ถ้าจะเอ่ยถึงภูทับเบิก สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของจังหวัดเพชรบูรณ์ คาดว่าหลายๆ คน คงรู้จักและเคยไปสัมผัสถึงอากาศหนาวพร้อมกับชมความงามของทะเลหมอก และไร่กะหล่ำปลีสุดลูกหูลูกตา (ซึ่งตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยรีสอร์ทไปเรียบร้อยโรงเรียนทับเบิกแล้ว) มาบ้างแล้ว จขกท. ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่หลงใหลในมนต์สเน่ห์ของทะเลหมอกของภูทับเบิก ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากรุงเทพฯ มากนัก จึงทำให้ได้มีโอกาสมาสัมผัสความหนาวของที่นี่อยู่บ่อยครั้งในระยะหลายปีที่ผ่านมา
แต่ภายใต้ความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างภูทับเบิก ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละนับล้านคน อำเภอหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ยังมีมุมเล็กๆ ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากภูทับเบิกมากนัก เด็กๆ ณ ที่นั้น ไม่มีโอกาสได้ชื่นชมแสงสี ความทันสมัย หรือความศิวิไลซ์ใดๆ พวกเขาแทบไม่รู้จักคอมพิวเตอร์ ไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ หมู่บ้านของพวกเขาแทบจะเรียกได้ว่าปิดตายจากโลกภายนอก แม้ระยะทางจะอยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอเท่าใดนัก แต่ด้วยเส้นทางที่ทุรกันดารและต้องขึ้นเขาสูงชันตลอด ทำให้โลกของพวกเขาถูกผิดกั้นด้วยอุปสรรคทางธรรมชาติ
โดยปกติจขกท. กับเพื่อน จะจัดงานวันเกิดกันในกทม. แต่ปีที่แล้วโชคดีได้จัดทริปนอกสถานที่ สัญจรไปที่หนองคาย - วังเวียง สปป.ลาว โดยจัดธีมนุ่งซิ่นแบบแม่หญิงลาว ซึ่งเคยแชร์ความประทับใจไว้ในพันทิปแล้วครั้งหนึ่ง
http://pantip.com/topic/32879729 ปีนี้มีโอกาสพิเศษจัดงานวันเกิดร่วมกัน 3 คน ซึ่งมีวันเกิดใกล้กัน เลยเกิดไอเดียสัญจรไปนอกสถานที่เช่นเคย แต่ครั้งนี้เราจะไม่จัดงานเลี้ยงวันเกิด และไม่รับของขวัญจากเพื่อนๆ แต่ขอรับบริจาคเงินหรือสิ่งของเพื่อนำไปบริจาคให้กับน้องๆ ผู้ด้อยโอกาสที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งตอนแรกยังไม่รู้ว่าจะไปบริจาคที่ไหนดี จึงให้เพื่อนที่เป็นปลัดอำเภอหล่มเก่าช่วยหาข้อมูลให้ เพื่อนจึงไปสำรวจพื้นที่อยู่หลายหมู่บ้าน และมาลงตัวที่
โรงเรียนบ้านห้วยอีจีน สาขาห้วยโป่งน้ำ
