สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผมเลย ผมตั้งใจสมัครเข้ามา เพื่อถามคำถามนี้เลยครับ จึงขอคำปรึกษาจากพี่น้องชาวพันทิปซักหน่อยครับ
ขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผมไม่เคยมีความรู้ด้านจิตวิทยามาก่อน รู้จักโรคทางจิตน้อยมาก เพราะฉะนั้นหากถามคำถามที่ดูโง่ออกไปผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
----ข้ามไปอ่านท้ายกระทู้ได้นะครับ เดี๋ยวสรุปง่ายอีกทีสำหรับคนขี้เกียจอ่าน-----
ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงครับ เขาเป็นคนที่ผมไว้ใจ แล้วก็คบหากันมานานถึง 5 ปี(ช่วงมัธยม) รู้จักกันตั้งแต่มัธยมครับ แต่แล้ววันนึงก็มีเรื่องราวเกิดขึ้น
นิสัยของเพื่อนผมนับว่าดีเลยทีเดียวครับ
จากนี้ไปผมจะขอแทนตัวเพื่อนของผมว่า น้ำ(ผู้หญิงนะครับ)
โดยลักษณะนิสัยแล้ว น้ำเป็นคนดีครับ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รับฟังความคิดเห็นของคนอื่นตลอดเวลา ผมกับน้ำ สนิทกันมากๆ เพราะผมเป็นคนที่คิดมาก วิตกกังวล น้ำจะคอยพูดให้ผมผ่อนคลายขึ้นเสมอครับ
จนเรียนจบทั้งมัธยมและมหาวิทยาลัย(เรียนคนละที่ครับ) เราสองคนยังคงเป็นเพื่อนกัน แล้วก็ติดต่อกันทางเฟสบุ๊คตลอดเวลาครับ น้ำบอกผมว่าเขาทำงานเป็นวิศวะกรอยู่ที่เบอลิน ซึ่งผมก็แปลกใจนิดหน่อย เพราะปกติน้ำดูไม่ค่อยสนใจด้านนี้ น้ำจะชอบอะไรสวยๆงามๆ ผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับว่าวิศวะกรส่วนมากเขาแต่งตัวกันมั้ย หรือยังไง ถ้าผมเข้าใจผิดต้องขออภัยด้วยครับ
ผมกับน้ำอายุเราเท่ากัน เรียนจบมาได้ 5 ปี ผมก็เรียนต่อปริญญาโทครับ เรียน1 ปีครึ่งก็จบ ผมก็เลยข้อความไปบอกกับน้ำว่า ผมเรียนจบป.โทแล้วนะอยากให้มางานรับ มาถ่ายรูปกัน เพราะตอนจบป.ตรีน้ำไม่ได้มางานผมเพราะบอกว่าอยู่ต่างประเทศ เขาตอบผมกลับมาว่าเขาก็เพิ่งจบด็อกเตอร์เหมือนกัน
อันนี้ผมสงสัยมากๆว่าเขาเอาเวลาไหนไปเรียน เพราะเท่าที่ผมทราบคือเขาบอกว่าจบมาเขาก็ทำงานส่งเงินเลี้ยงพ่อแม่เลย(ไม่เคยพูดเรื่องเรียนโทแม้แต่คำเดียวจริงๆ) แต่ผมยังไม่ได้เอะใจอะไรมาก เพราะคิดว่าระหว่างนั้นเขาคงทำงานไปเรียนไปก็เป็นไปได้เหมือนกัน
