ผมผ่านไปเห็นบทสัมภาษณ์ของเจ้าเจเป็นภาษาอังกฤษ เห็นว่าน่าสนใจดีเลย แปลมาแบ่งปันเพื่อนสมาชิกครับ
http://www.fourfourtwo.com/my/features/songkrasin-one-day-i-want-go-barcelona#:UqyyLJhk8rIpTQ
ข้างบนคือลิ้งต้นฉบับนะครับ
Q:
แฟนๆเรียกคุณว่า"เมสซี่เจ"เพราะรูปร่างและรูปแบบการเล่นของคุณ แล้วคุณละเป็นแฟนของเมสซี่หรือเปล่า
A:คุณพ่อของผมท่าชื่นชอบดิเอโก้ มาราโดน่า ท่านอยากให้ผมเป็นเหมือนเขา(มาราโดน่า) ผมก็ชอบเขานะ แต่ตอนนี้พวกเราอยู่
ในยุคสมัยของเมสซี่ ดังนั้นเมื่อแฟนๆต้องการจะเปรียบเทียบผมกับใครสักคน พวกเขาเลยเรียกผมว่าเมสซี่เจ โดยส่วนตัวแล้ว
ผมก็มีความสุขที่ถูกเปรียบเทียบกับเมสซี่ เพราะว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมมากๆ แต่ผมไม่คิดว่าผมมีอะไรใกล้เคียงกับเมสซี่
ตัวจริงนะครับ เขาเป็นผู้เล่นที่เก่ง เก่งมากๆ ถ้าผมเลือกได้ ผมอยากจะเป็น"เจ ชนาธิป" เพราะว่าในหลายๆประเทศพวกเขามีเมสซี่
คนนั้น เมสซี่คนนี้ แต่ที่นี่มีชนาธิปแค่คนเดียว ผมว่ามันคงเท่น่าดูถ้าสักวันหนึ่งผู้คนเริ่มเรียกนักเตะดาวรุ่งว่าชนาธิปนั่น ชนาธิปนี่บ้าง
ผมต้องการที่จะเป็นตัวอย่างให้พวกเขา(ดาวรุ่ง)
Q:
คุณเป็นนักฟุตบอลระดับซุปเปอร์สตาร์ แต่คุณบอกว่าคุณดูฟุตบอลน้อยมาและยังไม่ได้เชียร์ทีมใดเป็นพิเศษอีก แล้วคุณ
ได้เทคนิคและทักษะมาจากไหนกัน
A:ใช่ครับ ผมดูฟุตบอลไม่มากเท่าไหร่ ผมหมายถึงว่า ผมดูได้นะแต่ผมไม่มีทีมที่ชื่อนชอบเป็นพิเศษ ผมมีนักเตะที่ผมชื่นชอบ
พวกเขาบางคนเป็นไอดอลของผม แบบอย่างในตำแหน่งของผมก็ได้แก่ มาราโดน่า เมสซี่ สตีเว่น เจอร์ราด พวกเขาเป็นตัวอย่าง
ของนักฟุตบอลสำหรับผมไม่ใช่แค่ในสนามแต่รวมถึงนอกสนามด้วยครับ บางทีคงจะยกเว้นมาราโดน่าไว้
Q:
คุณพ่อเป็นโค้ชคนแรกของคุณ อะไรคือบทเรียนที่มีค่าที่ท่าสอนคุณและคุณยังจำมาถึงทุกวันนี้
A:คุณพ่อของผมก็เล่นฟุตบอลเหมือนกัน แต่ท่าไม่ได้เก่งมากหรอกนะ(เจ้าเจขำ

) คุณพ่อของผมเชื่อมั่นมากๆในเรื่องของ
พื้นฐาน สิ่งแรกที่ท่านสอนผมคือ สิ่งที่สำคัญที่สุดของฟุตบอลก็คือทักษะพื้นฐาน ท่านฝึกซ้อมผมตั้งแต่เด็ก ผมคิดว่าน่าจะตั้งแต่ 4 ขวบ
นะ ทุกอย่างที่ฝึกเป็นพื้นฐานทั้งสิ้น เช่นการควบคุมและเลี้ยงลูกฟุตบอลอย่างไร ผมฝึกแบบนี้จนกระทั่งม.3 ตอนผมอายุ 15 ปี สิ่งงที่
ผมได้เรียนรู้คือฟุตบอลก็เหมือนการเรียน ถ้าคุณมีพื้นฐานที่แน่นคุณก็สามารถจะก้าวไปสู่อีกระดับหรือสามารถที่จะทำเทคนิคหลอกล่อ
ต่างๆให้สำเร็จได้ แต่หากคุณขาดพื้นฐาน มันคงจะเป็นไปได้ยากที่คุณจะการขึ้นมาได้อีกระดับนึง สิ่งนึงที่สำคัญมากๆที่คุณพ่อสอนผม
ก็คือ
ผมต้องเล่นอย่างชาญฉลาด เพราะผมตัวเล็ก ผมสามารถจะไปเข้าปะทะกับใครเขา ดังนั้นจากทุกสิ่งที่ท่านสอนผม
