สวัสดีค่ะ...
เนื่องจาก จขกท เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปอยู่เยอรมันมาปีนึง และนี่เป็นครั้งที่สองแล้วกับการไปเยี่ยม Host Family ที่เยอรมัน หลังจากที่ได้รับอนุมัติวีซ่าเรียบร้อยแล้ว วันนี้ จขกท เลยอยากมารีวิว เกี่ยวกับการไปขอวีซ่าเชงเกน ประเภทเยี่ยมเยียน ของสถานฑูตเยอรมัน มาฝากค่ะ
รีวิว นี้เน้นเมื่อไปยังสถานฑูตนะคะ ส่วนเรื่องรายละเอียดการจัดเตรียมเอกสารนั้น หากดูหน้าเว็บไม่เข้าใจ สามารถเม้นถามได้เลยคร่า...
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารทั้งหมดจะมีข้อมูลให้ไว้ในเว็บไซท์ของสถานฑูตแล้วนะคะ ขอข้ามมมม (แต่ถ้ามีคำถาม ถามมาได้เลยนะคะ)
http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/Besuchsvisum.html
1. จองคิว
- การไปทำวีซ่าที่สถานฑูตเยอรมันนั้นต้องทำการนัดจองคิวล่วงหน้าค่ะ โดยสามารถจองผ่านหน้าเว็บได้แล้วตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. นี้เป็นต้นไป จขกท.ไปเมื่อเดือน ต.ค. ยังคงเป็นการจองผ่านเบอร์อัตโนมัติอยู่ค่ะ สำหรับการจองผ่านหน้าเว็บก็เข้าไปที่เว็บหลักของสถานฑูตและคลิกตามลิงค์ไปเรื่อยๆเลยค่ะ เดาว่า หลังจากเสร็จขั้นตอน คุณจะได้หมายเลขการจองมาสำหรับแจ้งเจ้าหน้าที่ในวันทำวีซ่า
ผู้ที่ต้องการจะไปยื่นขอวีซ่าในวันที่ 1 ธ.ค. 58 เป็นต้นไปให้ยื่นขอนัดคิวผ่านหน้าเว็บ ส่วนผู้ที่จะไปยื่นขอวีซ่าภายใน 30 พ.ย. ให้ยื่นขอวีซ่าผ่านเบอร์อัตโนมัติเหมือนเดิม 1900 222 343 เบอร์ Truemove โทรไม่ได้นะ ต้องใช้ค่ายอื่น ตอน จขกท โทรไปนี่เบ็ดเสร็จโดนไป 100 บาทแหน่ะ (เศร้าแพร๊พ)
2. วันทำวีซ่า
- ควรเดินทางไปล่วงหน้าก่อนเวลานัดประมาณ 30 นาทีเป็นอย่างน้อยนะคะ เมื่อไปถึงจะมีเจ้าหน้าที่ยืนตรวจหน้าประตูทางเข้าเลย เพื่อให้เราทำการ ปิดมือถือต่อหน้า เห็นๆ จะๆ แล้วจึงปล่อยเราเข้าไปข้างใน
- เมื่อเข้ามาแล้วก็จะถูกตรวจกระเป๋า และมือถือก็จะถูกเช็คอีกครั้งว่าปิดเครื่องแล้วจริงๆ และเราจะต้องฝากโทรศัพท์มือถือไว้กับเจ้าหน้าที่ ไม่สามารถเอาเข้าไปด้วยได้
3. รับบัตรคิว
เมื่อฝากกระเป๋าแล้วก็จะต้องเดินมาถึงด่านแรก จะมีเจ้าหน้าที่ถามหมายเลขการจอง ก็ให้แจ้งไป แล้วเค้าจะให้บัตรคิวที่บอกว่าเมื่อเข้าไปในตึกที่ทำการแล้วจะต้องเข้าไปยื่นเอกสารที่หน้า counter ใด (โดยส่วนมากวีซ่าเยี่ยมเยียนจะได้ช่องหลังๆ ถ้าจำไม่ผิด จขกท ได้ช่อง 12 คือจะมีห้องที่กั้นไว้ด้านในอีกสำหรับ 3 ช่องสุดท้ายนี้ค่ะ)
4. ถ่ายรูป + เตรียมเอกสาร
