เกินกำหนดคลอด สายรกเสื่อม"ลูกตาย" ผิดพลาดที่เราหรือหรือทางโรงพยาบาล ??

ขอสอบถามเพื่อน ๆ และ พี่ๆ ในพันทิปค่ะ คือ เราอยากจะรู้อ่ะค่ะ เรื่องผ่านมา 6 เดือนแล้วเราฝากท้องกับรพ.รัฐใช้สิทธิบัตรทอง เราครบกำหนดคลอด วันที่ 25 ก.พ. 58 ตลอดเวลาที่ท้อง ลูกเราดิ้นเก่งมาก วันที่ 17 ก.พ. เรามีน้ำใหลออกมาเป็นสีเหมือนน้ำมะพร้าวแต่ไม่ปวดท้อง เราก็นึกว่าน้ำคร่ำจึงรีบไปโรงพยาบาล แต่พยาบาลตรวจแล้วบอกไม่ใช่น้ำคร่ำ ก็นอนฟังเสียงหัวใจลูกครึ่ง ชม. แล้วให้กลับบ้าน
     จนครบกำหนด คลอด 40w วันที่ 25 ก.พ. น้องก็ยังไม่ออก พยาบาลบอกน้องยังไม่ออกให้รอก่อน ตรวจเสียงหัวใจแล้วให้กลับบ้านเหมือนทุกๆครั้ง (ตอนท้องตั่งใจว่าจะคลอดเอง)
     วันที่ 5 มี.ค. พยาบาลนัดมาตรวจอีกครบ 41w เราคิดว่าคงออกวันนี้เพราะครั้งที่แล้วมาพยาบาลบอกต้องคลอดแล้วส่งตัวเรามาบอกแอดมิดเตรียมคลอด แต่หมอที่อยู่เวรวันนั้นบอกว่าเราเป็นคนไข้ของหมออีกคน ซึ่งหมอคนนี้ไม่ได้เข้าเวร เราบอกท้องนานแล้วเลยกำหนดแล้วด้วย เร่งคลอดได้มั้ย หรือ ไม่ก็ผ่าเลยเราอยากเจอลูกแล้ว แต่เค้าบอกว่าไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เราไม่ใช่คนไข้ของเค้า และบอกเราว่า ถ้าเร่งคลอดก็อันตรายจะปวดมากเค้าให้เรากลับบ้านก่อนให้รอจนปวดค่อยมา
     เรากับแฟนก็พากันกลับบ้าน นัดอีกทีวันที่ 10 มี.ค. ต่อมา วันที่ 7 มี.ค. เรามีมูกเลือดออกมา จึงรีบไป รพ. ตรวจปากมดลูก พยาบาลบอกเปิด 1 ซ.ม.จึงให้กลับบ้านก่อน กลับบ้านมาได้ 3 วัน วันที่ 10 เราปวดท้องตอนช่วงสี่ทุ่ม เราก็รอให้ปวดถี่ๆ มาปวดหนักเรือยๆทุก 5 นาทีตอน ตี 3 บอกแฟนไม่ใหวแล้วพาไปโรงบาลที พอไปถึงเค้าตรวจปากมดลูก เปิด 2 ซม. ให้เรานอนรอคลอด เราปวดท้องมากปวดถี่ทุก 3-5 นาที เรานอนปวดจน 7 โมงเช้า พยาบาลมาตรวจภายใน ควานถุงน้ำคร่ำเราแตกมั้งเพราะมีเสียงดังปึดแล้วก็มีเลือดใหลออกมาเยอะมากและบอกว่าปากมดลูกเปิด 4 ซม. เค้าก็ให้เรานอนรอจนเก้าโมง พาเข้าห้องคลอดแต่ปากมดลูกเราก็ไม่เปิดเพิ่มอีกเค้าเลยเร่งคลอดให้เรา