ทำให้เมื่อผมอยู่ในสนาม ผมจึงเป็นตัวของตัวเอง
Q:
ด้วยการเป็นซุปเปอร์สตาร์ของทีมชาติไทย คุณรับมือกับแรงกดดันก่อนการแข่งขันได้อย่างไร
A:ผมไม่รู้สึกแบบนั้นนะ ผมไม่คิดว่ามันกดดัน ก่อนที่ผมจะลงสนามผมพยายามให้หัวของผมโล่ง ผมไม่คิดถึงความกดดันหรือสิ่งที่ผู้คน
พูดกันเลยทุกครั้งที่ผมลงไปในสนาม ผมเล่นและรู้สึกสนุกไปกับมัน เพราะว่าฟุตบอลคือสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข เป็นแหล่งที่มาของ
ความสนุกของผมสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของผมคือ ผทเป็นคือเด็กหนุ่ม ผมยังต้องเรียนรู้อีกมาก ผมยังสามารถเติบโตและเรียนรู้ได้อีก
ผมไม่คิดว่าผมยิ่งใหญ่ไปกว่าทีมฟุตบอลเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีมทุกอย่างเกี่ยวข้องกับทีมเวิร์ก ไม่ใช่การที่ใครบางคนสามารถทำทุกอย่าง
ได้ด้วยตัวเขาเอง ผมคงไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวผมเองคนเดียว ฟุตบอลคือการที่ทั้งทีมเล่นไปด้วยกัน
Q:
ผู้เล่นในแนวรับของทีมชาติเกาหลีเหนือไม่สามารถหยุดยั้งคุณได้เลย มีอะไรบ้างไหมที่ฝั่งตรงข้ามจะสามารถหยุดคุณได้
A:ผมไม่คิดว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ ความจริงแล้วผมไม่ได้คิดอะไรเลย ฟุตบอลก็คือการครองบอลและควบคุมลูกบอล ถ้าคุณเสียบอลง่ายๆ
นั่นหมายความว่าคุณได้ทำอะไรผิดพลาดแล้ว เวลาที่ผมมีบอลสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวผมคือครองบอลไว้ก่อนและดูว่าจะสามารถจ่ายบอล
ให้เพื่อนได้เปรียบได้อย่างไรถ้าผมไม่สามารถเล่นเองได้ ผมจะส่งให้กับเพื่อนร่วมที่สักคนที่สามารถเล่นได้แทน เพราะฟุตบอลคือการ
เล่นเป็นทีม ถ้าพวกเขาสามารถหยุดผมเพื่อนร่วมทีมผมก็จะช่วยผมแทน
Q:
พวกเราได้เห้นข่าวเกี่ยวกับการที่ราฮีม สเตอร์ริ่งต้องการออกจากลิเวอร์พูลเพื่อคว้าแช้มป์ คุณมีอายุใกล้เคียงกับเขา
อะไรคือทางที่คุณเลือกสำหรับนักเตะหนุ่ม เลือกที่จะภักดีอยู่กับสโมสรที่ให้โอกาสคุณก้าวขึ้นมาหรือออกไปค้นหาเพื่อก้าว
ขึ้นไปอีกระดับ
A:คุณถามผมหรอ(ขำอีกแล้ว) ผมยังมีสัญญาอยู่จนถึงปี 2018 เลยนะ โดยส่วนตัวผมการย้ายไปทีมใหม่เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
อีกครั้งมันไม่ได้ง่ายได้เหมือนหนทางมีแสงจันทร์นำทางและโรยไปด้วยดอกกุหลาบ ไม่มีทางที่เราจะทำนายได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ผมคิดว่าการเริ่มต้นกับทีมใหม่ไม่ง่ายเลย คุณจะมีเพื่อนร่วมทีมคุณใหม่ คุณไม่รู้ว่าเขาจะคิดเกี่ยวกับคุณอย่างไร คุณไม่รู้ว่าพวกเขา
ทำงานกันยังไง คุณจำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะหากคุณย้ายออกไปในลีกอื่น ในประเทศอื่น แต่สำหรับผมถ้านี่คือทีมที่ผม
