“พิจักขณา พาทัวร์” อีกมิติของ “น้ำตาล” นางเอกไม่ติดสวย! [อีกบทสัมภาษณ์ที่จะทำให้รู้จักเธอดีขึ้น]

จากการที่ได้เป็นแฟนละครน้ำตาลมาน่าจะสองปีแบบไม่รู้ตัว นอกเหนือจากการติดตามละครแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ยังคอยตามดูผลงาน เป็นกำลังใจแบบห่างๆ นั้นก็คือ แนวคิด จากการสัมภาษณ์ตามนิตยสารต่างๆ

น้ำตาลเป็นคนที่มีข่าวน้อยนะ อาจจะมีข่าวด้านลบว่า ไม่ดังบ้าง เลือกอีเว้นท์บ้าง เรื่องผู้ชายบ้าง
ก็เลยอยากนำข่าวอีกด้านของเธอมาให้รับรู้กัน ว่าจริงๆแล้วเธอเป็นคนแบบไหนกัน

และนี้ก็เป็นอีกบทสัมภาษณ์ที่น่าประทับใจแสดงถึงตัวตนที่แสนเรียบง่าย และแมนๆ ของสาวชื่อหวาน
ที่อยากนำมาแบ่งปันให้หลายๆคนได้รับรู้เรื่องราวของเธอกัน น้ำตาล พิจักขณา

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



ห้าวๆ ลุยๆ คุยกันแบบแมนๆ ว่างๆ ไม่มาคอยนั่งเมาท์ แต่ชอบเอาเวลาไปฝึกปีนเขา ดำน้ำ และเรียนรู้วิถีธรรมชาติในฐานะผู้มาเยือนมากกว่า ถ้า “เส้นทางสายบันเทิง” เปรียบเสมือนลมหายใจเข้า “เส้นทางสายท่องเที่ยว” คงเปรียบเสมือนลมหายใจออกของนางเอกสาวคนนี้ เพราะเธอบุกมาหมดแล้วจริงๆ ตั้งแต่เหนือจดใต้ นี่แหละที่ทำให้ “น้ำตาล” กลายเป็นนางเอกขาลุย ไม่ติดหรู ไม่ห่วงสวย และพร้อมจะพาใครต่อใครท่องไปค้นมิติความเป็นเธอ!

ประทับใจไม่รู้ลืม... Unseen ถิ่นเหนือ!



“พอเราไม่ใช่ผู้หญิงแบบผู้หญิงจ๋าๆ ไม่ใช่ผู้หญิงหวานๆ เดินชอปปิ้ง เดินห้างฯ อย่างเดียว เราจะรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตที่มันคุ้มค่านะ เกิดมาครั้งหนึ่งเราได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง ถึงแม้วันนี้เราได้เป็นนักแสดงแล้ว แต่เราก็ยังได้ใช้ชีวิตของเรา ได้ไปเที่ยว ได้ทำในสิ่งที่เรารัก มันทำให้รู้สึกว่ามีชีวิตชีวามากๆ เลย”

นี่แหละที่ทำให้น้ำตาลถูกเพื่อนๆ ขนามนามว่า “พิจักขณา พาทัวร์” เอาชื่อจริง “พิจักขณา วงศารัตนศิลป์” มาตั้งเป็นชื่อทริป เพราะนิสัยชีพจรลงเท้าที่ติดตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร



“เราจะเป็นคนวางแพลนหมดเลย และจะไม่ใช่แค่ไปนอนโรงแรมสวยๆ หรือถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้แล้วก็กลับ ตาลจะพาทุกคนไปทุกที่ ตาลชอบหาข้อมูลค่ะ จะเข้าไปศึกษาหมดเลยว่าในกระทู้พันทิปพูดถึงแต่ละที่ว่ายังไงบ้าง มีใครมาคอมเมนต์ว่ายังไง เราก็จะรวบรวมมาแล้วก็ลองไปตามนั้น วางตารางเวลาเองเลย บางทีคุยกับทีมงาน พี่ๆ ฝ่ายโลเกชันในกองละครก็ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ พี่เขาจะรู้สถานที่สวยๆ ในเมืองไทยเยอะมาก เพราะก่อนจะถ่ายละครแต่ละเรื่องได้ เขาต้องลงพื้นที่จริง ไปคุยกับชาวบ้านจริง เขาเลยจะมี connection เยอะมาก การที่เราได้คุยกับเขาก็เหมือนเราได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ไปด้วย พี่เขาจะบอกเลยว่าน้องน้ำตาลลองไปที่นี่สิ สวยกว่าที่เราไปถ่ายรูปมาอีกนะ มันทำให้เราได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ได้รู้จักสถานที่เที่ยวที่ไม่ซ้ำใครดีค่ะ”               