      นักเรียนพยาบาลใส่ที่วัดเสียงหัวใจตัวเล็กตั่งแต่ตอนเราเข้ามานอนที่โรงบาล เสียงหัวใจลูกเราเต้นดีตลอดไม่มีอาการผิดปกติเลย พอ 11 โมง เราบอกนักเรียนพยาบาลว่าไม่ใหวแล้วเราปวดมาก ขอผ่าได้มั้ย เค้าบอกว่า "คุณแม่ค่ะ คลอดเองแผลหายไวกว่าผ่านะคะ อดทนนะคะ" พอ 11 โมงกว่าพยาบาลมาตรวจปากมดลูกบอกเปิดแล้วให้เตรียมทำคลอด ก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการทำคลอด
     เราเบ่งน้องตั่งแต่ 11 โมง ลมเบ่งก็นานๆมาที แต่ปวดมาก เบ่งตั่งไม่รู้กี่เที่ยว น้องก็ไม่ออก หมอก็เอาที่ดูดมาดูดน้อง ระหว่างดูดก็สอนนักเรียนแพทย์ไปด้วย ว่าต้องดูดอย่างไร ทำอย่างไร เราก็ปวดท้องมากก
     พอเที่ยงกว่าๆพยาบาลคนนึงเพิ่งเข้ามาก็มาช่วยกดท้องให้กดท้อง พยาบาลคุยกันเสียงหัวใจน้องหายไปบอกเสียงดร็อปไป หาไปหามาก็เจอ พยาบาลบอกน้องก็ใกล้ออกแล้ว หมอก็กรีดช่องคลอด ให้เราเบ่งสุดแรงยาวๆ แล้วหมอก็ใช้ที่ดูดๆ สักพักน้องก็ออกมา คลอดตอน 12.32
    แต่เราไม่ได้ยินเสียงน้องร้องเลยใจไม่ดีเลย พยาบาลเอามาวางบนหน้าอกเราแปปนึง แล้วรีบเอาไป เห็นแวปนึง น้องตัวเขียว ไม่ร้อง เราเพลียมากแล้วก็เบลอๆ เป็นห่วงน้อง หมอทำคลอดรกต่อและก็เย็บแผลที่กรีดและเย็บมดลูก(ผนังมดลูกน่าจะฉีก เพราะเรารู้สึกเวลาหมอเย็บผนังทางด้านซ้ายเจ็บมากก) พยาบาลบอกเราตกเลือดให้นอนนึ่งๆแล้วเอาเจลมาประคบท้อง
     สักพักหมอเด็กเดินมาบอกเราว่า น้องตัวเขียว ไม่ร้อง เพราะขาดออกซิเจน อาการ 50/50 เราก็งงๆ ตั้งสติได้ก็ร้องให้ นึกถึงคุณพระคุณเจ้าให้คุ้มครองลูก บนบาลศาลกล่าว ขอให้น้องปลอดภัย 2 ชม.ต่อมาเค้าก็พาเราไปห้องพักฟื้น เราได้แต่ร้องให้ แฟนเราไปดูลูก เห็นหมอรุมกันช่วย แฟนเราถามว่าลูกเราเป็นไงบ้าง หมอบอกน้องขาดออกซิเจนปอดทะลุ แฟนเราถามว่าเกิดจากอะไร เค้าก็บอกไม่รู้ เรานอนอยู่คืนนึงได้แต่ภาวนาให้ตัวเล็กปลอดภัย
      จนเช้าเค้าให้เราไปเยี่ยมลูกได้ พอเห็นลูกเท่านั้นแหละ ใจแทบขาด สายอะไรก็ไม่รู้เต็มตัวน้องไปหมด อาการก็ไม่ดีขึ้น ต้องใช้เครื่องกระตุ้นปอดเพราะปอดรั่ว ใส่ออกซิเจนเพราะน้องหายใจเองไม่ได้ ตัวสั่นตลอดเวลาเพราะเครื่องต่างๆ เราน้ำตาใหลเดินไปจับมือลูกจับแขนลูกขอให้เค้าเข้มแข็ง ให้เค้าสู้ๆแล้วกลับมาหาเรา มาอยู่กับเรา ถามหมอว่าน้องเป็นอะไรทำใมเป็นแบบนี้เค้าก็บอกแต่ไม่รู้ เราก็ไม่รู้จะทำไง เค้าถามเราว่าถ้าหัวใจน้องหยุดเต้นจะให้ปั๊มหัวใจน้องมั้ย เราคิดอยู่สักพัก ก็บอกว่าไม่ต้องก็ได้ เพราะน้องปอดรั่วถ้าปั๊มไปปอดอาจฉีกเยอะกว่านี้ หมอบอกใช่ เราเลยบอกไม่ปั๊มปล่อยให้น้องหลับไปเลย
