(คำเตือน:ขออภัยถ้าอ่านแล้วงงผมเป็นเด็กเกิดนอกพยามเขียนไทยอยู่)
เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของผู้ชาย ผมเอง เป็นเรื่องจริง ที่ผม ได้จำแต่อาจจ้าจำไม่ได้หมด เรื่องความรักมักเป็นอย่างนี้แหล่ะ เรามักจะจำแค่ตอนบังตอน สักวันคุณอาจจะได้ฟังฝ่ายผู้หญิงบ้าง แต่อย่าเอาไปพนันละกัน
เขาบอกกันว่า วิธีที่ดีที่สุด สำหรับการรักสา hangover จากความรัก คือการเขียนนิยาย หรือ มันเป็นการสร้างที่เหลือลึกเอาไว้ครับ? ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ในชีวิตของคนเราอาจจะเจอแค่คน 2 คนที่ทำให้โลกของเรา กลับหัวกลับห่าง และทำให้เรา อยากเปลี่ยนตัวเอง
ผมชื่อโบ ไม่ได้เป็นไชยา หรือ pen name ที่ผม สามารถซอนหลังมันได้แต่เป็นชื่อจริงของผม
เราได้ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่แบบนิยายโรแมนติก หรือ fairy tale ทั่วไป
ผมเป็นเด็กอเมริกัน ที่สวมหน้ากากไทย เกิด เรียน ตลอด ที่ Washington DC ทำงานที New York City เป็นคนเข้าถึงยาก ปิดตัวเองตั้งแต่พ่อแม่เลิกกัน กลัวความล้มเหลว แต่ดูพร้อมทุกอย่าง ตาม logic ไม่ค่อยได้ตามใจ ส่วนนึงเหมือน Alfie แต่ไม่ยอมรับ ย้ายกลับมากรุงเทพ2 ปี ไม่อยากจะเชื่อในความรัก
จนแต่ได้มาคบกับมอนิ่ง (Morning) เป็นผู้หญิงห้าวพูดแมงมากกว่าเพลง rap เป็นพายุอารมณ์ คิดว่าโชคชะตาเล่นตลกกับข้าว เชื่อในความรัก แต่ตรงตาม step ที่เค้าเข้าใจเท่านั้น ทำงานหัวฟูทุกวันที่สถาบันการเงินที่หนึ่ง กังวลสังคม เวลาว่างจะอยู่ ใกล้ชิดกับ Sheldon, Miranda, และ Jon Snow หน้าทีวีขอเขา
ลอกไปหมดแล้ว, ทั้งสองเป็นปริศนาทีหาชินมาประกอบให้เต็มลำบาก
----------------
กันยายน
"นี่โบมาแบคแพคที่Iceland กับ Europe เพราะอะไรเนี่ยอกหักเลย?" สายตาผมไปมองเค้าเหมือนเป็นหมอดูเลยเค้ารู้ได้ไง
"ไม่หรอกพี่ผมอยากมา ไอศเลนส์มานานแล้ว" พยายามรักษาภาพพจน์เอาไว้ แต่จริง ๆ แล้ววันที่ผ่านไปที่แบคแพค ไปเอสเตอร์และโคเปนเฮเกน ผมคิดตลอดทุกมุมทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมกินไปทุกอย่างที่ผมเห็นมาอยากไห่ Morning ยู่ด้วย
นั่งอยู่ที tivoli garden มองคูเดินผ่านไปเด็กเล็กวิ่งเจี๊ยวจ๊าวและเพลงของ Richard Marx ออกมาจากลำโพงของ tivoli ในจุดนั้น ชีวิตกำลังซ้อมผมโดยหมัดกำปั้นเต็มเต็มหน้าเลย
นั่งไป 4ชั่วโมงในความ หนาวพยายามควบคุมสติและความเศร้าอะไรออกไปพยายามตั้งจิตให้เป็นสมาธิ มองเขาขึ้นและลงเข้ามาและหายไป แต่กลับไปมามโนที่ชัดกว่าเดิม เย็นขนาดไหนวันนั้นพยามฝึกความคิดให้เชื่อง พยายามขนาดไหนมันก็ไม่ยอมนิ่ง
มันย้อนไป ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอมอนิ่ง 3 อาทิตย์ที่แล้ว
"ชีวิตมอนิ่งตกต่ำที่สุดตั้งแต่เจอพี่ ไม่น่าเชื่อว่าคนเลวแปบพี่ ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ กรรมแมงไม่ได ฆ่าคนยังพี่ไปหมด จะโพสรูปพระไปทำไม เรียก like เหรอ? พี่เป็นคนเลวมากเลย.... มีอะไรจะพูดอีกไหม?"
