คืนนั้น
วินชญาก็มาช่วยป้ากับลุงและลูกพี่ลูกน้องของหล่อนที่ซุ้มก๋วยเตี๋ยวโดยไม่ได้สนใจ
สายตาที่บ่งบอกถึงการซุบซิบนินทาจากสายตาของผู้คนในงานบางคนเกี่ยวกับเรื่องอาชีพ
อาจารย์ของเธอกับการที่เธอมาช่วยร้านก๋วยเตี๋ยวของป้าแบบนี้
คนเรานี่ก็แปลกเนอะ ชอบดูถูกอาชีพบางอาชีพทั้ง ๆ ที่อาชีพมันก็แค่เปลือก
ภายนอกอย่างหนึ่ง ข้างในคนเราก็ต่างมีความเป็นมนุษย์เท่า ๆ กันมิใช่หรือ คือทุกคนก็
แค่มีบทบาทในสังคมแตกต่างกันไป แต่ทุกคนก็ล้วนเป็นฟันเฟืองที่ประกอบกันให้สังคม
มันเดินหน้าต่อไปได้ แม้จะเป็นเฟืองตัวใหญ่หรือตัวเล็กแต่ถ้าขาดตัวใดตัวหนึ่งในระบบไป
กลไกมันก็ย่อมจะไม่สามารถทำงานต่อไปได้ คนเรามันควรจะเลือกนับถือกันจากความดี
ที่คนเราทำต่างหาก ไม่ใช่วัดกันว่าใครน่าเคารพนับถือจากแค่เปลือกที่ห่อหุ้มอยู่ภายนอก
เช่น ยศภาบรรดาศักดิ์ ฐานะ หรืออาชีพ
ตอนที่ติณภพณ์มาสั่งให้ที่ร้านของป้าแม้นซึ่งกำลังยุ่งวุ่นวายกันอยู่เพราะร้านป้าแม้น
เป็นร้านเจ้าอร่อยคนเลยมาออต่อคิวกันยาวเหยียด แต่ด้วยความที่ชายหนุ่มเป็นลูกชายท่านผู้การ
คนที่รออยู่ก็เลยบอกให้เขาสั่งก่อนได้เลย เมื่อเขาได้เจอหน้ายัยตัวแสบอีกรอบ ติณภพณ์จึงจงใจ
สั่งให้เธอช่วยเอาน้ำซุปกับก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กแห้งไปให้คุณย่ากับคุณน้าของตนที่ในบ้าน และแม้ว่า
เธอจะบอกเขาไปว่าเธอไม่ทำให้แต่เขาก็ไม่ยอมอยู่ฟัง และกลับรีบเดินหนีเข้าไปในงานที่อีกด้าน
เฉยเลย เมื่อติณภพณ์ไม่อยู่คอยยกก๋วยเตี๋ยวเข้าบ้านไปเอง หญิงสาวก็เลยจำใจต้องช่วยยกน้ำซุป
กับก๋วยเตี๋ยวเข้าไปส่งถึงที่ข้างในบ้าน
โดยตัวของคุณน้าภาวิดาที่มารับก๋วยเตี๋ยวจากวินชญานั้นก็เป็นน้องสาวคนหนึ่งของ
ท่านนายพลพิทยะ ซึ่งหล่อนก็เป็นโสดและไม่ได้ออกเรือน เธอจึงมาอาศัยอยู่กับพี่ชาย และ
หล่อนก็เป็นคนที่คอยช่วยดูแลบ้านและช่วยเลี้ยงหลาน ๆ มาโดยตลอด จนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่าน
มานี้ เธอก็รับหน้าที่หลักในการดูแลมารดาของตนหรือว่าคุณย่าของหลาน ๆ ซึ่งร่างกายก็เริ่ม
จะอ่อนแอลงเพราะอายุที่มากขึ้นอยู่ในบ้านหลังนี้อีกด้วย
หลังจากนำก๋วยเตี๋ยวไปส่งเสร็จ เมื่อเดินกลับออกมา ขณะที่หญิงสาวเดินผ่านหน้าห้อง ๆ
หนึ่ง เธอก็กลับถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งดึงรั้งแขนจนตัวเธอที่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวนั้นถึงกลับถูกลากไป
ตามแรงมือนั้นและเมื่อรู้ตัวอีกทีเธอก็เข้ามาหยุดอยู่ในห้องเก็บของแล้ว ส่วนไอ้คนที่ดึงตัวเธอ
เข้ามาในห้องเก็บของก็รีบหันไปปิดประตู และเมื่อเขาหันหน้ากลับมา ภายใต้แสงสีส้มจาก
