.....ในสามก็กกล่าวถึงยอดอาชาอยู่หลายตัว ในจำนวนนี้ ม้าเซ็กเทาว์ของลิโป้ ต่อมาเป็นม้าศึกคู่ใจของกวนอู เพราะหลังจากที่ลิโป้ถูกโจโฉสั่งประหาร และยกม้าตัวนี้ให้กับกวนอู หวังจะซื้อใจเพื่อให้กวนอูยินยอมรับใช้ตัวเอง แต่กวนอูก็ไม่หักหลังพี่น้องร่วมสาบานอย่างเล่าปี่ พอทำศึกให้กับโจโฉครบตามข้อตกลง ก็กลับไปรับใช้เล่าปี่พร้อมม้าเซ็กเทาว์
แต่ก็มียอดอาชาอีกตัว ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ในเรื่องสามก๊ก ม้าตัวนี้ชื่อ
ม้าเต็กเลา มีลักษณะเป็นยอดอาชาไนยอีกตัว แต่จะให้โทษแก่เจ้าของ เนื่องจากมีร่องน้ำตาใต้ตา ซึ่งถือว่าเป็นอัปมงคลแก่ผู้ขี่ เต็กเลาเดิมเป็นม้าของเตียวบู หัวหน้ากบฏผู้หนึ่ง เมื่อเตียวบูถูกจูล่งฆ่าตาย ได้จูงเต็กเลามาให้เล่าปี่ เล่าปี่เห็นเป็นม้าที่ดีจึงยกให้เล่าเปียวโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่รู้คุณลักษณะที่เป็นอัปมงคลของม้ามาก่อน แต่ที่ปรึกษาของเล่าเปียวเห็นว่ามีลักษณะให้โทษแก่เจ้าของจึงบอกโบ้ยคืนให้กับเล่าปี่
ยอดม้า..ชักนำมาพบพานกับ..ยอดคน
เมื่อเล่าปี่โผนม้าเต็กเลาหนีการตามล่าของชัวมอและเตียวอุ๋น ลูกน้องของเล่าเปียวจากเมืองเกงจิ๋ว ระหว่างที่เดินทางหนี เล่าปี่ได้พบเห็นวิถีชีวิตชาวนาธรรมดา เล่าปี่จึงถอดถอนหายใจว่า เหตุใดเราจึงไม่มีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายเช่นคนเหล่านี้ ขณะนั้นมีเด็กชายคนหนึ่งเป่าขลุ่ยขี่ควายผ่านมา เด็กคนนั้นทักเล่าปี่ว่า ท่านใช่เล่าปี่หรือไม่ จนเล่าปี่รู้สึกประหลาดใจว่า เหตุใดเด็กธรรมดา ๆ คนหนึ่งถึงรู้จักตน เด็กชายขี่ควายจึงบอกว่า อาจารย์ของตนคือ
ท่านสุมาเต็กโช บอกว่าผู้ที่ขี่ม้าสีขาวผ่านมาคือ เล่าปี่และอีกไม่นานจะต้องผ่านมาทางนี้ จึงให้ข้าพเจ้าออกมาต้อนรับ
เมื่อเล่าปี่ได้พบกับสุมาเต็กโช ในกระท่อม สุมาเต็กโชแกล้งแหย่ถามเล่าปี่ว่า ท่านก็ทรงคุณธรรม เหตุใดถึงยังตั้งตัวไม่ได้ เล่าปี่ตอบว่า เพราะไม่มีเมืองอาศัยเป็นของตนเอง สุมาเต็กโชจึงว่า ที่ท่านยังไม่มีเมือง ไม่อาจตั้งตนได้ เห็นเป็นเพราะยังไม่มีที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำมากกว่า เล่าปี่ตอบว่า ก็ข้าพเจ้ามีซุนเขียนและบิต๊กอยู่แล้ว แต่สุมาเต็กโชแย้งว่า ซุนเขียนและบิต๊กเป็นเพียงบัณฑิตผู้รู้หนังสือธรรมดา ๆ ยังไม่อาจเป็นปราชญ์ผู้พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้ เล่าปี่จึงสำนึกขึ้นได้และถามสุมาเต็กโชว่า แล้วจะหาปราชญ์ที่ปรึกษาได้ที่ใด สุมาเต็กโชตอบว่า ในแผ่นดินขณะนี้มีเพียงปราชญ์ 2 คนเท่านั้นที่จะช่วยท่านพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้ เมื่อเล่าปี่ถามว่าใคร สุมาเต็กโชหัวเราะไม่ตอบ แต่เทน้ำจากกาเขียนตัวอักษรลงบนโต๊ะ คำว่า "
