เป็นคุณแม่ลูกหนึ่งค่ะ เมษาที่ผ่านมาเด็กที่บ้านขึ้น ป.1 โดยปกติระดับประถมศึกษาที่นี่ เด็กๆมักจะไปโรงเรียนของรัฐใกล้บ้าน บ้านอยู่ในเขตไหน ลูกก็ไปโรงเรียนในเขตนั้น เรียนข้ามเขตไม่ได้
พ่อแม่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่นิยมให้ลูกเรียนใกล้บ้านในระดับประถม จริงๆโรงเรียนของรัฐมี2แบบ คือ โรงเรียนประจำอำเภอ (ไม่ต้องสอบเข้า เรียนฟรี เสียแค่ค่าอาหารกลางวัน อยู่ใกล้บ้าน) และ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย (ต้องสอบเข้า ต้องมีสำมโนครัวอยู่ในเขตนั้นๆ เรียนฟรี เสียแค่ค่าอาหารกลางวัน และอยู่ไม่ใกล้บ้าน) แต่มีบางครอบครัว โดยเฉพาะถ้ามีลูกสาว ก็อาจจะส่งไปติวเตอร์เพื่อให้สอบเข้าโรงเรียนเอกชน เพราะหลายโรงเรียนมีต่อระดับมัธยมและอุดมศึกษา เด็กจะเหนื่อยครั้งเดียวตอนสอบเข้าประถม จากนั้นก็ยิงยาวไปจนถึงมหาวิทยาลัย เท่าที่คุยกับแม่ๆญี่ปุ่น ถ้ามีลูกชายมักจะนิยมให้ไปประถมประจำอำเภอ แล้วสอบเข้าม.ต้นเอกชนดีๆกัน เพราะถือว่าลูกชายต้องต่อสู้ชีวิต จึงควรเลือกเส้นทางลดเลี้ยวให้ 5555
วันนี้ไม่ได้อยากพูดเรื่องระบบการศึกษาของญี่ปุ่นนะคะ เพราะรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมากกก ไว้ถ้ามีโอกาส ก็อาจจะมีตั้งกระทู้ในอนาคต(อันไกล)
ปกติแม่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมของโรงเรียนค่ะ ตลอดระยะเวลา6ปีของเด็กในรั้วโรงเรียน แม่ต้องรับผิดชอบกิจกรรมใหญ่ๆ 1 ครั้ง (ถ้ามีลูก 2 คน ก็ต้องรับผิดชอบ 2 กิจกรรม) ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครอยากทำกิจกรรมตอนลูกอยู่ป.1 เพราะตารางชีวิตยังยุ่งๆ การจัดสรรเวลาก็ไม่ค่อยลงตัว วันที่ไปประชุมครูประจำชั้นกับแม่วันแรก จำได้ว่าถ้าไม่มีแม่อาสาสมัคร ครูจะใช้วิธีจับฉลาก ตอนนั้นสมองอื้ออึงมากค่ะ รู้ตัวอีกทียกมืออาสาสมัครไปแล้ว (ทั้งๆที่ภาษาญี่ปุ่นด๋อย) แม่ๆญี่ปุ่นปรบมือให้กันเกรียวกราว -_-' ในแต่ละห้อง จะมีตัวแทนแม่ 5 ท่าน ทำหน้าที่ต่างกันออกไป จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว ต้องไปเปิดเอกสารอ่านอีกรอบ ตัวจขกท.เป็นตัวแทนในตำแหน่ง クラス委員 (น่าจะแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า class monitor) หน้าที่จับฉ่ายมาก ฮ่า.... จะมีประชุมclass monitorเดือนละครั้ง ร่วมกับclass monitorจากห้องอื่นๆ ตั้งแต่ป.1-ป.6 ด้วยความที่จขกท.เป็นต่างชาติคนเดียว ตอนจับฉลากเลือก ประธานclass monitor , รองประธาน และเหรัญญิก จึงไม่ต้องมาจับฉลากด้วย (โชคดีมั่กๆ)
