CTH ประมูลแย่งชิงพรีเมียร์ลีกมาจากTrue ในตอนนั้น เหมือนได้ของดีที่แสนแพง ต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ วิ่งไปถึง 1 หมื่นล้านบาท
3 ฤดูกาล2013/2014-2015/2016 มันช่างเร็วสะล่ะเกิน แปีบๆ ผ่านไปละ 2 ฤดูกาล... หมดไปกับการลงทุนเยอะ
ไหนจะค่า โครงข่าย, คอนเทนต์ หนัง สระคดี อื่นๆ , ช่องทางการขาย, การทำโฆษณา...
กว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง ทุกอย่างเข้าที ก็จะหมดสัญญาลงกลางปี 2559 แล้ว...
คอนเทนต์ แม่เหล็กอย่างพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลถัดไป ก็หยุดลอยไปสะล่ะ.... ได้ beIN Sports ไป
ข่าวว่า..อาจจะจับมือกับTrue
ในวันที่ CTH..ไม่มีพรีเมียร์ลีก ยิ่งกว่านั้น จะกลับมาตกอยู่ในมือคู่แข่งคนสำคัญอย่าง True
หนักเข้าไปอีกเอ๊า!!
หันกลับมามอง เรื่องที่กำลังใก้ลเข้ามา การประมูล คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz อาทิยต์หน้า วันที่ 11 พ.ย.นี้
ถ้าผู้ที่จะเข้ามาใหม่อย่าง JAS อยากได้ขึ้นมาจริงๆ ล่ะ
มันทำให้อดคิดไม่ได้ จะเกิดการแข่งขันราคากันอย่างดุเดือด จริงหรือไม่?
ผู้ให้บริการรายเก่า ADVANC DTAC TRUE จะร่วมด้วยช่วยกัน ปิดกั้น JAS หรือไม่?
แล้วถ้าเกิด JAS ได้มาในคาราที่สูง...
แล้วจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวอย่าง CTH หรือไม่?
แต่งานนี้ JAS เค้าพร้อมจริง...
ข่าวพันธมิตรใหม่ยังไม่ออก!
หรือ อย่างที่นักวิเคราะห์หลายๆค่าย บอกจะขาดทุนประมาณ2ปี..
หรือ จะเชื่อมั่นใน "ทฤษฎีกลับหัว" ของผู้บริหาร
อันนี้ต้องติดตามกันยาว...
สนุกแน่งานนี้ เดี๋ยวก็รู้กันในไม่ช้านี้ หรือ อาจจะเจอโรคเลื่อนอีกก็เป็นไปได้ 555
แก้ไข
1. CHT เป็น CTH
*****************
ข่าว..
บีอิน’ซิวลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกผู้ดี!จ่อลง‘ทรูวิชั่นส์’
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ บีอิน’ซิวลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกผู้ดี!จ่อลง‘ทรูวิชั่นส์’
“บีอิน”ซิวลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกผู้ดี!จ่ายหมื่นล้านจ่อลง“ทรูวิชั่นส์”
ศึกชิงลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลงเอย “บีอิน” สถานีกีฬาในเครืออัลจาซีราห์ ประมูลชนะ 3 คู่แข่ง “แชมป์เก่า” ซีทีเอช, ทรูวิชั่นส์ และฟอกซ์ คว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดในเมืองไทย เป็นเวลา 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี 2016-2019 ด้วยวงเงินรวมเกือบ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (10,500 ล้านบาท) น้อยกว่าเมื่อ 3 ปีก่อน ถึง 50 ล้านดอลลาร์ พร้อมเริ่มเปิดการเจรจา “ทรูวิชั่นส์” พันธมิตรในไทย จับมือกันยิงสดแล้ว
รายงานข่าวจากเว็บไซต์มีเดียบิซิเนสเอเชีย www.mediabusinessasia.com เปิดเผยความเคลื่อนไหวของการประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในส่วนของประเทศไทยว่า “บีอิน สปอร์ต” (beIN Sports) สถานีกีฬาชื่อดัง ซึ่งเป็นเครือข่ายของสถานีข่าวอัล จาซีรา ที่มีการแพร่ภาพเนื้อหาด้านกีฬาต่างๆ ไปหลายชาติทั่วโลก ทั้งตะวันออกกลาง, สหรัฐ, ฝรั่งเศส, สเปน, แคนาดา, ออสเตรเลีย, ฮ่องกง, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, แอฟริกาตอนเหนือ รวมถึงประเทศไทย เป็นผู้ชนะการประมูล ได้ลิขสิทธิ์ดังกล่าวเป็นเวลา 3 ฤดูกาล คือตั้งแต่ฤดูกาล 2016-2017 ไปจนถึงฤดูกาล 2018-2019 ด้วยวงเงินรวมเกือบ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10,500 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าการประมูลครั้งก่อนที่ บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีทีเอช ทุ่มเงินเกือบ 350 ล้านดอลลาร์ คว้าลิขสิทธิ์ระหว่างฤดูกาล 2013-2014 จนถึงฤดูกาล 2015-2016 ประมาณ 50 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