ดวงไฟหลอดเล็ก ๆ ซึ่งได้ถูกเปิดทิ้งเอาไว้แล้ว เธอก็จำได้ทันทีว่าเขาก็คือ คู่อริเบอร์หนึ่ง
ของเธอนั่นเอง
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ลากฉันเข้ามาในนี้ทำไม” วินชญาแหวเสียงแหลมใส่คนที่กำลัง
กลั่นแกล้งเธอทันทีที่เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ
“ก็เพราะปากดีอย่างนี้นี่สิ ฉันถึงได้หมั่นไส้เธอน่ะ” ติณภพณ์จึงแกล้งย่างสามขุมเข้าหา
หญิงสาวอย่างดูน่ากลัวเพื่อต้อนให้หญิงสาวที่กำลังตกใจถอยหนีเข้าไปจนชิดกับกำแพงตรงช่อง
แคบ ๆ ข้างชั้นที่วางข้าวของและอุปกรณ์การช่างหลาย ๆ อย่างอยู่ทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะตามเข้าไป
วางแขนลงบนผนังตรงที่ข้าง ๆ ศีรษะของร่างบางเพื่อกักขังหล่อนเอาไว้ภายใต้กรงแขนแกร่งของเขา
เมื่อหญิงสาวพยายามจะมุดลอดใต้แขนของติณภพณ์เพื่อที่จะหนีเขาไป ชายหนุ่มก็กลับ
จับรั้งดึงแขนข้างหนึ่งของหล่อนเอาไว้เสียแน่นหนาจนหล่อนนั้นหนีไปไหนไม่ได้ และเมื่อเธอ
ยกเท้าขึ้นมาเพื่อที่จะเหยียบลงไปบนเท้าของชายหนุ่ม แต่มันก็กลับดันผิดแผนไปหมด เพราะ
ร่างสูงซึ่งคอยระวังตัวแจตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วดันสามารถชักเท้าหนีไปได้ทันเวลาเสียก่อน
หญิงสาวจึงเหยียบพลาด แถมที่แย่ไปกว่านั้นก็คือตัวของหล่อนเองยังดันเสียหลักล้มไปใส่
คนตรงหน้าเข้าเต็ม ๆ ทำให้ตัวเธอนั้นก็เลยโดนเขาสวมกอดเอาไว้ จนเธอไม่สามารถที่จะหนี
เขาไปไหนได้ไปโดยปริยาย
“นี่ไอ้เกย์โรคจิตนายคิดจะทำบ้าอะไรของนายกันฮะ” วินชญาร้องถามคนตรงหน้าเสียงแหลม
“ใครบอกเธอว่าฉันเป็นเกย์กันฮะ ยัยตัวดี” จากที่ชายหนุ่มกำลังเล่นสนุกขำ ๆ อยู่
เขาก็เลยดึงตัวร่างบางออกมาจ้องหน้าด้วยเพราะอดหัวเสียขึ้นมาไม่ได้กับคำ ๆ นี้
“นี่ไม่รู้จริง ๆ หรอว่าคนเค้าลือกันไปทั้งกองบินแล้ว ผู้ชายอะไรอายุตั้ง 30 กว่าแล้วแต่กลับ
ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน แถมคุณหญิงหาสาว ๆ สวย ๆ มาให้ก็กลับไม่ชอบเลยสักคน เออ แล้ว
สรุปคู่ขานายใช่นักบินที่ชื่อเทพป่ะ” วินชญาจงใจใช้ข้อมูลที่รู้มาเพื่อทับถมศัตรูคู่แค้นของหล่อน
“อือหือ ได้ยินแบบนี้แล้วนี่ยิ่งปรี๊ดหนักเลย จำไว้นะมิวว่าวันหลังถ้าไม่รู้อะไรจริงก็อย่าเที่ยว
พูดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่พี่ไม่ได้ชอบผู้หญิงเนี่ยมันมั่วมาก” ติณภพณ์ได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งอารมณ์
ขึ้นหนักเลย
“มันไม่ใช่แค่เพราะข่าวลือหรอก แต่เพราะฉันเคยเห็นนายนั่งจูบกับไอ้พี่ศักดิ์รินลี่ในสโมสร
ตั้งแต่เด็กต่างหากฉันถึงเชื่อเรื่องนี้น่ะ” วินชญาลอยหน้าลอยตาตอบด้วยแววตายิ้มเย้ย