จากนั้นในบรรดาclass monitorทั้งหมดของโรงเรียน ก็ต้องมาแบ่งงานกันรับผิดชอบ อย่างเคย ด้วยความที่เป็นชาวต่างชาติคนเดียวในกลุ่ม (ในบรรดาแม่ๆญี่ปุ่น 20 กว่าคน) ทางประธานเลยเลือกให้รับผิดชอบไปประชุมกิจกรรมPTA ร่วมกับโรงเรียนประถมอื่นๆในเขตอำเภอเดียวกัน มีคนร่วมประชุมอีกราวๆ 2-300 คน จขกท.ก็ไปนั่งทำตาแป๋ว หลับๆตื่นๆ เข้าใจมั่ง ไม่เข้าใจมั่ง แต่ถือว่าเป็นงานที่ไม่มีภาระผูกพัน ครั้งเดียวจบ สบายกว่าclass monitorคนอื่นๆ
รวบรัดตัดตอน....ประธานclass monitorบอกในการประชุมประจำเดือนครั้งก่อนว่า ประชุมครั้งหน้าอย่าขาดนะ เพราะต้องช่วยกันทำbell mark ได้เล้ย...งานใช้แรงงานนี่ถนัดอยู่แล้ว
มีclass monitorท่านอื่นที่รับผิดชอบเรื่องbell markอยู่แล้ว จขกท.แค่ไปช่วยในฐานะที่เป็นหนึ่งในclass monitorเท่านั้น
Bell markคือ สัญลักษณ์รูประฆังที่พิมพ์บนฉลากหีบห่อผลิตภัณฑ์เครื่องอุปโภคบริโภคทั้งหลาย มีหลายบริษัทเข้าร่วมโครงการนี้ เช่น อายิโนะโมโตะ, น้ำมันพืชนิชชิน, Family Mart, Lotte, canon, Scotch-Brite, คิวพี และอื่นๆอีกมากรวมเกือบร้อยบริษัท บนผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการBell Markนี้ แต่ละฉลากจะมีพ้อยต์ต่างกันออกไป เช่น 0.5 -1-1.5-2-3-4-5-5.8 ตามราคาของผลิตภัณฑ์
บรรดาเหล่าแม่ๆclass monitorมารวมตัวกัน เพื่อแยกฉลาก ตัดป้ายฉลาก รวบรวมทีละ10ใบ นับพ้อยต์ ใส่ซอง รวมรวมทั้งหมดส่งให้โรงเรียน จขกท.เคยได้ยินเรื่องกิจกรรมbell markมาตั้งแต่ก่อนลูกเข้าโรงเรียนแล้ว (ก็อยู่ที่นี่มา13ปีแล้วอ่ะนะ) แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ ก็ถามแม่ๆว่าโรงเรียนจะได้ประโยชน์อะไรจากการรวบรวมป้ายbell markบนฉลากสินค้าเหรอ แม่ๆก็ตอบไม่ค่อยถูก อ้อมแอ้มๆ รู้แต่ว่ามันเป็นขนบจารีตที่ต้องยึดถือปฏิบัติต่อๆกันน่ะนะ เจ้ยย...ไม่ใช่ คือทางbell markจะส่งเป็นแคตาล็อคมาให้โรงเรียนเลือกของค่ะ เห็นว่าปีก่อนๆโรงเรียนได้เบาะรองเวลาทำยืดหยุ่นที่ใช้ในโรงยิม ได้ดินน้ำมัน (เนนโดะ) ให้เด็กไว้ใช้ในชั่วโมงศิลปะ และแลกเป็นอุปกรณ์การเรียนต่างๆอีกมาก ช่วยให้ทางโรงเรียนไม่ต้องมารบกวนเงินผู้ปกครอง
งานนี้มีฉลากเป็นหมื่นๆใบ ทางclass monitorจึงขอให้ทางโรงเรียนช่วยจัดหาอาสาสมัคร ในวันประชุมก็มีแม่ๆที่มาเป็นอาสาสมัครเพียบเลยค่ะ จำนวนแม่อาสาสมัครมีมากกว่าจำนวนclass monitorราว 3 เท่า จึงแบ่งการทำงานเป็น 2 กลุ่ม จขกท.อยู่ในกลุ่มที่ใช้ห้อง 家庭科室 (Home Economics Room) เป็นห้องเรียนวิชาคหกรรมศาสตร์?? ภาษาไทยแปลแบบนี้หรือเปล่า?