แต่เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเมื่อวันนึงอาทิตย์ที่แล้วนี่เองครับ ผมไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งก็ไปกับทัวร์ มีไกด์คนไทยนี่แหละครับ แต่โลกมันกลมมากกกกก มากกกก จนน่าเหลือเชื่อ ผมเองยังตกใจ คือไกด์คนนั้นใช้นามสกุลเดียวกันน้ำครับ ผมเลยถามออกไปเลยว่ามีญาติชื่อน้ำมั้ย ผมมีเพื่อนใช้นามสกุลนี้เหมือนกันเลย (ตอนนั้นเผื่อใจว่าอาจจะแค่นามสกุลโหล ไม่ได้คิดว่าเป็นญาติกันจริงๆครับ ถามไปเผื่อๆเฉยๆ) ปรากฏว่า ไกด์คนนั้นก็บอกเลยครับว่า น้ำนี่น้าตาแบบนี้ๆๆ เสียงเล็กๆแบบนี้ ใช่มั้ย (ซึ่งจากล่าสุดที่เจอกันนานแล้วถึงเธอเปลี่ยนไปบ้างแต่ก็มีส่วนครับ )ผมก็บอกไปว่าเรียนที่นี่ๆ ก็คอนเฟิร์มครับ
พี่คนนี้คือพี่สาวแท้ๆของน้ำเลยครับ
ผมก็เลยถามไปตามมารยาทว่าน้ำสบายดีมั้ย แล้วคิดยังไงไปเป็นวิศวะกร (อันนี้อยากรู้จริงๆ) พี่สาวเขาก็ งง แล้วบอกผมว่า วิศวะอะไร งง ผมก็เลยบอกไปว่าเนี่ย วันก่อนผมคุยกับน้ำ เขาบอกเขาเป็นวิศวะกร พี่สาวเขาก็ขำ แล้วถามผมว่า แล้วน้ำบอกมั้ยล่ะว่าทำที่ไหนยังไง ผมก็เออว่ะ... ไอ้เราก็ไม่เคยถามเลย รู้แต่เบอลิน พอผมตอบว่า เออผมก็ไม่เคยถามเลย ตกลงทำที่ไหน แล้วเป็นยังไง
พี่เขาบอกว่าผมว่าให้ไปถามน้ำเองจะดีกว่า เขาไม่อยากพูดอะไร มาถึงตรงนี้ผมบอกเลยว่ความสงสัยนี้พรั่งพรูมากกกก ทำไมพี่เขาถึงตอบกำกวมอะไรขนาดนี้ หลังจากนั้นทั้งวันผมไล่ถามพี่เขาทั้งวันเลยครับด้วยความสงสัย อยากรู้มาก ตลอดทริป พอถึงช่วงแยกย้ายถ่ายรูปผมจะมาหาพี่เขาแล้วก็ถามไปเรื่อยๆครับ
ตอนแรกพี่เขาก็ไม่อยากพูดกับผมหรอก แต่เขาก็หันมาถามผมครับว่า ผมรู้อะไรเกี่ยวกับน้ำบ้าง ผมก็เลยตอบไปตามที่ผมรู้ครับว่า
น้ำบ้านเป็นร้านขายของ(ที่ผมเองก็ไม่เคยไปหรอกนะครับ คือเคยอยากไปละเขาบอกว่าไม่สะดวก จะมีข้ออ้างตลอด) พ่อเป็นทนายเก่า ส่วนแม่เป็นพยาบาล น้ำมีพี่น้อง 5 คน ตัวเองเป็นคนเล็กสุด น้ำเรียนจบวิศวะไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยที่เบอลิน แล้วก็จบป.เอกด้านวิศวะเคมี(อันนี้ผมไม่รู้ข้อมูลนะเขาบอกผมมาแบบนี้อะครับ)จากมหาลัยที่สวีเดน ตอนนี้ทำงานเป็นวิศวะเคมีในแลปของโรงพยาบาลที่เบอลิน (นี่ก็ไม่รู้ข้อมูลเหมือนกันครับ)
และสิ่งที่พี่สาวเขาบอกกับผมคือ ฟังพี่นะ..