ในจุดนั้นผมพูดไม่ออก ยังอึ้งกับคำพูดจากคนที่เรารักได้เกลียดกันขนาดนั้น
วันแรกที่ได้พบกัน
เราได้พบกันในงานแต่งงานของเพื่อนสนิทผม ได้เจอกันเด๋อด๋า นิดหนึ่งเพื่อน ได้ผลัดกันให้เราเจอกันเพราะเรา2คนโสด ไม่ได้ แต่งงานและอายุ มากกว่า 30
ยังโสดอยู่ป่าว?ยังไม่มีแฟนครับแต่ก็ยังคุยอยู่แบบ dating บาง สำหรับผมdatingเป็นอะไรที่ปกติมากตอน ทีอยู่ New York คนส่วนมาก ที่นั่นจะออกdate อาทิตย์นึง สองสามคัง กับคนในสัมมนา เป็นเรื่องปกติมาก แต่ผมจะมารู้ที่หลังว่าในสายตามอนิ่งมันไม่ปกติ
"นั้นโบว์ก็คือโสดสิดีมากเดี๋ยวจะแนะนำให้ใครรู้จักไม่เป็นไรยังไงก็เป็นเพื่อนไปได้"
มอนิ่งนี่เพื่อนเราชื่อโบ เขาพูดไทยไม่ค่อยได้นะมอนิ่งน้องสอนเค้าสิ!
"เออ... ใช่ใช่หาอาจารย์สอนอยู่เนี่ย"
โอ! เดี๋ยวสอนเองได้
"นั้นผมขอเบอร์ได้ไหม" ผมเกอร์หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะให้เค้าเมมเบอร์ แต่เขาก็คุยในกระเป๋าเขาและเอานำบัตรที่ทำงานมาให้ "อะโทรมาเบอร์นี้แล้วกัน"
ผมคืออึ้งไปผู้หญิงคนนี้เอานำบัตรมาให้ แทนแลกเบอร์ สงสัยเจอได้เจอเขาแค่ที่ทางการ... ผมก็เริ่มสังเกตผู้หญิงคนนี้มีรอยยิ้มที่ ไม่เหมือนใครที่ผมได้เจอ ลิปสติกของเค้าวันนั้นก็แดงแดง แต่เรา 2 คนที่ได้เจอกันวันนั้นเกอร์คงไม่ทำตัวเป็นธรรมชาติมากที่สุดแหละ เกร็งเกร็งกันอยู่
ผมก็ ไม่ได้คิดอะไรมากในตอนนั้น อาจจะเป็นเพราะผมได้พยายาม คบกับเพื่อนอยู่ แต่เหมือนเป็นความสัมพันธ์ ที่ผมกับเพื่อนผมรู้ทั้ง 2 คนว่ามันไปต่อไม่ได้
ส่วนมอนิ่งเกอร์กำลังอยู่ในอีกสถานการณ์ กับความรักของเค้า
Christmas Eve
วันคริสต์มาสอีฟ, ผมได้รับ line... "พี่โบ" ผมเกิดจองโทรศัพท์ไปแป๊บนึงเพราะ จำไม่ได้ ว่ารูปนี้มาจากไหน เพราะผมก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นมอร์นิ่ง เพราะ งานแต่งงานมันผ่านไปสักพัก แล้ว
"พี่ชอบธรรมะไหม?" "ไปนั่งสมาธิ 10 วันทีโกเองเกอค กับมอนิ่งไหม?" ถึงผมเธอเป็นคนที่ชอบอ่านทำอ่ะ แต่เกอร์ ตอบเขาไม่ถูกเลยตอนนั้นเพราะมันตรงมาก ก่อนหน้านี้เราคงไม่ได้คุยกันในงานแต่งมากกว่า 2 นาที แต่ภายในไม่กี่แมสเสจเค้าเธอชวนเราไปนั่งสมาธิซะแล้ว
เราก็แชทไปกลับมาเป็นเวลานานมาก จำได้ว่าพบนิวผมเริ่มชา เราคุยกันนะแบบคลิกกันเลยน่าจะเป็นผมไม่ได้คิดอะไรมากและไม่ได้หวังอะไร ชีวิตก็อย่างนี้แหละชอบพา สิ่งที่ไม่คาดคิด มาหาเราตอนที่เราไม่ได้หวังอะไร
"ผมชอบเดินป่าตั้งเต็นนอนแคมปิ้งแต่คงรุยเกินไปสำหรับผู้หญิงแบบมอนิ่ง"
