เหตุผลที่เรามาเขียนกระทู้ครั้งนี้ ก็อยากที่จะแบ่งปันเรื่องราวของตัวเราเองให้ได้ฟังกัน หัวข้อก็บอกอยู่แล้วเนอะว่าจาก คนอกหักเสมอมา
แปลว่าไม่ใช่แค่ครั้งเดียว555 แต่เป็นทุกๆครั้งที่ชอบใครสักคน


เราไม่เข็ดกับเรื่องความผิดหวังเลยจนมาครั้งนี้กับคนนี้ที่ทำให้เรา
เริ่มกลัวกับการที่จะเริ่มต้นใหม่และ เขาทำให้เราไม่อยากคบใครอีกแล้ว...
ตอนนั้นเราอยู่ม.5 ช่วงค้นหาตัวเองว่าจะเป็นอะไรดี ก็เลยสมัครค่ายติวฟรีค่ายนึงไปกับเพื่อนๆ เพราะค่ายๆนี้แหละทำให้เราได้เจอกับเขาและคนอื่นๆอีกมากมาย ค่ายนี้เป็นค่ายติวของวิศวะ แน่นอนว่าจะต้องเจอพี่วิศวะที่หล่อๆแน่ๆ วันแรกของการเรียนเรานั่งเมล์ไปเรียนจากบ้านไปที่มอพร้อมกับเพื่อนๆไปเช้ามากเพราะแถวนั้นรถติดมากช่วงสายๆ พอไปถึงก็เช็ครายชื่อ รายชื่อของเรากับเพื่อนอยู่กันคนละกลุ่มกันเลย

ที่นี่ใช้ชื่อเรียกกลุ่มเป็นเกียร์แทน พอเช็ครายชื่อเสร็จก็เข้าประชุมเปิดค่าย พอช่วงบ่ายก็เรียนกันต่อเลยประเดิมวิชาแรกด้วยฟิสิกส์เลยจ้าาาา แต่ล่ะเกียร์จะมีพี่บ้านที่ดูแล พาไปกินข้าว หาน้ำมาให้(ต้องน้ำแดงเท่านั้นนะ5555) แล้วก็ผ่านไปได้วันนึง เราเลิกก็ประมาณห้าโมงกว่าๆก็จะมีพี่บ้านพาน้องๆมาส่งที่ป้ายรถเมล์หน้ามอ ตอนกลับบ้านเป็นอะไรที่ติดมากกกกกกกเเละรถเมล์คนก็อัดเป็นปลากระป๋องช่องว่างก็ไม่มี คนขับก็เบรคเเรงจังเรานี่ปลิวไปกับเพื่อน เราคิดว่าถ้าเราไปกลับแบบนี้ทุกวันร่างพังพอดี เลยมาเช่าห้องอยู่กับเพื่อนอีกสี่คนห้องเดียวกันนะคึกครื้นดี5555 พอได้มาอยู่หอที่เช่าอยู่หลังมอเท่านั้นแหละก็มาสายเลย
ช่วงเช้าที่เริ่มเรียนก็ประมาณ 8 โมงครึ่ง เราถึงห้องก็ 9 โมงหน่อยๆเอง ก็เดินขึ้นชั้นหกนี่หน่า มันเหนื่อยนะ เปิดประตูเข้าไปเพื่อนก็ยังไม่เยอะนี่ไม่น่ารีบเลยเรา อยู่ๆก็มีใครสักคนถามขึ้นมาว่า หน้ามันจัง เห้ยยยยย ทำไมพูดงี้ฟะ เสียเซลฟ์อย่างรุนแรง คนที่พูดก็คือพี่ติวเตอร์นั่นเอง เจอครั้งแรกก็เล่นกันซะขนาดนี้หน้ากับชื่อนี่ต้องจำขึ้นใจแน่นอน ระหว่างที่รอเพื่อนพี่เขาก็ชวนเพื่อนๆกับเราเล่นเกม พระจันทร์ยิ้ม นั่นแหละ
มันคืออะไร ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่ามองไงมันยิ้มหรือไม่ยิ้ม มองหน้าคนถามก็นิ่งชิบ ดูมือก็ดูยังไงก้ยังตอบผิด เลิกเถอะเกมนี้ยอม แล้วก็ถึงเวลาเริ่มเรียนพี่เขาก็เริ่มสอน จนสามชั่วโมงผ่านไป....หมดคาบ ก็มีการให้ประเมินติวเตอร์ แน่นอนว่าต้องเอาคืนแน่นอนก็คอมเม้นไปแล้วก็ส่งกระดาษให้ วันต่อไปๆก็จะเปลี่ยนติวเตอร์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งต้องมาเจอเขาอีกเขารอบเรายังแค้นสำหรับคำทักทายนั้น ดีที่ไม่ทักอีกรอบสอง แค่ครั้งแรกก็ทำให้เราพอเจอหน้าเพื่อนก็ถามเพื่อนว่า เราหน้ามันมากเลยหรอ