เติบโตขึ้นมาผมก็มีความสุขกับที่นี่มันไม่เกี่ยวกับเงินหรือถ้วยรางวัลไปเสียหมด มันคือการที่คุณมีความสุขกับที่นี่ รู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง
และมีความสุขไปกับการเล่นฟุตบอลที่นี่ผมคิดว่าความคิดหนึ่งของนักฟุตบอลคือ เมื่อเราคิดว่าจะอยู่หรือไปดี เราต้องการที่ที่เราอยู่แล้ว
มีความสุข และสำหรับผมที่ไหนที่ผมสามารถเล่นฟุตบอลได้ผมก็มีความสุขที่นั่น ผมยังมีความสุขกับสโมสรที่ผมอยู่นะ แต่ผมก็เปิด
โอกาสเสมอเพราะว่าผมต้องการที่จะไปลองเล่นในลีกต่างประเทศดู
Q:
คุณรู้สึกเป็นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่า"เฮ้,นี่แหละใช่เลย ฉันเป็นนักฟุบอลอาชีพแล้ว"
A:เกมแรกของผมที่พบกับเมืองทอง ยูไนเตด มันไม่ใช่เกมแรกของผม แต่มันเป็นเกมแรกที่ผมลงเป็นตัวจริง ผมอายุ 17 ปีในเวลานั้น
และเป็นเกมแรกที่ผมเป็นผู้เล่น 11 คนแรกของ บีอีซี เทโร่
Q:
เกมการแข่งขั้นในความทรงจำของคุณคือเกมไหน
A:เกมโตโยต้าลีกคัพ 2014 บุรีรัมย์ ยูไนเต้ดเป็นแชมป์ปี2013 และพวกเราคือคู่ต่อสู้ มันมีความกดดันมากๆ พวกเรากลับมาได้ในครึ่งหลัง
ทำประตูได้ 2 ประตู ผมไม่ได้ยิงประตูด้วยตัวเองแต่ผมแอสซิสต์ในประตูที่ 2

ขอแปลไว้ครึ่งนึงก่อนนะครับ บทสัมภาษณ์ยาวมาก ครึ่งหลังขอติดไว้ก่อนนะครับ

ปล.รูปทั้งหมดมาจากกูเกิ้ลนะครับ
สักวันผมจะไปบาเซโลน่า:ชนาทิป สงกระสินธ์ Part1
http://www.fourfourtwo.com/my/features/songkrasin-one-day-i-want-go-barcelona#:UqyyLJhk8rIpTQ
ข้างบนคือลิ้งต้นฉบับนะครับ
Q:แฟนๆเรียกคุณว่า"เมสซี่เจ"เพราะรูปร่างและรูปแบบการเล่นของคุณ แล้วคุณละเป็นแฟนของเมสซี่หรือเปล่า
A:คุณพ่อของผมท่าชื่นชอบดิเอโก้ มาราโดน่า ท่านอยากให้ผมเป็นเหมือนเขา(มาราโดน่า) ผมก็ชอบเขานะ แต่ตอนนี้พวกเราอยู่
ในยุคสมัยของเมสซี่ ดังนั้นเมื่อแฟนๆต้องการจะเปรียบเทียบผมกับใครสักคน พวกเขาเลยเรียกผมว่าเมสซี่เจ โดยส่วนตัวแล้ว
ผมก็มีความสุขที่ถูกเปรียบเทียบกับเมสซี่ เพราะว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมมากๆ แต่ผมไม่คิดว่าผมมีอะไรใกล้เคียงกับเมสซี่
ตัวจริงนะครับ เขาเป็นผู้เล่นที่เก่ง เก่งมากๆ ถ้าผมเลือกได้ ผมอยากจะเป็น"เจ ชนาธิป" เพราะว่าในหลายๆประเทศพวกเขามีเมสซี่
คนนั้น เมสซี่คนนี้ แต่ที่นี่มีชนาธิปแค่คนเดียว ผมว่ามันคงเท่น่าดูถ้าสักวันหนึ่งผู้คนเริ่มเรียกนักเตะดาวรุ่งว่าชนาธิปนั่น ชนาธิปนี่บ้าง
ผมต้องการที่จะเป็นตัวอย่างให้พวกเขา(ดาวรุ่ง)
Q:คุณเป็นนักฟุตบอลระดับซุปเปอร์สตาร์ แต่คุณบอกว่าคุณดูฟุตบอลน้อยมาและยังไม่ได้เชียร์ทีมใดเป็นพิเศษอีก แล้วคุณ
ได้เทคนิคและทักษะมาจากไหนกัน
