สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำร้านกาแฟเอาใจคอกาแฟกันหน่อย ร้านชื่อ
"Boy Coffee" ตั้งอยู่ที่ KM8 Place (กิโลเมตร 8 เพลส) Community Mall แห่งใหม่ที่ตั้งที่คู้บอน ตรงข้ามเป็นตลาดสด หาได้ไม่ยากเลย
เข้าเรื่องกาแฟกันดีกว่า ร้าน Boy Coffee เป็นร้านกาแฟเล็กๆที่อยู่ที่ชั้น 1 ของ KM8 Place พอเปิดประตูเข้าไปในร้าน กลิ่นกาแฟลอยเข้ามาต้อนรับเลยทีเดียว ผู้ที่ชื่นชอบกลิ่นกาแฟ น่าจะถูกใจเป็นแน่ ข้อมูลต่อไปนี้ได้จากการพูดคุยกับเจ้าของร้าน ถ้ามีผิดพลาดหรืออธิบายไม่ถูกต้องในเรื่องใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
มากันที่เมนูเครื่องดื่มในร้านเลยดีกว่าาาา
จะสังเกตได้ว่าราคาไม่แพงเลย และในเมนูก็จะมีการบอกประเภทของการ Blend และประเภทของเมล็ดที่ใช้ ใครที่มีความรู้เรื่องกาแฟน่าจะร้องอ๋อ แต่สำหรับเราที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ ก็ได้แต่ทำตาปริบๆ เดินตรงไปถามเจ้าของร้านว่า “พี่คะ ที่เขียนไว้นี้มันคืออะไร” พี่เจ้าของร้านก็ใจดีช่วยอธิบายจนเข้าใจ(ไม่รู้ว่าที่เข้าใจมานี่ถูกต้องหมดหรือเปล่า ฮ่าๆ)
นอกจากนี้ยังมีพวกเบเกอรี่และขนมอื่นๆวางขาย มีให้ชิมด้วยนะ ใส่ภาชนะแยกดูสะอาด อย่าค่ะอย่าเผลอชิมจนหมด 55555
หลังจากที่พี่เจ้าของร้านอธิบายจนแจ่มแจ้ง ก็ได้ฤกษ์สั่งกาแฟซักที (ฮูเรรรร่)
เมนูแรกที่สั่งคือ “ลาเต้เย็นเพิ่มวิปครีม” อร่อยนะ เบาๆ คิดว่าดื่มไปแล้วไม่น่าตาค้าง
ลองเมนูร้อนกันบ้าง จริงๆที่สั่งเมนูนี้อยากเห็นงานอาร์ต “Wet Cappuccino” แต่ก่อนที่พี่เจ้าของร้านจะทำ ได้ถามเราก่อนว่าปกติดื่มกาแฟหรือเปล่า เราเลยถามว่าทำไม พี่เขาให้เหตุผลได้ว่าจะได้ชงถูก เพราะถ้าคนที่ดื่มกาแฟเป็นปกติจะเหมาะกับแบบเข้มมากกว่า เราก็ตอบไปว่าปกติกินเเต่โอเลี้ยงอาแปะหน้าปากซอยค่ะพี่ หลอกค่ะหลอก ไม่ได้ตอบไปแบบนั้น 555555555
บรรยากาศภายในร้านก็ชิวมากค่ะะะ ชอบบบบ
ไหนๆก็ขอถ่ายบรรยากาศในร้านแล้ว ประจวบกับเวลานั้นคนในร้านน้อย เพราะไปช่วงกลางวันของวันธรรมดา
เลยขอพี่เขาถ่ายภาพในขณะชงกาแฟนิดนึงงงง
ในขณะที่เก็บภาพการชงกาแฟไป จิบกาแฟไป ก็ได้พูดคุยกับพี่เจ้าของร้านเกี่ยวกับวัตถุดิบ เครื่องมือเครื่องใช้ ไปจนถึงคำถามเชิง Personal เลยว่าทำไมถึงเลือกเปิดร้านกาแฟ ตรงคำถามสุดท้ายนี่แหละที่ทำให้เราได้สัจจะธรรมบางอย่างแก่ชีวิต
พี่เจ้าของร้านบอกเราว่าเมล็ดกาแฟในร้าน จะสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มาวันนี้มีแบบนี้ อีกวันหรือสองวันอาจจะไม่มีแล้วก็ได้ เนื่องจากจะมีการเปลี่ยนเมล็ดกาแฟทั้งของไทยและต่างประเทศเพื่อไม่ให้เกิดความจำเจ (แต่ถ้าติดใจเมล็ดกาแฟชนิดไหนเป็นพิเศษแนะนำให้คุยกับพี่เขาได้นะคะ ฮ่าๆ) แต่ลูกค้าก็สามารถนำเมล็ดกาแฟมาเองได้ ส่วนราคาของกาแฟก็จะผกผันไปตามประเภทของเมล็ด
มาที่เครื่อง Espresso ที่ทางร้านใช้เลยดีกว่า (มาขนาดนี้แล้ว ถามเอาให้รู้เรื่องเลยดีกว่าว่าแต่ละเครื่องในร้านใช้ทำอะไรบ้าง)
