นี่เป็นการตั้งกระทู้แรกของหนูเลย หากมีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะคะ ขอความกรุณาท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยแนะนำ ชี้แสงสว่างให้กับผู้ไม่รู้เพื่อเป็นวิทยาทานด้วยนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า...มีที่ดินแปลงหนึ่งเป็นที่มรดก ภบท 5 โดยมีนาย A (ผู้พี่) และนาย B (ผู้น้อง) เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่โดยนาย A และ นาย B ต่างฝ่ายก็จ่ายค่าเสียภาษีดอกหญ้ากันมานานหลายปี (ทุกคนในหมู่บ้านรับทราบดีว่าที่ดิน 18 ไร่นั้นเป็นของนาย B)
อยู่มาวันหนึ่งนาย B ได้ไปทำงานขายพวงมาลัยในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันที่รัฐบาลประกาศนโยบายให้มีการสำรวจที่ดินทำกินเพื่อทำเป็น สปก4-01 ถ้าที่ไหนไม่มีผู้ทำกินก็ต้องตกเป็นที่ของรัฐ ขณะนั้นนาย A (ผู้พี่) เป็นห่วงว่าที่ดินของน้องชาย (นาย B) จะถูกยึด เลยเอาที่ดินในส่วนของ นาย B นั้นมารวมกับที่ดินของตนแล้วโอนไปให้ นางสาว (C) ที่เป็นลูกเลี้ยง เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ผู้ถือครองที่ดินได้ไม่เกิน 50 ไร่ แต่นาย A มีอยู่ 70 ไร่ เลยเอาที่ส่วนเกิน 20 ไร่ของตนมารวมกับน้องชาย (นาย B) ที่มี 18 ไร่ โอนให้ลูกเลี้ยงเนื่องจากกลัวเสียที่ดินดังกล่าวให้กับรัฐ โดยนาย A และลูกเลี้ยงสัญญาจะโอนกรรมสิทธิ์ให้คืนนาย B เมื่อนาย B กลับมาบ้าน โดยโอนให้ลูกเลี้ยงเมื่อ วันที่ 21 ก.ค. 46. และนาย A ก็ยังทำกินในที่ดินที่โอนให้ลูกเลี้ยงมาโดยตลอด ซึ่งลูกเลี้ยงก็ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายอะไรเนื่องจากเธอมาทำงานอยู่กรุงเทพ
ปัญหาเกิดขึ้นจนได้ เมื่อนาย B กลับจากทำงานกรุงเทพเพื่อมาบ้านเกิดและได้ขายที่ดิน 18 ไร่ ที่เป็นที่ดินในส่วนของเขาให้กับพี่สาวของข้าพเจ้า โดยทำหนังสือสัญญาการซื้อขายในวันที่ 19 ก.พ. 52 มีผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ทุกคนหลายคนเซ็นเป็นพยาน โดยมีการแบ่งจ่ายเป็นสองงวด ซึ่งงวดที่สองนาย B ได้เอาใบถือครองที่ดินคล้ายใบโฉนดมาให้พี่สาวหนูเก็บไว้ เพื่อความบริสุทธิ์ใจโดยบอกว่ากำลังดำเนินเรื่องให้ลูกเลี้ยงของ นาย A (พี่ชาย) โอนคืนกลับมาให้อยู่ และพี่สาวหนูก็ทำมาหากินบนที่ดินแปลงนั้นมาโดยตลอด มีการถากถางจากที่รกร้างมาเป็นที่ดินสวยงาม และจ่ายภาษีดอกหญ้ามาโดยตลอด
ปี 57 ลูกเลี้ยงของนาย A เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนาย A บุกรุกที่ดิน ซึ่งความจริงแล้วนาย A ก็ทำมาหากินในส่วนที่ดินตรงนั้นมาตลอด นางสาว (C) ต้องการขับไล่พ่อเลี้ยง (นาย A) ออกจากพื้นที่มีการฟ้องศาลกันเกิดขึ้น ฝ่ายนาย A ไม่มีเงินจ้างทนายมากทำให้ต้องเป็นฝ่ายยอมความไกล่เกลี่ย นางสาว (C) ที่มีเงินจ้างทนายดี ๆ