      ดูลูกอยู่สักพักเราก็กลับมาที่ห้องพัก(ห้องรวม) ใจก็ภาวนาว่าอย่าให้อะไรก็แล้วแต่เอาลูกเราไป ขอให้ลูกเราหาย อฐิฐานต่างๆนาๆ จนแฟนเรามาหา หมอบอกแฟนเราตอน 11 โมงกว่า บอกว่าน้องเสียแล้ว เท่านั้นแหละเราใจสลาย ได้แต่ร้องให้ ลงไปดูร่างน้อง น้องหนัก 3,520 กรัม ตัวยาวแก้มยุ้ย น้องน่ารักมาก ผิวขาว น่าตาสวย เหมืนนางฟ้าเลย ในใจได้แต่คิดปากก็เพ้อได้แต่ถามว่า ทำใมต้องทิ้งแม่ไปๆ ทำใมไม่อยู่กับแม่ไม่รักแม่หรือ ได้แต่ร้องให้แฟนเราก็ร้องกอดลูกกอดคอกันร้อง นั่งกอดนั่งหอมลูกเกือบ 2ชม. พยาบาลถามเราว่า ร่างน้องจะทำอย่างไร จะนำกลับไปทำพิธีเอง หรือ ฝากโรงพยาบาลทำ เราปรึกษากันสักพัก ก็เลยบอกฝากโรงบาล เพราะ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับโรงบาลถ้าเค้านำไปศึกษาต่อ
      เรากลับขึ้นมาห้องพักฟื้น ในใจคิด ข้างเตียงมีแต่เด็กอ่อน ร้องบ้างหลับบ้าง นี้ลูกเราก็ไม่มีแล้วเราจะทำไง ยังต้องนอนอีกคืน ขอกลับบ้านเค้าก็ไม่ให้กลับ ทรมานมาก คิดถึงแต่ลูก เห็นเด็กแล้วใจจะขาด มาเจอหมอทำคลอดเอาตอนสายๆ(ของวันที่สามหลังคลอด) หมอบอกว่าเค้าเสียใจด้วย เค้าเป็นหมอ มาเป็น 10 ปี ไม่เคยเจอแบบเครสเรา เค้าบอกเค้าก็ไม่รู้ว่าทำใมน้องถึงไม่ยอมหายใจ
      เราได้แต่ฟัง จึงบอกเค้าว่าขอออกจาโรงบาลเลยได้มั้ยเราไม่อยากอยู่แล้ว เด็กอ่อนเยอะเราทำใจไม่ได้ เค้าจึงเซนออกให้เรา เราเลยได้กลับบ้าน กลับมาก็ร้องให้ตลอด น้ำนมใหลเยอะมาก แต่ไม่มีลูกมาดูด นั่งบีบน้ำนมทิ้งไป ร้องให้ไป เศร้าสุดๆ เราอุ้มท้องมาเกือบ 10 เดือน แต่ไม่ได้เลี้ยงเลย ดีว่ามีสามีคอยให้กำลังใจกันตลอด แม่ก็คอยบอกให้เข้มแข็ง ดูแลร่างกายให้แข็งแรง แล้วค่อยมีใหม่ รอให้เค้ามาเกิดใหม่ เราก็ทำใจ และรอเค้ากลับมาใหม่ ของที่ซื้อไว้เราก็เอาไปบริจาค ทำสังฆทานให้เค้า และก็ไปบวชให้เค้าอีก 7 วัน (มารู้ตอนหลัง น้องหนัก 3,520 กรัม)
น้องอยู่ในท้องเรา จนวันสุดท้ายของวีคที่ 42 ค่ะ