ตอนที่เพื่อนแจ้งมา พวกเราก็คิดว่าคงลำบากในระดับหนึ่ง แต่คงไม่มากเท่าไหร่ จึงยังไม่รู้ว่าจะต้องไปเจออะไรบ้าง เมื่อพวกเราประชาสัมพันธ์การรับบริจาคออกไป ก็มีกัลยาณมิตรจากหลายฝ่าย ช่วยบริจาคทั้งเงินและสิ่งของเข้ามาอย่างมากมาย เกินความคาดหมาย จากตอนแรกที่คิดว่าจะเป็นทริปเล็กๆ กลายเป็นงานช้าง พวกเรานำเงินที่ได้รับบริจาคไปซื้อของที่จำเป็นซึ่งคุณครูแจ้งความประสงค์มา ได้แก่ รองเท้ากีฬา จำนวน 41 คู่ เสื้อกันหนาว 60 ตัว อุปกรณ์การเรียน ขนม นอกจากนั้นยังมีส่วนที่ผู้ใจบุญบริจาคมา ได้แก่ ถุงเท้า ตุ๊กตา เสื้อกันหนาว กระเป๋า เรียกได้ว่า อัดแน่นเต็มเอี๊ยดบนรถตู้ จนพวกเราแทบไม่มีที่นั่งกันเลย
ทริปนี้เริ่มต้นในวันเสาร์ที่ 7 พ.ย. 58 นัดหมายกันในเวลา 06.00 น. โดยรถตู้จะมารับที่นางเลิ้ง แต่เรากับน้องอีก 2 คน ตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อไปซื้อเสื้อกันหนาวให้น้องๆ ที่โบ๊เบ๊ เมื่อได้ทราบราคาขายส่งเสื้อกันหนาวถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ !!! เพราะเสื้อผ้าที่นี่ราคาถูกมากๆ เรียกได้ว่า เงิน 1000 บาทในกระเป๋าคุณ สามารถซื้อเสื้อกันหนาวให้กับเด็กๆ ได้ถึง 6 - 7 ตัวทีเดียว
เมื่อทุกคนมาพร้อมแล้ว ก็ขนข้าวของขึ้นรถ และออกเดินทางในเวลา 06.30 น. โดยทริปนี้เรามากันในธีม "B Boy" คือ ทุกคนต้องแต่งตัวแนวแมนๆ โดยบังคับให้ต้องมีสายเอี๊ยม หูกระต่าย กางเกงขาสั้น และหมวก สภาพจึงออกมาอย่างที่เห็น
โดยปกติการเดินทางไป จ.เพชรบูรณ์ ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง พวกเรานัดหมายโรงเรียนไว้ในเวลา 13.00 น. ซึ่งเราก็เผื่อเวลาการเดินทางไว้ประมาณ 7 ชั่วโมง เผื่อแวะทานข้าว เติมน้ำมัน เข้าห้องน้ำ แต่งานนี้ไม่เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ เนื่องจากถนนจากสระบุรี - อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี มีการทำถนนตลอดเส้น ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างล่าช้า เมื่อมาถึงตัวเมืองเพชรบูรณ์ก็มีฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก กว่าจะไปถึง อ.หล่มเก่าก็ปาเข้าไปเกือบบ่าย 2 จากนั้น การเดินทางอันสุดหฤโหดจึงเกิดขึ้น และพวกเรารู้ได้ทันทีว่า สภาพที่พวกเราคิดไว้นั้น เทียบไม่ถึงเศษเสี้ยวของสภาพความเป็นจริงเลย เมื่อพ้นเขตถนนลาดยางของอำเภอ เข้าสู่ถนน คสล. และตามมาด้วยถนนลูกรังที่พึ่งผ่านการชะล้างของสายฝนที่กระหน่ำพวกเราเมื่อสักครู่ สภาพจึงออกมาประมาณนี้ค่ะ
แม้จะหิวไส้แทบขาด แต่เมื่อเจอถนนสภาพนี้ ทุกคนก็ลืมความหิวไปซะหมดสิ้น เพราะมัวแต่ลุ้นว่ารถตู้ที่บรรทุกพวกเรามา (น้ำหนักรวมกว่า 1 ตัน) และของบริจาค จะพาเราขึ้นเขาไหวมั้ย แม้ระยะทางสั้นๆ เพียง 10 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชั่วโมง เพราะขับได้ไม่ถึง 20 กม./ชม.
