มีใครพอจะมีวิธี ลดความกร้าวร้าวในตัวเอง กับความเอาแต่ใจของตัวเองแบบได้ผลบ้างคะ หากใครเป็นจิตแพทย์เรายินดีรับฟังค่ะ

มีใครพอจะมีวิธี ลดความกร้าวร้าวในตัวเอง กับความเอาแต่ใจของตัวเองแบบได้ผลบ้างคะ
account นี้ ทางเราสมัครใหม่เพื่อมาถามคำถามนี้โดยเฉพาะค่ะ  หากใคร ไม่อยากอ่านยืดเยื้อ อ่านตอนท้ายสรุปได้เลยค่ะ
ของเราจากปัญหาตั้งแต่แรกก่อนนะคะ
โดยปกติแล้วเราเป็นคนที่ ใจเย็นมากๆค่ะ อะไรยอมได้ก็ยอม  ชอบทำบุญไปวัดทุกวัน เด็กกิจกรรมสนุกสนาน
ร่าเริง ยิ้มง่ายมากๆ ตอนนี้เราโสดนะคะ ไม่ใช่เพราะ ไม่มีคนเข้ามี มีเข้ามาพอสมควรค่ะ แต่ส่วนใหญ่ เรามักจะไปชอบคนที่ไม่ชอบเรา
คนที่ชอบเรา เรามักจะไม่ชอบ เราไม่อยากคบใคร เพราะแก้เหงาค่ะ เท่

ไปบวชชีพราหมณ์ บ้าง ครั้งละ 3 วัน ก็มีความสุขดีค่ะ ตอนนี้อายุ 22 กำลังเรียนปีสุดท้ายแล้วค่ะ ซึ่งใกล้จะจบแล้ว
เราถูกเลี้ยงมาจากครอบครัวที่ดูดีมากในสายตาคนภายนอกมีแต่คนอิจฉาสุดๆ อยากได้อะไรก็ได้ ตามใจทุกอย่าง
ไม่ผิดหรอกค่ะที่คนอื่นจะมองบ้านนั้น  ครอบครัวเราตั้งแต่รุ่นปู่ เป็นนายหน้าขายที่ดินค่ะ แล้วครอบครัวเราก็มีธุรกิจ ที่ทุกคนที่มาจากที่อื่น
ถ้ามาจังหวัดนี้แล้วจะต้องรู้จัก  ครอบครัวเราถือว่ามีชื่อเสียงพอสมควร

พ่อกับแม่เรารับราชารค่ะ พ่อเราเป็นหัวหน้าภาค อยู่ที่นี้ด้วย ส่วนงานที่แม่เราทำนั้นต้องใช้หน้าตา หรือชื่อเสียง เพื่อที่จะได้รับ
การเคารพ จากคนอื่น เพื่อให้คนอื่นทำตาม หรือจะเรียกว่า เป็นงาน สังคมเต็มตัวเลยก็ว่าได้ค่ะ แต่ของแม่เราจะเน้นทำงานกับคน ตามพื้นที่
แต่แท้จริงแล้ว หลายๆอย่างที่ทุกคนมองนั้น มันตรงกันข้ามหมดเลย

เราต้องหามาด้วยตนเองตั้งแต่เด็ก จำได้ว่า ตั้งแต่อนุบาล จนถึงป.1 เราได้เงินไป โรงเรียนวันละ 10 บาท
จนอยู่มหาลัยเราได้เงินเดือน เดือนละ 2000 บาทค่ะ เอาข้าวสารจากบ้านมาหุงกินเอง กับไข่เช้ากลางวันเย็น  
ถามว่าน้อยใจมั้ยไม่เลยนะคะ  มันทำให้เราเข้มแข็งมากๆๆๆๆ เราพยายามด้วยตัวเอง ไม่ขอเงินทางบ้าน
จนตอนนี้เรียนอยู่ ก็มีธุรกิจเป็นของตัวเองค่ะ มีพอที่จะสามารถ ผ่อนรถให้แม่หมดได้ แต่เพราะการที่เราหาเงินด้วยตัวเอง
มันทำให้เราขี้งกๆไปในตัว เพราะเงินไม่ได้หามาง่ายๆเลยจริงๆนะ เยี่ยม