"You know me a little go." อะไรนะ "คุณรู้จักเราน้อยไปแล้ว"
ผมขำจนเจ็บท้องเลยครับ ผู้หญิงคนนี้ที่เพิ่งเริ่มคุยปล่อยมุกฮามากจนผมให้ใจไม่ออก พิมพ์ไปอีกสักพักนึงผมก็เริ่มอยากดีนเสียงเขา เลยโทรไปเลย เสียงเค้าตกใจแต่ก็รู้ว่าเค้ายิมอยู่เพราะ ฟังเสียงก็รู้แล้ว เรา 2 คนทำตัว เหมือนเด็กอายุ 14
คุยไปคุยมาเราเริ่มคุยกันถึงความรักปัจจุบัน มอนิ่งบอกว่าเขาได้คุยกับผู้ชายที่อยู่ในสิงคโปร์ เค้าเรียกผู้ชายคนนั้นว่า "Whatsapp boyfriend" 2 คนนั้นเคยเจอกันแค่สองครั้ง แต่มอนิ่งใด มีความหวังครับ Whatsapp มาก เพราะผู้ชายคนนั้นเข้าใจมอนิ่งและเป็นหลายหลายอย่างที่มอนิ่งต้องการแต่ผู้ชายคนนั้นก็ยัง ไม่แน่ใจกับ มอนิ่ง หรือผู้หญิงอีกคน แต่ผมก็จะไม่รู้ตัวอีกที ที่ หลัง
ผมก็ได้เราเรื่องถึงเพื่อนสนิทหญิง ที่ใดพยานพบกันแต่ไม่สามารถคบกันมากกว่าเพื่อนได้ เหมือนคำพูด "a guy and a girl can be friends, but eventually one of them will fall for one another" ผู้ชายกับผู้หญิงสามารถเป็นเพื่อนกันได้แต่สุดท้ายใครสักคนจะมีความรู้สึกมากกว่าเพื่อนให้กัน
สถานการณ์นี้จะเป็นประเด็นสำหรับมอนิ่งระหว่างที่ผมส่งมอนิ่งคบกัน
To be continued...
เกือบทุกกับมอนิ่ง...
เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของผู้ชาย ผมเอง เป็นเรื่องจริง ที่ผม ได้จำแต่อาจจ้าจำไม่ได้หมด เรื่องความรักมักเป็นอย่างนี้แหล่ะ เรามักจะจำแค่ตอนบังตอน สักวันคุณอาจจะได้ฟังฝ่ายผู้หญิงบ้าง แต่อย่าเอาไปพนันละกัน
เขาบอกกันว่า วิธีที่ดีที่สุด สำหรับการรักสา hangover จากความรัก คือการเขียนนิยาย หรือ มันเป็นการสร้างที่เหลือลึกเอาไว้ครับ? ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ในชีวิตของคนเราอาจจะเจอแค่คน 2 คนที่ทำให้โลกของเรา กลับหัวกลับห่าง และทำให้เรา อยากเปลี่ยนตัวเอง
ผมชื่อโบ ไม่ได้เป็นไชยา หรือ pen name ที่ผม สามารถซอนหลังมันได้แต่เป็นชื่อจริงของผม
เราได้ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่แบบนิยายโรแมนติก หรือ fairy tale ทั่วไป
ผมเป็นเด็กอเมริกัน ที่สวมหน้ากากไทย เกิด เรียน ตลอด ที่ Washington DC ทำงานที New York City เป็นคนเข้าถึงยาก ปิดตัวเองตั้งแต่พ่อแม่เลิกกัน กลัวความล้มเหลว แต่ดูพร้อมทุกอย่าง ตาม logic ไม่ค่อยได้ตามใจ ส่วนนึงเหมือน Alfie แต่ไม่ยอมรับ ย้ายกลับมากรุงเทพ2 ปี ไม่อยากจะเชื่อในความรัก
