.
.
Larry Thorne in US
.
.
ตั้งแต่ช่วงปี 1939-1965
Lauri Törni นายทหารผู้มี 3 บทบาท พระเอก ผู้ร้าย พระเอก
ร้อยเอก พร้อมเหรียญกล้าหาญระดับสูงสุดจาก Finland
ร้อยตรี (SS-Untersturmführer) จาก Nazi Germany
พันตรี Green Berer หน่วยรบพิเศษ US Special Forces
ยุทธการที่สอดคล้องกัน คือ การรบกับศัตรู
พวกนิยมระบอบคอมมิวนิสต์ ใต้ร่มธง 3 ชาติ
.
.
Lauri Törni เกิดในฟินแลนด์ในปี 1919
เป็นบุตรชายของนาวาเอก
สมัครเข้าเป็นทหารกองทัพบก ตอนอายุ 18 ปี
เริ่มเข้ารบอย่างห้าวหาญกับกองทัพโซเวียตรัสเซีย
ที่โจมตีฟินแลนด์ในตอนปลายปี 1939
ฟินแลนด์ต้องระดมประชาชน
เข้าประจำการเป็นทหารจำนวนมาก
Törni ถูกย้ายไปรบในแนวหน้า
เป็นหน่วยรบเคลื่อนที่เร็วด้วยสกี แล่นไถลไปท่ามกลางหิมะ
เพื่อเข้าไปรบกับกองทัพแดง Red Army
.
.
.
.
Lauri Törni นำทัพด้วยการแล่นสกี
แต่ได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิดในปี 1942
ขณะสกีผ่านทุ่งสังหารที่เต็มไปด้วยกับระเบิด
แต่เมื่อ Törni หายจากบาดเจ็บแล้วได้กลับมารบอีกครั้ง
ผลการรบอย่างกล้าหาญและห้าวหาญของ Törni
ในปี 1944 ที่สงคราม Winter War ได้สร้างชื่อเสียงมากที่สุด
ทำให้ Törni เป็นที่รู้จัก/ประทับใจของผู้บังคับบัญชา
จึงเลื่อนตำแหน่งให้ Törni มียศร้อยตรี
.
.
ในปี 1941 Hitler ได้ฉีกสนธิสัญญาไม่รุกรานกันทิ้ง
Nazi-Soviet Non-Aggression Pact
ด้วยการบุกเข้าโจมตีโซเวียตรัสเซีย
Finland ไม่มีทางเลือกต้องยอมเป็นพันธมิตรกับนาซีเยอรมัน
ในการต่อต้านโซเวียตรัสเซียและร่วบรบกับนาซีเยอรมัน
ทำให้ Törni มีปูมหลังที่ต้องเดินทางไปเยอรมันนี
เพื่อฝึกฝนและรับการอบรมช่วงสั้น ๆ กับ Waffen-SS
Törni เดินทางกลับฟินแลนด์
Törni มีชื่อเสียงมากในสงคราม Continuation War
ในการต่อต้านและรบกับกองทัพแดงรัสเซีย
ภายใต้การบังคับบัญชาหน่วยรบทหารราบของ Törni
ทำให้ Törni มีชื่อเสียงมากได้รับฉายาว่า
Detachment Törni นักรบเฉพาะภารกิจพิเศษ
เป็นที่ยอมรับของทหารทั้งสองฝ่าย
ทั้งเรื่องที่น่าชื่นชมกับเรื่องที่น่าเกรงขาม
กับความสามารถที่บ้าบิ่นอย่างมาก
ในการเจาะลึกเข้าไปในแนวหลัง/แนวรบข้าศึก
.
.
.
.