อุ่นรักในกองบิน ตอนที่ 4 มาแล้วจ้า ;)
วินชญาก็มาช่วยป้ากับลุงและลูกพี่ลูกน้องของหล่อนที่ซุ้มก๋วยเตี๋ยวโดยไม่ได้สนใจ
สายตาที่บ่งบอกถึงการซุบซิบนินทาจากสายตาของผู้คนในงานบางคนเกี่ยวกับเรื่องอาชีพ
อาจารย์ของเธอกับการที่เธอมาช่วยร้านก๋วยเตี๋ยวของป้าแบบนี้
คนเรานี่ก็แปลกเนอะ ชอบดูถูกอาชีพบางอาชีพทั้ง ๆ ที่อาชีพมันก็แค่เปลือก
ภายนอกอย่างหนึ่ง ข้างในคนเราก็ต่างมีความเป็นมนุษย์เท่า ๆ กันมิใช่หรือ คือทุกคนก็
แค่มีบทบาทในสังคมแตกต่างกันไป แต่ทุกคนก็ล้วนเป็นฟันเฟืองที่ประกอบกันให้สังคม
มันเดินหน้าต่อไปได้ แม้จะเป็นเฟืองตัวใหญ่หรือตัวเล็กแต่ถ้าขาดตัวใดตัวหนึ่งในระบบไป
กลไกมันก็ย่อมจะไม่สามารถทำงานต่อไปได้ คนเรามันควรจะเลือกนับถือกันจากความดี
ที่คนเราทำต่างหาก ไม่ใช่วัดกันว่าใครน่าเคารพนับถือจากแค่เปลือกที่ห่อหุ้มอยู่ภายนอก
เช่น ยศภาบรรดาศักดิ์ ฐานะ หรืออาชีพ
ตอนที่ติณภพณ์มาสั่งให้ที่ร้านของป้าแม้นซึ่งกำลังยุ่งวุ่นวายกันอยู่เพราะร้านป้าแม้น
เป็นร้านเจ้าอร่อยคนเลยมาออต่อคิวกันยาวเหยียด แต่ด้วยความที่ชายหนุ่มเป็นลูกชายท่านผู้การ
คนที่รออยู่ก็เลยบอกให้เขาสั่งก่อนได้เลย เมื่อเขาได้เจอหน้ายัยตัวแสบอีกรอบ ติณภพณ์จึงจงใจ
สั่งให้เธอช่วยเอาน้ำซุปกับก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กแห้งไปให้คุณย่ากับคุณน้าของตนที่ในบ้าน และแม้ว่า
เธอจะบอกเขาไปว่าเธอไม่ทำให้แต่เขาก็ไม่ยอมอยู่ฟัง และกลับรีบเดินหนีเข้าไปในงานที่อีกด้าน
เฉยเลย เมื่อติณภพณ์ไม่อยู่คอยยกก๋วยเตี๋ยวเข้าบ้านไปเอง หญิงสาวก็เลยจำใจต้องช่วยยกน้ำซุป
กับก๋วยเตี๋ยวเข้าไปส่งถึงที่ข้างในบ้าน
โดยตัวของคุณน้าภาวิดาที่มารับก๋วยเตี๋ยวจากวินชญานั้นก็เป็นน้องสาวคนหนึ่งของ
ท่านนายพลพิทยะ ซึ่งหล่อนก็เป็นโสดและไม่ได้ออกเรือน เธอจึงมาอาศัยอยู่กับพี่ชาย และ
หล่อนก็เป็นคนที่คอยช่วยดูแลบ้านและช่วยเลี้ยงหลาน ๆ มาโดยตลอด จนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่าน
มานี้ เธอก็รับหน้าที่หลักในการดูแลมารดาของตนหรือว่าคุณย่าของหลาน ๆ ซึ่งร่างกายก็เริ่ม
จะอ่อนแอลงเพราะอายุที่มากขึ้นอยู่ในบ้านหลังนี้อีกด้วย
หลังจากนำก๋วยเตี๋ยวไปส่งเสร็จ เมื่อเดินกลับออกมา ขณะที่หญิงสาวเดินผ่านหน้าห้อง ๆ
หนึ่ง เธอก็กลับถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งดึงรั้งแขนจนตัวเธอที่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวนั้นถึงกลับถูกลากไป
ตามแรงมือนั้นและเมื่อรู้ตัวอีกทีเธอก็เข้ามาหยุดอยู่ในห้องเก็บของแล้ว ส่วนไอ้คนที่ดึงตัวเธอ
เข้ามาในห้องเก็บของก็รีบหันไปปิดประตู และเมื่อเขาหันหน้ากลับมา ภายใต้แสงสีส้มจาก