เมื่อได้รับบัตรคิวแล้ว บริเวณนั้นจะมีโต๊ะสำหรับกรอก/จัดเตรียมเอกสาร มีกาวไว้บริการแต่ไม่มีปากกานะคะ
ที่นั่นจะมี counter ถ่ายรูปติดวีซา ซึ่งรูปที่สถานฑูตกำหนดนั้นก็พิเศษไม่เหมือนรูปถ่ายติดใบสมัครงานทั่วไป ดังนั้นไปถ่ายที่นั่นเถอะค่ะ ค่าบริการคือ 180 บาท/4ใบ (คำเตือน!!! ไม่ว่าคุณจะทำผมแต่งหน้าไปสวยแค่ไหน ถ่ายออกมาก็ตลกอยู่ดี ฮ่าๆๆ)
เมื่อได้รูปมาติดในแบบฟอร์มคำขอวีซาแล้ว ก็ให้เรียงเอกสารตามที่สถานฑูตแจ้งไว้คือ
1. สำเนาหนังสือเดินทาง
2. แบบฟอร์มคำขอวีซ่า (สามารถเข้าไปกรอกข้อมูลในหน้าเว็บของสถานฑูตแล้วสั่งปรินท์ก็จะได้ออกมาเป็นแบบฟอร์มไม่ต้องเขียนหรือพิมพ์เองอีกต่อไปแล้วววว)
3. สำเนาและตัวจริงหนังสือเชิญจากเยอรมัน
4. หนังสือรับรองการทำงาน
5. Book bank (จขกท ใส่เงินไว้ประมาณ 120,000 บาท เอาจริงๆไม่ถึงแสนก็น่าจะได้นะ เพราะครั้งแรกที่ขอใส่ไว้ 70,000 ก็ผ่าน)
6. หลักฐานการทำประกันการเดินทาง (เราทำกับกรุงเทพประกันภัยเพราะมีบูธตั้งอยู่ในห้างใกล้บ้าน (เซนทรัลพระรามเก้า) และค่าทำไม่แพงอ่ะ เราเลือกแบบถูกที่สุด 555 ประมาณ 800 กว่าบาทเองค่ะ คือดูแบบอื่นที่แพงขึ้นมา แม้จะครอบคลุมมากกว่า แต่เงื่อนไขมันเวอร์ไป คือเช่น ประกันกระเป๋าล่าช้าแต่ต้องล่าช้าเกิน 48 ชั่วโมงนะถึงจะเคลมได้ ไรงี้ เลยไม่เอา คิดว่าเอาถูกสุดนี่แหละ พอละ)
*** 7. สูติบัตร กับ โฉนดที่ดินนี่ จขกท ไม่ได้เตรียมไป คิดว่าไม่จำเป็น สูติบัตรน่าจะหมายถึงเด็กเล็กๆป่าว และโฉนดที่ดินนี่น่าจะสำหรับอย่างอื่นอ่ะ ไม่น่าจะใช่เรา แล้วก็ไม่ได้ถูกเรียกขอดูจริงๆด้วย ***
เอกสารใช้แค่นี้จริงๆ ในหน้าเว็บมีพูดถึงเอกสารอื่นที่ต้องเตรียมอีกเช่น สำเนาพาสปอร์ตของผู้เชิญ, ใบเซนต์รับทราบเกี่ยวกับกฎหมายเยอรมัน เราก็ปรินท์มาและเซนต์ชื่อ แต่ก็ไม่เห็นเจ้าหน้าที่เรียกดู เอาเป็นว่าหากจะอุ่นใจคือเตรียมไป แต่ชุดที่ยื่นให้เจ้าหน้าที่ให้เตรียมแค่ 6 ข้อด้านบนพอ หากเขาอยากได้อะไรเพิ่มจะขอเอง
5. ยื่นเอกสาร + สัมภาษณ์
เมื่อถึงเวลา เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าหน้าบันไดอาคารจะตะโกนบอกว่าผู้ที่ได้คิวนัดเวลา นี้ๆๆๆ เข้าไปได้ ประมาณนี้ เราก็เดินเข้าไป ให้สุดทาง ช่องสำหรับวีซ่าเยี่ยมเยียนจะอยู่ด้านในสุด มีคอกกั้น ดูลึกลับกว่าวีซาท่องเที่ยวซะจริง
เมื่อเดินเข้าไปแล้ว ให้รอจังหวะที่ห้องว่างๆ ไม่มีคนกำลังสัมภาษณ์ ให้เดินเข้าไปเอาบัตรคิวที่ได้รับตั้งแต่เริ่มเดินเข้าประตู ไปใส่ในกล่องรับบัตรคิว แล้วออกไปนั่งรอ พอเจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปจึงปิดประตู พร้อมยื่นชุดเอกสารที่เตรียมไว้ และตอบคำถามเจ้าหน้าที่ คำถามก็เช่น ไปทำอะไร เค้าไม่มาเยี่ยมเรามั่งหรอ 555 บลาๆๆ
