อริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้า

หลักคำสอนเรื่องการปฏิบัติเพื่อให้จิตหลุดพ้นจากความทุกข์ของพระพุทธเจ้านั้น เรียกว่า อริยสัจ ๔ ที่หมายถึง ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ ซึ่งก็ได้แก่

๑. ความจริงเรื่องของความทุกข์ ซึ่งความทุกข์นี้ก็คือ ความทุกข์ของจิตใจเราในปัจจุบัน ที่แสดงออกมาเป็นความเศร้าโศก (หรือเสียใจ) หรือความคับแค้นใจ (อีดอัดใจ) ความแห้งเหี่ยวใจ (ความตรอมใจ) ความไม่สบายใจ (ความรำคาญใจ) หรือความหนัก-เหนื่อยใจ (เครียด) เป็นต้น ที่เกิดมาพร้อมกับความยึดมั่นถือมั่น (อุปาทาน) ว่าร่างกายและจิตใจ (ขันธ์ ๕) ที่รู้สึกว่าเป็นตัวเรา-ของเรานี้ ว่ามันคือตัวเรา-ของเราจริงๆ (คำว่า ตัวเรา ในที่นี้เป็นแค่คำสมมติเรียกเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงว่าเป็นตัวเราจริงๆ)

๒. ความจริงเรื่องเหตุของความทุกข์ ซึ่งต้นเหตุของความทุกข์ทั้งหลายก็มาจากอวิชชา (ความรู้ผิดว่ามีตัวเรา) ที่เป็นความเคยชิน (นิสัย) ที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา ที่คอยผลักดันทำให้จิตของเราเกิดกิเลส (หรือตัณหา) และอุปาทานขึ้นมาตามลำดับอย่างรวดเร็ว จนเกิดความทุกข์ขึ้นมาในที่สุด

๓. ความจริงเรื่องความพ้นทุกข์ ซึ่งก็คือความสงบเย็นของจิตเมื่อจิตไม่มีความทุกข์ คือเมื่อจิตของเราไม่มีความทุกข์ มันก็จะกลับคืนสู่สภาวะเดิมของมัน นั่นก็คือ สงบ เย็น สดชื่น แจ่มใส เบา สบาย (ที่เรียกว่านิพพาน) ซึ่งการที่จิตจะนิพพานได้นั้นก็เป็นเพราะจิตของเราไม่มีกิเลสหรือตัณหาครอบงำ เมื่อจิตไม่มีกิเลสหรือตัณหาที่เป็นสาเหตุของทุกข์ ดังนั้นความทุกข์จึงไม่มี เมื่อจิตไม่มีทุกข์ มันจึงนิพพาน

๔. ความจริงเรื่องการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ซึ่งเรียกว่ามรรค (หรืออริยมรรค) ที่มีองค์ประกอบอยู่ ๘ องค์ประกอบ อันได้แก่ ๑. ความเห็นที่ถูกต้อง ๒. ความปรารถนาที่ถูกต้อง ๓. การพูดจาที่ถูกต้อง ๔. การกระทำทางกายที่ถูกต้อง ๕. การประกอบอาชีพที่ถูกต้อง ๖. ความเพียรพยายามที่ถูกต้อง ๗. การมีสติที่ถูกต้อง และ ๘. การมีสมาธิที่ถูกต้อง ซึ่งองค์ประกอบทั้ง ๘ นี้ย่อลงได้เป็น ปัญญา ศีล สมาธิ (ซึ่งเรื่องปัญญา ศีล สมาธิ นี้เราจะได้ศึกษากันโดยละเอียดต่อไป)

การศึกษาอริยสัจ ๔ นี้ จะต้องเริ่มศึกษาเรื่องความทุกข์ให้เข้าใจอย่างถูกต้องก่อน แล้วจึงค่อยไปศึกษาเรื่องเหตุของความทุกข์ แล้วจึงศึกษาเรื่องความพ้นทุกข์ และศึกษาเรื่องวิธีการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ไปตามลำดับ แต่ถ้าเรายังไม่รู้จักความทุกข์อย่างถูกต้องแล้วไปศึกษาเรื่องอื่นก่อน ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด (มีความเห็นผิด) ขึ้นมาได้ เพราะเมื่อเรารู้จักความทุกข์ผิด ก็จะทำให้เรารู้จักสาเหตุของความทุกข์ผิดตามไปด้วย แล้วก็จะรู้จักความพ้นทุกข์ผิดตามไปด้วย และรู้จักวิธีการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ผิดตามไปด้วยในที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่