พ่อเราเป็นคนที่กับคนอื่น จะใจดีมากๆค่ะ แบบต้องซื้อของไปเลี้ยงลูกน้องทุกวันๆ ทุ่มไม่อั้น  แต่กับที่บ้าน พ่อจะงกมาก
(เรียกว่างกได้เลยค่ะ ขนาดที่ว่าให้เงินมา 150 ซื้อของมา 145 บาท อีก 5 บาทห้ามซื้ออย่างอื่นไม่งั้นหักจากเงินเดือน)
แถมเป็นคนโมโหร้าย จำได้ว่าตอนเด็ก พ่อถีบเรากระเด็นเลย เพราะเล่นกับน้องเสียงดัง ทำให้ ณ ตอนนี้ เราเป็นคนกลัวเสียงดัง
ได้ยินเสียงดังจะหายใจไม่ค่อยออก เราโดนตีเกือบทุกวันสายไฟบ้าง เพราะเผลอไปหลับบ้านย่า พ่อเป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ
จนเราเข้ามหาลัยแล้วเราไม่ต้อง พึงพาเค้าเค้าเปลี่ยนไปค่ะ อาจเป็นเพราะ ตอนเด็กนิสัยอยากเล่น ก็อยากจะเล่นกับพ่อบ้าง
ถึงพ่อจะโหดร้ายรุนแรง แต่เราก็ยังจะเข้าไปเล่นกับพ่อ ก็แปลกดีค่ะ  แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ฝั่งความรู้สึกไม่ดีมาตลอด
ตอนนี้ก็พยายามปล่อยวางนะคะ ว่ายังไงเค้าก็ไม่ฆ่าเราให้ตายละเนอะ บอกได้เลยว่าไม่เคยมีครั้งความทรงจำไหน
ที่เรากับพ่อมีเรื่องดีๆหรือ เสียงหัวเราะได้เลยค่ะ  แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นพ่อจะหัวเราะ ยิ้มแย้มชวนคุยนั้นคุยนี้
แต่กลับมาหาครอบครัวจะเป็นอีกคนเลยค่ะ  อมยิ้ม14

ส่วนแม่เรานะคะ ตอนเด็กๆแม่เราไม่ได้อยู่กับเราค่ะ แม่เราทำงานต่างจังหวัด เที่ยวไปมาบ้าง แต่ถ้างานเยอะจิงๆ ก็จะ
นอนที่ทำงานค่ะ แม่เราน่ารักนะคะ เรารักแม่มากๆ แม่เราพยายาม ในส่วนนั้นอย่างดีมากๆเลยค่ะ ถึงแม้จะต้องเดินทาง
ไกลขนาดไหน แม่ก็จะพยายาม ขับรถกลับมาหาลูกให้ได้ ถ้ามันไม่หนักมากจิงๆ  แม่เราถามบ่อยว่าน้อยใจมั้ย เข้าใจพ่อเค้าใช่มั้ย
พ่อเค้าเป็นลูกชายคนเดี๋ยวของ ตระกูลนี้ ปู่จะโอ๋เป็นพิเศษ อยากได้อะไรก็ได้  อยากได้รถ ปู่ก็ซื้อให้ ทั้งๆที่เมื่อก่อน
รถราคาแพงมากๆ แต่พ่อเราก็มีก่อนเพื่อนเลยค่ะ  พ่อไม่เคยทำร้ายแม่นะคะ ไม่เคยทะเลาะกันให้เราเห็นเลย ถึงแม้จะดูไม่เหมือน
คนรักกันก็ตาม เพราะแม่ชอบบอกว่า มีพ่อมีเงินตั้งเยอะ ทำไมถึงไม่ให้ความสุขครอบครัวบ้างทำไมถึงดูแลแต่คนอื่น
ทำดีแต่กับคนอื่น แม่เราไม่ค่อยชอบไปไหนกับพ่อค่ะ เพราะพ่อเราขี้รำคาญ หงุดหงิดได้ตลอดเวลา ทำลายข้าวของวีไอกับเทคนิค


บ้านเราไม่มีหนี้สินค้า พ่อแม่เรามีที่เก็บไว้เยอะมาก มีเงินเก็บจากที่เห็นในสมุดบัญชีก็เยอะพอสมควร
แต่เราก็บอกแม่เสมอว่า แม่ไม่ต้องมาห่วงหนูนะ แม่ใช้ไปเลย หนูไม่เคยหวังมรดก หนูจะหาเองหนูจะดูแลแม่เอง
จะพาแม่ไปเที่ยว ที่แม่อยากไปให้ได้ทุกที่เลยหัวใจ