ผลการรบที่มีชัยชนะอย่างมากหลายครั้งของร้อยเอก Törni
ทำให้กองทัพแดงประกาศว่ารัฐบาลโซเวียตรัสเซีย
ตั้งค่าหัว Törni ไว้ถึง 3 ล้าน Finnish Marks ($700,000 / £450,000)
และ Törni ยังได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญสูงสุด
Mannerheim Cross ระดับสูงสุดของฟินแลนด์
สงคราม Continuation War สิ้นสุดเดือน กันยายน 1944
โดยการลงนามสงบศึก Moscow Armistice
ระหว่างฟินแลนด์ กับ โซเวียตรัสเซีย
เงื่อนไขในการเจรจาสงบศึกคือ
Finland ต้องยอมยกดินแดนบางส่วนให้โซเวียตรัสเซีย
เป็นค่าปฏิกรรมสงคราม ออกกฎหมายยอมรับการมีพรรคคอมมิวนิสต์ฟินแลนด์
และต้องผลักดัน/ขับไล่กองทัพนาซีเยอรมัน
ออกจากดินแดนคุ้มครองของฟินแลนด์
(นำไปสู่สงคราม Lapland War 1943-1944)
.
.
Lauri Törni รับไม่ได้กับเงื่อนไขการเจรจาสงบศึก
กอปรกับยังชื่นชอบกับการผจญภัยในการรบ
จึงเข้าร่วมกองกำลังลับชาวฟินแลนด์ต่อต้านโซเวียตรัสเซีย
ที่บงการโดยนายทหารเยอรมัน
โดยมีเป้าหมายหลักคือ
การก่อรัฐประหารจากพวกนาซีในฟินแลนด์
.
.
ในฐานะเป็นทหารของหน่วย Waffen-SS
Törni ได้รับการฝึกฝนพิเศษในเยอรมันนี
เกี่ยวกับวิธีการก่อวินาศกรรม
ตอนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ใกล้ยุติ
Törni ยอมจำนนกับกองทัพอังกฤษ
แต่แล้วในที่สุดก็แหกคุกเชลยศึก POW
เพื่อหนีกลับคืนมาตุภูมิฟินแลนด์
เมื่อกลับถึงบ้านเกิดแล้ว
Törni ถูกจับกุมโดยตำรวจรัฐ
แล้วถูกศาลตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 6 ปี
ในความผิดฐานกบฏ/ทรยศต่อชาติ
เพราะเข้าร่วมกับกองทัพนาซีเยอรมัน
แต่ได้รับอภัยโทษจากประธานาธิบดีฟินแลนด์
ในตอนปลายปี 1948
.
.
.
.
เพื่อหลีกหนีการใช้ชีวิตอยู่ภายในการสอดส่อง
จับตามองจ้องหาความผิดจากเจ้าหน้าที่รัฐฟินแลนด์
Törni จึงหลบหนีข้ามพรมแดนไปยังสวีเดน ในปี 1949
โดยเดินทางหลบหนีในคราบกะลาสีเรือชาวสวีเดน
ที่แล่นเรือมุ่งหน้าไปยังเวนูซูเอร่า
และที่ประเทศนั้น Törni ได้เปลี่ยนไป
ทำงานบนเรือสินค้าสวีเดน
ที่บรรทุกระวางสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา
ในช่วงที่เรือแล่นอยู่ในอ่าวเม็กซิโก
ไม่ไกลจากชายฝั่งแอลบาม่า
Törni ได้กระโดดลงในทะเลแล้วว่ายน้ำขึ้นฝั่ง
แล้วเดินทางไปยังมหานครนิวยอร์ค
นครรัฐที่ Törni ได้รับการช่วยเหลืออย่างมาก
จากชุมชนชาว Finnish-American ในเขต Brooklyn
Törni เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นช่างไม้/คนทำความสะอาด
.
.
.
.
ในปี 1953 Törni ได้รับสิทธิพำนักถาวร
ด้วยความช่วยเหลือจาก Donovan เจ้าของฉายา Wild Bill
อดีตหัวหน้าสำนักงานกองกำลังยุทธการ
Office of Strategic Services
หน่วยสืบราชการลับสงครามสหรัฐฯ
US’s wartime intelligence agency
มีกระแสข่าวว่า
สาเหตุที่ Törni ต้องหลบหนีไปสหรัฐอเมริกา
เพราะทางโซเวียตรัสเซียต้องการตัว Törni อย่างแรง
และกดดันให้รัฐบาลฟินแลนด์จับกุมตัว Törni
ส่งตัวให้กับโซเวียตรัสเซียในฐานะอาชกรสงคราม
เพราะเคยทำการรบร่วมกับกองทัพนาซีเยอรมัน
ดังนั้น Törni จึงหลบหนีไปยังสหรัฐอเมริกา
ด้วยความช่วยเหลือจาก Wild Bill
ที่ตอนสงครามช่วงนั้นเป็นหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ
และมีข้อมูลเกี่ยวกับผลการรบของ Törni เป็นอย่างดี
Törni เข้ารับรัฐการกองทัพบกสหรัฐในปี 1954
แล้วได้เปลี่ยนชื่อนามสกุลเป็น Larry Thorne
.
