เราใจแคบไปหรือเปล่า

อยากถามความเห็นทุกๆคนค่ะ ว่าเราเป็นคนใจแคบไปหรือไม่คะ
ก่อนอื่น เราต้องบอกก่อนว่าเราแต่งงานกับแฟนมาครึ่งปีแต่ก่อนหน้านั้นเราได้อยู่ด้วยกันมาก่อน 2ปี
ก่อนแต่งงานเราอยู่ด้วยกันที่อพาร์ทเม้นก่อนที่จะมาซื้อบ้านอยู่ด้วยกันหลังแต่งงาน
เราทำงานเป็นพนักงานที่บริษัทหนึ่ง รายได้อยู่ที่ 2.5k แฟนเราไม่ได้ทำงาน (ทางบ้านฐานะปานกลางไม่เดือดร้อน) แต่แฟนทำอาชีพเสริมเกี่ยวกับรับเหมาทั่วไป ซึ่งไม่ได้เป็นงานประจำไม่มีรายได้ที่แน่นอน บางเดือนไม่มีงานเลยก็มี ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเลยตกอยู่ที่เราเป็นคนรับผิดชอบ ค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ท ค่าโทรศัพท์รายเดือน 2คน ค่าบัตรกดเงินสด 2คน ค่าผ่อนโทรศัพท์ของแฟน ค่าของใช้จิปาถะ ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน ซึ่งทางแฟนไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากทางบ้าน
ถ้าวันไหนแฟนมีรายได้ก็จะจ่ายค่าข้าวเองในมื้อนั้น ซึ่งทำให้เราเครียดมาก เงินไม่พอใช้ ปรึกษากับแฟนให้หางานทำ มาช่วยเหลือเราบ้าง คำตอบที่ได้รับคือ เค้าอายุเกินแล้วไม่มีที่ไหนรับ ซึ่งวิธีการหางานของเค้าคือโทรไปสอบถามเพื่อนแค่นั้น ไม่ได้มีการขวนขวายที่จะหางานทำจริงจังเพื่อช่วยเหลือเรา เค้าต้องการทำธุรกิจของเค้าต่อไป ทั้งๆที่เค้าไม่มีลูกค้าประจำ ไม่เคยออกไปหาลูกค้า เราจำเป็นต้องขายบ้านเพราะผ่อนไม่ไหว
หลังจากนั้นแฟนได้เข้าไปคุยกับทางบ้าน ทางบ้านให้เรา 2คนไปอาศัยอยู่ที่เขตแถบชานเมือง (ต่างจังหวัด) เป็นที่ทำไว้ให้คนงานอยู่ แต่จะซื้อบ้านน็อคดาว์นไปวางไว้ให้เราอยู่
แต่ปัญหาของเราอยู่ที่เราต้องผ่อนค่าบ้านคืนทางบ้านแฟนเดือนละ 4,000 ค่าซื้อของเข้าบ้านใหม่เราต้องเป็นคนออกจากการขายบ้าน (เป็นเงินของเราทั้งหมด) เราสงสัยค่ะ ว่าแฟนเราเอาเปรียบเราเกินไปหรือไม่ หรือเราใจแคบเกินไปที่เอาเรื่องนี้มาคิดคะ? เพราะเราคิดว่าเราแต่งงานกับเค้าแล้ว เราใช่มั้ยที่ต้องผ่อนบ้านคืนแม่ทั้งๆที่เราก็อยู่ด้วยกัน แล้วไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอื่นๆที่จะตามมาอีก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่