A:ใช่ครับ ผมดูฟุตบอลไม่มากเท่าไหร่ ผมหมายถึงว่า ผมดูได้นะแต่ผมไม่มีทีมที่ชื่อนชอบเป็นพิเศษ ผมมีนักเตะที่ผมชื่นชอบ
พวกเขาบางคนเป็นไอดอลของผม แบบอย่างในตำแหน่งของผมก็ได้แก่ มาราโดน่า เมสซี่ สตีเว่น เจอร์ราด พวกเขาเป็นตัวอย่าง
ของนักฟุตบอลสำหรับผมไม่ใช่แค่ในสนามแต่รวมถึงนอกสนามด้วยครับ บางทีคงจะยกเว้นมาราโดน่าไว้
Q:คุณพ่อเป็นโค้ชคนแรกของคุณ อะไรคือบทเรียนที่มีค่าที่ท่าสอนคุณและคุณยังจำมาถึงทุกวันนี้
A:คุณพ่อของผมก็เล่นฟุตบอลเหมือนกัน แต่ท่าไม่ได้เก่งมากหรอกนะ(เจ้าเจขำ
พื้นฐาน สิ่งแรกที่ท่านสอนผมคือ สิ่งที่สำคัญที่สุดของฟุตบอลก็คือทักษะพื้นฐาน ท่านฝึกซ้อมผมตั้งแต่เด็ก ผมคิดว่าน่าจะตั้งแต่ 4 ขวบ
นะ ทุกอย่างที่ฝึกเป็นพื้นฐานทั้งสิ้น เช่นการควบคุมและเลี้ยงลูกฟุตบอลอย่างไร ผมฝึกแบบนี้จนกระทั่งม.3 ตอนผมอายุ 15 ปี สิ่งงที่
ผมได้เรียนรู้คือฟุตบอลก็เหมือนการเรียน ถ้าคุณมีพื้นฐานที่แน่นคุณก็สามารถจะก้าวไปสู่อีกระดับหรือสามารถที่จะทำเทคนิคหลอกล่อ
ต่างๆให้สำเร็จได้ แต่หากคุณขาดพื้นฐาน มันคงจะเป็นไปได้ยากที่คุณจะการขึ้นมาได้อีกระดับนึง สิ่งนึงที่สำคัญมากๆที่คุณพ่อสอนผม
ก็คือ ผมต้องเล่นอย่างชาญฉลาด เพราะผมตัวเล็ก ผมสามารถจะไปเข้าปะทะกับใครเขา ดังนั้นจากทุกสิ่งที่ท่านสอนผม
ทำให้เมื่อผมอยู่ในสนาม ผมจึงเป็นตัวของตัวเอง
Q:ด้วยการเป็นซุปเปอร์สตาร์ของทีมชาติไทย คุณรับมือกับแรงกดดันก่อนการแข่งขันได้อย่างไร
A:ผมไม่รู้สึกแบบนั้นนะ ผมไม่คิดว่ามันกดดัน ก่อนที่ผมจะลงสนามผมพยายามให้หัวของผมโล่ง ผมไม่คิดถึงความกดดันหรือสิ่งที่ผู้คน
พูดกันเลยทุกครั้งที่ผมลงไปในสนาม ผมเล่นและรู้สึกสนุกไปกับมัน เพราะว่าฟุตบอลคือสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข เป็นแหล่งที่มาของ
ความสนุกของผมสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของผมคือ ผทเป็นคือเด็กหนุ่ม ผมยังต้องเรียนรู้อีกมาก ผมยังสามารถเติบโตและเรียนรู้ได้อีก
ผมไม่คิดว่าผมยิ่งใหญ่ไปกว่าทีมฟุตบอลเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีมทุกอย่างเกี่ยวข้องกับทีมเวิร์ก ไม่ใช่การที่ใครบางคนสามารถทำทุกอย่าง
ได้ด้วยตัวเขาเอง ผมคงไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวผมเองคนเดียว ฟุตบอลคือการที่ทั้งทีมเล่นไปด้วยกัน
Q:ผู้เล่นในแนวรับของทีมชาติเกาหลีเหนือไม่สามารถหยุดยั้งคุณได้เลย มีอะไรบ้างไหมที่ฝั่งตรงข้ามจะสามารถหยุดคุณได้
A:ผมไม่คิดว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ ความจริงแล้วผมไม่ได้คิดอะไรเลย ฟุตบอลก็คือการครองบอลและควบคุมลูกบอล ถ้าคุณเสียบอลง่ายๆ