                                         นานาเรียน    ใครต้องการอ่านสรุปทีเดียวอ่านตรงนี้ได้เลยค่ะ
ฝนตกและแล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น วันนึงพ่อเราถือรูปภาพ พร้อมข้อความในไลน์ มาส่งให้เราดูว่าแม่เรามีชู้
แล้วบอกเราว่า ห้ามบอกแม่นะ พ่อจะคอยตามดู แล้วจะถามแม่ว่าจะหยุดมั้ย ระหว่างนี้ที่พ่อบอกว่าจะรอดูแม่ไปเรื่อยๆ
พ่อ ก็จะคอย ขับรถตามแม่ไปไหน ถ่ายรูปเก็บ ก็อปข้อความในไลน์ที่แม่คุยกับผู้ชายคนนั้นไว้เป็นหลักฐาน
ค่อยแอบมองแม่จากกระจกว่าแม่ พิมพ์ไลน์คุยกับใคร แอบเปิดคอมแม่ นั่งปริ้นข้อความ
วันนั้นเหมือนจุดยึดหลายอย่างเราพังทลาย เราเหมือนคนเคว้งควางหาทางออกไม่เจอ เราร้องไห้อยู่ 1 ชม
แล้วก็มาคิดได้ว่า ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน พ่อเราก็ไม่ได้ดูแลแม่และเอาใจใส่แม่อย่างที่คนรักเค้าทำกัน
แม่คงอยากได้คนที่พร้อมจะดูแล หรือมีความสุขแบบ คนปกติทั่วไปบ้างเพราะแม่เราก็คนธรรมดาคนนึง ยังคงมี
รักโลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา เรารับรู้ทุกอย่าง ว่าแม่คุยกับผู้ชายคนนั้นทั้งๆที่ เรานอนกับแม่ข้างๆ บ้างครั้งเราเอง
เป็นคนยื่นโทรศัพท์ให้แม่คุยกับผู้ชายคนนั้นด้วยตัวเราเอง เพราะเราไม่อยากให้แม่สงสัย บางครั้งเราก็คิดว่าเราเก่งนะ
ทำตัวเหมือนเป็นปกติได้ยังไง  และไม่กี่วันมานี้เราได้ยินแม่เราคุยกับผู้ชายคนนั้นว่า หลังวันเกิดค่อยจัดเลี้ยงอีกรอบ
แล้วพอหลังวันเกิดมาถึง แม่ก็บอกเราว่าจะไปส่งงานนะไปรึเปล่า เรารู้ว่าแม่ถามเป็นปกติ เราจะได้ไม่สงสัย ด้วยความที่เรา
เป็นคนที่ แม่อยากทำอะไรก็ตาม เราก็เลย บอกไม่ไป ทั้งๆที่ปกติ เรามักจะเป็นคนคอยไปเป็นเพื่อนแม่เพราะกลัวแม่จะเหงา
(หลายคนอ่านมาถึงจุดนี้ คงคิดว่า เห้ยยย เก่งอะ) เพี้ยนแช๊ะ

จิงค่ะ เราคิดแบบนั้นจริง แต่ยิ่งนานไป เราเริ่มรู้สึกว่าอารมณ์ การอยากคุยด้วย กับ ทุกคนรอบข้างเราเริ่มรุนแรงขึ้น
จากที่เคยดีๆกับพ่อและแม่ เราเริ่มไม่อยากคุยกับทั้ง 2 คน ทั้งๆที่ตอนที่ท่านทั้งสองคน คุยมาเราก็มีความสุขปกติดีนะคะ
นั่งเล่นกับน้องหมา นอนอ่านหนังสือสบายๆ แต่พ่อท่านทั้ง 2 คนทักปุบ หรือคุยอะไรกับเรามาปุบ ใจเราจะรู้สึก ร้อนเหมือนไฟ
เราเคยถึงขนาด นอนนิ่งๆ ยอมรับตัวเองและทำความเข้าใจกับตนเอง ว่าเราเป็นอะไร ทำไมเราเป็นแบบนี้
เรารู้ว่า และเรารู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิด เราก็ไม่ผิด เราเป็นลูกไม่ควรแสดงกิริยาแบบนี้ออกไป สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เกิดกับเฉพาะ
กับพ่อและแม่นะคะ มันเริ่มรามไปเกิดกับน้อง กับเพื่อน จากที่เคย มองอะไรเป็นเรื่องสบายๆ กับพอมีอะไรที่ไม่ใช่อย่างที่เราพอใจ
เราก็จะแรงกลับทันที ทั้งทีมันก็เรื่องเล็กๆน้อยทั่วๆไป จากที่อะไรปล่อยได้ก็ปล่อย กลายเป็นว่า ถ้าไม่เถียงให้ชนะ แล้วเรารับไม่ได้