.
Thorne ยังคงไว้ซึ่งมิตรภาพที่ดีกับ
เหล่าบรรดานายทหาร Finnish-American
สหายศึกหลายคนที่เคยผ่านการรบในสนามรบเดียวกัน
ในสงครามระหว่างฟินแลนด์กับกองทัพโซเวียตรัสเซีย
ก่อนที่สหายศึกพวกนี้จะอพยพมาทำงานในสหรัฐอเมริกา
หลายคนได้สมัครเข้าหน่วยรบพิเศษสหรัฐฯ
ที่มีการริเริ่มจัดตั้งขึ้นในปี 1952
ในฐานทัพ Fort Bragg รัฐ North Carolina
ทั้งนี้ตามกฎหมาย Lodge-Philbin Act ในปี 1950
ได้เปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้ารับรัฐการทหาร
โดยมีเงื่อนไขพิเศษที่ระบุว่า
คนที่เข้ารับรัฐการทหารครบ 5 ปี
จะได้รับสิทธิเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกา
และต่อมาพลทหาร Thorne
จึงเข้าร่วมรับรัฐการในกองทัพนี้ด้วยในปี 1954
โดยเป็นครูฝึก การแล่นสกี การเอาตัวรอดในที่รบ
การปีนเขาและเทคนิควิธีการสงครามกองโจร
หลังจากทำงานที่ Airborne School ไม่นานนัก
Törni ได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว
จนได้เป็นยศสัญญาบัตรในปี 1957
.
.
ในช่วงปี 1958-1962
Larry Thorne รับรัฐการทหารหน่วยรบพิเศษสหรัฐฯ ในเยอรมันนีตะวันตก
และในขณะเดียวกันได้ไปปฏิบัติการลับ
เพื่อค้นหาศพทหารกับเอกสารลับในเครื่องบินทหาร C-130
ที่ตกระหว่างพรมแดนอิหร่าน อิรัค โซเวียตรัสเซีย
ชุดปฏิบัติการของ Throne เป็นชุดที่ 3
ที่พบเป้าหมายบนยอดสูงสุดของเทือกเขา Zagros
หลังจากชุดปฏิบัติการก่อนหน้านี้ล้มเหลวมาโดยตลอด
ผลงานครั้งนี้สร้างชื่อเสียงให้กับ Thorne เป็นอย่างมาก
เพราะทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย
พฤศจิกายน 1963 Thorne อยู่ในหน่วยรบพิเศษ ที่เวียตนาม
สังกัด Military Assistance Command, Vietnam Studies and Observation Group (MACV-SOG)
ในปฏิบัติการสู้รบแถวดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Thorne เป็นครั้งที่ 2
ที่นี่ Thorne ได้รับเหรียญ Bronze Star
กับ Purple Hearts 5 ดวง เพราะบาดเจ็บจากการรบ
แม้ว่าบาดแผลจากการรบจะอนุญาตให้ Thorne
สามารถถอนตัวออกจากสนาบรบเวียตนามกลับประเทศได้เลย
แต่ Throne ปฏิเสธเรื่องนี้และเข้าร่วมปฏิบัติการพิเศษในฐานที่มั่นแทน
ในปี 1965 ร้อยเอก Thorne วัย 46 ปีแล้ว
ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ปรึกษากองทัพในเวียตนาม
วันที่ 18 ตุลาคม 1965 Thorne
ได้นำชุดปฏิบัติการ MACV-SOG ชุดแรก
ลงไปในพื้นที่ชายแดนลาว เพื่อสะกัดกั้นเวียตกงเหนือ
ที่จะย้ายพลรบกลับในเส้นทางสู่โฮจิมินผ่านทางลาว
