสินใจทำประกันภัย ก็ได้ชำระผ่านทางบัตรเครดิต 0% 3 เดือน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ช่วงกลางเดือน ตุลาคม
คุณพ่อผมก็เดินทางไปตรวจร่างกาย ซึ่งเป็นปกติของการทำประกันภัยทุกๆที่ โดยการตรวจร่างกายพบว่า คุณพ่อผมเป็นเบาหวาน ทางเมืองไทยประกันชีวิตจึงได้ตัดความคุ้มครองบางส่วนออก คุณพ่อผมจึงตัดสินที่จะไม่ทำแล้ว ทุกอย่างก็จบกันด้วยดี
วันที่ 28 ตุลาคม
ผมได้รับจดหมายจากเมืองไทยประกันชีวิต ว่าได้ยกเลิกประกันภัย และทำการคืนเงินเข้าบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว
วันที่ 4 พฤศจิกายน
ช่วงเย็น อยู่ดีๆก็มีการตัดเงินจากบัญชีคุณพ่อครับ (บัญชีเชื่อมอยู่กับบัตรเครดิต เวลาการชำระเงิน) เนื่องจากผ่อน 0% 3 เดือน ต้องจ่ายแสนกว่าบาทต่อเดือน แต่ตอนนั้นบัญชีคุณพ่อผมมีอยู่ 3 หมื่นกว่าบาท เนื่องจากลูกค้าโอนเข้ามา ทางธนาคารจึงตัดจนหมดบัญชีเลย อารมณ์ว่ามีเท่าไรก็ขอตัดก่อนจนหมด
วันที่ 5 พฤศจิกายน
ช่วงเช้า คุณพ่อผมได้เข้าไปร้องเรียนเรื่องนี้ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาสี่แยกทศกัณฑ์ ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งแสดงจดหมายจากทางเมืองไทยประกันชีวิต ที่ได้ทำการยกเลิกประกันภัยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางผู้ช่วยผู้จัดการสาขา ก็ได้โทรเข้าไปถามที่ฝ่ายบัตรเครดิตกสิกรไทย ได้ความว่า ที่ทำการตัดเงินไป เพราะมันเป็นระบบอัตโนมัติ และจะคืนเงินกลับเข้าบัตรเครดิตภายใน 7 วัน แต่คุณพ่อผมไม่ยอมครับ เพราะไม่ใช่ความผิดของพ่อผม ทำไมต้องรอหลายวันเพื่อจะได้เงินคืน และคุณพ่อผมเลยบอกว่า ถ้าไม่คืนวันนี้ต้องโอนเงินพร้อมดอกเบี้ยด้วย แค่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากก็พอ สุดท้ายทางสาขาสี่แยกทศกัณฑ์ก็ได้รับผิดชอบโดยการคืนเข้าบัญชีทันที คุณพ่อผมก็โอเค ไม่เป็นไร จบๆกันไป
แต่ปัญหาได้จบแค่นั้นครับ ช่วงเย็นของวันเดียวกัน มีการตัดเงินออกจากบัญชีอีกครั้ง หมดบัญชีเหมือนกัน คุณพ่อผมจึงโทรไปร้องเรียนที่ Call Center ว่าทำไมมีการตัดเงินออกจากบัญชีอีก เนื่องจากช่วงเช้าได้ไปทำแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางธนาคารแล้ว ตรงนี้ผมว่ามันไม่ถูกต้องนะครับ
วันที่ 6 พฤศจิกายน
เงินที่ถูกธนาคารตัดไป ได้กลับเข้าบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว
สุดท้ายผมอยากจะบอกว่า คุณพ่อผมไม่พอใจกับการทำงานของฝ่ายบัตรเครดิตกสิกรไทยมากๆเลยครับ เพราะ ธุรกิจต้องใช้เงินหมุนเวียน คุณจะมาตัดเงินไปโดยที่ไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อผม แล้วคุณบอกจะคืนเงินให้ภายใน 7 วัน ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้องนะครับ เพราะช่วงเช้าคุณพ่อผมก็ได้มีการร้องเรียนไปแล้วครั้งนึง ทำไมถึงยังตัดเงินคุณพ่อผมอีกละครับ ครั้งแรกคุณพ่อผมก็ยังบอกว่า ไม่เป็นไร แต่ทำไมถึงมีครั้งที่สองอีกครับ ดอกเบี้ยเงินกู้ผมก็จ่ายตลอด วันไหนผมไม่ได้ทำงานคุณยังคิดดอกเบี้ยเลยครับ มันเป็นความผิดของธนาคารแล้วทำไมผมต้องรอหลายวันให้ธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีละครับ ยังโชคดีที่ลูกค้าอีกหลายยังไม่ได้โอนเงินเข้ามา ไม่งั้นบัญชีก็ต้องโดนตัดจนหมดบัญชีอีก แล้วลองนึกถึงคนที่จำเป็นต้องใช้เงินสิครับ เขารอได้ไหม..
ถ้าใครสนใจอยากจะทำประกันชีวิตจริงๆ ผมว่าควรทำกับประกันภัยโดยตรงเลยจะดีกว่าครับ ไม่งั้นก็จะเจอปัญหาแบบผมอีก
ขอบคุณครับ..
ว่าด้วยเรื่องการทำประกันชีวิตผ่านธนาคารกสิกรไทย..