แต่ในที่สุด พวกเราก็ช่วยกันลุ้นจนรถตู้พาพวกเรามาถึง
โรงเรียนบ้านห้วยอีจีน สาขาห้วยโป่งน้ำ จนได้ ในสภาพทุลักทุเล และเวลาปาเข้าไปเกือบบ่าย 3 โมง เมื่อเห็นหน้าเด็กๆ คุณครู และผู้ปกครองที่มารอรับ พวกเราก็รู้สึกผิดมากๆ เพราะไม่ได้เช็คข้อมูลการเดินทางให้รอบคอบเสียก่อน ก็เลยได้แต่ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ หลังจากนั้นเราก็ขนของลงมาจัดเตรียมแบ่งปันให้น้องๆ ข้าวของกับทีมงานที่มากันก็ประมาณนี้ค่ะ คณะจากกทม. 8 คน และพี่ๆ เพื่อนๆ ที่เพชรบูรณ์ อีก 3 ชีวิต
ทางโรงเรียนเตรียมการแสดงไว้ต้อนรับพวกเรา 3 ชุด คือ รำภูไท รำสู่ขวัญ และรำอวยพรอ่อนหวาน เด็กๆ น่ารักมากค่ะ บอกว่าแต่งตัวมารอรับพวกเราแต่เช้า ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก T T
จากนั้นพวกเราได้มอบเงินส่วนที่เหลือจากการซื้อข้าวของให้น้องๆ มอบให้คุณครูชุมพร ครูเพียงคนเดียวที่เสียสละอยู่ดูแลน้องๆ ที่นี่ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนการสอนของคุณครู พวกเราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจและชื่นชมในความเสียสละของคุณครูค่ะ
แล้วก็ถึงเวลาแห่งความสุข สนุกสนาน รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของเด็กๆ และผู้ปกครอง พวกเราได้มอบของที่นำมาแบ่งปันให้น้องๆ บางส่วน (เสื้อกันหนาว ขนม อุปกรณ์การเรียนบางอย่าง พร้อมเงินค่าขนม) ส่วนที่เหลือมอบให้คุณครูเป็นคนจัดการ เนื่องจากเวลาใกล้จะค่ำเต็มที และฝนทำท่าจะตกลงมาอีก
นอกจากนั้นยังมีการเล่นเกมส์ชิงรางวัลกับน้องๆ ซึ่งน้องๆ ให้ความร่วมมือดีมาก ไม่ยอมลุกหนีไปไหนเลย ไม่รู้สนุกหรือกลัวเปียกฝน 55555
งานนี้มีเซอร์ไพรส์วันเกิดเล็กๆ ให้กับเราและเพื่อนอีก 2 คน ที่มีวันเกิดใกล้เคียงกันอีกด้วย นับเป็นวันเกิดที่มีความสุข ความประทับใจ อิ่มบุญ อิ่มอกอิ่มใจมากๆ อีกปีหนึ่ง โดยเฉพาะรอยยิ้มของเด็กๆ และผู้ปกครองที่นี่ ทำให้พวกเราไม่อยากลากลับไปเลย
แต่ก็ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกราค่ะ พวกเราลาคุณครู เด็กๆ และผู้ปกครองกลับ ในเวลาประมาณ 17.30 น. ก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปหมู่แห่งความประทับใจไว้เป็นที่ระลึก แล้วพี่จะกลับไปอีกครั้งนะ เด็กๆ
พวกเราเดินทางไปพักที่สถานีเกษตรที่สูง อ.เข้าค้อ อากาศ ณ วันนั้นยังไม่หนาวเท่าไหร่ วันต่อมาพวกเราก็ตื่นแต่เช้าเพื่อไปชมทะเลหมอก แต่อากาศไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่นัก หมอกที่เห็นจึงฟรุ้งฟริ้งแบบในรูปนี่แหละค่ะ
และเนื่องจากพวกเราได้เตรียมสิ่งของและเงินมาแบ่งปันให้น้องๆ ที่เขาค้ออีกบางส่วน จึงได้แวะนำไปบริจาคให้กับศูนย์เด็กเล็กบ้านกนกงาม หลังโรงพยาบาลเขาค้อ เด็กๆที่นี่เป็นชาวเขาเผ่าม้ง หน้าตาน่ารักน่าชังมากๆ อิ่มบุญ อิ่มอกอิ่มใจกันอีกวันค่ะ