ด้วยการขับเฮลิคอปเตอร์จาก South Vietnamese Air Force
ทีมปฏิบัติการของ Throne บรรลุเป้าหมาย
ลงแทรกซีมในพื้นที่ของลาวได้
ในขณะที่ Thorne ยังคงอยู่ด้านบนเพื่อคอยให้การสนับสนุน
เมื่อทีมปฏิบัติการได้ส่งสัญญาณว่าเรียบร้อยแล้ว
Throne กับลูกเรือเวียตนามจึงได้หันหัวเฮลิคอปเตอร์กลับฐานทัพ
5 นาทีต่อมาเฮลิคอปเตอร์เกิดตกในแถบเทือกเขา
ระยะทาง 25 ไมล์ห่างจากเมืองดานัง
เพราะทัศนวิสัยที่เลวร้ายกับสภาพภูมิอากาศ
ทีมกู้ภัยและค้นหาไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ตกได้
เพิ่งจะค้นพบเฮลิคอปเตอร์กับลูกเรือเวียตนาม
ก่อนสงครามเวียตนามจะยุติได้ไม่นานนัก
แต่ไม่พบศพของ Thorne แต่อย่างใด
Thorne จึงถูกจำหน่ายชื่อว่า
สาปสูญในการรบ Missing in Action
ต่อมาสันนิษฐานว่าถูกฆ่าตายแล้ว
และได้รับการเลื่อนยศเป็นพันตรีในเวลาต่อมา
.
.
.
Larry Thorne ได้รับการฝังในสุสานแห่งชาติ
Arlington National Cemetery ในปี 2546/2003
ที่มา
http://goo.gl/SR4Nzn
.
.
Thorne/Törni ได้รับการยอมรับและการเคารพ
จากสหายศึกและทหารใต้การบังคับบัญชา
แม้ว่าจะยังไม่มีใครพบศพเป็นเวลาหลายปีแล้ว
มีแต่ข่าวลือว่า Thorne หลบหนีออกมาจากป่าในเวียตนาม
แล้วหลบไปอยู่ในที่ลึกลับไม่มีใครพบเห็นอีก
หรือ Thorne ถูกเวียตกงจับตัวแล้วส่งให้รัสเซียไปขังในคุกลับ
แต่ยิ่งมีข่าวลือยิ่งทำให้ Thorne กลายเป็นวีรบุรุษนิรันดร
โดยบรรดาทหารผ่านศึกในสหรัฐอเมริกาจะนัดพบกันทุก ๆ ปี
เพื่อดื่มเหล้าอวยพรให้เป็นเกียรติกับ Thorne
โดยทั้งชาวฟินแลนด์และชาวอเมริกาที่ต่างเชื่อว่า Thorne ยังไม่ตาย
ในปี 1999 ภายใต้ปฏิบัติการร่วมกันค้นหาทีมสหรัฐฯ กับเวียตนาม
ได้กลับไปค้นหาตำแหน่งเดิมที่พบเฮลิคอปเตอร์ตก
ทีมงานได้ค้นพบศพ Thorne อยู่ห่างไกลออกไป
พร้อมกับปืนพกสวีเดนประจำกาย
ผลการตรวจสอบทางนิติเวชศาสตร์ Forensic
กับผลทดสอบ DNA ยืนยันได้ว่าเป็น Larry Thorne
ร่องรอยบดกัดในฟันยืนยันว่า Thorne เสียชีวิตในคืนนั้น
Ronald Reagan " This Green Berer's heroism was so incredible and hard to believe. "
.
.
.
สุสาน Thorne ร่วมกับทหารร่วมรบศึกเวียตนาม
ใน Arlington National Cemetery
ที่มา
https://goo.gl/ayVpG2
.
.
เรียบเรียง/ที่มา
http://goo.gl/SR4Nzn
http://goo.gl/ewVDGY
https://goo.gl/ayVpG2
http://goo.gl/zv0gOs
https://goo.gl/F8Au7V
นายทหารผู้รบให้ Finland, Nazi Germany กับ US.Army
.
Larry Thorne in US
.
