[CR] ล่องเรือ ตกปลา ที่อลาสก้า ดินแดนสุดขอบโลก - A L A S K A - [ประสบการณ์ชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยน ณ ดินแดนแห่งขั้วโลกเหนือ]

สวัสดีครับ พบกันอีกแล้ว กับกระทู้รีวิวกระทู้ที่ 2 ของผม หลังจากกระทู้แรก
"ขึ้นรถไฟไป บาเยิร์น บนเส้นทางรักสายเยอรมันโรเมนติกโรด [8 วัน 7 คืน ด้วยงบสุดประหยัด 20,000 บาท]" http://pantip.com/topic/33773973/comment4
ได้รับการตอบรับอย่างดี เป็นกำลังใจสำคัญให้ผมอยากเล่าเรื่องราวประสบการณ์ต่างแดน ให้เพื่อนๆทุกคนครับ ถ้าชอบกดให้กำลังใจ ถ้าใช่กดโหวตให้ด้วยน้าค้าบบ

เพื่ออารมณ์แห่งสุนทรีภาพในการอ่านกระทู้ แนะนำเปิดเพลงเบาๆคลอๆตามไปด้วยครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



-  ล่องเรือ  ตกปลา  ที่อลาสก้า  ดินแดนสุดขอบโลก  -





ไปไงมาไงถึงได้ไปอยู่ไกลถึงอลาสก้า ?

               เมื่อพูดถึงชีวิตตอนเรียนชั้นมัธยมปลาย นอกจากเรื่องราวเด็ดๆต่างๆในซีย์รี่เรื่องดังอย่าง ฮอร์โมน 3 ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้แล้ว การสอบชิงทุนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่ผมเชื่อว่าเป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายคน ยิ่งถ้าได้ไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วก็  อื้อหือ ภาพตึกระฟ้าสูงๆในย่านแมนฮัตตันของมหานครนิวยอร์ค หรือจะเป็นภาพเมืองแห่งภาพยนต์ อย่างลอสเองเจิลเลส ภาพติดตาที่ผมได้จากการดูหนังฮอลีวู้ดเหล่านั้น แว๊ปเข้ามาในสมองของผมครั้งแรกตอนตัดสินใจ กรอกใบสมัครกับโครงการ AFS เอาล่ะว่ะ! ต้องทำให้ได้ ต้องไปอเมริกาให้ได้ ท่องไว้ นิวยอร์ค นิวยอร์ค!  (อุทานเสียงดัง จนคนข้างๆต้องหันมามอง ฮ่าๆ)

                ในที่สุดผมก็ทำได้ แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดคาดฝันหลายอย่างก็ได้เกิดขึ้น เมื่อผมต้องย้ายบ้านจากรัฐ Wisconcin มา Alaska ด้วยวิธีนั่งรถข้ามน้ำ ข้ามทุ่งหญ้าข้ามภูเขา ผ่านรัฐ Minessota - North Dakota - Montana - Idaho ก่อนจะมาจบที่เมือง Seattle รัฐ Washington แล้วนั่งเครื่องบินต่อไปยังเมือง Anchorage รัฐ Alaska ใช้เวลากว่าหนึ่งสัปดาห์


ภาพแผนที่ทวีปอเมริกาเหนือ อลาสก้า เป็นรัฐที่ 49 ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ซื้อต่อจากรัสเซีย จะเห็นว่าอลาสก้าอยู่สุดติ่งด้านบนสุดเลยครับ ซึ่งไม่มีดินแดนติดกับอเมริกาแผ่นดินใหญ่เลย (Below 48 states)


                สิ่งแรกเมื่อผมรู้ว่าต้องย้ายไป อลาสก้า คือ ห๊ะ! อลาสก้า? มันอยู่ส่วนไหนของโลกเนี่ย? เอาจริงๆ ณ ตอนนั้น นอกจากภาพปูอลาสก้า ภาพบ้านน้ำแข็งบนถุงไอติมแอสกิโม และภาพหมีกริซลี่จับปลาแซลม่อนในลำธาร โดยที่ปลาจะว่ายทวนน้ำแล้วกระโดด ส่วนน้องหมีก็จะคอยรอจังหวะโอกาสนั้น จับปลาเข้าปาก เป็นภาพที่ผมพอจะนึกออกได้บ้างจากสารคดีโปรดในวัยเด็ก อย่าง รายการสำรวจโลก National Geographic นอกจากนั้นแล้วผมก็แทบจะนึกอะไรไม่ออกเกี่ยวกับอลาสก้า รัฐที่ผมต้องใช้ชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นั้นอีก 10 เดือนอีกเลย