ไหนๆ ก็ไหนๆ ลองให้หัวหน้าทัวร์หน้าสวยแนะนำ “Unseen ถิ่นเหนือ” ดูบ้าง ในฐานะเจ้าถิ่น เด็กเมืองแพร่และอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงเริ่มรื้อความทรงจำที่เคยฝากเอาไว้ ณ “ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน” ขึ้นมาปัดฝุ่นอีกครั้งหนึ่ง


“ตาลเคยไปกับเพื่อนที่ มช.ขี่มอเตอร์ไซค์ไปกัน และตาลก็ไปรถล้มที่นั่นค่ะ แต่สถานที่มันสวยมากจนทำให้เราลืมความเจ็บปวดทุกสิ่งทุกอย่างไปเลย (ยิ้มกว้างฉายประกายสดใสในแววตา) ตอนนั้นประทับใจมากเพราะเรายังเป็นนักศึกษาอยู่ ไปเที่ยวกันเอง มีเงินน้อยมาก แต่ชาวบ้านทุกคนเขาก็เข้ามาช่วยเรา เห็นเรานอนนิ่งๆ เขาก็วิ่งกันเข้ามาดูว่าเราเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ความจริงแล้วเราไม่เป็นอะไรเลยค่ะเพราะเราใส่เสื้อผ้าหนา               

ชาวบ้านเขาก็ตกใจกันใหญ่ ทำให้เราได้เห็นความน่ารักของเขามากๆ อย่างหนึ่งค่ะ ตาลก็ไม่รู้ว่ามันถูกต้องหรือเปล่าที่เขาพาเราลุกขึ้นมา แล้วเขาก็เอาน้ำมันเหลืองๆ มาทาให้เรา ก่อนทาเขาก็ท่องคาถาด้วยค่ะ เราก็แอบตกใจนิดหนึ่ง แต่เราก็ปลื้มใจมากค่ะที่เห็นเขาพยายามช่วยเหลือเราทุกอย่าง มันเลยทำให้เราประทับใจมากจนถึงทุกวันนี้               

ตอนไปที่นั่น ตาลกับเพื่อนเดินทางกันเย็นๆ พอไปถึงพระอาทิตย์ก็ตกแล้ว เลยยังมองไม่เห็นอะไร ถึงแล้วก็กางเต็นท์นอนกันเลย พอตื่นเช้าวันรุ่งขึ้น เปิดซิปออกมา มันเป็นภาพที่งดงามมากจริงๆ ค่ะ เราได้เห็นภูเขาทั้งลูกเหลืองอร่าม ทั้งๆ ที่ตอนเราขี่มอเตอร์ไซค์กันมา เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เราขับรถผ่านมาเมื่อวานมันเหลืองทั้งภูเขาเลยนะเว้ย! เลยทำให้เรายิ่งตื่นเต้นมากแล้วก็ประทับใจมากๆ แถมเป็นการไปแบ็กแพกและไปนอนเต๊นท์ครั้งแรกของตาลด้วยค่ะในทริปนี้


ทุกวันนี้ พอกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เราก็ยังอยากจะพาเพื่อนๆ ไปดูไปเห็นความสวยงามของที่นี่ตลอดอยู่เลยค่ะ ตาลว่ามันเป็น Unseen อีกที่หนึ่งของเมืองไทยนะ เพราะว่าโค้งมันหักศอกหมดเลย ถือเป็นเส้นทางที่ลำบากนิดหนึ่ง ไปถึงปาย ทุกคนว่าโหดแล้ว แต่ไปที่นี่ต้องต่อรถเข้าไปอีกหลายชั่วโมงเหมือนกันค่ะ หรือไม่ ถ้าไม่ไปทางนั้นก็ต้องอ้อมไปอีกทางหนึ่งซึ่งมันก็ค่อนข้างจะไกลพอสมควร แต่ตอนเราไป เราก็คิดว่าเราอยากไปเห็นให้ได้สักครั้ง และพอไปเห็นจริงๆ ก็รู้สึกว่ามันสวยมากจริงๆ มันเหลืองสุดลูกหูลูกตาไปหมด               