ตั้งแต่ช่วงปี 1939-1965
Lauri Törni นายทหารผู้มี 3 บทบาท พระเอก ผู้ร้าย พระเอก
ร้อยเอก พร้อมเหรียญกล้าหาญระดับสูงสุดจาก Finland
ร้อยตรี (SS-Untersturmführer) จาก Nazi Germany
พันตรี Green Berer หน่วยรบพิเศษ US Special Forces
ยุทธการที่สอดคล้องกัน คือ การรบกับศัตรู
พวกนิยมระบอบคอมมิวนิสต์ ใต้ร่มธง 3 ชาติ
.
.
ที่มา http://goo.gl/ewVDGY
.
Lauri Törni เกิดในฟินแลนด์ในปี 1919
เป็นบุตรชายของนาวาเอก
สมัครเข้าเป็นทหารกองทัพบก ตอนอายุ 18 ปี
เริ่มเข้ารบอย่างห้าวหาญกับกองทัพโซเวียตรัสเซีย
ที่โจมตีฟินแลนด์ในตอนปลายปี 1939
ฟินแลนด์ต้องระดมประชาชน
เข้าประจำการเป็นทหารจำนวนมาก
Törni ถูกย้ายไปรบในแนวหน้า
เป็นหน่วยรบเคลื่อนที่เร็วด้วยสกี แล่นไถลไปท่ามกลางหิมะ
เพื่อเข้าไปรบกับกองทัพแดง Red Army
.
.
Lauri Törni นำทัพด้วยการแล่นสกี
แต่ได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิดในปี 1942
ขณะสกีผ่านทุ่งสังหารที่เต็มไปด้วยกับระเบิด
แต่เมื่อ Törni หายจากบาดเจ็บแล้วได้กลับมารบอีกครั้ง
ผลการรบอย่างกล้าหาญและห้าวหาญของ Törni
ในปี 1944 ที่สงคราม Winter War ได้สร้างชื่อเสียงมากที่สุด
ทำให้ Törni เป็นที่รู้จัก/ประทับใจของผู้บังคับบัญชา
จึงเลื่อนตำแหน่งให้ Törni มียศร้อยตรี
.
.
ร้อยโท Törni (คนกลาง) ฟินแลนด์
ที่มา https://goo.gl/ayVpG2
.
ในปี 1941 Hitler ได้ฉีกสนธิสัญญาไม่รุกรานกันทิ้ง
Nazi-Soviet Non-Aggression Pact
ด้วยการบุกเข้าโจมตีโซเวียตรัสเซีย
Finland ไม่มีทางเลือกต้องยอมเป็นพันธมิตรกับนาซีเยอรมัน
ในการต่อต้านโซเวียตรัสเซียและร่วบรบกับนาซีเยอรมัน
ทำให้ Törni มีปูมหลังที่ต้องเดินทางไปเยอรมันนี
เพื่อฝึกฝนและรับการอบรมช่วงสั้น ๆ กับ Waffen-SS
Törni เดินทางกลับฟินแลนด์
Törni มีชื่อเสียงมากในสงคราม Continuation War
ในการต่อต้านและรบกับกองทัพแดงรัสเซีย
ภายใต้การบังคับบัญชาหน่วยรบทหารราบของ Törni
ทำให้ Törni มีชื่อเสียงมากได้รับฉายาว่า
Detachment Törni นักรบเฉพาะภารกิจพิเศษ
เป็นที่ยอมรับของทหารทั้งสองฝ่าย
ทั้งเรื่องที่น่าชื่นชมกับเรื่องที่น่าเกรงขาม
กับความสามารถที่บ้าบิ่นอย่างมาก
ในการเจาะลึกเข้าไปในแนวหลัง/แนวรบข้าศึก
.
.
ผลการรบที่มีชัยชนะอย่างมากหลายครั้งของร้อยเอก Törni
ทำให้กองทัพแดงประกาศว่ารัฐบาลโซเวียตรัสเซีย
ตั้งค่าหัว Törni ไว้ถึง 3 ล้าน Finnish Marks ($700,000 / £450,000)
และ Törni ยังได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญสูงสุด
Mannerheim Cross ระดับสูงสุดของฟินแลนด์
สงคราม Continuation War สิ้นสุดเดือน กันยายน 1944
โดยการลงนามสงบศึก Moscow Armistice
ระหว่างฟินแลนด์ กับ โซเวียตรัสเซีย
เงื่อนไขในการเจรจาสงบศึกคือ
Finland ต้องยอมยกดินแดนบางส่วนให้โซเวียตรัสเซีย
เป็นค่าปฏิกรรมสงคราม ออกกฎหมายยอมรับการมีพรรคคอมมิวนิสต์ฟินแลนด์
และต้องผลักดัน/ขับไล่กองทัพนาซีเยอรมัน
ออกจากดินแดนคุ้มครองของฟินแลนด์
(นำไปสู่สงคราม Lapland War 1943-1944)
.