               ขณะที่ เครื่องบินแลนด์ดิ้ง ภาพที่ผมเห็น เมื่อมองออกไปจากช่องหน้าต่างบานเล็กๆของสายการบิน Alaska Airline นั้น มีแต่ป่า ป่า ป่า และภูเขาที่ปกคลุมด้วยไปหิมะ สีขาวโพ้นครับ  อ้าว! แล้วภาพตึกระฟ้าแห่งนิวยอร์คซิตี้ ที่ฝันไว้ละ จบกัน เกริ่นมาตั้งนาน ออกทะเลไปสะไกล นี่ยังไม่ทันได้ลงเรือเลย กลับมาก่อนๆๆ

ภาพภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะในช่วงเดือน สิงหาคม ถ่ายขณะเครื่องบินกำลังแลนดิ้งครับ
ภาพภูเขาหิมะสวยๆ ในเดือนมีนาคม ถ่ายตอนนั่งเครื่องบินเล็ก ชมวิวภูเขา ไว้มีโอกาสจะรีวิวให้ชมครับ


              ตลอดระยะเวลา 10 เดือนในอลาสก้า ความฝันที่ผมลิสต์ไว้ว่าต้องทำให้ได้คือ กินหิมะ ตั้งแคมป์เดินเขา ตามล่าหาแสงออโรล่าหรือแสงเหนือ และอีกสิ่งคือ ออกไปตกปลาแซลม่อนแบบน้องหมีกริซลี่ในสารคดีสำรวจโลก ซึ่ง 3 อย่างแรก มิชชั่น completed คอมพลีทจนรู้สึกหายอยาก หายตื่นเต้นไปเลยละครับ โดยเฉพาะหิมะ ตก ตก ตกตั้งแต่เดือน ตุลาคม ยันเดือน พฤษภาคมเลยทีเดียว กะว่าจะไม่ให้ผมได้เห็นสีเขียวๆของต้นไม้ต้นหญ้าเลยหรือไง

            ทีนี้ก็เหลืออีกหนึ่งสิ่งที่ยังทำไม่สำเร็จคือการออกไปตกปลาแซลม่อนแบบน้องหมีกริซลี่ในสารคดีสำรวจโลก แต่น่าเสียดายมากๆ เพราะช่วงเวลาที่ปลาแซลม่อนจะขึ้นมาวางไข่ที่ต้นน้ำแบบในสารคดีนั้น คือช่วงเดือน สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผมต้องเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว น่าเสียดายเอามากๆเลยครับ


Auroralights ภาพแสงเหนือสวยๆ ที่สามารถเห็นได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มเข้าหน้าหนาว ราวๆปลายเดือนตุลาคม ภาพนี้ถ่ายที่ Flat Top ซึ่งเป็นยอดเขาหลังบ้านโฮสเฟมิลี่ครับ ถ่ายภาพนี้โดยเพื่อนช่างกล้องของผมเอง credit by Daniel Kim Wongi


               20 มิถุนายน จดหมายฉบับหนึ่งซึ่งจ่าหน้าซองถึงผมได้ถูกส่งมาถึงที่บ้าน แม้จะรู้อยู่คร่าวๆจากเพื่อนในกลุ่มไลน์แล้วว่าเป็นจดหมายเกี่ยวกับการเดินทางเข้าร่วม Workshop : End of Stay ที่กรุง วอชิงตัน ดี.ซี. และการเดินทางกลับสู่ประเทศไทย นั่นหมายความว่า ชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนกำลังจะจบลง แล้วทริปตกปลาของผมละ?? เพื่อความมั่นใจจึงเปิดจดหมายอ่านอย่างละเอียด ได้ใจความว่า ต้องเดินทางออกจาก Hosted state วันที่ 25 มิถุนายน และวันที่ 28  มิถุนายน เดินทางกลับประเทศไทย นอกจากกำหนดการการเดินทาง และกำหนดการรายละเอียดเกี่ยวกับไฟล์ทบินแล้ว ในจดหมายฉบับนี้ยังได้แนบตั๋วเครื่องบินมาด้วย ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า ต้องเดินทางกลับจริงๆแล้วสิ   เหลือเวลาอีกเพียง 5  เท่านั้น

              เมื่อจดหมายฉบับนี้ถึงมือครอบครัวอุปถัมป์ สีหน้าของทุกคนก็แสดงออกถึงความเศร้าได้ชัดเจน ฮ่าๆๆ ในใจเขาอาจจะดีใจอยู่ก็ได้ เด็กนี่กลับบ้านแล้ว เราประหยัดค่าอาหารขึ้นเยอะ เพราะมันกินจุ ฮ่าๆๆ อันนี้ล้อเล่นนะครับ  อ่าวแล้วเมื่อไหร่จะได้ไปตกปลาละเนี่ย?? ใกล้แล้วครับๆ ใจเย็นๆ

