ศีลของมรรค

ศีล แปลว่า ปกติ คือหมายถึงจิตที่ปกติ ซึ่งการที่จิตจะปกติได้จะต้องมีการกระทำที่ถูกต้องของการกระทำของร่างกายและวาจา คือเมื่อเรามีการกระทำทางกายและวาจาที่ถูกต้องอยู่เสมอ จิตของเราก็จะมีความปกติได้ ซึ่งการกระทำที่ถูกต้องนั้นก็ได้แก่

ทางกาย ได้แก่ การมีเจตนา ที่จะไม่เบียดเบียนชีวิต, และทรัพย์สิน, รวมทั้งกามารมณ์ของผู้อื่น
ทางวาจา ได้แก่ การมีเจตนาที่จะไม่พูดโกหก, คำหยาบ, เสียดสี, และเพ้อเจ้อ

การตั้งใจ (เจตนา) ล่วงละเมิดชีวิตและทรัพย์สอนของผู้อื่น รวมทั้งการพูดโกหก คำหยาบ เสียดสี และเพ้อเจ้อนั้น เป็นการกระทำด้วยกิเลสหยาบๆ (ยินดี ยินร้าย ลังเล) ที่ทำให้จิตใจดิ้นรน เร่าร้อน ไม่ปกติ ไม่มีความสงบ และยังนำปัญหาที่จะนำความเดือดร้อนมาให้ในภายหลังอีก ซึ่งนี่ก็คือการที่มีจิตไม่ปกติ เมื่อจิตไม่ปกติก็จะทำให้จิตไม่สงบ ซึ่งจิตที่ไม่สงบนั้นก็จะไม่มีสมาธิหรือฝึกให้มีสมาธิไม่ได้

แต่ถ้าเราตั้งใจที่จะไม่ล่วงละเมิดชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น รวมทั้งตั้งใจที่จะไม่พูดโกหก คำหยาบ เสียดสี และเพ้อเจ้อ ก็เท่ากับเป็นการเอาชนะกิเลสหยาบๆนี้ได้ เมื่อจิตไม่มีกิเลสหยาบๆ มันก็จะไม่เร่าร้อน ไม่ดิ้นรน แต่จะมีความสงบ ปกติ และไม่มีปัญหาและความเดือดร้อนตามมากวนใจในภายหลังได้ ซึ่งนี่ก็จิตที่มีศีลหรือความปกติ ที่ทำให้จิตมีสมาธิหรือฝึกให้มีสมาธิได้ง่าย

ศีลของมรรคนี้มีไม่มาก แม้ผู้ที่ครองเรือนที่ยังมีคู่ครองที่ยังมีเรื่องกามามรมณ์อยู่ ก็ยังปฏิบัติได้ เพียงแค่ปฏิบัติให้ถูกต้องเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ใช้สังเกตว่าเรามีศีลของมรรคแล้วหรือยังก็ให้ดูว่าจิตของเรามีความปกติแล้วหรือยัง ถ้ามีแล้วก็แสดงว่าเรามีศีลของอริยมรรคแล้ว ส่วนศีลของพระภิกษุที่มีมากนั้นสาเหตุก็เพราะเพื่อที่จะได้มีจิตที่ปกติมากกว่าผู้ที่ไม่ได้บวช อันจะมีผลทำให้จิตมีสมาธิมาก เมื่อจิตมีสมาธิมากแล้วก็จะทำให้มีปัญญามาก แล้วก็ทำให้อริยมรรคมีพลังมาก แล้วก็ทำให้จิตมีนิพพานได้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้บวช

ดังนั้นผู้ที่จะปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ (นิพพาน) ได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเป็นคนดีในขั้นขึ้นฐานนี้ก่อน ถ้าเป็นคนชั่วจะพ้นทุกข์ไม่ได้เพราะไม่มีฐานรองรับ แต่การที่จะปฏิบัติศีลของมรรคนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ก็ต้องมีการละเว้นอบายมุข สิ่งเสพติด และสิ่งฟุ่มเฟือยทั้งหลายก่อน จึงจะมีศีลของมรรคนี้ได้สมบูรณ์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นอุปสรรคทำให้ปฏิบัติศีลของมรรคไม่ได้ คือสรุปว่าเราต้องใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่มีสิ่งเกินหรือฟุ่มเฟือย และไม่ทำความผิดหรือชั่วทางกายและวาจา เท่านี้เราก็มีศีลตามหลักของมรรคของอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้าแล้วอย่างถูกต้อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่