เครื่อง Espresso ที่ใช้เป็นแบบ Commercial ของแบรนด์ LaMarzocco จากอิตาลี เจ้าเครื่องนี้เป็นเครื่องบด Compak K10 พี่เจ้าของร้านบอกว่าตัวนี้เป็นรุ่นท็อปเลย ความดีงามอยู่ตรงที่เฟืองบดที่สามารถทำให้กาแฟที่บดนั้นไม่มีกลิ่นไหม้ติดมาด้วย ฟันเฟืองของเครื่องสามารถฉีกเมล็ดกาแฟ ทำให้ดึงกลิ่นออกมาได้ดี
มากันที่เรื่องของเมล็ดกาแฟดีกว่า ร้าน Boy Coffee มีทั้งเมล็ดกาแฟจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถ้าชนิดใดหมดก็จะมีตัวใหม่เข้ามา โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศนั้น แต่ละตัวที่สั่งมาจะมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน เช่น เมล็ดกาแฟจาก Brazil จะมีรสชาติออกถั่ว (เหมาะอย่างยิ่งที่จะชงกาแฟน้ำ) หรือจะเป็นกาแฟ Ethiopia ซึ่งจะมีรสเปรี้ยวออกแนวผลไม้ (เข้าใจผิดมาตั้งนานว่าเมล็ดกาแฟมันเสีย ฮ่าๆ)
จากการสนทนากับพี่เจ้าของร้าน มีช่วงนี้ ส่วนหนึ่งของการสนทนาที่รู้สึกราวกับดวงตาเห็นธรรมนั่นคือ “ผมออกจากงานประจำมาทำตรงนี้ มันไม่เหมือนทำงานนะ เพราะผมได้ทำในสิ่งที่ผมรัก เวลาแต่ละวันหมดเร็วไปด้วยซ้ำ”
นอกจากจะได้ชิมกาแฟอร่อยๆ แถวความรู้เรื่องกาแฟไปแล้ว ยังได้ Quotation ในการดำเนินชีวิตอีกด้วย คุณพี่เจ้าของร้านดูใส่ใจกับทุกแก้วที่ทำมาก จากการที่ค่อยๆนำเมล็ดกาแฟเข้าเครื่องบด จนกระทั้งขั้นตอนสุดท้ายที่นำมาเสิร์ฟลูกค้า นอกจาก Barista จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองมี Passion แล้ว ยังได้ส่งต่อความใส่ใจจนลูกค้าสามารถสัมผัสได้จากรสกาแฟอีกด้วย
อย่าเพิ่งตกใจนะว่าทำไมเราสั่งเยอะ เราขอพี่เค้าถ่ายมาเพื่อรีวิวนี่แหละค่ะ ของลูกค้าคนอื่นเค้าาา 555555555
[CR] " BOY COFFEE " ร้านกาแฟอินดี้
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำร้านกาแฟเอาใจคอกาแฟกันหน่อย ร้านชื่อ "Boy Coffee" ตั้งอยู่ที่ KM8 Place (กิโลเมตร 8 เพลส) Community Mall แห่งใหม่ที่ตั้งที่คู้บอน ตรงข้ามเป็นตลาดสด หาได้ไม่ยากเลย
เข้าเรื่องกาแฟกันดีกว่า ร้าน Boy Coffee เป็นร้านกาแฟเล็กๆที่อยู่ที่ชั้น 1 ของ KM8 Place พอเปิดประตูเข้าไปในร้าน กลิ่นกาแฟลอยเข้ามาต้อนรับเลยทีเดียว ผู้ที่ชื่นชอบกลิ่นกาแฟ น่าจะถูกใจเป็นแน่ ข้อมูลต่อไปนี้ได้จากการพูดคุยกับเจ้าของร้าน ถ้ามีผิดพลาดหรืออธิบายไม่ถูกต้องในเรื่องใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
จะสังเกตได้ว่าราคาไม่แพงเลย และในเมนูก็จะมีการบอกประเภทของการ Blend และประเภทของเมล็ดที่ใช้ ใครที่มีความรู้เรื่องกาแฟน่าจะร้องอ๋อ แต่สำหรับเราที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ ก็ได้แต่ทำตาปริบๆ เดินตรงไปถามเจ้าของร้านว่า “พี่คะ ที่เขียนไว้นี้มันคืออะไร” พี่เจ้าของร้านก็ใจดีช่วยอธิบายจนเข้าใจ(ไม่รู้ว่าที่เข้าใจมานี่ถูกต้องหมดหรือเปล่า ฮ่าๆ)
นอกจากนี้ยังมีพวกเบเกอรี่และขนมอื่นๆวางขาย มีให้ชิมด้วยนะ ใส่ภาชนะแยกดูสะอาด อย่าค่ะอย่าเผลอชิมจนหมด 55555
เมนูแรกที่สั่งคือ “ลาเต้เย็นเพิ่มวิปครีม” อร่อยนะ เบาๆ คิดว่าดื่มไปแล้วไม่น่าตาค้าง