จนแต่ได้มาคบกับมอนิ่ง (Morning) เป็นผู้หญิงห้าวพูดแมงมากกว่าเพลง rap เป็นพายุอารมณ์ คิดว่าโชคชะตาเล่นตลกกับข้าว เชื่อในความรัก แต่ตรงตาม step ที่เค้าเข้าใจเท่านั้น ทำงานหัวฟูทุกวันที่สถาบันการเงินที่หนึ่ง กังวลสังคม เวลาว่างจะอยู่ ใกล้ชิดกับ Sheldon, Miranda, และ Jon Snow หน้าทีวีขอเขา
ลอกไปหมดแล้ว, ทั้งสองเป็นปริศนาทีหาชินมาประกอบให้เต็มลำบาก
----------------
กันยายน
"นี่โบมาแบคแพคที่Iceland กับ Europe เพราะอะไรเนี่ยอกหักเลย?" สายตาผมไปมองเค้าเหมือนเป็นหมอดูเลยเค้ารู้ได้ไง
"ไม่หรอกพี่ผมอยากมา ไอศเลนส์มานานแล้ว" พยายามรักษาภาพพจน์เอาไว้ แต่จริง ๆ แล้ววันที่ผ่านไปที่แบคแพค ไปเอสเตอร์และโคเปนเฮเกน ผมคิดตลอดทุกมุมทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมกินไปทุกอย่างที่ผมเห็นมาอยากไห่ Morning ยู่ด้วย
นั่งอยู่ที tivoli garden มองคูเดินผ่านไปเด็กเล็กวิ่งเจี๊ยวจ๊าวและเพลงของ Richard Marx ออกมาจากลำโพงของ tivoli ในจุดนั้น ชีวิตกำลังซ้อมผมโดยหมัดกำปั้นเต็มเต็มหน้าเลย
นั่งไป 4ชั่วโมงในความ หนาวพยายามควบคุมสติและความเศร้าอะไรออกไปพยายามตั้งจิตให้เป็นสมาธิ มองเขาขึ้นและลงเข้ามาและหายไป แต่กลับไปมามโนที่ชัดกว่าเดิม เย็นขนาดไหนวันนั้นพยามฝึกความคิดให้เชื่อง พยายามขนาดไหนมันก็ไม่ยอมนิ่ง
มันย้อนไป ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอมอนิ่ง 3 อาทิตย์ที่แล้ว
"ชีวิตมอนิ่งตกต่ำที่สุดตั้งแต่เจอพี่ ไม่น่าเชื่อว่าคนเลวแปบพี่ ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ กรรมแมงไม่ได ฆ่าคนยังพี่ไปหมด จะโพสรูปพระไปทำไม เรียก like เหรอ? พี่เป็นคนเลวมากเลย.... มีอะไรจะพูดอีกไหม?"
ในจุดนั้นผมพูดไม่ออก ยังอึ้งกับคำพูดจากคนที่เรารักได้เกลียดกันขนาดนั้น
วันแรกที่ได้พบกัน
เราได้พบกันในงานแต่งงานของเพื่อนสนิทผม ได้เจอกันเด๋อด๋า นิดหนึ่งเพื่อน ได้ผลัดกันให้เราเจอกันเพราะเรา2คนโสด ไม่ได้ แต่งงานและอายุ มากกว่า 30
ยังโสดอยู่ป่าว?ยังไม่มีแฟนครับแต่ก็ยังคุยอยู่แบบ dating บาง สำหรับผมdatingเป็นอะไรที่ปกติมากตอน ทีอยู่ New York คนส่วนมาก ที่นั่นจะออกdate อาทิตย์นึง สองสามคัง กับคนในสัมมนา เป็นเรื่องปกติมาก แต่ผมจะมารู้ที่หลังว่าในสายตามอนิ่งมันไม่ปกติ
"นั้นโบว์ก็คือโสดสิดีมากเดี๋ยวจะแนะนำให้ใครรู้จักไม่เป็นไรยังไงก็เป็นเพื่อนไปได้"
มอนิ่งนี่เพื่อนเราชื่อโบ เขาพูดไทยไม่ค่อยได้นะมอนิ่งน้องสอนเค้าสิ!