ฮงหลง" กับ "
ฮองซู" พอให้เล่าปี่เห็น แล้วลบออก (ฮงหลง นั้นก็คือ ขงเบ้ง ส่วน ฮองซู นั้นก็คือ บังทอง)
ในสามก๊ก ยกย่องบุคคลที่ถือว่าเป็นผู้ปราดเปรื่องมีปัญญาเหนือ คนอื่นยู่หลายคน แต่ที่โดดเด่นที่สุด มีอยู่แค่ 3 ชื่อ คือ ขงเบ้ง บังทอง และสุมาเต็กโช โดยทั้งสามคนนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น สุมาเต็กโชเป็นอาจารย์ และมีขงเบ้งและบังทองเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน แต่ที่จริงแล้วยังมีอีกหนึ่งคน
ที่แม้แต่คนทั้ง 3 ที่เอ่ยมาก่อนหน้านี้ยอมรับในสติปัญญาของคนผู้นี้ ซึ่งชื่อของเขาก็คือ ตันฮก หรือ ซีซี (ซึ่งเป็นลูกศิทย์อีกคนที่ร่วมสำนักเดียวกับขงเบ้งและบังทอง)
เมื่อลาจากสุมาเต็กโชไปแล้ว เล่าปี่และจูล่งได้พบกับตันฮกที่ปลอมชื่อปลอมตัวเป็นชีซี และชีซีคิดลองใจเล่าปี่ในการพบหน้ากันโดยบังเอิญในครั้งแรก โดยกล่าวว่า ม้าที่เล่าปี่ขี่นั้นชื่อ
ม้าเต๊กเลา เป็นม้าอัปมงคลนำโชคร้ายสู่เจ้าของ ทางแก้ก็คือ เกลียดชังผู้ใดก็ยกม้าตัวนี้ให้แก่ผู้นั้น ความโชคร้ายก็จะหมดไป เล่าปี่ตำหนิชีซีว่าหากตัวเองทำตามคำแนะนำ ก็จะกลายเป็นนายผู้ไร้คุณธรรม เมื่อเชื่อใจและเลือกม้าตัวนี้มาเป็นม้าศึกของตัวเองแล้ว ก็ย่อมต้องไว้วางใจและเชื่อมั่นในความสามารถของมัน และหากตัวผู้ขี่มีคุณธรรมแล้ว ม้าตัวนี้ยังจะนำโชคร้ายมาให้อีกหรือ
ด้วยคุณธรรมนี้ของเล่าปี่ ทำให้ซีซีตัดสินใจทำงานรับใช้เจ้านายผู้นี้
ต่อมา โจโฉส่งโจหยินยกทัพใหญ่มา โจหยินได้ใช้ค่ายกล "แปดประตู กุญแจทอง" ชีซีแนะให้จูล่งเข้าค่ายกลนี้ทางทิศอาคเนย์ผ่านไปยังทิศประจิม ค่ายกลนี้ก็แตกโดยง่ายดาย เมื่อโจหยินแตกทัพพ่ายไป ก็ได้ให้จูล่งและกวนอูยึดเมืองต่าง ๆ ไม่ให้โจหยินเข้าเมือง