เป็นห้องที่เด็กใช้เรียนทำอาหาร และเย็บจักรค่ะ กลุ่มรับผิดชอบเรื่องbell markโดยตรงจะต้องมาเตรียมสถานที่ มาดูแลความเรียบร้อย อุปกรณ์ที่จะใช้ พร้อมกับขอความราวมมือให้อาสาสมัครเอากรรไกร ดินสอ ยางลบ เครื่องคิดเลขมาจากบ้านด้วย งานนี้มีเครื่องดื่ม และลูกอมเตรียมไว้ให้
โดยรวมแล้ว (ถึงต้องลางานมาร่วมประชุมก็เถอะ) ประทับใจกับกิจกรรมbell markมากค่ะ ไม่รู้ว่าเมืองไทยมีกิจกรรมแบบนี้ในโรงเรียนมั้ย มันวินวินมาก เพราะทางบริษัทก็ขายของได้ ผู้ปกครองที่ซื้อของอุปโภคบริโภคก็ตัดป้ายbell markนำมาให้โรงเรียน เพื่อที่โรงเรียนจะได้นำป้ายไปแลกเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์การเรียนให้แก่ลูกๆของผู้ปกครองทั้งหลาย
และก็คิดว่าตัวเองคิดไม่ผิดที่อาสาสมัครมาเป็นclass monitorของห้อง ถึงมันจะทำให้ต้องลางานบางครั้ง แต่ก็ได้มิตรภาพดีๆจากเพื่อนแม่ๆคนอื่นๆ เรียนรู้การทำงานร่วมกัน และได้ประสบการณ์ดีๆในรั้วโรงเรียนด้วยค่ะ
กิจกรรมbell markโรงเรียนประถมที่ญี่ปุ่น
พ่อแม่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่นิยมให้ลูกเรียนใกล้บ้านในระดับประถม จริงๆโรงเรียนของรัฐมี2แบบ คือ โรงเรียนประจำอำเภอ (ไม่ต้องสอบเข้า เรียนฟรี เสียแค่ค่าอาหารกลางวัน อยู่ใกล้บ้าน) และ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย (ต้องสอบเข้า ต้องมีสำมโนครัวอยู่ในเขตนั้นๆ เรียนฟรี เสียแค่ค่าอาหารกลางวัน และอยู่ไม่ใกล้บ้าน) แต่มีบางครอบครัว โดยเฉพาะถ้ามีลูกสาว ก็อาจจะส่งไปติวเตอร์เพื่อให้สอบเข้าโรงเรียนเอกชน เพราะหลายโรงเรียนมีต่อระดับมัธยมและอุดมศึกษา เด็กจะเหนื่อยครั้งเดียวตอนสอบเข้าประถม จากนั้นก็ยิงยาวไปจนถึงมหาวิทยาลัย เท่าที่คุยกับแม่ๆญี่ปุ่น ถ้ามีลูกชายมักจะนิยมให้ไปประถมประจำอำเภอ แล้วสอบเข้าม.ต้นเอกชนดีๆกัน เพราะถือว่าลูกชายต้องต่อสู้ชีวิต จึงควรเลือกเส้นทางลดเลี้ยวให้ 5555
วันนี้ไม่ได้อยากพูดเรื่องระบบการศึกษาของญี่ปุ่นนะคะ เพราะรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมากกก ไว้ถ้ามีโอกาส ก็อาจจะมีตั้งกระทู้ในอนาคต(อันไกล)