ดอกบัวตองเนี่ย ตอนแรกเราคิดว่ามันจะเป็นดอกบัวที่อยู่ในน้ำ เราไม่เคยคิดเลยว่ามันจะคล้ายๆ กับดอกทานตะวันเล็กๆ และมันเหลืองสุดลูกหูลูกตา เหลืองมากค่ะ มันไม่ได้เหลืองแค่หย่อมเดียว แต่มันเหลืองทั้งภูเขาและมันสวยงามมาก เลยยิ่งทำให้ตาลชื่นชอบแม่ฮ่องสอนมากค่ะ เพราะไปแล้วเรายังเที่ยวต่อได้อีกหลายที่ มีทั้งที่ “ปางอุ๋ง” แล้วก็ “บ้านรักไทย” ด้วย”               

“ขุนช่างเคี่ยน จ.เชียงใหม่” คืออีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในความทรงจำของน้ำตาล ตั้งแต่สมัยเรียนคณะศึกษาศาสตร์ที่ ม.เชียงใหม่ มีโอกาสได้เป็น “ครูอาสา” ออกค่ายพัฒนาชุมชน ไปอยู่ ไปกิน ไปนอน และสอนหนังสือให้น้องๆ อยู่บนดอยแห่งนั้น จนเกิดความรู้สึกผูกพันและเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอหลงเสน่ห์แห่งการท่องเที่ยวตามรอยวิถีชุมชนมาจนถึงทุกวันนี้



“เราไปกันตั้งแต่สมัยที่นี่ยังไม่บูมเลยค่ะ แต่ตอนนี้บูมแล้วเพราะมีดอกพญาเสือโคร่งที่คนชอบไปถ่ายรูปกัน เป็นต้นซากุระเมืองไทย จะอยู่เลยพระธาตุดอยสุเทพขึ้นไป ข้างบนก็จะมีโรงเรียนขุนช่างเคี่ยนอยู่ ตอนนั้นมีครูแค่ 3 คนเองค่ะ เราเป็นเหมือนรุ่นบุกเบิกไปหาน้องๆ ได้ไปนอนที่นั่นแบบไม่มีไฟฟ้าด้วย แล้วก็จุดเทียนพรรษาอยู่กัน เป็นประสบการณ์ที่สนุกมากเลย               

ตอนตาลขึ้นไป ได้อยู่กับน้องๆ 3-4 วัน เห็นเด็กบางคนยังใส่ชุดเดิมอยู่เลย มีขี้มูกขี้ไคล เราก็ถามน้องว่า “ทำไมไม่อาบน้ำ” (ทำเสียงดุนิดๆ ปนเอ็นดู) น้องเขาก็บอกว่ามันหนาวมากเลยพี่ แต่มันหนาวมากจริงๆ ค่ะ ยิ่งฝนตก อากาศยิ่งหนาวเข้าไปอีก เราเลยไม่โทษน้องเขาเลย เพราะขนาดเราขึ้นไป เรายังไม่อยากอาบน้ำเลย” นางเอกสาวยิ้มละมุนตบท้าย               

“และที่ตลกมากคือตอนกลับลงมาจากนั่น ทุกคนเป็นเหากันหมดเลย (หัวเราะเบาๆ) เพราะเราไปนอนโรงเรียนเด็กอนุบาลของน้องเขา เราก็เอาเบาะของเขามานอนกัน พอตอนกลับลงมา มันฮามากตรงที่พวกเราต้องมานั่งหมักเหากัน ซึ่งเราไม่ได้มีอารมณ์หมักเหากันมานานมากแล้ว เราเลยคิดว่าถ้ามีโอกาสขึ้นไปอีก เราจะเอายานี้แหละไปให้เขาด้วย”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่