สวัสดีค่ะ เพื่อนๆพี่ๆชาวพันทิปทุกคน วันนี้เราจะขอแชร์ประสบการความประทับใจที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟัง
วันนี้ตอนเย็นเรากับแม่ขับมอไซต์เข้าไปซื้อของในตัวเมืองในจังหวัดภูเก็ต คือต้องบอกก่อนว่าบ้านเรากับตัวเมืองอยู่ไกลมากห่างกันประมาณ 20 กม. แล้วขากลับเราก็เลือกทางถนนสายบายพาส ซึ่งมันเป็นถนนที่ใหญ่มากและเปลี่ยวมากเช่นกัน
ตอนแรกก็ไม่มีอะไรก็ขับมาปกติ พอตอนที่จะขึ้นเนินแล้วแม่เราจะเปลี่ยนเกียร์เท่าแหละ ดับจ้า
แม่เราก็ “เห้ย ลิงลงก่อนๆ” (มันเป็นชื่อที่เรียกเราเฉพาะในครอบครัว) แม่เราก็จอดข้างทาง สตาร์ทรถหลายๆทีก็ยังไม่ติด
เราก็ “แม่รถเป็นอะไร” อยากจะเล่นมุกไดเกียวแต่เล่นไม่ลงจริงๆ แม่เราก็บอกว่า น่าจะเป็นที่หัวเทียนแน่ๆ
เพราะว่ารถคันนี้มันเคยเป็นแบบนี้มันที่หนึ่งแล้วตอนสงกานต์แต่ตอนนั้นเป็นที่บ้านก็ไม่เป็นไร แต่นี่เป็นที่บายพาส สองข้างทางมันเปลี่ยว มันเป็นป่าข้างๆ
อันนี้เป็นรูปประกอบคะรถเราจะอยู่ตรงข้างซ้าย ตอนนั้นมันตอนกลางคืนด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เลยไปอีกนิดก็เป็นบ้านร้างบนเขา ทางเราก็ผู้หญิงทั้งคู่เลยไม่รู้จะทำยังไงรู้สึกตู้วหู้ววเลย อยากหาคนช่วยในระหว่างนั้นแม่ก็ให้เราโทรหาพ่อโดยที่แม่ก็ดูรถไป แต่กว่าพ่อจะมาอีกเพราะบ้านเราก็ไกลยิ่งตอนนี้เป็นช่วงหัวค่ำวันเสาร์ด้วย รถติดแน่ๆฝั่งขาเข้าเมือง
นี่ก็เริ่มซีเรียสแบล็คคะ ให้ตายเถอะโรบิ้นกะหล่ำปลี แม่เราก็มองหารถที่ผ่านไปมา
คันแรกเหมือนจะชะงักให้เราใจชื่นเล่นๆ ก็หันมามองและขับผ่านไป คันสองคันสามผ่านไป
ในใจเรากลัวมากลางคืนด้วยถ้าไม่มีใครมาช่วยเราตายแน่ๆ เรานี่แบบคนรอมันท้อจนกระทั่ง
คันนี้ขับผ่านมาแม่เราก็เรียกเป็นวัยรุ่นสองคนแต่พอขับมาใกล้ๆ หน้าพี่เค้าน่ากลัวมากกกกกกกคืออยู่แบบผิวคล้ำ เจาะหูมากันสองคน
แม่เราก็กลัวแต่เราก็ดันกวักมืออีก - -* ตอนนั้นพ่อโทรมาพอดีแม่เราก็รับแต่หันมาบอกเราว่าไม่ต้องเรียกน่ากลัว
เราเห็นพี่เค้าชะงักนิดหนึ่งก่อนจะถามว่า “รถเป็นอะไรหรอครับ?” เราก็บอกไปว่าน่าจะเป็นที่หัวเทียน บลาๆๆเราก็พูดไป
พี่เค้าก็ลงมาดูแล้วคุยกับพี่อีกคน แม่เราในตอนนั้นน่าจะหายกลัวแล้ว 55555555555555 ก็บอกว่าช่วยหน่อยนะน้องนะ พี่เค้าก็ช่วยโดยใช้วิธีการถีบรถไป แม่เราก็ถามว่าจะไปไหน พี่เค้าก็ตอบว่าจะไปพังงาครับ แม่เราเลยให้พี่เค้าช่วยไปส่งหน้าหมู่บ้านเพราะมันจะมีร้านซ่อมรถอยู่เป็นทางผ่านพอดี