เรานั่งสมาธิ สวดมนต์ ตอนทำสมาธิ เราก็เย็นนะคะ คิดได้ ว่าปล่อยเถอะ เรายึดติดเอง เรายึดถือเอง แต่พอเจอเหตุเจออะไรขัดจัด
เล็กน้อย เอาอีกแล้วอารมณ์เราพุ่งแรงต้องไปเถียงไปทะเลาะ พยายามหลายครั้งที่จะฝืน ปิดๆไปเดินห่างๆ ใจเรากลับเอาแต่วกไปวกมา
คิดแต่เรื่องนั้น ว่าทำไมไม่เถียงต้องอย่ายอมสิ ทั้งๆที่ สมองเราบอกว่า ถูกแล้วดีแล้ว อย่าไปเถียงเลย จนผ่านไปเป็นวันเราถึงจะสงบลงได้

จากที่เราสนิทกับน้องมากๆ รักกันดี เราเริ่ม รู้สึกรำคาญ ไม่อยากไปไหนกับน้อง ทั้งๆที่ เราบอกเลย เรารักน้องมากๆ น้องไม่ได้ทำอะไรผิด
เรารู้เลยว่าตอนนี้เรากำลังอาการหนัก โดยเฉพาะการพลานไปลงกับคนอื่น เราไม่ชอบไปไหนกับพ่อมากๆ เรารู้สึกว่า ถ้าไปกับพ่อ
หัวใจเรามันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  เราเริ่มรู้สึกเหมือน ว่า เราเป็นบ้ารึเปล่า อาการหนักไปแล้วนะ ทั้งๆที่เรื่องนี้พ่อเราถูกกระทำ

เราเริ่มมีความสุขมากๆ กับการไปไหนมาไหนคนเดียว อยู่กับน้องหมาเล่นกับน้องหมา มันเหมือนกับว่า เราปิดใจตัวเอง ไม่อยากรับรู้เรื่องราวความจริง
ต่างๆ อยู่แต่ในโลกส่วนตัว กับสิ่งที่มีความสุข หมาเป็นสิ่งเดียว ที่ เราทุ่มให้เต็มที่ เหมือนเราเอามันมายึดให้เรามีจุดหนทางเม่ารักสัตว์
เมื่อไม่นานมานี้ เราไปหาหมอ เนื่องจากอ่านหนังสือไม่ไหว ตื่นมาก็ลุกไม่ขึ้น หมอบอกว่าเราเป็นโรค เลือดเข้าไปเลี้ยงหูชั้นในไม่พอ
หมอว่าน่าจะเกิดจากความเครียด  ยอมรับตามตรงว่า เรานั่งงงอยู่นาน ว่าเราเครียดตรงไหน เราก็ปกติดี หรืออาจเพราะเราไม่ยอมรับ
ความจริงว่าจิตใต้สำนึกเรามันกำลังเครียดอยู่มากๆก็ได้ค่ะ

"ทั้งที่ เราเคยบอกกับพ่อว่า
จะพูดแรงๆใส่คนในบ้าน...ต้องหัดคิดไว้ดีๆ
หิวก็เป็นคนในบ้านที่ทำให้เรากิน
ที่นอนก็เป็นคนในบ้านมาปูให้นอน
ผ้าก็เป็นคนในบ้านมาซักให้สะอาด
แล้วเหตุใดจึงดีกับคนนอกบ้าน มากกว่า "คนในบ้าน"

แล้วทำไมตอนนี้เราถึงทำมันเองละ อะไรที่เราไม่ชอบ คนอื่นก็ต้องไม่ชอบทำไมเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา
ทำไมเราคิดได้ แต่ทำไมทำไม่ได้ละ ทั้งที่เมื่อก่อนเราก็ทำได้
เพี้ยนลุยเราจึงตัดสินใจว่า อาจเป็นเพราะเราเก็บกดมานานไม่สามารถจะพูดเรื่องนี้กับใครได้เพราะ
เพราะหน้าตาของครอบครัวเราเองก็สำคัญ  เลยตัดสินใจจะไปพบจิตแพทย์แต่!!!!
พอไปถึง รพ.ปุบ แพทย์ที่ตรวจเป็นเพื่อนของพ่อเรา เอาละ ถอยดีกว่า เพราะเราคิดว่า
ถึงจะเป็นแพทย์ ต้องยึดถือจรรยาบรรณ แต่นั้นก็เป็นถึงเพื่อนพ่อเรา