โจโฉคิดสงสัยว่า ใครเป็นผู้ให้คำปรึกษาเล่าปี่ เทียหยก ที่ปรึกษาของโจโฉจึงกล่าวว่า บุคคลผู้นี้คือ ชีซี และออกอุบายเพื่อให้ชีซีมาอยู่กับโจโฉ โดยการปลอมลายมือแม่ของชีซีซึ่งอยู่ในฮูโต๋ ซึ่งเป็นเมืองของโจโฉ ว่าถูกจับกุมตัว ให้ชีซีรีบเข้ามาหา ชีซีมีเพียงตนกับแม่ตามลำพัง เมื่อรู้ข่าวจึงรีบรุดไปหาที่ฮูโต๋ เล่าปี่เศร้าโศกเสียใจมากต่อการจากไปของชีซี ก่อนชีซีเมื่อขี่ม้าจากไป ก็ชักม้ากลับมา เพื่อแนะนำที่ปรึกษาคนใหม่แก่เล่าปี่ คือ ขงเบ้ง ผู้เร้นกายอยู่ที่เชิงเขาโงลังกั๋ง และเมื่อชีซีจากไปก็ยังไปหาขงเบ้งเพื่อบอกกล่าวเรื่องนี้อีก โดยโน้มน้าวให้ขงเบ้งเห็นแก่ความมีคุณธรรมของเล่าปี่ยอมรับใช้และช่วยเหลือเล่าปี่ให้ครองแผ่นดิน
เมื่อไปถึงฮูโต๋ และได้พบแม่ เมื่อรู้ความจริงว่าเป็นเพียงอุบาย แม่ของชีซีตำหนิลูกชายอย่างหนักว่า ท่องโลกมาก็มาก ไฉนจึงโง่นัก แต่ก็ทราบอยู่ในใจว่าลูกชายมาเพราะกตัญญูจึงแค้นใจตัวเองยิ่งนัก ที่ทำให้ลูกชายต้องมารับใช้คนชั่ว ด้วยแม่ของชีซีใจรักความเป็นธรรม รังเกียจพฤติกรรมของโจโฉยิ่งนัก
สุมาเต็กโช เมื่อรู้ว่าชีซีมาอยู่กับเล่าปี่ จึงมาหา เมื่อรู้ว่าชีซีไปหาแม่ จึงกล่าวกับเล่าปี่ว่า นี่เป็นเพียงอุบาย และกล่าวว่า "
ถ้าชีซีไม่ไปนี่สิ แม่เขาถึงไม่ตาย แต่ถ้าไปแม่เขาต้องตายแน่ๆ” เขาคาดการณ์ถูกเพราะรู้ว่าแม่ของซีซีต้องฆ่าตัวตาย เพื่อให้ซีซีกลับมาหาเล่าปี่ เพราะไม่ต้องการให้ลูกชายมีกังวลอีก แต่สุมาเต็กโชไม่คิดว่า ซีซีจะกระทำการเสียสละตัวเองบางอย่าง
เพราะต่อมาไม่นาน แม่ของซีซี นางก็ผูกคอตาย ชีซีเศร้าเสียใจมากและตั้งปณิธานไว้ว่า จะไม่ให้คำปรึกษาแก่โจโฉเป็นอันขาด
แต่จะขอเป็นาม้าเต็กเลาผู้นำคราเคราะห์มาสู่โจโฉ
ต่อมาชีซีได้พบกับเล่าปี่อีกครั้ง เมื่อโจโฉให้มาเกลี้ยกล่อมเล่าปี่แพ้ยอมแก่โจโฉ เมื่อโจโฉยกทัพลงใต้หมายบุกยึดเกงจิ๋ว ชีซีไม่ยอมเกลี้ยกล่อม ซ้ำยังบอกแผนการของโจโฉให้แก่ฝ่ายเล่าปี่อีก ในคราวศึกเซ็กเพ็ก
ชีซีเป็นเพียงผู้เดียวที่รู้ว่า แผนห่วงโซ่สัมพันธ์ ของบังทอง เป็นแผนการเผาทัพเรือของโจโฉ ชีซีไปพบกับบังทองพร้อมแย้มกรายว่า ตนรู้อุบายของบังทองแต่จะแสร้งนิ่งเฉยไว้เพื่อดูความพินาศวอดวายของโจโฉ บังทองล่วงรู้เจตนาของเพื่อน จึงกล่าวเตือนให้หาทางเอาตัวเองรอดด้วย อย่าได้ตายไปพร้อมกับคนชั่วอย่างโจโฉ ซึ่งซีซีก็ทำตาม
แม้ศึกเซ็กเพ็กฝ่ายโจโฉจะสูญเสียใหญ่หลวง แต่ทั้งเล่าปี่และซุนกวน ก็ไม่อาจขยายผลของสงครามได้ เนื่องจากไพร่พลมีน้อย และต่างก็ยังระแวงซึ่งกันและกัน
ส่วนซีซีนั้น หลังจากศึกเซ็กเพ็กแล้ว ก็มิได้ให้คำปรึกษาใดๆกับโจโฉอีกเลย
เช่นเคยนะครับ อ่านแล้วไม่จำเป็นต้องเชื่อผม ผมอ่านมาแบบไหนก็เรียบเรียงออกมาตามความเข้าใจของผม โดยใช้ภาษาของผมเอง
