จากปัญหาทางการเมืองทีผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่า ในทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหน ที่เข้ามาบริหารประเทศล้วนแต่ไม่พ้นเรื่องการ ทุจริต จนกระทั่งนำมาสู่ความแตกแยกความวุ่นวายทางสังคม อย่างที่ผ่านมา นั่นก็เพราะว่า ทุกคนในสังคม ก็รู้ไปในทางเดียวกันว่า นักการเมือง ขาด "ธรรมะ" ขาดศีลธรรม ในการปกครองประเทศ และสังคมโดยรวมก็พยายามหาทางแก้ไขปัญหา แม้กระทั่งโครงการโตไปไม่โกง ก็เป็นการปลูกจิตสำนึกให้เด็กนักเรียนมี "ธรรมะ" และใช้ธรรมะ ในการดำเนินชีวิต คือการไม่คด ไม่โกง มีความซื่อสัตย์ สุจริต และในขณะนี้ กลุ่มชาวพุทธจำนวนมาก ก็ได้มีการเรียกร้องให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ก็เพื่อจะเป็นการยกระดับความสำคัญของ"ธรรมะ" ในพระพุทธศาสนา ให้เข้าไปสู่จิตใจของคนไทย โดยอาศัยกลไกของรัฐเข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เกิดผลยิ่งขึ้น แต่แน่นอนว่า ยังมีชาวพุทธส่วนน้อยบางส่วน ที่ยังห่างไกล ในศาสนา ในธรรมะ มองไม่เห็นความสำคัญของศีลธรรม ออกมาคัดค้านในเรื่องนี้ โดย
อ้างว่า "ไม่ควรเอาธรรมะ ไปกำกับ ในความเป็นประชาธิปไตย" ซึ่งผมก็มองไม่ออกว่า ประชาธิปไตย ที่ขาด ศีลธรรม คุณธรรม หรือ
ธรรมะ นี้ จะออกมาในรูปแบบไหน นักการเมืองคงจะไม่รู้ผิดรู้ถูกเพราะการเมืองที่ขาดคุณธรรม เขาอ้างแต่ประชาธิปไตย
แต่ชาวพุทธส่วนใหญ่ของประเทศที่ร่วมกันผลักดันเรื่องนี้ นักวิชาการท่านนี้ก็บอกให้ฟังเสียงส่วนน้อยด้วย ซึ่งถ้าเสียงส่วนน้อยมามีอำนาจเหนือเสียงส่วนใหญ่แล้วจะเรียกประชาธิปไตยได้อย่างไร จะมีเลือกตั้งไปทำไม ถ้าผลการตัดสิน แพ้ชนะ ของการเลือกตั้ง ไม่เอาเสียงส่วนใหญ่ ก็คงจะเรียกว่า
"เผด็จการ" ไปแล้ว ซึ่งโดยส่วนตัว ผมเองก็ยังเชื่อมั่นว่า
การเรียกร้อง รณรงค์ครั้งนี้ ไม่ได้มีอะไรขัดกับประชาธิปไตยแต่อย่างใด และไม่ได้ไปขัด ห้ามหรือกระทำการใด ๆ ในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาของใคร.. แต่เป็นไปด้วยความชอบธรรมด้วยประการทั้งปวง
ตลก !!! นักวิชาเกินไทยชี้ "ธรรมะ" ขัดกับหลักประชาธิปไตย