ไปคลีนิคก็ได้  พอจะเข้าไป อืม,,, ลูกเพื่อนแม่เรา  ฮะๆ โลกคงจะเล่นตลกกับเรารึเปล่า

เรามาขอลงในพันทิปแทนค่ะ เผื่อมันจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ที่เราจะหายจากอาการเหล่านี้ได้บ้าง
ต้องขออภัยค่ะหากมันยาวมากๆ  เพราะเราอัดอั้นเก็บมันมานานจริงๆ แล้วเราไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้เรา

สุดท้ายนี้  เราควรจะทำอย่างไรดีค่ะ ถึงจะแก้ปัญหากับนิสัย หรือสภาพจิตใจที่เรากำลังเป็นอยู่ได้
เรากลัวว่า มันจะเป็นหนักกว่านี้ เพราะเรารู้สึกว่า มันยิ่ง แย่ลงเรื่อยๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
กลับมาแล้วนะคะ หลังจาก ที่หนี หาย ไปเที่ยวคนเดียวเกือบ 15 วัน หน้าหนาวนี้ แอบเที่ยวเชียงคาน ภูเรือ เชียงใหม่
เป็นการเที่ยวคนเดียวที่ มีเหงาบ้างนะคะ อาจเพราะไม่เคยไปไหนไกลๆแบบนี้คนเดียวเลย
แต่เป็นอะไรที่ สนุกจิงๆ ไปนอนเชียงคานค่ะ ที่โรงแรมแคปซูล เป็นห้องเล็กๆ ที่มีหลายๆตู้ ให้นอนรวมกัน

เลือกนอนแบบนี้เพราะ ไม่ชอบความเหงา ฮะๆ แต่สนุกดีค่ะ  ตอนนี้กลับมาบ้านแล้ว
อารมณ์ เย็นลง อาการความเครียดต่างๆ เหมือนจะเบาลง
แต่ยังไม่แน่ใจว่า จะเย็นลง เป็นปกติแบบนี้ได้ขนาดไหน เวลาพ่อมาคุย ยังมีอารมณ์หงุดหงิดอยู่บ้าง
แต่ก็ใจเย็นพอสมควร

เป้นเดือนที่เหลวไหลจริงๆ โทรศัพ ไม่สนใจ เดินๆเที่ยวๆๆ ถ่ายรูปใครไลน์มาก็ปล่อยไม่ดูอะไรเลย
วันที่ 31 ธค ก็ไปสวดมนต์ข้ามปี  ไปนั่งรอตั้งแต่ 2 ทุ่ม เป็นอะไรที่แปลกดีค่ะ ไม่มีความเบื่อ
เหมือนปล่อยใจตัวเองไปกับเวลาไปเรื่อยๆ ปีใหม่ปีนี้ก็พร้อมที่จะสู้ต่อไป เรียนรู้กับความเป็นตัวเอง
มากขึ้น เพื่อเตรียมตัวรับมือ กับ การจัดการนิสัยของเรา

+++++++++++++++++
ตรงนี้เป็นบันทึก ของเราเล็กนะคะ
เมื่อไหร่ที่เริ่มร้อน ให้มองสิ่งดีๆ ที่เราทำให้คนอื่นหัวเราะแล้วยิ้มได้
เมื่อไหร่ที่หายใจไม่ออก หรือหงุดหงิดสุดๆ  ให้ออกไปขับรถเล่นไกลๆ อย่าพยายามกดดันให้ตัวเองนั่งทนอยู่ตรงนั้นอีก มันคือสิ่งที่ผิด
เมื่อไหร่ที่ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่า หรือเริ่มทำนิสัยเสียมากไปแล้ว ให้ตัวเองเดินออกมาจากตรงนั้น ขับรถออกมา แล้วหาสวนสาธารณะพักผ่อน
เดินไปเรื่อยๆ ปล่อยใจๆไปไกลๆ ไม่ต้อง ไม่รั้งมันไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่