      ##สุดท้ายมาทราบที่หลังจากหมอสาธารณะสุขของจังหวัด เค้าบอกน้องเสียเพราะสายรกเสื่อม ทำให้สายฉีกขาดขณะคลอด อ๊อกซิเจ่นไปเลี้ยงน้องไม่พอ ทำให้น้องเสียชีวิต
      ##เราอุ้มท้องมาเกือบ 10 เดือน แต่น้องต้องมาตายเพราะมาตราฐานของโรงพยาบาล ที่บอกอยู่ได้ถึง 42 สัปดาห์
      ##เราก็ยังเห็นเค้าใช้มาตราฐานเดิมอยู่ คือ เลยได้จนถึง 42 สัปดาห์ ลูกข้างบ้านเค้าก็สำลักน้ำคร่ำและขี้เทา ต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ และใครๆอีกหลายๆ คนล่ะ ที่เค้าไม่ค่อยมีเงินเลยต้องฝากแบบธรรมดากันน่ะ

**1.เราอยากรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ผิดพลาดจากเราหรือโรพยาบาล
**2.และถ้าผิดพลาดจากทางโรงพยาบาลเราสามารถเรียกร้องความรับผิดชอบจากทางโรงพยาบาลได้มั้ย และต้องทำอย่างไรบ้างคะ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 46
เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน จะยากดีมีจน

พอเกิดกับโรงพยาบาลรัฐ ก็ ด่ากันว่า เพราะจนใช่ไหม เพราะราคาถูกใช่ไหม
พอเกิดกับโรงพยาบาลเอกชน ก็ด่ากันว่า อุตส่าห์จ่ายแพงๆนะ ทำไมยังเกิด

คือเรื่องทำคลอดนี่ ถ้าแค่เงินถึง อุปกรณ์ถึงแล้วปลอดภัย 100 % อเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป คงไม่มีการสูญเสียในการคลอดไปแล้ว เพราะประเทศเหล่านั้นเงินเยอะกว่าคนไทย 10เท่า 20เท่า แต่ความจริงมันไม่ใช่

จะถูก จะแพง ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ความคิดเห็นที่ 62
ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ
ขอตอบนะคะ เท่าที่อ่าน จขกท ยังรู้สึกว่า ทาง รพ หริอ แพทย์ผิด .... คิดว่า การที่คลอด 42 เหมือนโดนปล่อยปะละเลย

เลข 42 ใช้กันเป็น มาตรฐานค่ะ ... ถ้ายังไม่เลย จะพยายามให้คลอดเองให้ได้ค่ะ
ที่มา ของเลข 42 มาจาก การศึกษาที่วิเคราห์พิจารณา มาเป็นอย่างดีในคนหมู่มหาศาล โดยส่วนรวมคนส่วนมากที่สุด ได้ผลดีที่สุด จึงเกิดเลขนี้ขึ้นมา .... มันจึงเป็นเลขที่มีคุณค่า .... แต่ การแพทย์ ไม่มีคำว่า 100% ค่ะ

ตัวอย่างให้เข้าใจ
เช่น ยาชนิดนึง เป็นยาที่ปลอดภัยมาก  สามารถใช้กับทุกคนได้
  วันดีคืนร้าย มีคนกินแล้วกลายเป็น โรคหัวใจ 2 คน จากคนที่กิน 5แสนคน .... 2 คนนี้ คือ "ผู้โชคร้ายค่ะ" คงไม่มีใครบอกว่า ยานี้ต้องยกเลิก เพราะ มีคนที่กินไม่ได้ 2คน .... มันใช้ไม่ได้กับทุกคน แต่ยานี้ถูกออกแบบให้เกิดประโยชน ต่อคนหมู่มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และเกิดผู้โชคร้ายให้น้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ ---> 2 คนนี้ คง จะถูกรายงานเคส เพื่อ เก็บสถิติต่อไปในอนาคต