ปกติแม่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมของโรงเรียนค่ะ ตลอดระยะเวลา6ปีของเด็กในรั้วโรงเรียน แม่ต้องรับผิดชอบกิจกรรมใหญ่ๆ 1 ครั้ง (ถ้ามีลูก 2 คน ก็ต้องรับผิดชอบ 2 กิจกรรม) ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครอยากทำกิจกรรมตอนลูกอยู่ป.1 เพราะตารางชีวิตยังยุ่งๆ การจัดสรรเวลาก็ไม่ค่อยลงตัว วันที่ไปประชุมครูประจำชั้นกับแม่วันแรก จำได้ว่าถ้าไม่มีแม่อาสาสมัคร ครูจะใช้วิธีจับฉลาก ตอนนั้นสมองอื้ออึงมากค่ะ รู้ตัวอีกทียกมืออาสาสมัครไปแล้ว (ทั้งๆที่ภาษาญี่ปุ่นด๋อย) แม่ๆญี่ปุ่นปรบมือให้กันเกรียวกราว -_-' ในแต่ละห้อง จะมีตัวแทนแม่ 5 ท่าน ทำหน้าที่ต่างกันออกไป จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว ต้องไปเปิดเอกสารอ่านอีกรอบ ตัวจขกท.เป็นตัวแทนในตำแหน่ง クラス委員 (น่าจะแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า class monitor) หน้าที่จับฉ่ายมาก ฮ่า.... จะมีประชุมclass monitorเดือนละครั้ง ร่วมกับclass monitorจากห้องอื่นๆ ตั้งแต่ป.1-ป.6 ด้วยความที่จขกท.เป็นต่างชาติคนเดียว ตอนจับฉลากเลือก ประธานclass monitor , รองประธาน และเหรัญญิก จึงไม่ต้องมาจับฉลากด้วย (โชคดีมั่กๆ)
จากนั้นในบรรดาclass monitorทั้งหมดของโรงเรียน ก็ต้องมาแบ่งงานกันรับผิดชอบ อย่างเคย ด้วยความที่เป็นชาวต่างชาติคนเดียวในกลุ่ม (ในบรรดาแม่ๆญี่ปุ่น 20 กว่าคน) ทางประธานเลยเลือกให้รับผิดชอบไปประชุมกิจกรรมPTA ร่วมกับโรงเรียนประถมอื่นๆในเขตอำเภอเดียวกัน มีคนร่วมประชุมอีกราวๆ 2-300 คน จขกท.ก็ไปนั่งทำตาแป๋ว หลับๆตื่นๆ เข้าใจมั่ง ไม่เข้าใจมั่ง แต่ถือว่าเป็นงานที่ไม่มีภาระผูกพัน ครั้งเดียวจบ สบายกว่าclass monitorคนอื่นๆ
รวบรัดตัดตอน....ประธานclass monitorบอกในการประชุมประจำเดือนครั้งก่อนว่า ประชุมครั้งหน้าอย่าขาดนะ เพราะต้องช่วยกันทำbell mark ได้เล้ย...งานใช้แรงงานนี่ถนัดอยู่แล้ว
มีclass monitorท่านอื่นที่รับผิดชอบเรื่องbell markอยู่แล้ว จขกท.แค่ไปช่วยในฐานะที่เป็นหนึ่งในclass monitorเท่านั้น
Bell markคือ สัญลักษณ์รูประฆังที่พิมพ์บนฉลากหีบห่อผลิตภัณฑ์เครื่องอุปโภคบริโภคทั้งหลาย มีหลายบริษัทเข้าร่วมโครงการนี้ เช่น อายิโนะโมโตะ, น้ำมันพืชนิชชิน, Family Mart, Lotte, canon, Scotch-Brite, คิวพี และอื่นๆอีกมากรวมเกือบร้อยบริษัท บนผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการBell Markนี้ แต่ละฉลากจะมีพ้อยต์ต่างกันออกไป เช่น 0.5 -1-1.5-2-3-4-5-5.8 ตามราคาของผลิตภัณฑ์