6. จ่ายเงิน
ค่าทำวีซ่าจะเขียนแจ้งไว้ตรงทางขึ้นอาคารก่อนเข้าไปทำวีซ่า ตอนเราไปคือ 2400 บาท เมื่อสัมภาษณ์และยื่นเอกสารเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะให้ไปจ่ายเงินที่ counter แรกสุดที่เราเดินผ่านตอนเข้ามา เมื่อจ่ายเงินแล้ว ก็เอาใบเสร็จออกไปที่ counter ของไปรษณีย์ไทย เพื่อทำเรื่องส่งวีซ่าทางไปรษณีย์ เมื่อกรอกจ่าหน้าซองและจ่ายเงินค่าส่งเรียบร้อยให้เอาซองไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าด้านหน้าบันไดทางเข้าอาคาร อันนี้จ่ายค่าบริการไปน่าจะ 130 บาทถ้าจำไม่ผิดค่ะ (แต่ก็สามารถมารับพาสปอร์ตด้วยตัวเองได้เช่นกันหากมีเวลา)
ปล. หากมีเอกสารใดที่เราเตรียมมาไม่ครบ เช่นตอนไป จขกท ลืมถ่ายเอกสารสำเนาบัตรเชิญ ก็ให้ถ่ายเอกสารตอนกลับออกไปด้านนอกอาคารแล้ว เมื่อซื้อซองจ่ายค่าบริการไปรษณีย์เสร็จ ก็ค่อยเอาเอกสารที่จะต้องให้นั้นทั้งหมดใส่ในซอง ยื่นให้เจ้าหน้าที่หน้าบันไดตึก ไม่ให้กลับเข้าไปด้านในใหม่อีกแล้วค่ะ
เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย กลับไปรับโทรศัพท์ที่ฝากไว้แล้วก็กลับบ้านได้ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงเดียวเท่านั้นเอง และหลังจากนั้น 3 วันก็ได้รับพาสปอร์ตพร้อมตราประทับวีซาคืนกลับมาแล้วค่ะ
เสริม บริเวณโถงรอเข้าขอวีซ่าจะมีเคาท์เตอร์บริการดังนี้
1. ถ่ายเอกสาร หน้าละ 3 บาท มีปากกาขายด้วยสำหรับคนไม่มีปากกาไป
2. บริการกรอกแบบฟอร์มวีซ่า มีเจ้าหน้าที่บริการแค่ 1 คน หากใครที่จำเป็นต้องใช้บริการนี้ ควรไปแต่เนิ่นๆนะคะ เพราะค่อนข้างนาน
3. บริการถ่ายรูปติดวีซ่า
4. บริการส่ง passport คืนทางไปรษณีย์
5. ห้องน้ำ
จบแล้วววว หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ตื่นเต้นอยากหาข้อมูลการไปขอวีซ่าให้อุ่นใจก่อนไปจริงนะคะ
[CR] รีวิวการไปทำวีซ่าเชงเก้น ประเภทเยี่ยมเยียน ณ.สถานฑูตเยอรมัน
เนื่องจาก จขกท เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปอยู่เยอรมันมาปีนึง และนี่เป็นครั้งที่สองแล้วกับการไปเยี่ยม Host Family ที่เยอรมัน หลังจากที่ได้รับอนุมัติวีซ่าเรียบร้อยแล้ว วันนี้ จขกท เลยอยากมารีวิว เกี่ยวกับการไปขอวีซ่าเชงเกน ประเภทเยี่ยมเยียน ของสถานฑูตเยอรมัน มาฝากค่ะ
รีวิว นี้เน้นเมื่อไปยังสถานฑูตนะคะ ส่วนเรื่องรายละเอียดการจัดเตรียมเอกสารนั้น หากดูหน้าเว็บไม่เข้าใจ สามารถเม้นถามได้เลยคร่า...