"ไม่มีอะไรที่ใช้ได้กับทุกคน แต่เค้าคิดมาดีแล้ว ให้มันใช้แล้วเกิดประโยชน์สูงสุด ในคนหมู่มากที่สุด อีกนัย คือ เกิดโทษน้อยที่สุด และเกิดในหมู่น้อยที่สุด"

ดังนั้น
จาก คห.36 ที่บอกแนะนำให้ คลอด ก่อน 42 เพราะ 42 ใช้ไม่ได้กับทุกคน ....  ถ้า จขกท อ่าน ตัวอย่างที่ยกด้านบน แล้ว คง จะเข้าใจ ว่า ดิฉัน ต้องการสื่อว่าอะไร .... 42 สัปดาห์ คือมาตรฐานที่ ทำกัน สากล เป็นเลขที่มีที่มาที่ไป แต่ จขกท เป็น 1 คน ที่ บังเอิญ "โชคร้าย" (ถ้าเทียบกับ ตัวอย่างด้านบน ก้เหมือนกับ ยากิน เปน แสนๆ คน มี 2 คนที่มีปัญหา นั่นคือคนที่ดวงไม่ดี โชคร้ายค่ะ )

เลข42 นี้ เป็นเลขที่ กำหนดไว้แล้ว เลขนี้จะเกิดประโยชน์ อย่างสูงที่สุด ต่อคนหมู่มากที่สุดในทุกอย่าง ทุกด้าน ...... ... "คำว่าคนหมู่มากที่สุด" ก็ แปลว่า "ไม่ใช่ทุกคน" แต่มันคือ------> "มากที่สุดเท่าที่จะมากได้"<-------ในอีกแง่ อีกนัยยะ แปลว่าจะเป็นเลขที่จะเกิด---> ผู้โชคร้าย น้อยที่สุด เท่าที่จะน้อยได้"<------- แต่ จขกท ดัน เป็น หนึ่งในนั้นค่ะ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ

เข้าใจค่ะ จขกท พิมพ์มาว่า ควรปรับเลขนี้ให้เร็วขึ้น ไม่ใช่เลข42 ใน คห 36 .......ดิฉัน จะบอกว่า เลข 42 นี่แหละค่ะ ที่จะยังประโยชน์แก่ มนุษยชาติได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ค่ะ.......... ถ้าปรับเร็วขึ้น มันก้จะไม่ได้เกิดประโยชน์สูงสุดมากที่สุดเท่าที่จะมากได้.......

และที่ จขกท พิมว่า มันใช้ไม่ได้กับทุกคน...... หวังว่าจะเข้าใจหน่ะค่ะ ถ้าเทียบตัวอย่างที่ยกไป จขกท ก้คือ 2 คน ที่กินยาแล้วมีปัญหา ทั้งๆที่ 5แสนคนไม่เปนอะไร .... ไม่มีอะไรที่ใช้ได้กับทุกคนค่ะ

"ขอย้ำอีกรอบค่ะ .... ไม่มีอะไรที่ใช้ได้กับทุกคน 100% ไม่มีอะไรที่ได้ประโยชน์กับทุกคน 100%  แต่ทุกอย่างถูกออกแบบโดยอาศัยหลักฐานการศึกษา เพื่อให้ เข้าใกล้คำว่า 100% ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในขณะนั้น"

ถ้ามีการศึกษาที่มีคุณค่า ที่สูงกว่า ก้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ .... แต่ตอนนี้ 42 ยัง คง เป็น 42 ค่ะ  .... เลข 42 นี่ปหละค่ะที่จะยังประโยชน์. ใกล้ 100% มากที่สุด (สมมติ 99.99%. จขกท อาจเป็นคนที่ตกอยุ่ใน 0.01% .... เป็นเลขสมมติค่ะ....)