นอกจากนี้ มีเดียบิซิเนสเอเชีย ยังเปิดเผยด้วยว่า นอกจากประเทศไทยแล้ว ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกเมืองผู้ดี ยังมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมอีก 2 ประเทศ คือ นิวซีแลนด์ ที่บีอินได้เข้ามาแทน เอ็มพี แอนด์ ซิลวา ไลท์บอกซ์ ด้วยมูลค่าประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับ 3 ปีก่อน และในออสเตรเลีย ที่ออปตัสทุ่มเงินถึง 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าครั้งก่อนถึง 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการคว้าลิขสิทธิ์แทนฟอกซ์สปอร์ต
ส่วนในเมืองไทย มีรายงานระบุว่า มีผู้ร่วมการประมูลลิขสิทธิ์ครั้งนี้ 4 ราย คือ บีอิน, ซีทีเอช, ทรูวิชั่นส์ และฟอกซ์สปอร์ต
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องนี้ไปยังซีทีเอช ได้รับคำตอบว่า ยังไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ได้ เนื่องจาก นายอมฤต ศุขะวณิช ซีอีโอ เดินทางไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม มีรายงานระบุว่า ซีทีเอชเองก็เตรียมที่จะเปลี่ยนแปลงในด้านเนื้อหา มีการเพิ่มรายการข่าว บันเทิง และเด็ก เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันแล้ว
ขณะที่ทรูวิชั่นส์ แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ยอมรับว่าทรูวิชั่นส์เป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าประมูลชิงลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ส่วนกรณีที่บีอินเป็นฝ่ายชนะการประมูลนั้น คงต้องติดตามกันว่าจะมีการเจรจาเพื่อร่วมมือกับใครในการดำเนินการถ่ายทอดสด ซึ่งทางทรูวิชั่นส์เองก็น่าจะมีโอกาส เพราะก่อนหน้านี้บีอิน ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และลาลีกา สเปน ก็ได้ขายลิขสิทธิ์ต่อให้กับทางทรูวิชั่นส์มาแล้ว นอกจากนี้ทางบีอิน ยังมีช่องออกอากาศทางทรูวิชั่นส์ 1 ช่อง คือ ช่องบีอินสปอร์ต 1 เอชดี ทรูวิชั่นส์ 676 นอกจากนี้ในเว็บไซต์ของบีอิน คือ http://th.beinsports.com ก็ได้ขึ้นข้อความยืนยันว่า บีอินเป็นพันธมิตรด้านบอร์ดแคสต์ในประเทศไทยกับทรูวิชั่นส์อีกด้วย
จาก... คม ชัด ลึก
ถ้าJAS ได้ 4G จะเหมือน CTH ได้ พรีเมียร์ลีก...รึป่าว?
3 ฤดูกาล2013/2014-2015/2016 มันช่างเร็วสะล่ะเกิน แปีบๆ ผ่านไปละ 2 ฤดูกาล... หมดไปกับการลงทุนเยอะ
ไหนจะค่า โครงข่าย, คอนเทนต์ หนัง สระคดี อื่นๆ , ช่องทางการขาย, การทำโฆษณา...
กว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง ทุกอย่างเข้าที ก็จะหมดสัญญาลงกลางปี 2559 แล้ว...
คอนเทนต์ แม่เหล็กอย่างพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลถัดไป ก็หยุดลอยไปสะล่ะ.... ได้ beIN Sports ไป
ข่าวว่า..อาจจะจับมือกับTrue
ในวันที่ CTH..ไม่มีพรีเมียร์ลีก ยิ่งกว่านั้น จะกลับมาตกอยู่ในมือคู่แข่งคนสำคัญอย่าง True
หนักเข้าไปอีกเอ๊า!!
หันกลับมามอง เรื่องที่กำลังใก้ลเข้ามา การประมูล คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz อาทิยต์หน้า วันที่ 11 พ.ย.นี้
ถ้าผู้ที่จะเข้ามาใหม่อย่าง JAS อยากได้ขึ้นมาจริงๆ ล่ะ
มันทำให้อดคิดไม่ได้ จะเกิดการแข่งขันราคากันอย่างดุเดือด จริงหรือไม่?
ผู้ให้บริการรายเก่า ADVANC DTAC TRUE จะร่วมด้วยช่วยกัน ปิดกั้น JAS หรือไม่?
แล้วถ้าเกิด JAS ได้มาในคาราที่สูง...
แล้วจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวอย่าง CTH หรือไม่?
แต่งานนี้ JAS เค้าพร้อมจริง...
ข่าวพันธมิตรใหม่ยังไม่ออก!
หรือ อย่างที่นักวิเคราะห์หลายๆค่าย บอกจะขาดทุนประมาณ2ปี..
หรือ จะเชื่อมั่นใน "ทฤษฎีกลับหัว" ของผู้บริหาร
อันนี้ต้องติดตามกันยาว...
สนุกแน่งานนี้ เดี๋ยวก็รู้กันในไม่ช้านี้ หรือ อาจจะเจอโรคเลื่อนอีกก็เป็นไปได้ 555
แก้ไข
1. CHT เป็น CTH
*****************
ข่าว..
บีอิน’ซิวลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกผู้ดี!จ่อลง‘ทรูวิชั่นส์’
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้