น้ำ ที่บ้านมีพี่น้องแค่พี่สาวคนเดียวรวมน้ำก็เป็น2 คน ที่บ้านพ่อเป็นคนงาน ส่วนแม่เป็นคนขายกับข้าว ที่บ้านไม่ได้เป็นร้าน แต่แม่มีแผงลอย น้ำไม่ได้เรียนมหาลัย เพราะว่าสอบเข้าไม่ได้ เอกชนก็ไม่มีเงินเรียน ตอนนี้มีสามีแล้วเป็นฝรั่ง แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่เบอลิน แต่ไม่รู้หรอกนะ ว่าเขาทำงานรึเปล่า เพราะเขาก็บอกพี่ว่าจบด็อกเตอร์แล้วเหมือนกัน
ผมกับก็อึ้งไปเลยครับ แล้วถามพี่เขาไปตรงๆว่าน้ำโกหกผมรึเปล่า? หรืออะไร พี่เขาบอกว่าผม น้ำเป็นเด็กขี้โกหกตั้งแต่เด็กๆ แต่ที่บ้านจน พ่อแม่เลยเห็นใจปล่อยให้โกหก เพราะเห็นอยากได้อยากมีแค่ในมโนก็ยังดี (มีแบบนี้ด้วยเหรอ...)
ผมก็คุยกับพี่สาวของเขาอยู่หลายวัน พี่เขาบอกไม่ต้องเชื่อพี่ก็ได้ แต่ถ้าอยากรู้ไปที่บ้านสิ ผมก็เลยแลกเบอร์กับพี่เขาเรียบร้อย กลับมาเมืองไทยได้สองสามวันก็โทรไปหาพี่เขาครับ พี่เขาอยู่บ้านพอดี ก็นัดแนะกันไป
โอเค ผมไปที่บ้านน้ำ ไม่ได้เป็นร้านจริงๆ พ่อแม่ก็เป็นอย่างที่พี่บอกจริงๆ บ้านหลังเล็ก แต่พ่อแม่ของน้ำใจดีกับผมมากๆ ผมก็รู้สึกอุ่นใจครับ ผมก็เล่าเรื่องของผมกับน้ำให้พ่อกับแม่น้ำฟังทุกอย่าง แม่ของน้ำถึงกับร้องไห้ แล้วบอกผมว่า อย่าเกลียดน้ำมันเลยนะ เพราะพ่อแม่จน ไม่มีให้เขา เขาเป็นคนขี้อิจฉา เขาอยากได้เขาเลยทำแบบนั้น
ถามว่าผมโกรธมั้ยผมก็ไม่โกรธหรอกครับ ผมเห็นใจน้ำ แต่ว่าผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น น้ำบล็อกเฟส บล็อกไลน์ แล้วหนีหายไปผมไปแล้วรับ ผมคิดว่าน้ำคงจะรู้แล้วว่าผมรู้ เลยหนี
พอผมปรึกษาพี่สาวเขา พี่เขาก็บอกว่า จริงๆแล้วน้ำเป็นคนขี้อิจฉา โมโหร้าย แล้วไม่ยอมรับความจริงสุดๆ ที่ผมเห็นว่าน้ำเป็นคนดี ใจดี มันคือเรื่องที่น้ำโกหกขึ้นมาเพื่อให้ผมรู้สึกชอบเขา และที่น้ำโกหกผมแบบนั้น เพราะส่วนนึงคือผมเป็นคนที่ฐานะทางบ้านค่อนข้างดี เรียกว่าโชคดีครับ น้ำเลยต้องโกหกเพื่อไม่ให้ตัวเองดูต่ำต้อยไปมากกว่าผม
แต่ปัญหาคือ เขาไม่ได้ทำแบบนี้กับผมเดียว ผมทราบมาว่า เขาไปโกหกคนไว้เยอะมาก ตอนนี้ในเฟสบุ๊คของเขามีคนติดตาม เพราะน้ำเป็นคนสวยครับ ทุกคนมองภาพของน้ำเป็นสาวสวย ที่เรียนเก่ง เรียนดี มีงานดีๆทำ มีสามีที่ดี