ไม่มีใครปล่อยปะละเลยค่ะ .... สู้ๆนะคะ แต่หวังว่าคงเข้าใจมากขึ้นค่ะ
เรื่องร้ายที่เกิดขึ้น ไม่มีใครผิดหรอกค่ะ ...หยุดคิดเรื่องจะหาคนผิด ให้ใจต้องหมองหม่นค่ะ  อย่าเอาเวลาไปเสียกับการหาคนผิดในเรื่องที่ไม่มีคนผิด....... ดิฉันเข้าใจนะคะ เราคือมนุษย์ เราต้องหาคนผิด และสิ่งแรกที่มนุษย์ทำ คือ "โทษคนอื่น ก่อนจะมองหาความจริงหรือมองตนเอง โทษตัวเอง" ดิฉันก็เป็น ใครๆก็เป็น ก็เพราะเป็นมนุษย์เช่นกัน แต่ตอนนี้ คนใน pantip ช่วยกันอธิบาย ไขความกระจ่างแล้ว จขกท รับรู้ความจริงได้จากหลายๆคำตอบ ไม่จำเป็นต้องไปหาความจริงให้เหนื่อยเท่าไรแล้ว .... เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าค่ะ วันนี้ เราดวงไม่ดี โชคไม่ดี .... วันหน้าเราอาจจะเป็นคนที่โชคดี ก็ได้ค่ะ

สู้ๆค่ะ
ความคิดเห็นที่ 42
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะครับ ผมเข้าใจว่าความสูญเสียครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก และขอให้คุณเจ้าของกระทู้เข้มแข็งนะครับ

ผมจะช่วยตอบคำถามที่เจ้าของกระทู้สงสัย แต่ถ้ายังไม่มั่นใจก็น่าจะสอบถามกับคุณหมอที่ดูแลเพิ่มเติมนะครับ

กำหนดคลอดปกติจะอยู่ที่ 37 - 42 สัปดาห์ครับ ตัวเลขที่อยู่ในสมุดฝากครรภ์เป็นวันที่ครบ 40 สัปดาห์ครับ

ส่วนภาวะการสำลักน้ำคร่ำไม่มีนะครับ เข้าใจว่าน่าจะเป็นการสำลักขี้เทา

ขี้เทาคือ เศษเซลล์ของทางเดินอาหารที่ค้างอยู่ ปกติเด็กจะคลอดก่อน แล้วค่อยมาอุจจาระเมื่อคลอดแล้วซึ่งอุจจาระจะเป็นสีเทาๆ ไม่เป็นสีเหลืองเพราะยังไม่ได้กินนมเลยเรียกว่า เลยเรียกอุจจาระนี้ว่า "ขี้เทา" ซึ่งจะไม่มีเชื้อโรคในขี้เทานะครับ

เด็กที่อุจจาระเอาขี้เทาออกมาตั้งแต่อยู่ในท้อง ขี้เทาก็จะเข้าไปที่ปอด ทำให้ปอดทำงานได้ไม่ดี ออกซิเจนในเลือดต่ำ

ซึ่งสาเหตุที่เด็กถ่ายขี้เทาก่อนเวลา ทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากเด็กขาดออกซิเจนขณะอยู่ในท้อง หรือมีการติดเชื้อในน้ำคร่ำ
โดยปกติเด็กรับออกซิเจนจากรกแม่ครับ ถ้าเด็กขาดออกซิเจนขณะอยู่ในท้อง จะตรวจพบอัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติได้ เช่นเต้นช้าเป็นบางช่วง
ถ้าพิจารณาตามที่เจ้าของกระทู้แจ้งว่า เด็กมีอัตราหัวใจปกติมาตลอด แสดงว่าเด็กอาจจะเพิ่งมาถ่ายขี้เทาตอนใกล้คลอดพอดี
(ตอนใกล้คลอดเครื่องตรวจนับการเต้นหัวใจจะจับจังหวะไม่ได้ เพราะตัวเด็กเคลื่อนจากตำแหน่งที่เคยติดเครื่องไว้เดิมครับ)