เสร็จจากชมวิวก็กลับมาอาบน้ำ เก็บกระเป๋า เตรียมตัวกลับ กทม. ขากลับแวะซื้อของฝากกันอีกบานตะไท เรียกได้ว่า ไม่น้อยหน้าขามากันเลยทีเดียว จากนั้นแวะไปทานข้าวที่ร้านกลิ่นข้าวไร่ อาหารรสชาติไม่ค่อยโดนใจ เลยสั่งกันแต่พอประมาณ เราเลยพาเพื่อนไปชิมพิซซ่าเตาถ่านร้านขึ้นชื่อ ที่อ.หล่มสัก "Cup Mellow" ร้านตั้งอยู่กลางทุ่งนาเขียวขจีที่กำลังออกรวงอย่างสวยงาม และไม่รู้ว่ารสชาติอาหารที่นี่ถูกปากพวกเราหรือเพราะเราหิวโซมาจากไหน ถึงได้ซัดพิซซ่าไปถึง 2 ถาด ขนมปังกระเทียม 2 ที่ ยังไม่นับสลัด ผักโขมอบชีส และกาแฟ ที่ทุกคนพร้อมใจกันสั่งเหมือนยังไม่ได้กินอะไรมา บรรยากาศที่ร้านแจ่มสุดๆ พวกเราเลยจัดมุมถ่ายรูปกันแบบรัวๆ เรียกได้ว่า เมมโมรี่แทบจะเต็มกันเลย
เสร็จสิ้นภารกิจจากการกินถล่มทลายที่ร้าน Cup Mellow พวกเราก็อำลาถิ่นมะขามหวาาน เมืองเพชรบูรณ์ ออกเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง เพื่อทำหน้าที่ตามบทบาทที่ได้รับกันต่อไป แต่จะไม่ลืมทริปแห่งความประทับใจ ร้อยยิ้ม อิ่มบุญ ที่เพชรบูรณ์อย่างแน่นอน ถ้าเพื่อนๆ ท่านใดสนใจจะช่วยเหลือน้องๆ ในถิ่นทุรกันดาร ให้เขาได้รับโอกาสที่ดีขึ้น ก็ไปกันได้นะคะ ที่
โรงเรียนบ้านห้วยอีจีน สาขาห้วยโป่งน้ำ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ แล้วท่านจะรู้ว่า เงินเพียงเล็กน้อยของท่าน มีคุณค่ากับเด็กอีกกลุ่มนึงอย่างมากมายค่ะ ทริปนี้ก็ขอจบความประทับใจไว้เพียงเท่านี้นะคะ แล้วพบกันใหม่ในทริปดีๆ ครั้งต่อไปค่ะ
ก่อนจากกันในทริปนี้ อย่าลืมนะคะ "หนาวนี้....ที่เพชรบูรณ์"
แล้วคุณจะรู้ว่า เพชรบูรณ์ไม่ได้มีดีแค่มะขามหวาน เขาค้อ หรือภูทับเบิก
ก า ล ค รั้ ง ห นึ่ ง กับทริปแบ่งปันน้ำใจ อิ่มใจ ได้บุญ ที่หล่มเก่า - เขาค้อ
แต่ภายใต้ความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างภูทับเบิก ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละนับล้านคน อำเภอหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ยังมีมุมเล็กๆ ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากภูทับเบิกมากนัก เด็กๆ ณ ที่นั้น ไม่มีโอกาสได้ชื่นชมแสงสี ความทันสมัย หรือความศิวิไลซ์ใดๆ พวกเขาแทบไม่รู้จักคอมพิวเตอร์ ไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ หมู่บ้านของพวกเขาแทบจะเรียกได้ว่าปิดตายจากโลกภายนอก แม้ระยะทางจะอยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอเท่าใดนัก แต่ด้วยเส้นทางที่ทุรกันดารและต้องขึ้นเขาสูงชันตลอด ทำให้โลกของพวกเขาถูกผิดกั้นด้วยอุปสรรคทางธรรมชาติ
โดยปกติจขกท. กับเพื่อน จะจัดงานวันเกิดกันในกทม. แต่ปีที่แล้วโชคดีได้จัดทริปนอกสถานที่ สัญจรไปที่หนองคาย - วังเวียง สปป.ลาว โดยจัดธีมนุ่งซิ่นแบบแม่หญิงลาว ซึ่งเคยแชร์ความประทับใจไว้ในพันทิปแล้วครั้งหนึ่ง http://pantip.com/topic/32879729 ปีนี้มีโอกาสพิเศษจัดงานวันเกิดร่วมกัน 3 คน ซึ่งมีวันเกิดใกล้กัน เลยเกิดไอเดียสัญจรไปนอกสถานที่เช่นเคย แต่ครั้งนี้เราจะไม่จัดงานเลี้ยงวันเกิด และไม่รับของขวัญจากเพื่อนๆ แต่ขอรับบริจาคเงินหรือสิ่งของเพื่อนำไปบริจาคให้กับน้องๆ ผู้ด้อยโอกาสที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งตอนแรกยังไม่รู้ว่าจะไปบริจาคที่ไหนดี จึงให้เพื่อนที่เป็นปลัดอำเภอหล่มเก่าช่วยหาข้อมูลให้ เพื่อนจึงไปสำรวจพื้นที่อยู่หลายหมู่บ้าน และมาลงตัวที่ โรงเรียนบ้านห้วยอีจีน สาขาห้วยโป่งน้ำ