.
Lauri Törni ร้อยเอกฟินแลนด์
.
Lauri Törni รับไม่ได้กับเงื่อนไขการเจรจาสงบศึก
กอปรกับยังชื่นชอบกับการผจญภัยในการรบ
จึงเข้าร่วมกองกำลังลับชาวฟินแลนด์ต่อต้านโซเวียตรัสเซีย
ที่บงการโดยนายทหารเยอรมัน
โดยมีเป้าหมายหลักคือ
การก่อรัฐประหารจากพวกนาซีในฟินแลนด์
.
.
Lauri Törni ร้อยตรี Waffen-SS http://goo.gl/SR4Nzn
.
ในฐานะเป็นทหารของหน่วย Waffen-SS
Törni ได้รับการฝึกฝนพิเศษในเยอรมันนี
เกี่ยวกับวิธีการก่อวินาศกรรม
ตอนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ใกล้ยุติ
Törni ยอมจำนนกับกองทัพอังกฤษ
แต่แล้วในที่สุดก็แหกคุกเชลยศึก POW
เพื่อหนีกลับคืนมาตุภูมิฟินแลนด์
เมื่อกลับถึงบ้านเกิดแล้ว
Törni ถูกจับกุมโดยตำรวจรัฐ
แล้วถูกศาลตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 6 ปี
ในความผิดฐานกบฏ/ทรยศต่อชาติ
เพราะเข้าร่วมกับกองทัพนาซีเยอรมัน
แต่ได้รับอภัยโทษจากประธานาธิบดีฟินแลนด์
ในตอนปลายปี 1948
.
.
เพื่อหลีกหนีการใช้ชีวิตอยู่ภายในการสอดส่อง
จับตามองจ้องหาความผิดจากเจ้าหน้าที่รัฐฟินแลนด์
Törni จึงหลบหนีข้ามพรมแดนไปยังสวีเดน ในปี 1949
โดยเดินทางหลบหนีในคราบกะลาสีเรือชาวสวีเดน
ที่แล่นเรือมุ่งหน้าไปยังเวนูซูเอร่า
และที่ประเทศนั้น Törni ได้เปลี่ยนไป
ทำงานบนเรือสินค้าสวีเดน
ที่บรรทุกระวางสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา
ในช่วงที่เรือแล่นอยู่ในอ่าวเม็กซิโก
ไม่ไกลจากชายฝั่งแอลบาม่า
Törni ได้กระโดดลงในทะเลแล้วว่ายน้ำขึ้นฝั่ง
แล้วเดินทางไปยังมหานครนิวยอร์ค
นครรัฐที่ Törni ได้รับการช่วยเหลืออย่างมาก
จากชุมชนชาว Finnish-American ในเขต Brooklyn
Törni เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นช่างไม้/คนทำความสะอาด
.
.
.
ในปี 1953 Törni ได้รับสิทธิพำนักถาวร
ด้วยความช่วยเหลือจาก Donovan เจ้าของฉายา Wild Bill
อดีตหัวหน้าสำนักงานกองกำลังยุทธการ
Office of Strategic Services
หน่วยสืบราชการลับสงครามสหรัฐฯ
US’s wartime intelligence agency
มีกระแสข่าวว่า
สาเหตุที่ Törni ต้องหลบหนีไปสหรัฐอเมริกา
เพราะทางโซเวียตรัสเซียต้องการตัว Törni อย่างแรง
และกดดันให้รัฐบาลฟินแลนด์จับกุมตัว Törni
ส่งตัวให้กับโซเวียตรัสเซียในฐานะอาชกรสงคราม
เพราะเคยทำการรบร่วมกับกองทัพนาซีเยอรมัน
ดังนั้น Törni จึงหลบหนีไปยังสหรัฐอเมริกา
ด้วยความช่วยเหลือจาก Wild Bill
ที่ตอนสงครามช่วงนั้นเป็นหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ
และมีข้อมูลเกี่ยวกับผลการรบของ Törni เป็นอย่างดี
Törni เข้ารับรัฐการกองทัพบกสหรัฐในปี 1954
แล้วได้เปลี่ยนชื่อนามสกุลเป็น Larry Thorne
.