"เออ... ใช่ใช่หาอาจารย์สอนอยู่เนี่ย"
โอ! เดี๋ยวสอนเองได้
"นั้นผมขอเบอร์ได้ไหม" ผมเกอร์หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะให้เค้าเมมเบอร์ แต่เขาก็คุยในกระเป๋าเขาและเอานำบัตรที่ทำงานมาให้ "อะโทรมาเบอร์นี้แล้วกัน"
ผมคืออึ้งไปผู้หญิงคนนี้เอานำบัตรมาให้ แทนแลกเบอร์ สงสัยเจอได้เจอเขาแค่ที่ทางการ... ผมก็เริ่มสังเกตผู้หญิงคนนี้มีรอยยิ้มที่ ไม่เหมือนใครที่ผมได้เจอ ลิปสติกของเค้าวันนั้นก็แดงแดง แต่เรา 2 คนที่ได้เจอกันวันนั้นเกอร์คงไม่ทำตัวเป็นธรรมชาติมากที่สุดแหละ เกร็งเกร็งกันอยู่
ผมก็ ไม่ได้คิดอะไรมากในตอนนั้น อาจจะเป็นเพราะผมได้พยายาม คบกับเพื่อนอยู่ แต่เหมือนเป็นความสัมพันธ์ ที่ผมกับเพื่อนผมรู้ทั้ง 2 คนว่ามันไปต่อไม่ได้
ส่วนมอนิ่งเกอร์กำลังอยู่ในอีกสถานการณ์ กับความรักของเค้า
Christmas Eve
วันคริสต์มาสอีฟ, ผมได้รับ line... "พี่โบ" ผมเกิดจองโทรศัพท์ไปแป๊บนึงเพราะ จำไม่ได้ ว่ารูปนี้มาจากไหน เพราะผมก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นมอร์นิ่ง เพราะ งานแต่งงานมันผ่านไปสักพัก แล้ว
"พี่ชอบธรรมะไหม?" "ไปนั่งสมาธิ 10 วันทีโกเองเกอค กับมอนิ่งไหม?" ถึงผมเธอเป็นคนที่ชอบอ่านทำอ่ะ แต่เกอร์ ตอบเขาไม่ถูกเลยตอนนั้นเพราะมันตรงมาก ก่อนหน้านี้เราคงไม่ได้คุยกันในงานแต่งมากกว่า 2 นาที แต่ภายในไม่กี่แมสเสจเค้าเธอชวนเราไปนั่งสมาธิซะแล้ว
เราก็แชทไปกลับมาเป็นเวลานานมาก จำได้ว่าพบนิวผมเริ่มชา เราคุยกันนะแบบคลิกกันเลยน่าจะเป็นผมไม่ได้คิดอะไรมากและไม่ได้หวังอะไร ชีวิตก็อย่างนี้แหละชอบพา สิ่งที่ไม่คาดคิด มาหาเราตอนที่เราไม่ได้หวังอะไร
"ผมชอบเดินป่าตั้งเต็นนอนแคมปิ้งแต่คงรุยเกินไปสำหรับผู้หญิงแบบมอนิ่ง"
"You know me a little go." อะไรนะ "คุณรู้จักเราน้อยไปแล้ว"
ผมขำจนเจ็บท้องเลยครับ ผู้หญิงคนนี้ที่เพิ่งเริ่มคุยปล่อยมุกฮามากจนผมให้ใจไม่ออก พิมพ์ไปอีกสักพักนึงผมก็เริ่มอยากดีนเสียงเขา เลยโทรไปเลย เสียงเค้าตกใจแต่ก็รู้ว่าเค้ายิมอยู่เพราะ ฟังเสียงก็รู้แล้ว เรา 2 คนทำตัว เหมือนเด็กอายุ 14
คุยไปคุยมาเราเริ่มคุยกันถึงความรักปัจจุบัน มอนิ่งบอกว่าเขาได้คุยกับผู้ชายที่อยู่ในสิงคโปร์ เค้าเรียกผู้ชายคนนั้นว่า "Whatsapp boyfriend" 2 คนนั้นเคยเจอกันแค่สองครั้ง แต่มอนิ่งใด มีความหวังครับ Whatsapp มาก เพราะผู้ชายคนนั้นเข้าใจมอนิ่งและเป็นหลายหลายอย่างที่มอนิ่งต้องการแต่ผู้ชายคนนั้นก็ยัง ไม่แน่ใจกับ มอนิ่ง หรือผู้หญิงอีกคน แต่ผมก็จะไม่รู้ตัวอีกที ที่ หลัง
ผมก็ได้เราเรื่องถึงเพื่อนสนิทหญิง ที่ใดพยานพบกันแต่ไม่สามารถคบกันมากกว่าเพื่อนได้ เหมือนคำพูด "a guy and a girl can be friends, but eventually one of them will fall for one another" ผู้ชายกับผู้หญิงสามารถเป็นเพื่อนกันได้แต่สุดท้ายใครสักคนจะมีความรู้สึกมากกว่าเพื่อนให้กัน
สถานการณ์นี้จะเป็นประเด็นสำหรับมอนิ่งระหว่างที่ผมส่งมอนิ่งคบกัน
To be continued...