แต่มันยังไม่พีคมากครับ มันมาพีคคือ.. เมื่อวานครับ เมื่อวาน น้ำโทรไปหาพี่สาวของเขา แล้วบอกว่าให้เลิกคุยกับผม เพราะผมเป็นคนที่พยายามจะข่มขืนเธอตอนม.ปลายครับ -*- แต่พี่สาวเขาเล่าให้ผมฟัง พร้อมบอกว่า เนี่ยแหละ คือธาตุแท้ของน้องสาวเขา (พี่เขาบัญทึกเสียงการสนทนามาด้วย) เขาบอกว่ารู้ละว่ามันจะเป็นแบบนี้ ตอนน้ำโทรมา เลยบอกว่าแป๊บนึงแล้วทำการเรคคอร์ดไว้ด้วยโทรศัพท์อีกเรื่อง เปิดลำโพงคุย ผมไม่ใช่คนแรกที่โดน ทุกคนที่รู้ความลับของน้ำจะโดนหมด เธอจะใส่ร้าย จะเหวี่ยง จะวีน เหมือนกับคนละคนที่ผมเคยรู้จัก
และสรุป ผมเป็นคนที่ไม่รู้จักน้ำเลย!! เพราะเขาโกหกทุกอย่าง ชีวิต ประวัติ โกหกแม้กระทั้งเรื่องๆเล็กๆ โกหกจนต้องถามเลยว่าอันไหนบ้างที่พูดจริงจะง่ายกว่า
--- สรุปสั้นๆนะครับ ----
เพื่อนผมคนนี้ น้ำ เป็นขี้โกหก โกหกทุกอย่าง โม้ให้ตัวเองดูดี และพอถูกรู้ความจริง จะใส่ร้ายคนนั้น ทำให้คนๆนั้นโดนเกลียดด้วยการโกหก โกหกทั้งชื่อชีวิต การเรียน การงาน ทุกอย่าง
อันนี้ผมยอมรับว่าโกรธ แต่ขอไม่พรรณาอะไรมาก เข้าใจความรู้สึกนะครับ จุดๆนี้ผมมีความสงสัยอยู่ เดี๋ยวแบ่งเป็นข้อๆนะครับ
-คนที่โกหกตอลดเวลา คือมันโกหกเยอะมาก ที่เล่านี่แค่ตัวอย่าง มันมีอีกเยอะ เขาป่วยรึเปล่าครับ ถ้าใช่ เป็นโรคอะไร รักษาได้มั้ย?
-ผมโดนเขาเกลียดแล้วสินะครับแบบนี้ ผมควรจะทำยังไงดีครับ ส่วนตัวผมยังอยากช่วยเหลือเขาอยู่
ปล.แก้ไขคำผิดนะครับ
คนที่โกหกตลอดเวลา เขาป่วยรึเปล่าครับ?
ขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผมไม่เคยมีความรู้ด้านจิตวิทยามาก่อน รู้จักโรคทางจิตน้อยมาก เพราะฉะนั้นหากถามคำถามที่ดูโง่ออกไปผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
----ข้ามไปอ่านท้ายกระทู้ได้นะครับ เดี๋ยวสรุปง่ายอีกทีสำหรับคนขี้เกียจอ่าน-----
ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงครับ เขาเป็นคนที่ผมไว้ใจ แล้วก็คบหากันมานานถึง 5 ปี(ช่วงมัธยม) รู้จักกันตั้งแต่มัธยมครับ แต่แล้ววันนึงก็มีเรื่องราวเกิดขึ้น
นิสัยของเพื่อนผมนับว่าดีเลยทีเดียวครับ
จากนี้ไปผมจะขอแทนตัวเพื่อนของผมว่า น้ำ(ผู้หญิงนะครับ)
โดยลักษณะนิสัยแล้ว น้ำเป็นคนดีครับ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รับฟังความคิดเห็นของคนอื่นตลอดเวลา ผมกับน้ำ สนิทกันมากๆ เพราะผมเป็นคนที่คิดมาก วิตกกังวล น้ำจะคอยพูดให้ผมผ่อนคลายขึ้นเสมอครับ