.
Thorne ในหน่วยรบพิเศษสหรัฐฯ http://goo.gl/SR4Nzn
.
Thorne ยังคงไว้ซึ่งมิตรภาพที่ดีกับ
เหล่าบรรดานายทหาร Finnish-American
สหายศึกหลายคนที่เคยผ่านการรบในสนามรบเดียวกัน
ในสงครามระหว่างฟินแลนด์กับกองทัพโซเวียตรัสเซีย
ก่อนที่สหายศึกพวกนี้จะอพยพมาทำงานในสหรัฐอเมริกา
หลายคนได้สมัครเข้าหน่วยรบพิเศษสหรัฐฯ
ที่มีการริเริ่มจัดตั้งขึ้นในปี 1952
ในฐานทัพ Fort Bragg รัฐ North Carolina
ทั้งนี้ตามกฎหมาย Lodge-Philbin Act ในปี 1950
ได้เปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้ารับรัฐการทหาร
โดยมีเงื่อนไขพิเศษที่ระบุว่า
คนที่เข้ารับรัฐการทหารครบ 5 ปี
จะได้รับสิทธิเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกา
และต่อมาพลทหาร Thorne
จึงเข้าร่วมรับรัฐการในกองทัพนี้ด้วยในปี 1954
โดยเป็นครูฝึก การแล่นสกี การเอาตัวรอดในที่รบ
การปีนเขาและเทคนิควิธีการสงครามกองโจร
หลังจากทำงานที่ Airborne School ไม่นานนัก
Törni ได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว
จนได้เป็นยศสัญญาบัตรในปี 1957
.
.
Larry Thorne ซ้ายมือสุด
ภาพถ่ายก่อนที่จะเสียชีวิตไม่นานนัก ที่มา http://goo.gl/zv0gOs
.
ในช่วงปี 1958-1962
Larry Thorne รับรัฐการทหารหน่วยรบพิเศษสหรัฐฯ ในเยอรมันนีตะวันตก
และในขณะเดียวกันได้ไปปฏิบัติการลับ
เพื่อค้นหาศพทหารกับเอกสารลับในเครื่องบินทหาร C-130
ที่ตกระหว่างพรมแดนอิหร่าน อิรัค โซเวียตรัสเซีย
ชุดปฏิบัติการของ Throne เป็นชุดที่ 3
ที่พบเป้าหมายบนยอดสูงสุดของเทือกเขา Zagros
หลังจากชุดปฏิบัติการก่อนหน้านี้ล้มเหลวมาโดยตลอด
ผลงานครั้งนี้สร้างชื่อเสียงให้กับ Thorne เป็นอย่างมาก
เพราะทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย
พฤศจิกายน 1963 Thorne อยู่ในหน่วยรบพิเศษ ที่เวียตนาม
สังกัด Military Assistance Command, Vietnam Studies and Observation Group (MACV-SOG)
ในปฏิบัติการสู้รบแถวดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Thorne เป็นครั้งที่ 2
ที่นี่ Thorne ได้รับเหรียญ Bronze Star
กับ Purple Hearts 5 ดวง เพราะบาดเจ็บจากการรบ
แม้ว่าบาดแผลจากการรบจะอนุญาตให้ Thorne
สามารถถอนตัวออกจากสนาบรบเวียตนามกลับประเทศได้เลย
แต่ Throne ปฏิเสธเรื่องนี้และเข้าร่วมปฏิบัติการพิเศษในฐานที่มั่นแทน
ในปี 1965 ร้อยเอก Thorne วัย 46 ปีแล้ว
ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ปรึกษากองทัพในเวียตนาม
วันที่ 18 ตุลาคม 1965 Thorne