แต่เรื่องมันก็คือว่าทางนางสาว (C) มาบังคับให้พี่สาวของหนูเซ็นต์ว่าบุกรุกที่ดินเขาถึงบ้าน แต่พี่สาวหนูไม่ยอมเซ็นต์ให้ ทางนางสาว (C) พยายามข่มขู่คุกคามตลอดหลายช่องทาง เหตุที่นางสาว (C) ฟ้องร้องขับไล่นาย A (พ่อเลี้ยง) ออกจากที่ดิน เนื่องจากนางสาว (C) ได้ขายที่ดินนี้ให้กับผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่ง
พี่สาวหนูก็รำคาญ มันยืดยื้อ พี่หนูบอกว่ายินดีขายที่ให้คืนแต่ไม่ใช่ราคาเดิมที่ซื้อไว้เมื่อปี 52 (จริง ๆ แล้วราคาที่ดินแถวนั้นเพิ่มขึ้นเยอะมาก) แต่พี่หนูก็ไม่ได้เอาแพงเลย เกินราคาทุนที่ซื้อไว้ไม่กี่บาท เนื่องจากอยากจบ ๆ ไป พี่สาวหนูจบแค่ ป.6 เป็นคนขยัน ซื่อ ๆ ไม่ทันคน มุ่งมั่นทำมาหากิน ไม่เคยเบียดเบือนใคร พยายามสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยที่ดินที่มีอยู่ ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้คือทุกคนไม่ทำตามสัญญาที่ให้กันไว้ มันเลยเป็นเช่นนี้
หนูจะช่วยพี่สาวได้อย่างไร ขอท่านผู้รู้ ช่วยชี้แนะหน่อยคะ เรื่องอาจยาวมาก แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง จะลองสู้ดูคะเพราะเราคิดว่าเราไม่ผิด แต่ถ้าท่านผู้รู้ว่าเราผิดเราก็คงจะยอมถอย ยกที่ดิน 18 ไร่ที่หาเงินแทบตามเพื่อซื้อมาประกอบยังชีพนั้นให้กลับเขาไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้ากับคำแนะนำของทุกท่านคะ
หากแท็กห้องผิดโปรดอภัยให้ด้วยนะคะ ครั้งแรกเลยจริง ๆ คะ
เมื่อซื้อที่ดินแล้วคนขายไม่สามารถยกกรรมสิทธิ์เป็นชื่อเราได้...เราสามารถทำอะไรได้บ้างคะ
อยู่มาวันหนึ่งนาย B ได้ไปทำงานขายพวงมาลัยในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันที่รัฐบาลประกาศนโยบายให้มีการสำรวจที่ดินทำกินเพื่อทำเป็น สปก4-01 ถ้าที่ไหนไม่มีผู้ทำกินก็ต้องตกเป็นที่ของรัฐ ขณะนั้นนาย A (ผู้พี่) เป็นห่วงว่าที่ดินของน้องชาย (นาย B) จะถูกยึด เลยเอาที่ดินในส่วนของ นาย B นั้นมารวมกับที่ดินของตนแล้วโอนไปให้ นางสาว (C) ที่เป็นลูกเลี้ยง เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ผู้ถือครองที่ดินได้ไม่เกิน 50 ไร่ แต่นาย A มีอยู่ 70 ไร่ เลยเอาที่ส่วนเกิน 20 ไร่ของตนมารวมกับน้องชาย (นาย B) ที่มี 18 ไร่ โอนให้ลูกเลี้ยงเนื่องจากกลัวเสียที่ดินดังกล่าวให้กับรัฐ โดยนาย A และลูกเลี้ยงสัญญาจะโอนกรรมสิทธิ์ให้คืนนาย B เมื่อนาย B กลับมาบ้าน โดยโอนให้ลูกเลี้ยงเมื่อ วันที่ 21 ก.ค. 46. และนาย A ก็ยังทำกินในที่ดินที่โอนให้ลูกเลี้ยงมาโดยตลอด ซึ่งลูกเลี้ยงก็ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายอะไรเนื่องจากเธอมาทำงานอยู่กรุงเทพ