ก่อนอื่นผมต้องบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณพ่อผม ที่จะทำประกันชีวิต จึงได้ตัดสินใจทำกับเมืองไทยประกันชีวิต ผ่านธนาคารกสิกรไทย เนื่องจากท่านอายุมากแล้ว กลัวว่าถ้าอายุเกิน 60 ปี ประกันภัยจะปฎิเสธการทำ เลยต้องการทำตั้งแต่ตอนนี้ แต่ก็เกิดเรื่องกับ ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมาครับ
ช่วงต้นเดือน ตุลาคม
ผู้จัดการสาขา ก็ได้มาที่บ้านเพื่อ เสนอรายละเอียดประกันภัย ที่เขาเสนอก็มีหลากหลายรูปแบบครับ จนสุดท้ายพ่อผมถูกใจอันนี้ เลยตัดสินใจทำประกันภัย ก็ได้ชำระผ่านทางบัตรเครดิต 0% 3 เดือน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ช่วงกลางเดือน ตุลาคม
คุณพ่อผมก็เดินทางไปตรวจร่างกาย ซึ่งเป็นปกติของการทำประกันภัยทุกๆที่ โดยการตรวจร่างกายพบว่า คุณพ่อผมเป็นเบาหวาน ทางเมืองไทยประกันชีวิตจึงได้ตัดความคุ้มครองบางส่วนออก คุณพ่อผมจึงตัดสินที่จะไม่ทำแล้ว ทุกอย่างก็จบกันด้วยดี
วันที่ 28 ตุลาคม
ผมได้รับจดหมายจากเมืองไทยประกันชีวิต ว่าได้ยกเลิกประกันภัย และทำการคืนเงินเข้าบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว
วันที่ 4 พฤศจิกายน
ช่วงเย็น อยู่ดีๆก็มีการตัดเงินจากบัญชีคุณพ่อครับ (บัญชีเชื่อมอยู่กับบัตรเครดิต เวลาการชำระเงิน) เนื่องจากผ่อน 0% 3 เดือน ต้องจ่ายแสนกว่าบาทต่อเดือน แต่ตอนนั้นบัญชีคุณพ่อผมมีอยู่ 3 หมื่นกว่าบาท เนื่องจากลูกค้าโอนเข้ามา ทางธนาคารจึงตัดจนหมดบัญชีเลย อารมณ์ว่ามีเท่าไรก็ขอตัดก่อนจนหมด
วันที่ 5 พฤศจิกายน
ช่วงเช้า คุณพ่อผมได้เข้าไปร้องเรียนเรื่องนี้ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาสี่แยกทศกัณฑ์ ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งแสดงจดหมายจากทางเมืองไทยประกันชีวิต ที่ได้ทำการยกเลิกประกันภัยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางผู้ช่วยผู้จัดการสาขา ก็ได้โทรเข้าไปถามที่ฝ่ายบัตรเครดิตกสิกรไทย ได้ความว่า ที่ทำการตัดเงินไป เพราะมันเป็นระบบอัตโนมัติ และจะคืนเงินกลับเข้าบัตรเครดิตภายใน 7 วัน แต่คุณพ่อผมไม่ยอมครับ เพราะไม่ใช่ความผิดของพ่อผม ทำไมต้องรอหลายวันเพื่อจะได้เงินคืน และคุณพ่อผมเลยบอกว่า ถ้าไม่คืนวันนี้ต้องโอนเงินพร้อมดอกเบี้ยด้วย แค่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากก็พอ สุดท้ายทางสาขาสี่แยกทศกัณฑ์ก็ได้รับผิดชอบโดยการคืนเข้าบัญชีทันที คุณพ่อผมก็โอเค ไม่เป็นไร จบๆกันไป
แต่ปัญหาได้จบแค่นั้นครับ ช่วงเย็นของวันเดียวกัน มีการตัดเงินออกจากบัญชีอีกครั้ง หมดบัญชีเหมือนกัน คุณพ่อผมจึงโทรไปร้องเรียนที่ Call Center ว่าทำไมมีการตัดเงินออกจากบัญชีอีก เนื่องจากช่วงเช้าได้ไปทำแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางธนาคารแล้ว ตรงนี้ผมว่ามันไม่ถูกต้องนะครับ
วันที่ 6 พฤศจิกายน
เงินที่ถูกธนาคารตัดไป ได้กลับเข้าบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว
สุดท้ายผมอยากจะบอกว่า คุณพ่อผมไม่พอใจกับการทำงานของฝ่ายบัตรเครดิตกสิกรไทยมากๆเลยครับ เพราะ ธุรกิจต้องใช้เงินหมุนเวียน คุณจะมาตัดเงินไปโดยที่ไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อผม แล้วคุณบอกจะคืนเงินให้ภายใน 7 วัน ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้องนะครับ เพราะช่วงเช้าคุณพ่อผมก็ได้มีการร้องเรียนไปแล้วครั้งนึง ทำไมถึงยังตัดเงินคุณพ่อผมอีกละครับ ครั้งแรกคุณพ่อผมก็ยังบอกว่า ไม่เป็นไร แต่ทำไมถึงมีครั้งที่สองอีกครับ ดอกเบี้ยเงินกู้ผมก็จ่ายตลอด วันไหนผมไม่ได้ทำงานคุณยังคิดดอกเบี้ยเลยครับ มันเป็นความผิดของธนาคารแล้วทำไมผมต้องรอหลายวันให้ธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีละครับ ยังโชคดีที่ลูกค้าอีกหลายยังไม่ได้โอนเงินเข้ามา ไม่งั้นบัญชีก็ต้องโดนตัดจนหมดบัญชีอีก แล้วลองนึกถึงคนที่จำเป็นต้องใช้เงินสิครับ เขารอได้ไหม..
ถ้าใครสนใจอยากจะทำประกันชีวิตจริงๆ ผมว่าควรทำกับประกันภัยโดยตรงเลยจะดีกว่าครับ ไม่งั้นก็จะเจอปัญหาแบบผมอีก ขอบคุณครับ..