เจาะลึก INTUCH ผู้กุมอำนาจสื่อสารไทย!

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้ง ไหนๆ เราก็ว่าหุ้นสายสื่อสารมาหลายตัวแล้ว ขอเอาหุ้นที่ถ้าไม่พูดถึงก็คงไม่ได้คือผู้ถือหุ้นหลักของ ADVANC นั่นคือ INTUCH นั่นเอง

INTUCH เป็นบริษัท holding company หรือบริษัทผู้ถือ (หุ้น) โดยจะเข้าไปถือหุ้นในกิจการต่าง ๆ โดยจะเน้นกิจการที่เกี่ยวกับสื่อสารเป็นหลัก ตัวหลักๆ เป้งๆ  เลยมีสองตัวที่ถือถึง 40% คือ ADVANC และ THCOM ทั้งสองตัวอยู่ใน SET เหมือนกัน



กับ p/e ที่ 15.5  และปันผลที่เกือบ 6% นับว่าน่าสนใจ เลยทีเดียวครับ กับนักลงทุนชอบเงินปันผลอย่างผม กับนโยบายปันผล ดังนี้

“จ่ายจากเงินปันผลส่วนใหญ่ที่ได้รับจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยหลังหักค่าใช้จ่าย หากไม่มีเหตุจำเป็นอื่นใดและการจ่ายเงินปันผลนั้น ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานปกติของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ”

หมายความว่าได้เงินปันผลมาเท่าใด หักค่าใช้จ่ายและจ่ายคืนผู้ถือหุ้นเท่านั้นครับ แล้วไอ้จำนวนปันผลที่ว่าได้มาจากบริษัทใดบ้างล่ะ มาดูโครงสร้างรายได้กันครับ



รูปนี้มาจากงบปี 57 ครับ เป็นรุปเดียวที่เห็นภาพรวมทั้งหมดของธุรกิจอย่างง่ายๆ กล่าวคือ รายได้หลักมาจาก ADVANC ประมาณ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ และ THCOM ประมาณ 5% ดังรูป

เนื่องจาก ADVANC จ่ายปันผล 100% ของกำไรสุทธิ INTUCH เลยได้กระแสเงินสดจำนวนมหาศาลจากปันผลครับ ในขณะที่ THCOM จ่ายปันผลอยู่ที่ 40% ของกำไรสุทธิเท่านั้นเอง

ทั้งนี้ผมเคยวิเคราะห์ ADVANC ไว้ระดับหนึ่งแล้วลองไปดูได้ที่
เจาะลึก ศึกชิงบังลังก์หุ้นมือถือ ADVANC vs TRUE vs DTAC สมรภูมิแสนล้าน!

มาดู THCOM กันบ้างครับ


จะเห็นว่ามีการเติบโตของรายได้อย่างมีพัฒนาการ รวมถึง ROA และ ROE ที่ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งลักษณะทำธุรกิจของ THCOM จะเป็นบริการสื่อสารผ่านดาวเทียมเป็นหลัก (มี CSLox info โดยบริษัทย่อยถืออยู่ 42.07% ซึ่งกิจการก็ลุ่มๆ ดอนๆ อยู่นะครับ (ล่าสุดพึ่งโดนเหตุการณืไฟดับไป) แต่ในเรื่องของดาวเทียมปกติใบอนุญาตจะมีอายุ 15 ปี และบริษัทก็มีการส่งดาวเทียมเพิ่มเรื่อยๆ รองรับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น และบริษัทยังทำธุรกิจในภาคพื้นอินโดจีน และเอเชียใต้ โดยเป็นผู้เล่นหลักเสียด้วย

ผมคิดว่าการใช้งานดาวเทียมน่าจะมีแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้นได้อีกมา หมัดเด็ดน่าจะอยู่ที่การเข้าไปใน แอฟริกา และบริการดาวเทียมบรอดแบรนด์ ที่จะสามารถให้บริการอินเตอร์เน็ตบนเที่ยวบินได้ ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่าจะมีเครื่องบิน 2,500 ลำที่จะให้บริการบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตบนเครื่องภายในปี 66

โดยสรุปถ้าสองบริษัท ADVANC และ THCOM ดี INTUCH ดีตามแน่นอน แต่ที่ควรดูเป็นหลักคือตัว ADVANC ครับ เพราะรายได้มากถึง 90% เลยทีเดียว