เราก็นั่งรถกับพี่อีกคนตัวเล็กๆ ระหว่างนั่งนี่ก็ดูรูหูพี่เค้าไป (ดูโรคจิตอะ)พี่คนนี้ดูระมัดระวังในการโดนตัวเรามาก(หรือรังเกียจก็ไม่รู้ 55555555555) เพราะเสื้อนอกพี่เค้าที่เป็นซิปจะชอบมาโดนหมวกกันน็อคที่เราถือ ส่วนแม่ก็นั่งกับอีกคนที่ตัวสูงๆ ตอนนั้นเราก็เกรงใจเพราะระหว่างทางไกลมากกกกกกกกกกกก (นี่ไปกลับทุกวันยังปวดตูดอยู่เลย) ตอนหลังก็มานั่งคันเดียวกับแม่ พี่คนที่สูงเป็นคนที่ถีบรถจะบอกคนน้องเสมอว่าให้ระวังรถ แวะตรงนี้ ระวังซ้ายระวังนู่นนี่เสมอ (อีกนิดเดียวเกือบจะจิ้นละ คิคิ) พอมาถึงร้านซ่อมรถหน้าหมู่บ้านแม่เราก็ให้สินน้ำใจไปเล็กๆน้อยๆแม่เราบอก พี่ก็ไม่รู้จะให้อะไร (แหนะแอ๊บพี่อีก) แต่ตามสเต็ปเดิมพี่แกไม่เอา แม่ก็ตื้อจนพี่แกรับ เราก็ขอบคุณไหว้อย่างสตรีไทย
หลังจากที่กลับมาบ้านแม่เราก็เอาแต่พูดว่า เนี่ยถ้าเราไม่ให้สองคนนั้นช่วยปานนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง สองคนนั้นดีจริงๆ คุยดีด้วยนะ สุภาพมากและอีกสาระพัดที่หามาชม (แหนะ ตอนแรกยังว่าน่ากลัวอยู่เลยนะคุณนายย)
ครั้งนี้มันถือเป็นประสบการณ์ที่สอนให้เราร็ว่าอย่ามองคนแต่ภายในเพราะภายในเค้าอาจจะมีดีกว่าที่คุณคิด
เราเลยอยากจะแชร์ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน ในสังคมเราเดี๋ยวก็หาคนดีมีน้ำใจแบบได้น้อย ยังไงก็ระมัดระวังเช็คสภาพรถด้วยนะคะ ส่วนอีแก่ของเรา พ่อเราบอกขายเป็นเศษเหล็กเลยคะ จะซื้อใหม่แล้ว สงสารอีแก่แต่ไม่ไหวคะครั้งต่อไปอาจจะไม่เจอแบบนี้อีกก็ได้
ขอบคุณที่มาฟังเรานะ

(กระทู้แรกเริ่มที่มาเล่าอะไรแบบนี้เว้นวรรคผิด หรืออ่านแล้วปวดหัวก็ขอโทษด้วยคะ -/\-)
อย่ามองคนที่ภายนอก
วันนี้ตอนเย็นเรากับแม่ขับมอไซต์เข้าไปซื้อของในตัวเมืองในจังหวัดภูเก็ต คือต้องบอกก่อนว่าบ้านเรากับตัวเมืองอยู่ไกลมากห่างกันประมาณ 20 กม. แล้วขากลับเราก็เลือกทางถนนสายบายพาส ซึ่งมันเป็นถนนที่ใหญ่มากและเปลี่ยวมากเช่นกัน
ตอนแรกก็ไม่มีอะไรก็ขับมาปกติ พอตอนที่จะขึ้นเนินแล้วแม่เราจะเปลี่ยนเกียร์เท่าแหละ ดับจ้า
แม่เราก็ “เห้ย ลิงลงก่อนๆ” (มันเป็นชื่อที่เรียกเราเฉพาะในครอบครัว) แม่เราก็จอดข้างทาง สตาร์ทรถหลายๆทีก็ยังไม่ติด
เราก็ “แม่รถเป็นอะไร” อยากจะเล่นมุกไดเกียวแต่เล่นไม่ลงจริงๆ แม่เราก็บอกว่า น่าจะเป็นที่หัวเทียนแน่ๆ
เพราะว่ารถคันนี้มันเคยเป็นแบบนี้มันที่หนึ่งแล้วตอนสงกานต์แต่ตอนนั้นเป็นที่บ้านก็ไม่เป็นไร แต่นี่เป็นที่บายพาส สองข้างทางมันเปลี่ยว มันเป็นป่าข้างๆ
อันนี้เป็นรูปประกอบคะรถเราจะอยู่ตรงข้างซ้าย ตอนนั้นมันตอนกลางคืนด้วย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เลยไปอีกนิดก็เป็นบ้านร้างบนเขา ทางเราก็ผู้หญิงทั้งคู่เลยไม่รู้จะทำยังไงรู้สึกตู้วหู้ววเลย อยากหาคนช่วยในระหว่างนั้นแม่ก็ให้เราโทรหาพ่อโดยที่แม่ก็ดูรถไป แต่กว่าพ่อจะมาอีกเพราะบ้านเราก็ไกลยิ่งตอนนี้เป็นช่วงหัวค่ำวันเสาร์ด้วย รถติดแน่ๆฝั่งขาเข้าเมือง
