ประโยชน์ 5 ข้อที่กองหลังทีมชาติไทยเหล่านี้ (นฤบดินทร์ ธนบูรณ์ กรวิทย์ ธีราทร) ควรจะอยู่ทีมบุรีรัมย์
- การได้ซ้อมและเล่นกับกองหลังชั้นดีอย่างตูเนซทำให้ได้เรียนรู้ประสบการณ์ในการอ่านทางบอล การเข้าบอลในจังหวะที่เหมาะสมเวลาเจอกับกองหน้าที่เก่งๆ
- ได้มีโอกาสซ้อมกับกองหน้าเก่งๆสไตล์ลาติน อย่างดีโอโก้ มาเชน่า ซึ่งมีความเร็ว ลีลา เทคนิคแพรวพราวเหมือนพวกนักเตะทีมชาติจากตะวันออกกลางทำให้ได้เรียนรู้วิธีตามประกบกองหน้าสไตล์เร็วและคล่องแบบนี้ นอกจากนี้จะได้เรียนรู้ในการป้องกันลูกกลางอากาศและประกบกองหน้าที่รูปร่างสูงใหญ่ที่สอดเข้ามาโหม่งดีอย่างแจนสันด้วย ทำให้เวลาเจอกองหน้าที่รูปร่างสูงใหญ่จากพวกตะวันออกกลาง เกาหลี ญี่ปุ่นได้ดีขึ้นด้วย ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายของเอเซียทีมชาติไทยอาจจะมีโอกาสตั้งรับมากกว่าบุก ถ้าเกมรับทีมชาติไทยเหนืยวแน่นอย่างน้อยแฟนบอลก็คงอุ่นใจ
- การได้มีโอกาสลงเล่น (แข่งจริงแบบไม่ใช่อุ่นเครื่อง) ในฟุตบอล ACL รอบแบ่งกลุ่มอย่างน้อย 6 นัดในช่วงต้นปีก็ทำให้ได้ประสบการณ์ในการรับมือกับกองหน้าที่เก่งๆระดับเอเซียมากขึ้นก่อนจะเจอกับกองหน้าทีมชาติต่างๆที่เป็นทีมชั้นแนวหน้าของเอเซียในช่วงครึ่งหลังของปี
- ทีมเวิร์คที่รู้ใจกันในการเล่นกองหลังร่วมกันทั้งในระดับสโมสรและระดับทีมชาติทำให้ไลน์ในการยืนเข้าใจกันเป็นอย่างดี
- สไตล์การฝึกซ้อมและความฟิตของนักเตะสโมสรบุรีรัมย์สามารถวิ่งและเพลสซิ่งได้ 120 นาทีไม่มีหมดทำให้แม้ทีมชาติไทยจะต้องตั้งรับเกมบุกจากทีมชั้นนำของเอเซียก็สามารถป้องกันได้จนจบการแข่งขันโดยไม่หมดแรงง่ายจนนำมาซึ่งการเสียประตูท้ายเกม
ประโยชน์ 5 ข้อที่กองหลังทีมชาติไทยเหล่านี้ (นฤบดินทร์ ธนบูรณ์ กรวิทย์ ธีราทร) ควรจะอยู่ทีมบุรีรัมย์
- การได้ซ้อมและเล่นกับกองหลังชั้นดีอย่างตูเนซทำให้ได้เรียนรู้ประสบการณ์ในการอ่านทางบอล การเข้าบอลในจังหวะที่เหมาะสมเวลาเจอกับกองหน้าที่เก่งๆ
- ได้มีโอกาสซ้อมกับกองหน้าเก่งๆสไตล์ลาติน อย่างดีโอโก้ มาเชน่า ซึ่งมีความเร็ว ลีลา เทคนิคแพรวพราวเหมือนพวกนักเตะทีมชาติจากตะวันออกกลางทำให้ได้เรียนรู้วิธีตามประกบกองหน้าสไตล์เร็วและคล่องแบบนี้ นอกจากนี้จะได้เรียนรู้ในการป้องกันลูกกลางอากาศและประกบกองหน้าที่รูปร่างสูงใหญ่ที่สอดเข้ามาโหม่งดีอย่างแจนสันด้วย ทำให้เวลาเจอกองหน้าที่รูปร่างสูงใหญ่จากพวกตะวันออกกลาง เกาหลี ญี่ปุ่นได้ดีขึ้นด้วย ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายของเอเซียทีมชาติไทยอาจจะมีโอกาสตั้งรับมากกว่าบุก ถ้าเกมรับทีมชาติไทยเหนืยวแน่นอย่างน้อยแฟนบอลก็คงอุ่นใจ
- การได้มีโอกาสลงเล่น (แข่งจริงแบบไม่ใช่อุ่นเครื่อง) ในฟุตบอล ACL รอบแบ่งกลุ่มอย่างน้อย 6 นัดในช่วงต้นปีก็ทำให้ได้ประสบการณ์ในการรับมือกับกองหน้าที่เก่งๆระดับเอเซียมากขึ้นก่อนจะเจอกับกองหน้าทีมชาติต่างๆที่เป็นทีมชั้นแนวหน้าของเอเซียในช่วงครึ่งหลังของปี
- ทีมเวิร์คที่รู้ใจกันในการเล่นกองหลังร่วมกันทั้งในระดับสโมสรและระดับทีมชาติทำให้ไลน์ในการยืนเข้าใจกันเป็นอย่างดี
- สไตล์การฝึกซ้อมและความฟิตของนักเตะสโมสรบุรีรัมย์สามารถวิ่งและเพลสซิ่งได้ 120 นาทีไม่มีหมดทำให้แม้ทีมชาติไทยจะต้องตั้งรับเกมบุกจากทีมชั้นนำของเอเซียก็สามารถป้องกันได้จนจบการแข่งขันโดยไม่หมดแรงง่ายจนนำมาซึ่งการเสียประตูท้ายเกม