แต่ upside ที่ผมสนใจที่สุดกลับเป็นตัว InVent ครับ ซึ่งเป็น Corporate Venture Capital ที่ลงทุนในบริษัทเปิดใหม่ หรือ Startup โดยมีโปรแกรมฟักไข่ (Incubator) ของตัวเองชื่อ AIS Startup โดยตัวที่เด่นดังที่สุดเห็นจะเป็น Ookbee ผู้ให้บริการ ebook นั่นเองครับ โดยตัวนี้แหละ ใช้งบประมาณลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท โดยจะถือหุ้นในบริษัท startup 25-30% แต่มันมีสิทธิ์ที่จะทำ 10x จากเงินลงทุนได้เลย ถ้า InVent สามารถสร้าง Facebook หรือ Google เมืองไทยขึ้นมา เอาง่ายๆ ว่าถ้ามีบริษัทที่ INTUCH ลงทุนแล้วสามารถส่งไป IPO ได้ก็จะสร้างผลตอบแทนมหาศาล แต่ความเสี่ยงก็คือเงินลงทุนก็มีสิทธิ์เป็นศูนย์ได้ง่ายๆ  ถ้าบริษัทไปไม่รอด แต่ด้วยตัวเลข 200 ล้าน ซึ่งเทียบเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ของบริษัท แต่อาจจะสร้างผลตอบแทนหลักพันล้านบาทได้ ก็เป็นได้ครับ เพราะโดยปกติ Venture Capital ควรจะต้องมองที่ timeline ประมาณ 10 ปี อยู่แล้ว ถ้าพูดถึงตอนนี้ ก็ยังอยู่แค่ mid fund เท่านั้นเอง (ไม่ถึงด้วยมั้ง) แต่ Ookbee ก็มีบริษัทจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนเพิ่มทำให้มูลค่าของบริษัทเติบโตไปไกลเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องดูกันต่อไปว่ากลยุทธ์นี้จะสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้มากน้อยเพียงใดครับ

จะติก็เพียงบริษัทที่ลงทุน สามในเจ็ดเป็นบริษัทเกม (ผมชอบนะ) คือไม่ค่อยหลากหลาย มี Health 1 Ebook 1 Social Network 1 และ Big Data & Social Media marketing อีก 1 ซึ่งผมมองว่า Big Data เป็นเทรนด์และแข่งขันสูง ebook เองก็แข่งขันสูง ส่วนบริษัทเกมเป็นธุรกิจ Hit & Miss เหมือนทำหนังภาพยนต์ ดังก็ดัง ดับก็ดับ และใช้เงินลงทุนสูงในขณะที่ผลตอบแทนไม่แน่นอน บริษัทน่าจะเก็บธุรกิจในลักษณะ Software as a Service เข้า portfolio เพิ่มขึ้นซึ่งสามารถใช้ platform ของ AIS ในการ launch สินค้าผ่านเครือข่ายธุรกิจที่มีอยู่แล้วจะต่อยอดธุรกิจและสร้าง return ได้อย่างรวดเร็ว พอละ พูดถึง startup แล้วยาว (ฮา)

Safety Factor
ประเด็นความเสี่ยงเดียวเลยที่ผมมองคือประเด็นของไอทีวี กับค่าปรับจำนวนเกือนแสนล้าน (97,760 ล้านบาท) จากการปรับผัง ตามที่สำนักงานปลัดกระทรวงเรียกร้อง ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย อันนี้ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไอทีวีถึงได้ฟ้องร้องกันถึงแสนล้านใครมีข้อมูลเล่าให้ฟังบ้างครับ แต่สิ่งที่บริษัทลงไว้ในงบการเงินคือผลกระทบสินทรัพย์ของไอทีวี คิดเป็นร้อยละ 2.1 ของทรัพย์สิน และ หนี้สินคิดเป็นร้อยละ 30.4 ของหนี้สินรวม ซึ่งผมว่าสมเหตุสมผลเพราะเป็นค่าค้างชำระครับ

My Take
Neutral
เอาจริงๆ ถ้าไม่ติดประเด็นไอทีวีนะ ผมชอบหุ้นตัวนี้มาก แต่สไตล์ defensive เราต้องมอง downside กรณีแย่สุดไว้ก่อน กล่าวคือถ้าโดนปรับแสนล้านจริง นี่คงต้องขายหุ้นทิ้งมาใช้หนี้เลยก็เป็นได้ อันนี้ผมไม่มีความรู้เบื้องลึกเบื้องหลังกรณีที่เกิดขึ้นผมก็จะมองในแง่การอ่านงบการเงินเป็นหลัก และมองความเสี่ยงไว้ก่อน แต่ข้อดีก็คือการจ่ายปันผลแบบเต็มที่ สำหรับใครที่มั่นใจในเหตุการณ์ว่าไม่โดนปรับแน่ ๆ การถือไว้เพื่อกินปันผล พร้อมรอรับ upside ถือเป็นทางเลือกที่ดี อันนี้ต้องแล้วแต่ครับ

Disclaimer:
ผมไม่มีหุ้นตัวนี้ และจะไม่เข้าถือภายใน 72 ชั่วโมงครับ หรือจนกว่าทิศทางของไอทีวีจะเคลียร์กว่านี้ครับ

อ้างอิง:
http://www.finmoment.com/เจาะลึก-intuch/

ไปอ่านหุ้นตัวอื่นๆ ได้ที่
http://www.finmoment.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่