ได้นำชุดปฏิบัติการ MACV-SOG ชุดแรก
ลงไปในพื้นที่ชายแดนลาว เพื่อสะกัดกั้นเวียตกงเหนือ
ที่จะย้ายพลรบกลับในเส้นทางสู่โฮจิมินผ่านทางลาว
ด้วยการขับเฮลิคอปเตอร์จาก South Vietnamese Air Force
ทีมปฏิบัติการของ Throne บรรลุเป้าหมาย
ลงแทรกซีมในพื้นที่ของลาวได้
ในขณะที่ Thorne ยังคงอยู่ด้านบนเพื่อคอยให้การสนับสนุน
เมื่อทีมปฏิบัติการได้ส่งสัญญาณว่าเรียบร้อยแล้ว
Throne กับลูกเรือเวียตนามจึงได้หันหัวเฮลิคอปเตอร์กลับฐานทัพ
5 นาทีต่อมาเฮลิคอปเตอร์เกิดตกในแถบเทือกเขา
ระยะทาง 25 ไมล์ห่างจากเมืองดานัง
เพราะทัศนวิสัยที่เลวร้ายกับสภาพภูมิอากาศ
ทีมกู้ภัยและค้นหาไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ตกได้
เพิ่งจะค้นพบเฮลิคอปเตอร์กับลูกเรือเวียตนาม
ก่อนสงครามเวียตนามจะยุติได้ไม่นานนัก
แต่ไม่พบศพของ Thorne แต่อย่างใด
Thorne จึงถูกจำหน่ายชื่อว่า
สาปสูญในการรบ Missing in Action
ต่อมาสันนิษฐานว่าถูกฆ่าตายแล้ว
และได้รับการเลื่อนยศเป็นพันตรีในเวลาต่อมา
.
.
Larry Thorne ได้รับการฝังในสุสานแห่งชาติ
Arlington National Cemetery ในปี 2546/2003
ที่มา http://goo.gl/SR4Nzn
.
Thorne/Törni ได้รับการยอมรับและการเคารพ
จากสหายศึกและทหารใต้การบังคับบัญชา
แม้ว่าจะยังไม่มีใครพบศพเป็นเวลาหลายปีแล้ว
มีแต่ข่าวลือว่า Thorne หลบหนีออกมาจากป่าในเวียตนาม
แล้วหลบไปอยู่ในที่ลึกลับไม่มีใครพบเห็นอีก
หรือ Thorne ถูกเวียตกงจับตัวแล้วส่งให้รัสเซียไปขังในคุกลับ
แต่ยิ่งมีข่าวลือยิ่งทำให้ Thorne กลายเป็นวีรบุรุษนิรันดร
โดยบรรดาทหารผ่านศึกในสหรัฐอเมริกาจะนัดพบกันทุก ๆ ปี
เพื่อดื่มเหล้าอวยพรให้เป็นเกียรติกับ Thorne
โดยทั้งชาวฟินแลนด์และชาวอเมริกาที่ต่างเชื่อว่า Thorne ยังไม่ตาย
ในปี 1999 ภายใต้ปฏิบัติการร่วมกันค้นหาทีมสหรัฐฯ กับเวียตนาม
ได้กลับไปค้นหาตำแหน่งเดิมที่พบเฮลิคอปเตอร์ตก
ทีมงานได้ค้นพบศพ Thorne อยู่ห่างไกลออกไป
พร้อมกับปืนพกสวีเดนประจำกาย
ผลการตรวจสอบทางนิติเวชศาสตร์ Forensic
กับผลทดสอบ DNA ยืนยันได้ว่าเป็น Larry Thorne
ร่องรอยบดกัดในฟันยืนยันว่า Thorne เสียชีวิตในคืนนั้น
Ronald Reagan " This Green Berer's heroism was so incredible and hard to believe. "
.
.
สุสาน Thorne ร่วมกับทหารร่วมรบศึกเวียตนาม
ใน Arlington National Cemetery
ที่มา https://goo.gl/ayVpG2
.
เรียบเรียง/ที่มา
http://goo.gl/SR4Nzn
http://goo.gl/ewVDGY
https://goo.gl/ayVpG2
http://goo.gl/zv0gOs
https://goo.gl/F8Au7V