ตอนที่เพื่อนแจ้งมา พวกเราก็คิดว่าคงลำบากในระดับหนึ่ง แต่คงไม่มากเท่าไหร่ จึงยังไม่รู้ว่าจะต้องไปเจออะไรบ้าง เมื่อพวกเราประชาสัมพันธ์การรับบริจาคออกไป ก็มีกัลยาณมิตรจากหลายฝ่าย ช่วยบริจาคทั้งเงินและสิ่งของเข้ามาอย่างมากมาย เกินความคาดหมาย จากตอนแรกที่คิดว่าจะเป็นทริปเล็กๆ กลายเป็นงานช้าง พวกเรานำเงินที่ได้รับบริจาคไปซื้อของที่จำเป็นซึ่งคุณครูแจ้งความประสงค์มา ได้แก่ รองเท้ากีฬา จำนวน 41 คู่ เสื้อกันหนาว 60 ตัว อุปกรณ์การเรียน ขนม นอกจากนั้นยังมีส่วนที่ผู้ใจบุญบริจาคมา ได้แก่ ถุงเท้า ตุ๊กตา เสื้อกันหนาว กระเป๋า เรียกได้ว่า อัดแน่นเต็มเอี๊ยดบนรถตู้ จนพวกเราแทบไม่มีที่นั่งกันเลย
ทริปนี้เริ่มต้นในวันเสาร์ที่ 7 พ.ย. 58 นัดหมายกันในเวลา 06.00 น. โดยรถตู้จะมารับที่นางเลิ้ง แต่เรากับน้องอีก 2 คน ตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อไปซื้อเสื้อกันหนาวให้น้องๆ ที่โบ๊เบ๊ เมื่อได้ทราบราคาขายส่งเสื้อกันหนาวถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ !!! เพราะเสื้อผ้าที่นี่ราคาถูกมากๆ เรียกได้ว่า เงิน 1000 บาทในกระเป๋าคุณ สามารถซื้อเสื้อกันหนาวให้กับเด็กๆ ได้ถึง 6 - 7 ตัวทีเดียว
เมื่อทุกคนมาพร้อมแล้ว ก็ขนข้าวของขึ้นรถ และออกเดินทางในเวลา 06.30 น. โดยทริปนี้เรามากันในธีม "B Boy" คือ ทุกคนต้องแต่งตัวแนวแมนๆ โดยบังคับให้ต้องมีสายเอี๊ยม หูกระต่าย กางเกงขาสั้น และหมวก สภาพจึงออกมาอย่างที่เห็น
โดยปกติการเดินทางไป จ.เพชรบูรณ์ ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง พวกเรานัดหมายโรงเรียนไว้ในเวลา 13.00 น. ซึ่งเราก็เผื่อเวลาการเดินทางไว้ประมาณ 7 ชั่วโมง เผื่อแวะทานข้าว เติมน้ำมัน เข้าห้องน้ำ แต่งานนี้ไม่เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ เนื่องจากถนนจากสระบุรี - อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี มีการทำถนนตลอดเส้น ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างล่าช้า เมื่อมาถึงตัวเมืองเพชรบูรณ์ก็มีฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก กว่าจะไปถึง อ.หล่มเก่าก็ปาเข้าไปเกือบบ่าย 2 จากนั้น การเดินทางอันสุดหฤโหดจึงเกิดขึ้น และพวกเรารู้ได้ทันทีว่า สภาพที่พวกเราคิดไว้นั้น เทียบไม่ถึงเศษเสี้ยวของสภาพความเป็นจริงเลย เมื่อพ้นเขตถนนลาดยางของอำเภอ เข้าสู่ถนน คสล. และตามมาด้วยถนนลูกรังที่พึ่งผ่านการชะล้างของสายฝนที่กระหน่ำพวกเราเมื่อสักครู่ สภาพจึงออกมาประมาณนี้ค่ะ
แม้จะหิวไส้แทบขาด แต่เมื่อเจอถนนสภาพนี้ ทุกคนก็ลืมความหิวไปซะหมดสิ้น เพราะมัวแต่ลุ้นว่ารถตู้ที่บรรทุกพวกเรามา (น้ำหนักรวมกว่า 1 ตัน) และของบริจาค จะพาเราขึ้นเขาไหวมั้ย แม้ระยะทางสั้นๆ เพียง 10 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชั่วโมง เพราะขับได้ไม่ถึง 20 กม./ชม.