ปัญหาเกิดขึ้นจนได้ เมื่อนาย B กลับจากทำงานกรุงเทพเพื่อมาบ้านเกิดและได้ขายที่ดิน 18 ไร่ ที่เป็นที่ดินในส่วนของเขาให้กับพี่สาวของข้าพเจ้า โดยทำหนังสือสัญญาการซื้อขายในวันที่ 19 ก.พ. 52 มีผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ทุกคนหลายคนเซ็นเป็นพยาน โดยมีการแบ่งจ่ายเป็นสองงวด ซึ่งงวดที่สองนาย B ได้เอาใบถือครองที่ดินคล้ายใบโฉนดมาให้พี่สาวหนูเก็บไว้ เพื่อความบริสุทธิ์ใจโดยบอกว่ากำลังดำเนินเรื่องให้ลูกเลี้ยงของ นาย A (พี่ชาย) โอนคืนกลับมาให้อยู่ และพี่สาวหนูก็ทำมาหากินบนที่ดินแปลงนั้นมาโดยตลอด มีการถากถางจากที่รกร้างมาเป็นที่ดินสวยงาม และจ่ายภาษีดอกหญ้ามาโดยตลอด
ปี 57 ลูกเลี้ยงของนาย A เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนาย A บุกรุกที่ดิน ซึ่งความจริงแล้วนาย A ก็ทำมาหากินในส่วนที่ดินตรงนั้นมาตลอด นางสาว (C) ต้องการขับไล่พ่อเลี้ยง (นาย A) ออกจากพื้นที่มีการฟ้องศาลกันเกิดขึ้น ฝ่ายนาย A ไม่มีเงินจ้างทนายมากทำให้ต้องเป็นฝ่ายยอมความไกล่เกลี่ย นางสาว (C) ที่มีเงินจ้างทนายดี ๆ
แต่เรื่องมันก็คือว่าทางนางสาว (C) มาบังคับให้พี่สาวของหนูเซ็นต์ว่าบุกรุกที่ดินเขาถึงบ้าน แต่พี่สาวหนูไม่ยอมเซ็นต์ให้ ทางนางสาว (C) พยายามข่มขู่คุกคามตลอดหลายช่องทาง เหตุที่นางสาว (C) ฟ้องร้องขับไล่นาย A (พ่อเลี้ยง) ออกจากที่ดิน เนื่องจากนางสาว (C) ได้ขายที่ดินนี้ให้กับผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่ง
พี่สาวหนูก็รำคาญ มันยืดยื้อ พี่หนูบอกว่ายินดีขายที่ให้คืนแต่ไม่ใช่ราคาเดิมที่ซื้อไว้เมื่อปี 52 (จริง ๆ แล้วราคาที่ดินแถวนั้นเพิ่มขึ้นเยอะมาก) แต่พี่หนูก็ไม่ได้เอาแพงเลย เกินราคาทุนที่ซื้อไว้ไม่กี่บาท เนื่องจากอยากจบ ๆ ไป พี่สาวหนูจบแค่ ป.6 เป็นคนขยัน ซื่อ ๆ ไม่ทันคน มุ่งมั่นทำมาหากิน ไม่เคยเบียดเบือนใคร พยายามสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยที่ดินที่มีอยู่ ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้คือทุกคนไม่ทำตามสัญญาที่ให้กันไว้ มันเลยเป็นเช่นนี้
หนูจะช่วยพี่สาวได้อย่างไร ขอท่านผู้รู้ ช่วยชี้แนะหน่อยคะ เรื่องอาจยาวมาก แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง จะลองสู้ดูคะเพราะเราคิดว่าเราไม่ผิด แต่ถ้าท่านผู้รู้ว่าเราผิดเราก็คงจะยอมถอย ยกที่ดิน 18 ไร่ที่หาเงินแทบตามเพื่อซื้อมาประกอบยังชีพนั้นให้กลับเขาไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้ากับคำแนะนำของทุกท่านคะ
หากแท็กห้องผิดโปรดอภัยให้ด้วยนะคะ ครั้งแรกเลยจริง ๆ คะ