ลองเมนูร้อนกันบ้าง จริงๆที่สั่งเมนูนี้อยากเห็นงานอาร์ต “Wet Cappuccino” แต่ก่อนที่พี่เจ้าของร้านจะทำ ได้ถามเราก่อนว่าปกติดื่มกาแฟหรือเปล่า เราเลยถามว่าทำไม พี่เขาให้เหตุผลได้ว่าจะได้ชงถูก เพราะถ้าคนที่ดื่มกาแฟเป็นปกติจะเหมาะกับแบบเข้มมากกว่า เราก็ตอบไปว่าปกติกินเเต่โอเลี้ยงอาแปะหน้าปากซอยค่ะพี่ หลอกค่ะหลอก ไม่ได้ตอบไปแบบนั้น 555555555
ไหนๆก็ขอถ่ายบรรยากาศในร้านแล้ว ประจวบกับเวลานั้นคนในร้านน้อย เพราะไปช่วงกลางวันของวันธรรมดา
เลยขอพี่เขาถ่ายภาพในขณะชงกาแฟนิดนึงงงง
ในขณะที่เก็บภาพการชงกาแฟไป จิบกาแฟไป ก็ได้พูดคุยกับพี่เจ้าของร้านเกี่ยวกับวัตถุดิบ เครื่องมือเครื่องใช้ ไปจนถึงคำถามเชิง Personal เลยว่าทำไมถึงเลือกเปิดร้านกาแฟ ตรงคำถามสุดท้ายนี่แหละที่ทำให้เราได้สัจจะธรรมบางอย่างแก่ชีวิต
พี่เจ้าของร้านบอกเราว่าเมล็ดกาแฟในร้าน จะสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มาวันนี้มีแบบนี้ อีกวันหรือสองวันอาจจะไม่มีแล้วก็ได้ เนื่องจากจะมีการเปลี่ยนเมล็ดกาแฟทั้งของไทยและต่างประเทศเพื่อไม่ให้เกิดความจำเจ (แต่ถ้าติดใจเมล็ดกาแฟชนิดไหนเป็นพิเศษแนะนำให้คุยกับพี่เขาได้นะคะ ฮ่าๆ) แต่ลูกค้าก็สามารถนำเมล็ดกาแฟมาเองได้ ส่วนราคาของกาแฟก็จะผกผันไปตามประเภทของเมล็ด
เครื่อง Espresso ที่ใช้เป็นแบบ Commercial ของแบรนด์ LaMarzocco จากอิตาลี เจ้าเครื่องนี้เป็นเครื่องบด Compak K10 พี่เจ้าของร้านบอกว่าตัวนี้เป็นรุ่นท็อปเลย ความดีงามอยู่ตรงที่เฟืองบดที่สามารถทำให้กาแฟที่บดนั้นไม่มีกลิ่นไหม้ติดมาด้วย ฟันเฟืองของเครื่องสามารถฉีกเมล็ดกาแฟ ทำให้ดึงกลิ่นออกมาได้ดี
มากันที่เรื่องของเมล็ดกาแฟดีกว่า ร้าน Boy Coffee มีทั้งเมล็ดกาแฟจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถ้าชนิดใดหมดก็จะมีตัวใหม่เข้ามา โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศนั้น แต่ละตัวที่สั่งมาจะมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน เช่น เมล็ดกาแฟจาก Brazil จะมีรสชาติออกถั่ว (เหมาะอย่างยิ่งที่จะชงกาแฟน้ำ) หรือจะเป็นกาแฟ Ethiopia ซึ่งจะมีรสเปรี้ยวออกแนวผลไม้ (เข้าใจผิดมาตั้งนานว่าเมล็ดกาแฟมันเสีย ฮ่าๆ)
จากการสนทนากับพี่เจ้าของร้าน มีช่วงนี้ ส่วนหนึ่งของการสนทนาที่รู้สึกราวกับดวงตาเห็นธรรมนั่นคือ “ผมออกจากงานประจำมาทำตรงนี้ มันไม่เหมือนทำงานนะ เพราะผมได้ทำในสิ่งที่ผมรัก เวลาแต่ละวันหมดเร็วไปด้วยซ้ำ”
นอกจากจะได้ชิมกาแฟอร่อยๆ แถวความรู้เรื่องกาแฟไปแล้ว ยังได้ Quotation ในการดำเนินชีวิตอีกด้วย คุณพี่เจ้าของร้านดูใส่ใจกับทุกแก้วที่ทำมาก จากการที่ค่อยๆนำเมล็ดกาแฟเข้าเครื่องบด จนกระทั้งขั้นตอนสุดท้ายที่นำมาเสิร์ฟลูกค้า นอกจาก Barista จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองมี Passion แล้ว ยังได้ส่งต่อความใส่ใจจนลูกค้าสามารถสัมผัสได้จากรสกาแฟอีกด้วย
อย่าเพิ่งตกใจนะว่าทำไมเราสั่งเยอะ เราขอพี่เค้าถ่ายมาเพื่อรีวิวนี่แหละค่ะ ของลูกค้าคนอื่นเค้าาา 555555555
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น