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารทั้งหมดจะมีข้อมูลให้ไว้ในเว็บไซท์ของสถานฑูตแล้วนะคะ ขอข้ามมมม (แต่ถ้ามีคำถาม ถามมาได้เลยนะคะ)
http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/Besuchsvisum.html
1. จองคิว
- การไปทำวีซ่าที่สถานฑูตเยอรมันนั้นต้องทำการนัดจองคิวล่วงหน้าค่ะ โดยสามารถจองผ่านหน้าเว็บได้แล้วตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. นี้เป็นต้นไป จขกท.ไปเมื่อเดือน ต.ค. ยังคงเป็นการจองผ่านเบอร์อัตโนมัติอยู่ค่ะ สำหรับการจองผ่านหน้าเว็บก็เข้าไปที่เว็บหลักของสถานฑูตและคลิกตามลิงค์ไปเรื่อยๆเลยค่ะ เดาว่า หลังจากเสร็จขั้นตอน คุณจะได้หมายเลขการจองมาสำหรับแจ้งเจ้าหน้าที่ในวันทำวีซ่า
ผู้ที่ต้องการจะไปยื่นขอวีซ่าในวันที่ 1 ธ.ค. 58 เป็นต้นไปให้ยื่นขอนัดคิวผ่านหน้าเว็บ ส่วนผู้ที่จะไปยื่นขอวีซ่าภายใน 30 พ.ย. ให้ยื่นขอวีซ่าผ่านเบอร์อัตโนมัติเหมือนเดิม 1900 222 343 เบอร์ Truemove โทรไม่ได้นะ ต้องใช้ค่ายอื่น ตอน จขกท โทรไปนี่เบ็ดเสร็จโดนไป 100 บาทแหน่ะ (เศร้าแพร๊พ)
2. วันทำวีซ่า
- ควรเดินทางไปล่วงหน้าก่อนเวลานัดประมาณ 30 นาทีเป็นอย่างน้อยนะคะ เมื่อไปถึงจะมีเจ้าหน้าที่ยืนตรวจหน้าประตูทางเข้าเลย เพื่อให้เราทำการ ปิดมือถือต่อหน้า เห็นๆ จะๆ แล้วจึงปล่อยเราเข้าไปข้างใน
- เมื่อเข้ามาแล้วก็จะถูกตรวจกระเป๋า และมือถือก็จะถูกเช็คอีกครั้งว่าปิดเครื่องแล้วจริงๆ และเราจะต้องฝากโทรศัพท์มือถือไว้กับเจ้าหน้าที่ ไม่สามารถเอาเข้าไปด้วยได้
3. รับบัตรคิว
เมื่อฝากกระเป๋าแล้วก็จะต้องเดินมาถึงด่านแรก จะมีเจ้าหน้าที่ถามหมายเลขการจอง ก็ให้แจ้งไป แล้วเค้าจะให้บัตรคิวที่บอกว่าเมื่อเข้าไปในตึกที่ทำการแล้วจะต้องเข้าไปยื่นเอกสารที่หน้า counter ใด (โดยส่วนมากวีซ่าเยี่ยมเยียนจะได้ช่องหลังๆ ถ้าจำไม่ผิด จขกท ได้ช่อง 12 คือจะมีห้องที่กั้นไว้ด้านในอีกสำหรับ 3 ช่องสุดท้ายนี้ค่ะ)
4. ถ่ายรูป + เตรียมเอกสาร
เมื่อได้รับบัตรคิวแล้ว บริเวณนั้นจะมีโต๊ะสำหรับกรอก/จัดเตรียมเอกสาร มีกาวไว้บริการแต่ไม่มีปากกานะคะ