ขอบคุณครับ
*แก้ไขคำผิด
(บทความ) ซีซี ผู้ถือตัวเองเป็นม้าเต็กเลา ม้าศึกชั้นดี ผู้ไม่ยอมรับใช้เจ้านายชั่ว
แต่ก็มียอดอาชาอีกตัว ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ในเรื่องสามก๊ก ม้าตัวนี้ชื่อ ม้าเต็กเลา มีลักษณะเป็นยอดอาชาไนยอีกตัว แต่จะให้โทษแก่เจ้าของ เนื่องจากมีร่องน้ำตาใต้ตา ซึ่งถือว่าเป็นอัปมงคลแก่ผู้ขี่ เต็กเลาเดิมเป็นม้าของเตียวบู หัวหน้ากบฏผู้หนึ่ง เมื่อเตียวบูถูกจูล่งฆ่าตาย ได้จูงเต็กเลามาให้เล่าปี่ เล่าปี่เห็นเป็นม้าที่ดีจึงยกให้เล่าเปียวโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่รู้คุณลักษณะที่เป็นอัปมงคลของม้ามาก่อน แต่ที่ปรึกษาของเล่าเปียวเห็นว่ามีลักษณะให้โทษแก่เจ้าของจึงบอกโบ้ยคืนให้กับเล่าปี่
ยอดม้า..ชักนำมาพบพานกับ..ยอดคน
เมื่อเล่าปี่โผนม้าเต็กเลาหนีการตามล่าของชัวมอและเตียวอุ๋น ลูกน้องของเล่าเปียวจากเมืองเกงจิ๋ว ระหว่างที่เดินทางหนี เล่าปี่ได้พบเห็นวิถีชีวิตชาวนาธรรมดา เล่าปี่จึงถอดถอนหายใจว่า เหตุใดเราจึงไม่มีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายเช่นคนเหล่านี้ ขณะนั้นมีเด็กชายคนหนึ่งเป่าขลุ่ยขี่ควายผ่านมา เด็กคนนั้นทักเล่าปี่ว่า ท่านใช่เล่าปี่หรือไม่ จนเล่าปี่รู้สึกประหลาดใจว่า เหตุใดเด็กธรรมดา ๆ คนหนึ่งถึงรู้จักตน เด็กชายขี่ควายจึงบอกว่า อาจารย์ของตนคือ ท่านสุมาเต็กโช บอกว่าผู้ที่ขี่ม้าสีขาวผ่านมาคือ เล่าปี่และอีกไม่นานจะต้องผ่านมาทางนี้ จึงให้ข้าพเจ้าออกมาต้อนรับ
เมื่อเล่าปี่ได้พบกับสุมาเต็กโช ในกระท่อม สุมาเต็กโชแกล้งแหย่ถามเล่าปี่ว่า ท่านก็ทรงคุณธรรม เหตุใดถึงยังตั้งตัวไม่ได้ เล่าปี่ตอบว่า เพราะไม่มีเมืองอาศัยเป็นของตนเอง สุมาเต็กโชจึงว่า ที่ท่านยังไม่มีเมือง ไม่อาจตั้งตนได้ เห็นเป็นเพราะยังไม่มีที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำมากกว่า เล่าปี่ตอบว่า ก็ข้าพเจ้ามีซุนเขียนและบิต๊กอยู่แล้ว แต่สุมาเต็กโชแย้งว่า ซุนเขียนและบิต๊กเป็นเพียงบัณฑิตผู้รู้หนังสือธรรมดา ๆ ยังไม่อาจเป็นปราชญ์ผู้พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้ เล่าปี่จึงสำนึกขึ้นได้และถามสุมาเต็กโชว่า แล้วจะหาปราชญ์ที่ปรึกษาได้ที่ใด สุมาเต็กโชตอบว่า ในแผ่นดินขณะนี้มีเพียงปราชญ์ 2 คนเท่านั้นที่จะช่วยท่านพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้ เมื่อเล่าปี่ถามว่าใคร สุมาเต็กโชหัวเราะไม่ตอบ แต่เทน้ำจากกาเขียนตัวอักษรลงบนโต๊ะ คำว่า "ฮงหลง" กับ "ฮองซู" พอให้เล่าปี่เห็น แล้วลบออก (ฮงหลง นั้นก็คือ ขงเบ้ง ส่วน ฮองซู นั้นก็คือ บังทอง)