เวลาก็ดำเนินผ่านไปจนกระทั่งจบค่ายมีไปกินเลี้ยงที่ร้านหมูกระทะยกค่ายกันเลยทีเดียว เราเห็นเพื่อนไปแชะภาพกับพี่ๆ อยากจะทำบ้างแต่พี่ติวเตอร์เขาไม่มา ถึงมาก็คิดว่าไม่กล้า(รรเราผชน้อย เวลาอยู่ใกล้หรือคุยกับผชที่อายุมากกว่าจะเป็นใบ้โดยอัตโนมัติเเละก็เขิลๆด้วย) ถึงเวลาก็แยกย้ายกันกลับเรากลับที่หอเตรียมเก็บของเพราะพนก็ย้ายออกแล้ว
พอกลับมาบ้านมาแรกๆมันรู้สึกเหงามากๆ แล้ววันนึงเราเล่นเฟสอยู่ๆเราก็เจอเฟสพี่ติวเตอร์คนนั้น พอเขารับแอดเราก็ทักทายโดยการเอาภาพหลุดแกไปโพสหน้าวอลเขาซะเลย หายกันนะ เพราะพี่เขาเป็นคนไม่ถือสาเราก็เลยกล้าที่จะทักไปถาม ตอนนั้นที่เราอยากรู้ก็มีสาขาที่เขาเรียนอ่ะมันดียังไงเผื่อจะเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ อุตส่าห์ถามสาระไปก็โดนกวนกลับมา เฮ้อออออ
แต่เราก็ไม่คุยกับเขาทุกวันนานๆครั้งที่เขารู้สึกสงสัยเรื่องเรียนเราก็ถามไปบาง แต่หลังๆเราเห็นว่าสาระเขาเริ่มไม่ค่อยมีเลยชวนโม้ไปเรื่อย
คุยและก็ถามได้หลายเรื่องเป็นที่ปรึกษาให้เราด้วย มันก็ทำให้เรารู้สึกดีระดับนึง คนเรามันก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างดิ
แต่ช่วงหลังๆมาเริ่มมากขึ้น บางครั้งเรารู้สึกเหมือนเราโดนหยอด แต่เราก็กลัวว่าเราอ่ะคิดเพ้อไปเองเลยคิดว่ามันคงไม่ใช่อ่ะ เราคงคิดไปเองแหละ
พอเราก็เริ่มอึดอัดเลยบอกไปว่ามาหยอดแบบนี้มันทำเราหวั่นไหวนะ แต่เขายืนยันว่าจะหยอดคือจีบหรอ

จากนั้นก็คุยเหมือนต่อมาช่วงนั้นเรามีความสุขมากนะจนมาถึงสองเดือนก่อนหน้านี้ เขาดูไม่ว่างคุย ตอบสั้นๆ ตอบแตกต่างไปจากเดิมเราก็รู้สึกได้เลยว่าเขาคงรู้สึกไม่เหมือนเดิมแล้วแต่เผื่อให้ชัวร์เลยถามไปเลยดีกว่ามาสรุปเอง ชัดเลยลางสังหรณ์ของผู้หญิงมันแม่นจริงๆนะ เราคิดว่าเราคงจะเขาไปตอนที่เขาไม่มีใครและก็กำลังเหงาอยู่
ส่วนเราตอนนี้ก็มีดราม่าเล็กน้อย(หรอ)มันก็เสียใจนะ ก็พอรู้อยู่ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ อยู่ก็ห่างกัน คนรอบตัวที่เข้าหาเขาก็ดูดีกว่าเรา และเขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะมีคนคบแล้ว เหมือนที่เขาเคยบ่นกับเราไว้แล้ว ดีใจด้วยนะ
เรายังไม่พร้อมคุยกับเขาในฐานะน้องขอเวลาให้เราทำใจหน่อยนะ เรากำลังพยายามอยู่แรกๆเราอาจเผลอห้ามไม่ให้ทักไปไม่ได้เลยอาจไปรบกวน ตอนนี้เราเริ่มทำได้แล้วล่ะ ไม่รู้พี่จะเป็นไงบ้างอ่ะแต่ก็ขอให้โชคดีนะ
แล้วชาวพันทิปเข็ดกับการอกหักกันบ้างรึป่าวคะ



