ชีวิตหลังแต่งงานไม่ง่ายอย่างที่คิด

ชีวิตหลังแต่งงานไม่ง่ายอย่างที่คิด
สำหรับใครหลายๆคนที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว อาจจะมีทั้งชีวิตที่ราบรื่นและไม่ราบรื่น แต่สำหรับเรามันคือการเรียนรู้ ฝึกฝน อดทน และต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้วอาจจะคิดว่า ทำไมล่ะเราแต่งงานแล้วไม่มีความสุขเลยเหรอ ป่าวค่ะ เราก็มีความสุขดีในเรื่องของชีวิตคู่ แต่สิ่งที่ทำให้เราหนักใจก็คือ สามีกับแม่สามีไม่ลงรอยกัน ซึ่งเรามันทำให้เราวางตัวไม่ถูก มันอึดอัดนะที่ต้องอยู่บ้านเดียวกัน แต่เราก็พยายามปรับตัวและอยู่ในบ้านหลังนั้นให้ได้เพราะเรายังไม่สามารถออกไปสร้างเนื้อสร้างตัวที่อื่นได้ เรื่องหนักใจต่อมาก็คือ เรื่องพ่อเรา เราเพิ่งทราบข่าวว่าพ่อเราป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายก่อนที่เราจะแต่งงานได้สักประมาณ 4-5 วัน แต่เราไม่สามารถไปเยี่ยมได้เพราะทางญาติฝ่ายพ่อห้ามไว้เนื่องจากกลัวพ่อเราจะหนีออกจากบ้านเพราะไม่อยากเจอหน้าเรากับแม่ (คือแม่เรากับพ่อเราแยกทางกันส่วนเราก็อยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็ก) เราเสียใจมากที่ไม่สามารถไปเยี่ยมพ่อได้ แต่ก็เข้าใจเพราะพ่อเราเป็นคนอินดี้ไม่เหมือนคนอื่น ท่านไม่ค่อยอยากให้ใครมาเยี่ยมหรือมาเห็นเวลาที่ท่านป่วยหนัก จนกระทั่งอีก 10 วันทางญาติฝ่ายติดต่อมาบอกให้เรากับแม่ไปเยี่ยมท่านได้ พอเราไปถึงก็ได้ทราบว่าพ่ออาการหนักมาก ไม่รู้สึกตัว คือไม่รับรู้อะไรแล้วน่ะค่ะ ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลด่วน พอไปถึงโรงพยาบาลอาการของก็ค่อยทรุดลงเรื่อยๆแล้วท่านก็จากไปอย่างสงบในตอนหัวค่ำ ความรู้สึกเราตอนนั้นคือชามาก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากสำหรับเรา ถ้าเราย้อนเวลากลับไปได้ เราอยากจะอยู่ดูแลท่าน คอยให้กำลังใจท่านและอยู่ข้างๆท่านจนลมหายใจสุดท้ายของท่านได้หมดลงไม่ใช่มาในวันสุดท้ายแบบนี้ เราอยากฝากถึงคนอ่านที่ยังมีพ่อหรือว่ามีแม่อยู่ ให้หมั่นอยู่ดูแลท่าน ทำตัวดีต่อท่าน คอยอยู่เคียงข้างท่านนะคะอย่าให้สายแบบเราเลยค่ะเรื่องถัดไปที่ทำให้เราหนักใจอีกเรื่องก็คือเรื่องรถ เราเองอายุ 28 ปีแล้วแต่ยังขี่รถไม่เป็นเลย เพราะไม่เคยได้หัด พอเราแต่งงานปุ๊บสามีก็สอนเราหัดขี่จักรยานทันทีแล้วพอเราขี่จักรยานได้ก็สอนเราหัดขี่รถมอเตอร์ไซด์ต่อเลย