ที่นั่นจะมี counter ถ่ายรูปติดวีซา ซึ่งรูปที่สถานฑูตกำหนดนั้นก็พิเศษไม่เหมือนรูปถ่ายติดใบสมัครงานทั่วไป ดังนั้นไปถ่ายที่นั่นเถอะค่ะ ค่าบริการคือ 180 บาท/4ใบ (คำเตือน!!! ไม่ว่าคุณจะทำผมแต่งหน้าไปสวยแค่ไหน ถ่ายออกมาก็ตลกอยู่ดี ฮ่าๆๆ)
เมื่อได้รูปมาติดในแบบฟอร์มคำขอวีซาแล้ว ก็ให้เรียงเอกสารตามที่สถานฑูตแจ้งไว้คือ
1. สำเนาหนังสือเดินทาง
2. แบบฟอร์มคำขอวีซ่า (สามารถเข้าไปกรอกข้อมูลในหน้าเว็บของสถานฑูตแล้วสั่งปรินท์ก็จะได้ออกมาเป็นแบบฟอร์มไม่ต้องเขียนหรือพิมพ์เองอีกต่อไปแล้วววว)
3. สำเนาและตัวจริงหนังสือเชิญจากเยอรมัน
4. หนังสือรับรองการทำงาน
5. Book bank (จขกท ใส่เงินไว้ประมาณ 120,000 บาท เอาจริงๆไม่ถึงแสนก็น่าจะได้นะ เพราะครั้งแรกที่ขอใส่ไว้ 70,000 ก็ผ่าน)
6. หลักฐานการทำประกันการเดินทาง (เราทำกับกรุงเทพประกันภัยเพราะมีบูธตั้งอยู่ในห้างใกล้บ้าน (เซนทรัลพระรามเก้า) และค่าทำไม่แพงอ่ะ เราเลือกแบบถูกที่สุด 555 ประมาณ 800 กว่าบาทเองค่ะ คือดูแบบอื่นที่แพงขึ้นมา แม้จะครอบคลุมมากกว่า แต่เงื่อนไขมันเวอร์ไป คือเช่น ประกันกระเป๋าล่าช้าแต่ต้องล่าช้าเกิน 48 ชั่วโมงนะถึงจะเคลมได้ ไรงี้ เลยไม่เอา คิดว่าเอาถูกสุดนี่แหละ พอละ)
*** 7. สูติบัตร กับ โฉนดที่ดินนี่ จขกท ไม่ได้เตรียมไป คิดว่าไม่จำเป็น สูติบัตรน่าจะหมายถึงเด็กเล็กๆป่าว และโฉนดที่ดินนี่น่าจะสำหรับอย่างอื่นอ่ะ ไม่น่าจะใช่เรา แล้วก็ไม่ได้ถูกเรียกขอดูจริงๆด้วย ***
เอกสารใช้แค่นี้จริงๆ ในหน้าเว็บมีพูดถึงเอกสารอื่นที่ต้องเตรียมอีกเช่น สำเนาพาสปอร์ตของผู้เชิญ, ใบเซนต์รับทราบเกี่ยวกับกฎหมายเยอรมัน เราก็ปรินท์มาและเซนต์ชื่อ แต่ก็ไม่เห็นเจ้าหน้าที่เรียกดู เอาเป็นว่าหากจะอุ่นใจคือเตรียมไป แต่ชุดที่ยื่นให้เจ้าหน้าที่ให้เตรียมแค่ 6 ข้อด้านบนพอ หากเขาอยากได้อะไรเพิ่มจะขอเอง
5. ยื่นเอกสาร + สัมภาษณ์
เมื่อถึงเวลา เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าหน้าบันไดอาคารจะตะโกนบอกว่าผู้ที่ได้คิวนัดเวลา นี้ๆๆๆ เข้าไปได้ ประมาณนี้ เราก็เดินเข้าไป ให้สุดทาง ช่องสำหรับวีซ่าเยี่ยมเยียนจะอยู่ด้านในสุด มีคอกกั้น ดูลึกลับกว่าวีซาท่องเที่ยวซะจริง