แต่ในที่สุด พวกเราก็ช่วยกันลุ้นจนรถตู้พาพวกเรามาถึง โรงเรียนบ้านห้วยอีจีน สาขาห้วยโป่งน้ำ จนได้ ในสภาพทุลักทุเล และเวลาปาเข้าไปเกือบบ่าย 3 โมง เมื่อเห็นหน้าเด็กๆ คุณครู และผู้ปกครองที่มารอรับ พวกเราก็รู้สึกผิดมากๆ เพราะไม่ได้เช็คข้อมูลการเดินทางให้รอบคอบเสียก่อน ก็เลยได้แต่ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ หลังจากนั้นเราก็ขนของลงมาจัดเตรียมแบ่งปันให้น้องๆ ข้าวของกับทีมงานที่มากันก็ประมาณนี้ค่ะ คณะจากกทม. 8 คน และพี่ๆ เพื่อนๆ ที่เพชรบูรณ์ อีก 3 ชีวิต
ทางโรงเรียนเตรียมการแสดงไว้ต้อนรับพวกเรา 3 ชุด คือ รำภูไท รำสู่ขวัญ และรำอวยพรอ่อนหวาน เด็กๆ น่ารักมากค่ะ บอกว่าแต่งตัวมารอรับพวกเราแต่เช้า ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก T T
จากนั้นพวกเราได้มอบเงินส่วนที่เหลือจากการซื้อข้าวของให้น้องๆ มอบให้คุณครูชุมพร ครูเพียงคนเดียวที่เสียสละอยู่ดูแลน้องๆ ที่นี่ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนการสอนของคุณครู พวกเราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจและชื่นชมในความเสียสละของคุณครูค่ะ
แล้วก็ถึงเวลาแห่งความสุข สนุกสนาน รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของเด็กๆ และผู้ปกครอง พวกเราได้มอบของที่นำมาแบ่งปันให้น้องๆ บางส่วน (เสื้อกันหนาว ขนม อุปกรณ์การเรียนบางอย่าง พร้อมเงินค่าขนม) ส่วนที่เหลือมอบให้คุณครูเป็นคนจัดการ เนื่องจากเวลาใกล้จะค่ำเต็มที และฝนทำท่าจะตกลงมาอีก
นอกจากนั้นยังมีการเล่นเกมส์ชิงรางวัลกับน้องๆ ซึ่งน้องๆ ให้ความร่วมมือดีมาก ไม่ยอมลุกหนีไปไหนเลย ไม่รู้สนุกหรือกลัวเปียกฝน 55555
งานนี้มีเซอร์ไพรส์วันเกิดเล็กๆ ให้กับเราและเพื่อนอีก 2 คน ที่มีวันเกิดใกล้เคียงกันอีกด้วย นับเป็นวันเกิดที่มีความสุข ความประทับใจ อิ่มบุญ อิ่มอกอิ่มใจมากๆ อีกปีหนึ่ง โดยเฉพาะรอยยิ้มของเด็กๆ และผู้ปกครองที่นี่ ทำให้พวกเราไม่อยากลากลับไปเลย
แต่ก็ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกราค่ะ พวกเราลาคุณครู เด็กๆ และผู้ปกครองกลับ ในเวลาประมาณ 17.30 น. ก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปหมู่แห่งความประทับใจไว้เป็นที่ระลึก แล้วพี่จะกลับไปอีกครั้งนะ เด็กๆ