นี่ก็เริ่มซีเรียสแบล็คคะ ให้ตายเถอะโรบิ้นกะหล่ำปลี แม่เราก็มองหารถที่ผ่านไปมา
คันแรกเหมือนจะชะงักให้เราใจชื่นเล่นๆ ก็หันมามองและขับผ่านไป คันสองคันสามผ่านไป
ในใจเรากลัวมากลางคืนด้วยถ้าไม่มีใครมาช่วยเราตายแน่ๆ เรานี่แบบคนรอมันท้อจนกระทั่ง
คันนี้ขับผ่านมาแม่เราก็เรียกเป็นวัยรุ่นสองคนแต่พอขับมาใกล้ๆ หน้าพี่เค้าน่ากลัวมากกกกกกกคืออยู่แบบผิวคล้ำ เจาะหูมากันสองคน
แม่เราก็กลัวแต่เราก็ดันกวักมืออีก - -* ตอนนั้นพ่อโทรมาพอดีแม่เราก็รับแต่หันมาบอกเราว่าไม่ต้องเรียกน่ากลัว
เราเห็นพี่เค้าชะงักนิดหนึ่งก่อนจะถามว่า “รถเป็นอะไรหรอครับ?” เราก็บอกไปว่าน่าจะเป็นที่หัวเทียน บลาๆๆเราก็พูดไป
พี่เค้าก็ลงมาดูแล้วคุยกับพี่อีกคน แม่เราในตอนนั้นน่าจะหายกลัวแล้ว 55555555555555 ก็บอกว่าช่วยหน่อยนะน้องนะ พี่เค้าก็ช่วยโดยใช้วิธีการถีบรถไป แม่เราก็ถามว่าจะไปไหน พี่เค้าก็ตอบว่าจะไปพังงาครับ แม่เราเลยให้พี่เค้าช่วยไปส่งหน้าหมู่บ้านเพราะมันจะมีร้านซ่อมรถอยู่เป็นทางผ่านพอดี
เราก็นั่งรถกับพี่อีกคนตัวเล็กๆ ระหว่างนั่งนี่ก็ดูรูหูพี่เค้าไป (ดูโรคจิตอะ)พี่คนนี้ดูระมัดระวังในการโดนตัวเรามาก(หรือรังเกียจก็ไม่รู้ 55555555555) เพราะเสื้อนอกพี่เค้าที่เป็นซิปจะชอบมาโดนหมวกกันน็อคที่เราถือ ส่วนแม่ก็นั่งกับอีกคนที่ตัวสูงๆ ตอนนั้นเราก็เกรงใจเพราะระหว่างทางไกลมากกกกกกกกกกกก (นี่ไปกลับทุกวันยังปวดตูดอยู่เลย) ตอนหลังก็มานั่งคันเดียวกับแม่ พี่คนที่สูงเป็นคนที่ถีบรถจะบอกคนน้องเสมอว่าให้ระวังรถ แวะตรงนี้ ระวังซ้ายระวังนู่นนี่เสมอ (อีกนิดเดียวเกือบจะจิ้นละ คิคิ) พอมาถึงร้านซ่อมรถหน้าหมู่บ้านแม่เราก็ให้สินน้ำใจไปเล็กๆน้อยๆแม่เราบอก พี่ก็ไม่รู้จะให้อะไร (แหนะแอ๊บพี่อีก) แต่ตามสเต็ปเดิมพี่แกไม่เอา แม่ก็ตื้อจนพี่แกรับ เราก็ขอบคุณไหว้อย่างสตรีไทย
หลังจากที่กลับมาบ้านแม่เราก็เอาแต่พูดว่า เนี่ยถ้าเราไม่ให้สองคนนั้นช่วยปานนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง สองคนนั้นดีจริงๆ คุยดีด้วยนะ สุภาพมากและอีกสาระพัดที่หามาชม (แหนะ ตอนแรกยังว่าน่ากลัวอยู่เลยนะคุณนายย)
ครั้งนี้มันถือเป็นประสบการณ์ที่สอนให้เราร็ว่าอย่ามองคนแต่ภายในเพราะภายในเค้าอาจจะมีดีกว่าที่คุณคิด
เราเลยอยากจะแชร์ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน ในสังคมเราเดี๋ยวก็หาคนดีมีน้ำใจแบบได้น้อย ยังไงก็ระมัดระวังเช็คสภาพรถด้วยนะคะ ส่วนอีแก่ของเรา พ่อเราบอกขายเป็นเศษเหล็กเลยคะ จะซื้อใหม่แล้ว สงสารอีแก่แต่ไม่ไหวคะครั้งต่อไปอาจจะไม่เจอแบบนี้อีกก็ได้
ขอบคุณที่มาฟังเรานะ
(กระทู้แรกเริ่มที่มาเล่าอะไรแบบนี้เว้นวรรคผิด หรืออ่านแล้วปวดหัวก็ขอโทษด้วยคะ -/\-)