เมื่อเดินเข้าไปแล้ว ให้รอจังหวะที่ห้องว่างๆ ไม่มีคนกำลังสัมภาษณ์ ให้เดินเข้าไปเอาบัตรคิวที่ได้รับตั้งแต่เริ่มเดินเข้าประตู ไปใส่ในกล่องรับบัตรคิว แล้วออกไปนั่งรอ พอเจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปจึงปิดประตู พร้อมยื่นชุดเอกสารที่เตรียมไว้ และตอบคำถามเจ้าหน้าที่ คำถามก็เช่น ไปทำอะไร เค้าไม่มาเยี่ยมเรามั่งหรอ 555 บลาๆๆ
6. จ่ายเงิน
ค่าทำวีซ่าจะเขียนแจ้งไว้ตรงทางขึ้นอาคารก่อนเข้าไปทำวีซ่า ตอนเราไปคือ 2400 บาท เมื่อสัมภาษณ์และยื่นเอกสารเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะให้ไปจ่ายเงินที่ counter แรกสุดที่เราเดินผ่านตอนเข้ามา เมื่อจ่ายเงินแล้ว ก็เอาใบเสร็จออกไปที่ counter ของไปรษณีย์ไทย เพื่อทำเรื่องส่งวีซ่าทางไปรษณีย์ เมื่อกรอกจ่าหน้าซองและจ่ายเงินค่าส่งเรียบร้อยให้เอาซองไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าด้านหน้าบันไดทางเข้าอาคาร อันนี้จ่ายค่าบริการไปน่าจะ 130 บาทถ้าจำไม่ผิดค่ะ (แต่ก็สามารถมารับพาสปอร์ตด้วยตัวเองได้เช่นกันหากมีเวลา)
ปล. หากมีเอกสารใดที่เราเตรียมมาไม่ครบ เช่นตอนไป จขกท ลืมถ่ายเอกสารสำเนาบัตรเชิญ ก็ให้ถ่ายเอกสารตอนกลับออกไปด้านนอกอาคารแล้ว เมื่อซื้อซองจ่ายค่าบริการไปรษณีย์เสร็จ ก็ค่อยเอาเอกสารที่จะต้องให้นั้นทั้งหมดใส่ในซอง ยื่นให้เจ้าหน้าที่หน้าบันไดตึก ไม่ให้กลับเข้าไปด้านในใหม่อีกแล้วค่ะ
เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย กลับไปรับโทรศัพท์ที่ฝากไว้แล้วก็กลับบ้านได้ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงเดียวเท่านั้นเอง และหลังจากนั้น 3 วันก็ได้รับพาสปอร์ตพร้อมตราประทับวีซาคืนกลับมาแล้วค่ะ
เสริม บริเวณโถงรอเข้าขอวีซ่าจะมีเคาท์เตอร์บริการดังนี้
1. ถ่ายเอกสาร หน้าละ 3 บาท มีปากกาขายด้วยสำหรับคนไม่มีปากกาไป
2. บริการกรอกแบบฟอร์มวีซ่า มีเจ้าหน้าที่บริการแค่ 1 คน หากใครที่จำเป็นต้องใช้บริการนี้ ควรไปแต่เนิ่นๆนะคะ เพราะค่อนข้างนาน
3. บริการถ่ายรูปติดวีซ่า
4. บริการส่ง passport คืนทางไปรษณีย์
5. ห้องน้ำ
จบแล้วววว หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ตื่นเต้นอยากหาข้อมูลการไปขอวีซ่าให้อุ่นใจก่อนไปจริงนะคะ