นั่นหมายความว่าคุณได้ทำอะไรผิดพลาดแล้ว เวลาที่ผมมีบอลสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวผมคือครองบอลไว้ก่อนและดูว่าจะสามารถจ่ายบอล
ให้เพื่อนได้เปรียบได้อย่างไรถ้าผมไม่สามารถเล่นเองได้ ผมจะส่งให้กับเพื่อนร่วมที่สักคนที่สามารถเล่นได้แทน เพราะฟุตบอลคือการ
เล่นเป็นทีม ถ้าพวกเขาสามารถหยุดผมเพื่อนร่วมทีมผมก็จะช่วยผมแทน
Q:พวกเราได้เห้นข่าวเกี่ยวกับการที่ราฮีม สเตอร์ริ่งต้องการออกจากลิเวอร์พูลเพื่อคว้าแช้มป์ คุณมีอายุใกล้เคียงกับเขา
อะไรคือทางที่คุณเลือกสำหรับนักเตะหนุ่ม เลือกที่จะภักดีอยู่กับสโมสรที่ให้โอกาสคุณก้าวขึ้นมาหรือออกไปค้นหาเพื่อก้าว
ขึ้นไปอีกระดับ
A:คุณถามผมหรอ(ขำอีกแล้ว) ผมยังมีสัญญาอยู่จนถึงปี 2018 เลยนะ โดยส่วนตัวผมการย้ายไปทีมใหม่เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
อีกครั้งมันไม่ได้ง่ายได้เหมือนหนทางมีแสงจันทร์นำทางและโรยไปด้วยดอกกุหลาบ ไม่มีทางที่เราจะทำนายได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ผมคิดว่าการเริ่มต้นกับทีมใหม่ไม่ง่ายเลย คุณจะมีเพื่อนร่วมทีมคุณใหม่ คุณไม่รู้ว่าเขาจะคิดเกี่ยวกับคุณอย่างไร คุณไม่รู้ว่าพวกเขา
ทำงานกันยังไง คุณจำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะหากคุณย้ายออกไปในลีกอื่น ในประเทศอื่น แต่สำหรับผมถ้านี่คือทีมที่ผม
เติบโตขึ้นมาผมก็มีความสุขกับที่นี่มันไม่เกี่ยวกับเงินหรือถ้วยรางวัลไปเสียหมด มันคือการที่คุณมีความสุขกับที่นี่ รู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง
และมีความสุขไปกับการเล่นฟุตบอลที่นี่ผมคิดว่าความคิดหนึ่งของนักฟุตบอลคือ เมื่อเราคิดว่าจะอยู่หรือไปดี เราต้องการที่ที่เราอยู่แล้ว
มีความสุข และสำหรับผมที่ไหนที่ผมสามารถเล่นฟุตบอลได้ผมก็มีความสุขที่นั่น ผมยังมีความสุขกับสโมสรที่ผมอยู่นะ แต่ผมก็เปิด
โอกาสเสมอเพราะว่าผมต้องการที่จะไปลองเล่นในลีกต่างประเทศดู
Q:คุณรู้สึกเป็นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่า"เฮ้,นี่แหละใช่เลย ฉันเป็นนักฟุบอลอาชีพแล้ว"
A:เกมแรกของผมที่พบกับเมืองทอง ยูไนเตด มันไม่ใช่เกมแรกของผม แต่มันเป็นเกมแรกที่ผมลงเป็นตัวจริง ผมอายุ 17 ปีในเวลานั้น
และเป็นเกมแรกที่ผมเป็นผู้เล่น 11 คนแรกของ บีอีซี เทโร่
Q:เกมการแข่งขั้นในความทรงจำของคุณคือเกมไหน
A:เกมโตโยต้าลีกคัพ 2014 บุรีรัมย์ ยูไนเต้ดเป็นแชมป์ปี2013 และพวกเราคือคู่ต่อสู้ มันมีความกดดันมากๆ พวกเรากลับมาได้ในครึ่งหลัง
ทำประตูได้ 2 ประตู ผมไม่ได้ยิงประตูด้วยตัวเองแต่ผมแอสซิสต์ในประตูที่ 2
ขอแปลไว้ครึ่งนึงก่อนนะครับ บทสัมภาษณ์ยาวมาก ครึ่งหลังขอติดไว้ก่อนนะครับ
ปล.รูปทั้งหมดมาจากกูเกิ้ลนะครับ