จนเรียนจบทั้งมัธยมและมหาวิทยาลัย(เรียนคนละที่ครับ) เราสองคนยังคงเป็นเพื่อนกัน แล้วก็ติดต่อกันทางเฟสบุ๊คตลอดเวลาครับ น้ำบอกผมว่าเขาทำงานเป็นวิศวะกรอยู่ที่เบอลิน ซึ่งผมก็แปลกใจนิดหน่อย เพราะปกติน้ำดูไม่ค่อยสนใจด้านนี้ น้ำจะชอบอะไรสวยๆงามๆ ผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับว่าวิศวะกรส่วนมากเขาแต่งตัวกันมั้ย หรือยังไง ถ้าผมเข้าใจผิดต้องขออภัยด้วยครับ
ผมกับน้ำอายุเราเท่ากัน เรียนจบมาได้ 5 ปี ผมก็เรียนต่อปริญญาโทครับ เรียน1 ปีครึ่งก็จบ ผมก็เลยข้อความไปบอกกับน้ำว่า ผมเรียนจบป.โทแล้วนะอยากให้มางานรับ มาถ่ายรูปกัน เพราะตอนจบป.ตรีน้ำไม่ได้มางานผมเพราะบอกว่าอยู่ต่างประเทศ เขาตอบผมกลับมาว่าเขาก็เพิ่งจบด็อกเตอร์เหมือนกัน
อันนี้ผมสงสัยมากๆว่าเขาเอาเวลาไหนไปเรียน เพราะเท่าที่ผมทราบคือเขาบอกว่าจบมาเขาก็ทำงานส่งเงินเลี้ยงพ่อแม่เลย(ไม่เคยพูดเรื่องเรียนโทแม้แต่คำเดียวจริงๆ) แต่ผมยังไม่ได้เอะใจอะไรมาก เพราะคิดว่าระหว่างนั้นเขาคงทำงานไปเรียนไปก็เป็นไปได้เหมือนกัน
แต่เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเมื่อวันนึงอาทิตย์ที่แล้วนี่เองครับ ผมไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งก็ไปกับทัวร์ มีไกด์คนไทยนี่แหละครับ แต่โลกมันกลมมากกกกก มากกกก จนน่าเหลือเชื่อ ผมเองยังตกใจ คือไกด์คนนั้นใช้นามสกุลเดียวกันน้ำครับ ผมเลยถามออกไปเลยว่ามีญาติชื่อน้ำมั้ย ผมมีเพื่อนใช้นามสกุลนี้เหมือนกันเลย (ตอนนั้นเผื่อใจว่าอาจจะแค่นามสกุลโหล ไม่ได้คิดว่าเป็นญาติกันจริงๆครับ ถามไปเผื่อๆเฉยๆ) ปรากฏว่า ไกด์คนนั้นก็บอกเลยครับว่า น้ำนี่น้าตาแบบนี้ๆๆ เสียงเล็กๆแบบนี้ ใช่มั้ย (ซึ่งจากล่าสุดที่เจอกันนานแล้วถึงเธอเปลี่ยนไปบ้างแต่ก็มีส่วนครับ )ผมก็บอกไปว่าเรียนที่นี่ๆ ก็คอนเฟิร์มครับ
พี่คนนี้คือพี่สาวแท้ๆของน้ำเลยครับ
ผมก็เลยถามไปตามมารยาทว่าน้ำสบายดีมั้ย แล้วคิดยังไงไปเป็นวิศวะกร (อันนี้อยากรู้จริงๆ) พี่สาวเขาก็ งง แล้วบอกผมว่า วิศวะอะไร งง ผมก็เลยบอกไปว่าเนี่ย วันก่อนผมคุยกับน้ำ เขาบอกเขาเป็นวิศวะกร พี่สาวเขาก็ขำ แล้วถามผมว่า แล้วน้ำบอกมั้ยล่ะว่าทำที่ไหนยังไง ผมก็เออว่ะ... ไอ้เราก็ไม่เคยถามเลย รู้แต่เบอลิน พอผมตอบว่า เออผมก็ไม่เคยถามเลย ตกลงทำที่ไหน แล้วเป็นยังไง