พวกเราเดินทางไปพักที่สถานีเกษตรที่สูง อ.เข้าค้อ อากาศ ณ วันนั้นยังไม่หนาวเท่าไหร่ วันต่อมาพวกเราก็ตื่นแต่เช้าเพื่อไปชมทะเลหมอก แต่อากาศไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่นัก หมอกที่เห็นจึงฟรุ้งฟริ้งแบบในรูปนี่แหละค่ะ
และเนื่องจากพวกเราได้เตรียมสิ่งของและเงินมาแบ่งปันให้น้องๆ ที่เขาค้ออีกบางส่วน จึงได้แวะนำไปบริจาคให้กับศูนย์เด็กเล็กบ้านกนกงาม หลังโรงพยาบาลเขาค้อ เด็กๆที่นี่เป็นชาวเขาเผ่าม้ง หน้าตาน่ารักน่าชังมากๆ อิ่มบุญ อิ่มอกอิ่มใจกันอีกวันค่ะ
เสร็จจากชมวิวก็กลับมาอาบน้ำ เก็บกระเป๋า เตรียมตัวกลับ กทม. ขากลับแวะซื้อของฝากกันอีกบานตะไท เรียกได้ว่า ไม่น้อยหน้าขามากันเลยทีเดียว จากนั้นแวะไปทานข้าวที่ร้านกลิ่นข้าวไร่ อาหารรสชาติไม่ค่อยโดนใจ เลยสั่งกันแต่พอประมาณ เราเลยพาเพื่อนไปชิมพิซซ่าเตาถ่านร้านขึ้นชื่อ ที่อ.หล่มสัก "Cup Mellow" ร้านตั้งอยู่กลางทุ่งนาเขียวขจีที่กำลังออกรวงอย่างสวยงาม และไม่รู้ว่ารสชาติอาหารที่นี่ถูกปากพวกเราหรือเพราะเราหิวโซมาจากไหน ถึงได้ซัดพิซซ่าไปถึง 2 ถาด ขนมปังกระเทียม 2 ที่ ยังไม่นับสลัด ผักโขมอบชีส และกาแฟ ที่ทุกคนพร้อมใจกันสั่งเหมือนยังไม่ได้กินอะไรมา บรรยากาศที่ร้านแจ่มสุดๆ พวกเราเลยจัดมุมถ่ายรูปกันแบบรัวๆ เรียกได้ว่า เมมโมรี่แทบจะเต็มกันเลย
เสร็จสิ้นภารกิจจากการกินถล่มทลายที่ร้าน Cup Mellow พวกเราก็อำลาถิ่นมะขามหวาาน เมืองเพชรบูรณ์ ออกเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง เพื่อทำหน้าที่ตามบทบาทที่ได้รับกันต่อไป แต่จะไม่ลืมทริปแห่งความประทับใจ ร้อยยิ้ม อิ่มบุญ ที่เพชรบูรณ์อย่างแน่นอน ถ้าเพื่อนๆ ท่านใดสนใจจะช่วยเหลือน้องๆ ในถิ่นทุรกันดาร ให้เขาได้รับโอกาสที่ดีขึ้น ก็ไปกันได้นะคะ ที่ โรงเรียนบ้านห้วยอีจีน สาขาห้วยโป่งน้ำ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ แล้วท่านจะรู้ว่า เงินเพียงเล็กน้อยของท่าน มีคุณค่ากับเด็กอีกกลุ่มนึงอย่างมากมายค่ะ ทริปนี้ก็ขอจบความประทับใจไว้เพียงเท่านี้นะคะ แล้วพบกันใหม่ในทริปดีๆ ครั้งต่อไปค่ะ
แล้วคุณจะรู้ว่า เพชรบูรณ์ไม่ได้มีดีแค่มะขามหวาน เขาค้อ หรือภูทับเบิก