มุมมองของคนอกหักเสมอมา..(เป็นแบบนี้เหมือนกันไหม?)
แปลว่าไม่ใช่แค่ครั้งเดียว555 แต่เป็นทุกๆครั้งที่ชอบใครสักคน
เริ่มกลัวกับการที่จะเริ่มต้นใหม่และ เขาทำให้เราไม่อยากคบใครอีกแล้ว...
ตอนนั้นเราอยู่ม.5 ช่วงค้นหาตัวเองว่าจะเป็นอะไรดี ก็เลยสมัครค่ายติวฟรีค่ายนึงไปกับเพื่อนๆ เพราะค่ายๆนี้แหละทำให้เราได้เจอกับเขาและคนอื่นๆอีกมากมาย ค่ายนี้เป็นค่ายติวของวิศวะ แน่นอนว่าจะต้องเจอพี่วิศวะที่หล่อๆแน่ๆ วันแรกของการเรียนเรานั่งเมล์ไปเรียนจากบ้านไปที่มอพร้อมกับเพื่อนๆไปเช้ามากเพราะแถวนั้นรถติดมากช่วงสายๆ พอไปถึงก็เช็ครายชื่อ รายชื่อของเรากับเพื่อนอยู่กันคนละกลุ่มกันเลย
ช่วงเช้าที่เริ่มเรียนก็ประมาณ 8 โมงครึ่ง เราถึงห้องก็ 9 โมงหน่อยๆเอง ก็เดินขึ้นชั้นหกนี่หน่า มันเหนื่อยนะ เปิดประตูเข้าไปเพื่อนก็ยังไม่เยอะนี่ไม่น่ารีบเลยเรา อยู่ๆก็มีใครสักคนถามขึ้นมาว่า หน้ามันจัง เห้ยยยยย ทำไมพูดงี้ฟะ เสียเซลฟ์อย่างรุนแรง คนที่พูดก็คือพี่ติวเตอร์นั่นเอง เจอครั้งแรกก็เล่นกันซะขนาดนี้หน้ากับชื่อนี่ต้องจำขึ้นใจแน่นอน ระหว่างที่รอเพื่อนพี่เขาก็ชวนเพื่อนๆกับเราเล่นเกม พระจันทร์ยิ้ม นั่นแหละ
มันคืออะไร ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่ามองไงมันยิ้มหรือไม่ยิ้ม มองหน้าคนถามก็นิ่งชิบ ดูมือก็ดูยังไงก้ยังตอบผิด เลิกเถอะเกมนี้ยอม แล้วก็ถึงเวลาเริ่มเรียนพี่เขาก็เริ่มสอน จนสามชั่วโมงผ่านไป....หมดคาบ ก็มีการให้ประเมินติวเตอร์ แน่นอนว่าต้องเอาคืนแน่นอนก็คอมเม้นไปแล้วก็ส่งกระดาษให้ วันต่อไปๆก็จะเปลี่ยนติวเตอร์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งต้องมาเจอเขาอีกเขารอบเรายังแค้นสำหรับคำทักทายนั้น ดีที่ไม่ทักอีกรอบสอง แค่ครั้งแรกก็ทำให้เราพอเจอหน้าเพื่อนก็ถามเพื่อนว่า เราหน้ามันมากเลยหรอ
พอกลับมาบ้านมาแรกๆมันรู้สึกเหงามากๆ แล้ววันนึงเราเล่นเฟสอยู่ๆเราก็เจอเฟสพี่ติวเตอร์คนนั้น พอเขารับแอดเราก็ทักทายโดยการเอาภาพหลุดแกไปโพสหน้าวอลเขาซะเลย หายกันนะ เพราะพี่เขาเป็นคนไม่ถือสาเราก็เลยกล้าที่จะทักไปถาม ตอนนั้นที่เราอยากรู้ก็มีสาขาที่เขาเรียนอ่ะมันดียังไงเผื่อจะเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ อุตส่าห์ถามสาระไปก็โดนกวนกลับมา เฮ้อออออ
แต่เราก็ไม่คุยกับเขาทุกวันนานๆครั้งที่เขารู้สึกสงสัยเรื่องเรียนเราก็ถามไปบาง แต่หลังๆเราเห็นว่าสาระเขาเริ่มไม่ค่อยมีเลยชวนโม้ไปเรื่อย
คุยและก็ถามได้หลายเรื่องเป็นที่ปรึกษาให้เราด้วย มันก็ทำให้เรารู้สึกดีระดับนึง คนเรามันก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างดิ
แต่ช่วงหลังๆมาเริ่มมากขึ้น บางครั้งเรารู้สึกเหมือนเราโดนหยอด แต่เราก็กลัวว่าเราอ่ะคิดเพ้อไปเองเลยคิดว่ามันคงไม่ใช่อ่ะ เราคงคิดไปเองแหละ
พอเราก็เริ่มอึดอัดเลยบอกไปว่ามาหยอดแบบนี้มันทำเราหวั่นไหวนะ แต่เขายืนยันว่าจะหยอดคือจีบหรอ
ส่วนเราตอนนี้ก็มีดราม่าเล็กน้อย(หรอ)มันก็เสียใจนะ ก็พอรู้อยู่ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ อยู่ก็ห่างกัน คนรอบตัวที่เข้าหาเขาก็ดูดีกว่าเรา และเขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะมีคนคบแล้ว เหมือนที่เขาเคยบ่นกับเราไว้แล้ว ดีใจด้วยนะ
เรายังไม่พร้อมคุยกับเขาในฐานะน้องขอเวลาให้เราทำใจหน่อยนะ เรากำลังพยายามอยู่แรกๆเราอาจเผลอห้ามไม่ให้ทักไปไม่ได้เลยอาจไปรบกวน ตอนนี้เราเริ่มทำได้แล้วล่ะ ไม่รู้พี่จะเป็นไงบ้างอ่ะแต่ก็ขอให้โชคดีนะ
แล้วชาวพันทิปเข็ดกับการอกหักกันบ้างรึป่าวคะ