ซึ่งเป็นได้หลายแบบ เช่น สายรกไม่ม้วนหรือพันรอบอวัยวะใด อวัยวะหนึ่งของเด็ก แล้วเกิดการพับงอ จึงขาดเลือดไหลเวียน ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดได้แม้จะคลอดด้วยอายุครรภ์ที่น้อยกว่านี้ครับ

กรณีที่สูติแพทย์ทราบล่วงหน้าว่าหัวใจเด็กเต้นช้าขณะรอคลอด แพทย์จะรีบให้คลอด ซึ่งถ้าปากมดลูกเปิดมากแล้ว จะเร่งคลอดด้วยยา แต่ถ้าปากมดลูกเปิดช้าจะรีบผ่าตัดคลอด และแจ้งหมอเด็ก เพื่อมาช่วยเหลือตั้งแต่แรก เนื่องจากอาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจถ้าสูดสำลักขี้เทาปริมาณมาก

แต่ถ้าเด็กหัวใจเต้นปกติ สามาถรับเด็กโดยพยาบาลชำนาญการของห้องคลอดได้ครับ

ถ้าเจ้าของกระทู้มีข้อสงสัย ผมยินดีตอบเพิ่มเติมนะครับ
ความคิดเห็นที่ 22
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ น้องร่างกายสมบูรณ์มาก น่าเสียดาย

อนึ่ง มีประสบการณ์มาแบ่งปันเรื่องฝากคลอดค่ะอันนี้คุณแม่ของดิฉันสอนมาอีกทีว่า

ถ้าเป็นเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยอื่นๆควรจำเพาะเจาะจงหมอผู้เชี่ยวชาญเป็นรายๆไป

แต่เรื่องคลอดลูกห้ามเจาะจงหมอ คือ ไม่ต้องฝากพิเศษกับหมอคนใดคนหนึ่ง

เพราะถ้าเกิดต้องคลอดกะทันหันขึ้นมาจะไม่มีใครเต็มใจทำคลอดให้เรา

หมอจะเกี่ยงจะบ่ายเบี่ยงและจะเป็นแบบคุณเจ้าของกระทู้คือจะให้รอแต่หมอที่เราฝากพิเศษไว้คนเดียว

ดิฉันเลยไม่เคยฝากพิเศษกับหมอคนไหนโดยเฉพาะ เจอหมอคนไหนเจอพยาบาลคนไหนก็ให้ทำไปเลย

ซึ่งตรงนี้เราจะรู้สึกได้ว่าหมอพยาบาลเวรจะสะดวกใจกับคนไข้ที่ไม่มีหมอเจ้าของไข้และจะเต็มที่พร้อมรับผิดชอบมากกว่าจริงๆ

ที่สำคัญก็คือไม่ต้องไปเสียเงินเสียทองอะไรเพิ่ม เพราะไม่ว่าจะยังไงนี่ก็คือหน้าที่ปกติของทีมงานหมอพยาบาลอยู่แล้ว

ออกจากโรงพยาบาลก็ให้ขนมอร่อยๆเล็กๆน้อยๆเพื่อขอบคุณก็เพียงพอ ลดวัฒนธรรมสินบนสินน้ำใจไปในตัวด้วย
ความคิดเห็นที่ 109
ก่อนอื่นคือ ขอแสดงความเสียใจด้วยน้ะครับ

คำตอบคงได้จากหลาย ความเห็นไปแล้ว
และ จาก กระทู้เดิมๆที่ตั้งไปหลายรอบแล้วด้วย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่