พี่เขาบอกว่าผมว่าให้ไปถามน้ำเองจะดีกว่า เขาไม่อยากพูดอะไร มาถึงตรงนี้ผมบอกเลยว่ความสงสัยนี้พรั่งพรูมากกกก ทำไมพี่เขาถึงตอบกำกวมอะไรขนาดนี้ หลังจากนั้นทั้งวันผมไล่ถามพี่เขาทั้งวันเลยครับด้วยความสงสัย อยากรู้มาก ตลอดทริป พอถึงช่วงแยกย้ายถ่ายรูปผมจะมาหาพี่เขาแล้วก็ถามไปเรื่อยๆครับ
ตอนแรกพี่เขาก็ไม่อยากพูดกับผมหรอก แต่เขาก็หันมาถามผมครับว่า ผมรู้อะไรเกี่ยวกับน้ำบ้าง ผมก็เลยตอบไปตามที่ผมรู้ครับว่า
น้ำบ้านเป็นร้านขายของ(ที่ผมเองก็ไม่เคยไปหรอกนะครับ คือเคยอยากไปละเขาบอกว่าไม่สะดวก จะมีข้ออ้างตลอด) พ่อเป็นทนายเก่า ส่วนแม่เป็นพยาบาล น้ำมีพี่น้อง 5 คน ตัวเองเป็นคนเล็กสุด น้ำเรียนจบวิศวะไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยที่เบอลิน แล้วก็จบป.เอกด้านวิศวะเคมี(อันนี้ผมไม่รู้ข้อมูลนะเขาบอกผมมาแบบนี้อะครับ)จากมหาลัยที่สวีเดน ตอนนี้ทำงานเป็นวิศวะเคมีในแลปของโรงพยาบาลที่เบอลิน (นี่ก็ไม่รู้ข้อมูลเหมือนกันครับ)
และสิ่งที่พี่สาวเขาบอกกับผมคือ ฟังพี่นะ..
น้ำ ที่บ้านมีพี่น้องแค่พี่สาวคนเดียวรวมน้ำก็เป็น2 คน ที่บ้านพ่อเป็นคนงาน ส่วนแม่เป็นคนขายกับข้าว ที่บ้านไม่ได้เป็นร้าน แต่แม่มีแผงลอย น้ำไม่ได้เรียนมหาลัย เพราะว่าสอบเข้าไม่ได้ เอกชนก็ไม่มีเงินเรียน ตอนนี้มีสามีแล้วเป็นฝรั่ง แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่เบอลิน แต่ไม่รู้หรอกนะ ว่าเขาทำงานรึเปล่า เพราะเขาก็บอกพี่ว่าจบด็อกเตอร์แล้วเหมือนกัน
ผมกับก็อึ้งไปเลยครับ แล้วถามพี่เขาไปตรงๆว่าน้ำโกหกผมรึเปล่า? หรืออะไร พี่เขาบอกว่าผม น้ำเป็นเด็กขี้โกหกตั้งแต่เด็กๆ แต่ที่บ้านจน พ่อแม่เลยเห็นใจปล่อยให้โกหก เพราะเห็นอยากได้อยากมีแค่ในมโนก็ยังดี (มีแบบนี้ด้วยเหรอ...)
ผมก็คุยกับพี่สาวของเขาอยู่หลายวัน พี่เขาบอกไม่ต้องเชื่อพี่ก็ได้ แต่ถ้าอยากรู้ไปที่บ้านสิ ผมก็เลยแลกเบอร์กับพี่เขาเรียบร้อย กลับมาเมืองไทยได้สองสามวันก็โทรไปหาพี่เขาครับ พี่เขาอยู่บ้านพอดี ก็นัดแนะกันไป
โอเค ผมไปที่บ้านน้ำ ไม่ได้เป็นร้านจริงๆ พ่อแม่ก็เป็นอย่างที่พี่บอกจริงๆ บ้านหลังเล็ก แต่พ่อแม่ของน้ำใจดีกับผมมากๆ ผมก็รู้สึกอุ่นใจครับ ผมก็เล่าเรื่องของผมกับน้ำให้พ่อกับแม่น้ำฟังทุกอย่าง แม่ของน้ำถึงกับร้องไห้ แล้วบอกผมว่า อย่าเกลียดน้ำมันเลยนะ เพราะพ่อแม่จน ไม่มีให้เขา เขาเป็นคนขี้อิจฉา เขาอยากได้เขาเลยทำแบบนั้น