บรรดาเหล่าแม่ๆclass monitorมารวมตัวกัน เพื่อแยกฉลาก ตัดป้ายฉลาก รวบรวมทีละ10ใบ นับพ้อยต์ ใส่ซอง รวมรวมทั้งหมดส่งให้โรงเรียน จขกท.เคยได้ยินเรื่องกิจกรรมbell markมาตั้งแต่ก่อนลูกเข้าโรงเรียนแล้ว (ก็อยู่ที่นี่มา13ปีแล้วอ่ะนะ) แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ ก็ถามแม่ๆว่าโรงเรียนจะได้ประโยชน์อะไรจากการรวบรวมป้ายbell markบนฉลากสินค้าเหรอ แม่ๆก็ตอบไม่ค่อยถูก อ้อมแอ้มๆ รู้แต่ว่ามันเป็นขนบจารีตที่ต้องยึดถือปฏิบัติต่อๆกันน่ะนะ เจ้ยย...ไม่ใช่ คือทางbell markจะส่งเป็นแคตาล็อคมาให้โรงเรียนเลือกของค่ะ เห็นว่าปีก่อนๆโรงเรียนได้เบาะรองเวลาทำยืดหยุ่นที่ใช้ในโรงยิม ได้ดินน้ำมัน (เนนโดะ) ให้เด็กไว้ใช้ในชั่วโมงศิลปะ และแลกเป็นอุปกรณ์การเรียนต่างๆอีกมาก ช่วยให้ทางโรงเรียนไม่ต้องมารบกวนเงินผู้ปกครอง
งานนี้มีฉลากเป็นหมื่นๆใบ ทางclass monitorจึงขอให้ทางโรงเรียนช่วยจัดหาอาสาสมัคร ในวันประชุมก็มีแม่ๆที่มาเป็นอาสาสมัครเพียบเลยค่ะ จำนวนแม่อาสาสมัครมีมากกว่าจำนวนclass monitorราว 3 เท่า จึงแบ่งการทำงานเป็น 2 กลุ่ม จขกท.อยู่ในกลุ่มที่ใช้ห้อง 家庭科室 (Home Economics Room) เป็นห้องเรียนวิชาคหกรรมศาสตร์?? ภาษาไทยแปลแบบนี้หรือเปล่า?
เป็นห้องที่เด็กใช้เรียนทำอาหาร และเย็บจักรค่ะ กลุ่มรับผิดชอบเรื่องbell markโดยตรงจะต้องมาเตรียมสถานที่ มาดูแลความเรียบร้อย อุปกรณ์ที่จะใช้ พร้อมกับขอความราวมมือให้อาสาสมัครเอากรรไกร ดินสอ ยางลบ เครื่องคิดเลขมาจากบ้านด้วย งานนี้มีเครื่องดื่ม และลูกอมเตรียมไว้ให้
โดยรวมแล้ว (ถึงต้องลางานมาร่วมประชุมก็เถอะ) ประทับใจกับกิจกรรมbell markมากค่ะ ไม่รู้ว่าเมืองไทยมีกิจกรรมแบบนี้ในโรงเรียนมั้ย มันวินวินมาก เพราะทางบริษัทก็ขายของได้ ผู้ปกครองที่ซื้อของอุปโภคบริโภคก็ตัดป้ายbell markนำมาให้โรงเรียน เพื่อที่โรงเรียนจะได้นำป้ายไปแลกเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์การเรียนให้แก่ลูกๆของผู้ปกครองทั้งหลาย
และก็คิดว่าตัวเองคิดไม่ผิดที่อาสาสมัครมาเป็นclass monitorของห้อง ถึงมันจะทำให้ต้องลางานบางครั้ง แต่ก็ได้มิตรภาพดีๆจากเพื่อนแม่ๆคนอื่นๆ เรียนรู้การทำงานร่วมกัน และได้ประสบการณ์ดีๆในรั้วโรงเรียนด้วยค่ะ