ในสามก๊ก ยกย่องบุคคลที่ถือว่าเป็นผู้ปราดเปรื่องมีปัญญาเหนือ คนอื่นยู่หลายคน แต่ที่โดดเด่นที่สุด มีอยู่แค่ 3 ชื่อ คือ ขงเบ้ง บังทอง และสุมาเต็กโช โดยทั้งสามคนนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น สุมาเต็กโชเป็นอาจารย์ และมีขงเบ้งและบังทองเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน แต่ที่จริงแล้วยังมีอีกหนึ่งคน ที่แม้แต่คนทั้ง 3 ที่เอ่ยมาก่อนหน้านี้ยอมรับในสติปัญญาของคนผู้นี้ ซึ่งชื่อของเขาก็คือ ตันฮก หรือ ซีซี (ซึ่งเป็นลูกศิทย์อีกคนที่ร่วมสำนักเดียวกับขงเบ้งและบังทอง)
เมื่อลาจากสุมาเต็กโชไปแล้ว เล่าปี่และจูล่งได้พบกับตันฮกที่ปลอมชื่อปลอมตัวเป็นชีซี และชีซีคิดลองใจเล่าปี่ในการพบหน้ากันโดยบังเอิญในครั้งแรก โดยกล่าวว่า ม้าที่เล่าปี่ขี่นั้นชื่อ ม้าเต๊กเลา เป็นม้าอัปมงคลนำโชคร้ายสู่เจ้าของ ทางแก้ก็คือ เกลียดชังผู้ใดก็ยกม้าตัวนี้ให้แก่ผู้นั้น ความโชคร้ายก็จะหมดไป เล่าปี่ตำหนิชีซีว่าหากตัวเองทำตามคำแนะนำ ก็จะกลายเป็นนายผู้ไร้คุณธรรม เมื่อเชื่อใจและเลือกม้าตัวนี้มาเป็นม้าศึกของตัวเองแล้ว ก็ย่อมต้องไว้วางใจและเชื่อมั่นในความสามารถของมัน และหากตัวผู้ขี่มีคุณธรรมแล้ว ม้าตัวนี้ยังจะนำโชคร้ายมาให้อีกหรือ
ด้วยคุณธรรมนี้ของเล่าปี่ ทำให้ซีซีตัดสินใจทำงานรับใช้เจ้านายผู้นี้
ต่อมา โจโฉส่งโจหยินยกทัพใหญ่มา โจหยินได้ใช้ค่ายกล "แปดประตู กุญแจทอง" ชีซีแนะให้จูล่งเข้าค่ายกลนี้ทางทิศอาคเนย์ผ่านไปยังทิศประจิม ค่ายกลนี้ก็แตกโดยง่ายดาย เมื่อโจหยินแตกทัพพ่ายไป ก็ได้ให้จูล่งและกวนอูยึดเมืองต่าง ๆ ไม่ให้โจหยินเข้าเมือง
โจโฉคิดสงสัยว่า ใครเป็นผู้ให้คำปรึกษาเล่าปี่ เทียหยก ที่ปรึกษาของโจโฉจึงกล่าวว่า บุคคลผู้นี้คือ ชีซี และออกอุบายเพื่อให้ชีซีมาอยู่กับโจโฉ โดยการปลอมลายมือแม่ของชีซีซึ่งอยู่ในฮูโต๋ ซึ่งเป็นเมืองของโจโฉ ว่าถูกจับกุมตัว ให้ชีซีรีบเข้ามาหา ชีซีมีเพียงตนกับแม่ตามลำพัง เมื่อรู้ข่าวจึงรีบรุดไปหาที่ฮูโต๋ เล่าปี่เศร้าโศกเสียใจมากต่อการจากไปของชีซี ก่อนชีซีเมื่อขี่ม้าจากไป ก็ชักม้ากลับมา เพื่อแนะนำที่ปรึกษาคนใหม่แก่เล่าปี่ คือ ขงเบ้ง ผู้เร้นกายอยู่ที่เชิงเขาโงลังกั๋ง และเมื่อชีซีจากไปก็ยังไปหาขงเบ้งเพื่อบอกกล่าวเรื่องนี้อีก โดยโน้มน้าวให้ขงเบ้งเห็นแก่ความมีคุณธรรมของเล่าปี่ยอมรับใช้และช่วยเหลือเล่าปี่ให้ครองแผ่นดิน