ดวงไฟหลอดเล็ก ๆ ซึ่งได้ถูกเปิดทิ้งเอาไว้แล้ว เธอก็จำได้ทันทีว่าเขาก็คือ คู่อริเบอร์หนึ่ง
ของเธอนั่นเอง
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ลากฉันเข้ามาในนี้ทำไม” วินชญาแหวเสียงแหลมใส่คนที่กำลัง
กลั่นแกล้งเธอทันทีที่เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ
“ก็เพราะปากดีอย่างนี้นี่สิ ฉันถึงได้หมั่นไส้เธอน่ะ” ติณภพณ์จึงแกล้งย่างสามขุมเข้าหา
หญิงสาวอย่างดูน่ากลัวเพื่อต้อนให้หญิงสาวที่กำลังตกใจถอยหนีเข้าไปจนชิดกับกำแพงตรงช่อง
แคบ ๆ ข้างชั้นที่วางข้าวของและอุปกรณ์การช่างหลาย ๆ อย่างอยู่ทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะตามเข้าไป
วางแขนลงบนผนังตรงที่ข้าง ๆ ศีรษะของร่างบางเพื่อกักขังหล่อนเอาไว้ภายใต้กรงแขนแกร่งของเขา
เมื่อหญิงสาวพยายามจะมุดลอดใต้แขนของติณภพณ์เพื่อที่จะหนีเขาไป ชายหนุ่มก็กลับ
จับรั้งดึงแขนข้างหนึ่งของหล่อนเอาไว้เสียแน่นหนาจนหล่อนนั้นหนีไปไหนไม่ได้ และเมื่อเธอ
ยกเท้าขึ้นมาเพื่อที่จะเหยียบลงไปบนเท้าของชายหนุ่ม แต่มันก็กลับดันผิดแผนไปหมด เพราะ
ร่างสูงซึ่งคอยระวังตัวแจตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วดันสามารถชักเท้าหนีไปได้ทันเวลาเสียก่อน
หญิงสาวจึงเหยียบพลาด แถมที่แย่ไปกว่านั้นก็คือตัวของหล่อนเองยังดันเสียหลักล้มไปใส่
คนตรงหน้าเข้าเต็ม ๆ ทำให้ตัวเธอนั้นก็เลยโดนเขาสวมกอดเอาไว้ จนเธอไม่สามารถที่จะหนี
เขาไปไหนได้ไปโดยปริยาย
“นี่ไอ้เกย์โรคจิตนายคิดจะทำบ้าอะไรของนายกันฮะ” วินชญาร้องถามคนตรงหน้าเสียงแหลม
“ใครบอกเธอว่าฉันเป็นเกย์กันฮะ ยัยตัวดี” จากที่ชายหนุ่มกำลังเล่นสนุกขำ ๆ อยู่
เขาก็เลยดึงตัวร่างบางออกมาจ้องหน้าด้วยเพราะอดหัวเสียขึ้นมาไม่ได้กับคำ ๆ นี้
“นี่ไม่รู้จริง ๆ หรอว่าคนเค้าลือกันไปทั้งกองบินแล้ว ผู้ชายอะไรอายุตั้ง 30 กว่าแล้วแต่กลับ
ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน แถมคุณหญิงหาสาว ๆ สวย ๆ มาให้ก็กลับไม่ชอบเลยสักคน เออ แล้ว
สรุปคู่ขานายใช่นักบินที่ชื่อเทพป่ะ” วินชญาจงใจใช้ข้อมูลที่รู้มาเพื่อทับถมศัตรูคู่แค้นของหล่อน
“อือหือ ได้ยินแบบนี้แล้วนี่ยิ่งปรี๊ดหนักเลย จำไว้นะมิวว่าวันหลังถ้าไม่รู้อะไรจริงก็อย่าเที่ยว
พูดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่พี่ไม่ได้ชอบผู้หญิงเนี่ยมันมั่วมาก” ติณภพณ์ได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งอารมณ์
ขึ้นหนักเลย
“มันไม่ใช่แค่เพราะข่าวลือหรอก แต่เพราะฉันเคยเห็นนายนั่งจูบกับไอ้พี่ศักดิ์รินลี่ในสโมสร
ตั้งแต่เด็กต่างหากฉันถึงเชื่อเรื่องนี้น่ะ” วินชญาลอยหน้าลอยตาตอบด้วยแววตายิ้มเย้ย