              ในที่สุด โฮสพ่อก็เซอร์ไพรซ์ผมด้วยทริปตกปลา ห๊ะ ฟังไม่ผิดใช่ไหม? ตอนนั้นจำได้ว่าผมตื่นเต้นและย้ำเขาหลายรอบเอามากๆ ว่าจริงๆใช่ไหม โฮสพ่อบอกว่า ได้ยินผมบ่นมาตลอดเรื่องอยากเห็นปลาแซลม่อนกับน้องหมีกริซลี่แบบในสารคดี และอีกไม่กี่วันผมต้องเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว เขาอยากให้เราสนุก และใช้เวลากับครอบครัวอุปถัมป์อย่างเต็มที่ จึงจัดทริปตกปลาขึ้นครับ

เอาละ ก่อนอื่นเรามาดูแผนที่กันก่อนครับ ทริปตกปลาที่ผมกำลังจะพาทุกท่านไปด้วยกันนั้น มันไปอย่างไร มันอยู่ตรงส่วนไหนของโลกใบนี้





               ทริปตกปลาในครั้งนี้ ผมเริ่มเดินทางจากจุดสีแดงข้างบนสุดนั่นคือเมือง Anchorage (แอ๊งค์เกรจ) เมืองใหญ่ที่สุดในอลาสก้า และเป็นเมืองที่ผมอาศัยอยู่ครับ เราเริ่มเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ไปขึ้นรถโคชที่โรงแรมกัปตันฮุค ในย่านดาวทาวของเมืองครับ หลังจากล้อหมุน เราใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เดินทางจากเมือง Anchorage ผ่านอุโมงค์ที่ยาวมากๆ ซึ่งบรรยากาศข้างทาง เต็มไปด้วยต้นสน และลำธาร ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะในช่วงย่างเข้าฤดูร้อน ตลอดระยะเวลากว่า 4 ชั่งโมงบนรถโคช นอกจากผมจะดื่มด่ำกับบรรยากาศดิบๆของอลาสก้าแล้ว อีกสิ่งที่ผมเชื่อว่าใครๆอีกหลายคนต้องทำแน่ๆ นั่นคือการนอนหลับครับ ก็แน่อยู่ละ ออกจากบ้านตั้งแต่ไก่โห่ ก็ต้องง่วงเป็นธรรมดา

               ในที่สุด ผ่านไป 4  ชั่วโมง ผมก็เดินทางมาถึงท่าเรือที่เมือง Whitter นั่งจิบกาแฟร้อนๆ ท่ามกลางบรรยากาศ 5 องศาเซลเซียส ฟินชะมัด ก่อนที่จะขอตัวออกไปยืดเส้นยืดสาย หลังจากนั่งรถยาวถึง 4 ชั่วโมง และได้โอกาสถ่ายรูปท่าเรือ เล็กๆน้อยๆ มาฝากครับ

ท่าเรือที่เมือง Whitter ตอนสายๆกับหมอกบางๆ



>>> ทุกคนพร้อม เสื้อชูชีพพร้อม เสบียงพร้อม คันเบ็ดตกปลาพร้อม 3 4 ออกเดินทางกันเลย <<<



              จากท่าเรือเล็กๆที่เมือง Whitter เราก็ออกเดินทางสู้เวิ้งน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล บริเวณที่เรากำลังจะไปนั้น เรียกรวมๆว่า “ Gulf of Alaska ” ครับ ซึ่งกินพื้นที่ถึง 2 อุทยานแห่งชาติด้วยกัน นั้นคือ Gugach National Park และ Kenai Fjords National Park  

             เรือที่ผมโดยสารวันนี้ เป็นเรือขนาดกลาง เพื่อนร่วมเดินทางประมาณ 12 คนและน้องหมา 1 ตัว ซึ่งทุกคนเป็นเพื่อนที่บริษัทของโฮสพ่อครับ

             เส้นทางการเดินเรือวันแรก เราจะลัดเลาะตามภูเขาในเขตอุทยานแห่งชาติไปเรื่อยๆ เพียงไม่นานเมื่อเรือเคลื่อนออกจากฝั่ง ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าของผม อู้หูววววว!!  อุทานเป็นภาษาไทยออกมา มันคืออะไรกันเนี่ย? นี่มันใช่ธารน้ำแข็งล้านปี หรือ Glacier ในภาษาอังกฤษ ที่ผมพร่ำท่องพร่ำเรียนในวิชาโลกและดาราศาสตร์หรือไม่??  ของจริงอะไรมันจะดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้ (อันนี้เริ่มเวอร์ละ ฮ่าๆๆ) แม้ว่าวันนี้โชคอาจไม่เข้าข้างผมมากนัก เพราะหมอกลงต่ำแถมฟ้ายังครึ้มอีก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพธารน้ำแข็งลางๆตรงหน้า ซึ่งเกิดจากการทับถมของหิมะเป็นเวลาว่าล้านปี ดูแปลกตาน้อยลงไปเลย  

ชื่อสินค้า:   Kenai Fjords National Park
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่