ซึ่งตอนนี้เราก็พอขี่ได้แล้วนะ และสามารถขี่ออกถนนใหญ่ได้แล้วด้วย แต่ก็ยังไม่แข็งดีเท่าไรคือแบบไม่กล้าเอาใครซ้อนกลัวรถล้มอ่ะค่ะ เราใช้เวลาในการหัดขี่รถทั้ง 2 นี้เกือบ 3 เดือน จนเราไปออกจองรถมอเตอร์ไซด์คันใหม่ซึ่งจะได้รถในเร็วๆนี้ แต่ว่าเมื่อเช้าสามีเราใช้ให้เราเอารถมอเตอร์ไซด์(คันที่เราใช้ฝึก)ออกไปจอดนอกบ้านเพราะว่ากำลังจะออกไปกินข้าวกัน แต่เราดันพลาดทำรถล้มตอนที่เราเข็นขึ้นเนินใหญ่ๆตรงรั้วบ้าน หลังจากนั้นเราก็รีบพยุงรถขึ้นแล้วเข็นมันออกไปได้ แต่ความรู้สึกเราตอนนั้นคือ เฟลมาก เซ็งตัวเองสุดๆ กับแค่การเข็นรถออกไปจอดนอกบ้านทำไมเราถึงทำไม่ได้ เรียวแรงเรามีไหนหมด แล้วอย่างนี้ยังจะมีหน้าไปออกรถคันใหม่อีกเหรอ เราเสียใจมาก สามีก็เซ็งกับเรา เรารู้สึกเหมือนเพิ่งเริ่มนับ 1 ใหม่เลย ถามว่าเหนื่อยไหมกับการหัดขี่รถทั้ง 2 เราก็เหนื่อยนะ เจ็บตัวด้วย และเจ็บใจตัวเองแบบสุดๆ แต่ยังไงเราก็จะต้องพยายามต่อไป และจะทำให้ดีกว่านี้ (ปลอบใจตัวเอง เฮ้อ..) ส่วนเรื่องหนักใจเรื่องสุดท้ายคือ เรื่องงานค่ะ เราจบปริญาตรีมาหลายปีแล้ว แต่เราก็ยังทำงานเป็นพนักงานขาย เงินเดือน 7000 บาทอยู่เลย (คือร้านนี้เป็นร้านที่เราทำงานมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย เราทำตั้งแต่เป็นพาร์ทไทม์จนฟูลไทม์มาถึงปัจจุบัน) เราอยากเปลี่ยนงานใหม่นะ อยากได้งานที่มันมั่นคง เงินเดือนดีๆ แต่พอเราขอลาออก บอสเราก็ขอให้เราอยู่กับเค้าก่อนอย้าเพิ่งรีบออก รอให้ได้งานใหม่ที่มันดีก่อนแล้วค่อยออก แล้วพอออกไปทำงานที่ใหม่บอสก็จะให้เรากลับมาทำงานที่เก่าอีกในรูปแบบพาร์ทไทม์ เพราะบอสเราไม่อยากจ้างใครใหม่เลยขอร้องเรา เราก็เลยหนักใจคิดไม่ออกว่าจะเอาไงดี แต่ในใจเราตอนนี้อยากเรียนผู้ช่วยพยาบาล 1 ปี เพราะเห็นอาชีพนี้หางานง่ายและดูมั่นคงดีค่ะ เราไม่รู้หรอกนะว่าทำงานอาชีพนี้เงินเดือนจะได้สักเท่าไรแต่เราอยากทำจัง ซึ่งตอนนี้ติดปัญหาคือค่าเทอมมันแพงจัง เราก็เลยคิดว่าคงหางานอื่นทำ บอกตรงๆตอนนี้ทุกอย่างมันสุมอยู่หัวเราหมด เราเพิ่งแต่งงานมาอีก 2 วันจะครบ 3 เดือน แต่เรากลับเจอแต่เรื่องหนักใจหลายๆเรื่องเราไม่รู้จะทำยังไงดี ได้แต่ภาวนาว่าสักวันมันคงดีขึ้นกว่านี้ ให้กำลังใจตัวเอง..  ขอบคุณทุกคนนะคะที่อดทนอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่