เมื่อไปถึงฮูโต๋ และได้พบแม่ เมื่อรู้ความจริงว่าเป็นเพียงอุบาย แม่ของชีซีตำหนิลูกชายอย่างหนักว่า ท่องโลกมาก็มาก ไฉนจึงโง่นัก แต่ก็ทราบอยู่ในใจว่าลูกชายมาเพราะกตัญญูจึงแค้นใจตัวเองยิ่งนัก ที่ทำให้ลูกชายต้องมารับใช้คนชั่ว ด้วยแม่ของชีซีใจรักความเป็นธรรม รังเกียจพฤติกรรมของโจโฉยิ่งนัก
สุมาเต็กโช เมื่อรู้ว่าชีซีมาอยู่กับเล่าปี่ จึงมาหา เมื่อรู้ว่าชีซีไปหาแม่ จึงกล่าวกับเล่าปี่ว่า นี่เป็นเพียงอุบาย และกล่าวว่า "ถ้าชีซีไม่ไปนี่สิ แม่เขาถึงไม่ตาย แต่ถ้าไปแม่เขาต้องตายแน่ๆ” เขาคาดการณ์ถูกเพราะรู้ว่าแม่ของซีซีต้องฆ่าตัวตาย เพื่อให้ซีซีกลับมาหาเล่าปี่ เพราะไม่ต้องการให้ลูกชายมีกังวลอีก แต่สุมาเต็กโชไม่คิดว่า ซีซีจะกระทำการเสียสละตัวเองบางอย่าง
เพราะต่อมาไม่นาน แม่ของซีซี นางก็ผูกคอตาย ชีซีเศร้าเสียใจมากและตั้งปณิธานไว้ว่า จะไม่ให้คำปรึกษาแก่โจโฉเป็นอันขาด แต่จะขอเป็นาม้าเต็กเลาผู้นำคราเคราะห์มาสู่โจโฉ
ต่อมาชีซีได้พบกับเล่าปี่อีกครั้ง เมื่อโจโฉให้มาเกลี้ยกล่อมเล่าปี่แพ้ยอมแก่โจโฉ เมื่อโจโฉยกทัพลงใต้หมายบุกยึดเกงจิ๋ว ชีซีไม่ยอมเกลี้ยกล่อม ซ้ำยังบอกแผนการของโจโฉให้แก่ฝ่ายเล่าปี่อีก ในคราวศึกเซ็กเพ็ก ชีซีเป็นเพียงผู้เดียวที่รู้ว่า แผนห่วงโซ่สัมพันธ์ ของบังทอง เป็นแผนการเผาทัพเรือของโจโฉ ชีซีไปพบกับบังทองพร้อมแย้มกรายว่า ตนรู้อุบายของบังทองแต่จะแสร้งนิ่งเฉยไว้เพื่อดูความพินาศวอดวายของโจโฉ บังทองล่วงรู้เจตนาของเพื่อน จึงกล่าวเตือนให้หาทางเอาตัวเองรอดด้วย อย่าได้ตายไปพร้อมกับคนชั่วอย่างโจโฉ ซึ่งซีซีก็ทำตาม
แม้ศึกเซ็กเพ็กฝ่ายโจโฉจะสูญเสียใหญ่หลวง แต่ทั้งเล่าปี่และซุนกวน ก็ไม่อาจขยายผลของสงครามได้ เนื่องจากไพร่พลมีน้อย และต่างก็ยังระแวงซึ่งกันและกัน
ส่วนซีซีนั้น หลังจากศึกเซ็กเพ็กแล้ว ก็มิได้ให้คำปรึกษาใดๆกับโจโฉอีกเลย
เห็นแต่ผู้อ้างว่าตัวเปรื่องปราชญ์วิ่งเข้าไปเสนอตัวรับใช้ผู้มีอำนาจโดยไม่สนใจถึงเรื่องคุณธรรมความดีของคนที่ตัวเองรับใช้เลย
เช่นเคยนะครับ อ่านแล้วไม่จำเป็นต้องเชื่อผม ผมอ่านมาแบบไหนก็เรียบเรียงออกมาตามความเข้าใจของผม โดยใช้ภาษาของผมเอง
ขอบคุณครับ
*แก้ไขคำผิด