ถามว่าผมโกรธมั้ยผมก็ไม่โกรธหรอกครับ ผมเห็นใจน้ำ แต่ว่าผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น น้ำบล็อกเฟส บล็อกไลน์ แล้วหนีหายไปผมไปแล้วรับ ผมคิดว่าน้ำคงจะรู้แล้วว่าผมรู้ เลยหนี
พอผมปรึกษาพี่สาวเขา พี่เขาก็บอกว่า จริงๆแล้วน้ำเป็นคนขี้อิจฉา โมโหร้าย แล้วไม่ยอมรับความจริงสุดๆ ที่ผมเห็นว่าน้ำเป็นคนดี ใจดี มันคือเรื่องที่น้ำโกหกขึ้นมาเพื่อให้ผมรู้สึกชอบเขา และที่น้ำโกหกผมแบบนั้น เพราะส่วนนึงคือผมเป็นคนที่ฐานะทางบ้านค่อนข้างดี เรียกว่าโชคดีครับ น้ำเลยต้องโกหกเพื่อไม่ให้ตัวเองดูต่ำต้อยไปมากกว่าผม
แต่ปัญหาคือ เขาไม่ได้ทำแบบนี้กับผมเดียว ผมทราบมาว่า เขาไปโกหกคนไว้เยอะมาก ตอนนี้ในเฟสบุ๊คของเขามีคนติดตาม เพราะน้ำเป็นคนสวยครับ ทุกคนมองภาพของน้ำเป็นสาวสวย ที่เรียนเก่ง เรียนดี มีงานดีๆทำ มีสามีที่ดี
แต่มันยังไม่พีคมากครับ มันมาพีคคือ.. เมื่อวานครับ เมื่อวาน น้ำโทรไปหาพี่สาวของเขา แล้วบอกว่าให้เลิกคุยกับผม เพราะผมเป็นคนที่พยายามจะข่มขืนเธอตอนม.ปลายครับ -*- แต่พี่สาวเขาเล่าให้ผมฟัง พร้อมบอกว่า เนี่ยแหละ คือธาตุแท้ของน้องสาวเขา (พี่เขาบัญทึกเสียงการสนทนามาด้วย) เขาบอกว่ารู้ละว่ามันจะเป็นแบบนี้ ตอนน้ำโทรมา เลยบอกว่าแป๊บนึงแล้วทำการเรคคอร์ดไว้ด้วยโทรศัพท์อีกเรื่อง เปิดลำโพงคุย ผมไม่ใช่คนแรกที่โดน ทุกคนที่รู้ความลับของน้ำจะโดนหมด เธอจะใส่ร้าย จะเหวี่ยง จะวีน เหมือนกับคนละคนที่ผมเคยรู้จัก
และสรุป ผมเป็นคนที่ไม่รู้จักน้ำเลย!! เพราะเขาโกหกทุกอย่าง ชีวิต ประวัติ โกหกแม้กระทั้งเรื่องๆเล็กๆ โกหกจนต้องถามเลยว่าอันไหนบ้างที่พูดจริงจะง่ายกว่า
--- สรุปสั้นๆนะครับ ----
เพื่อนผมคนนี้ น้ำ เป็นขี้โกหก โกหกทุกอย่าง โม้ให้ตัวเองดูดี และพอถูกรู้ความจริง จะใส่ร้ายคนนั้น ทำให้คนๆนั้นโดนเกลียดด้วยการโกหก โกหกทั้งชื่อชีวิต การเรียน การงาน ทุกอย่าง
อันนี้ผมยอมรับว่าโกรธ แต่ขอไม่พรรณาอะไรมาก เข้าใจความรู้สึกนะครับ จุดๆนี้ผมมีความสงสัยอยู่ เดี๋ยวแบ่งเป็นข้อๆนะครับ
-คนที่โกหกตอลดเวลา คือมันโกหกเยอะมาก ที่เล่านี่แค่ตัวอย่าง มันมีอีกเยอะ เขาป่วยรึเปล่าครับ ถ้าใช่ เป็นโรคอะไร รักษาได้มั้ย?
-ผมโดนเขาเกลียดแล้วสินะครับแบบนี้ ผมควรจะทำยังไงดีครับ ส่วนตัวผมยังอยากช่วยเหลือเขาอยู่
ปล.แก้ไขคำผิดนะครับ