ขอท้าวความก่อนแล้วกันว่าเราเป็นทอม คือเราได้รู้จักกับผู้หญิงคนนึงขอเรียกว่าเคแล้วกัน โดยการที่เธอแอดไลน์เรามาตอนช่วงเดือนกุมภาที่ผ่านมา ตอนนั้นเราคุยกันแค่ไม่กี่ครั้งเพราะตอนนั้นเราเพิ่งเลิกกับแฟนเก่ามาได้ประมาณ3เดือนกว่าเราก็เลยยังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กับใคร แต่มาวันนึงช่วงก่อนสงกรานเราได้เห็นรูปของเธอคนนี้ในไอจี(คือเราฟอลไอจีเค้าตั้งแต่คุยกันแรกๆ) อยู่ดีๆเราก็รู้สึกแปลกๆกับเธอคนนี้เรารู้สึกว่าเราอยากรู้จักกับเธอคนนี้ให้มากขึ้น เราจึงได้ไปเม้นในไอจีของเธอหลายๆรูปจนเธอทักไลน์มาประมาณว่า “ที่มาป่วนนี่คือคิดถึงเค้าหรอ” แล้วเราก็เริ่มคุยกันบ่อยมากขึ้น คุยกันทุกวันขนาดเวลาห่างกันตั้ง 5-6 ชั่วโมงแต่เราก็ยังคุยกันได้ เราลืมบอกไปเราเรียนอยู่ต่างประเทศเธอคนนี้เรียนอยู่ไทย บางวันเราต้องเรียนตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึง 2 ทุ่มกว่าจะถึงบ้านก็ 3 ทุ่มไปแล้วแต่เธอคนนี้ก็ยังรอที่จะคุยเฟสไทมกับเรา โดยเวลาที่ไทยก็ตี2ได้แต่เธอคนนี้ก็ยังรอให้เราถึงบ้านโดยที่เธอก็มีเรียนเช้าเหมือนกัน เธอจะคอยบอกให้เรากินข้าวเยอะๆ คอยบอกให้เราดูแลตัวเองดีๆ แล้วทุกๆคืนก็จะเป็นแบบนั้นทุกวัน ก่อนนอนเราจะต้องเล่านิทานให้เธอฟังทุกคืนไม่งั้นเธอจะไม่หลับ เรา2คนคุยกันมาได้สักพัก เราก็เลยขอเธอเป็นแฟนเพราะเวลาที่เราได้คุยกับเธอคนนี้เรามีความสุขมาก เราเป็นตัวของตัวเอง เรารู้สึกว่าเรารักเค้ามากสามารถทำทุกอย่างเพื่อเค้าแล้วเราเคยสัญญากับเธอว่าเราจะรักและดูแลเธอให้ดีที่สุด
จนวันนึงช่วงเดือนมิถุนาที่ผ่านมาเราได้กลับไทยแล้วเธอคนนี้ก็มารับเราที่สนามบิน มันเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกัน ก่อนที่เราจะเจอกันเธอกังวลมากว่าถ้าเราเจอเธอครั้งแรกแล้วเราจะไม่โอเค ก่อนเรากลับเธอคนนี้ได้เข้าฟิตเนสหนักมากจนน้ำหนักลดมา4-5กิโลภายในเดือนครึ่ง เธอบอกว่าเธอไม่เคยทำเพื่อใครแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ที่เธอกังวลเพราะว่าเธอเคยเห็นรูปแฟนเก่าของเราที่ตัวเล็กมากเธอจึงไม่มั่นใจในตัวเอง แต่เราก็บอกเธอหลายครั้งแล้วว่าเรารักที่เธอเป็นเธอไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตา ตอนที่เราเดินออกมาจากgate และตอนที่เราเห็นเธอคนนี้ครั้งแรกภาพนั้นยังจำได้ไม่ลืมเธอยืนยิ้มรออยู่หน้าทางออก ในตอนนั้นเราดีใจมากที่เราได้เจอกับเธอคนนี้เราเข้าไปกอดเธอโดยที่คนรอบข้างมองเต็มไปหมด ตอนนั้นเธอทั้งเขินทั้งอายเธอไม่คิดว่าเราจะกล้ากอดเธอขนาดนั้น เราได้อยู่ไทยประมาณเดือนนึง มันเป็นเวลาที่มีค่าและมีความหมายมากๆสำหรับเรา เค้าทำให้เรามีความสุขมากๆ เราอยากจะใช้ทุกวินาทีที่ได้อยู่กับเธอคนนี้ให้คุ้มค่าที่สุด ภายใน1เดือนเราได้เจอกันแค่อาทิตย์ละ 2-3 วันเท่านั้นเพราะเธอต้องไปเรียน ทุกเย็นวันศุกร์เราจะไปรับเธอที่มหาลัยทุกอาทิตย์ซึ่งอยู่ไกลมากจากบ้านเราต้องใช้เวลาขับรถชั่วโมงกว่าได้ แล้ววันอาทิตย์เย็นหรือไม่ก็วันจันทร์ตอนเช้าเราจะขับรถไปส่งเธอเรียนตั้งแต่เช้า เราพยายามทำทุกอย่างให้เค้ามีความสุข เราทั้ง2คนมีความสุขมากๆ
แต่ก็ที่รู้ๆกันอยู่ความสุขก็อยู่กับเราได้ไม่นานหรอก ก่อนวันที่เราจะต้องกลับไปเรียนต่อเรานั่งอยู่ข้างๆเธอ เราเห็นเธอก้มหน้าแต่ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร แล้วเราก็รู้สึกได้ว่ามีน้ำหยดลงมาที่ตักของเรา เราก็รีบถามเธอว่าเธอเป็นอะไร เธอบอกว่า “บางทีความสุขมันก็ผ่านไปเร็วเหมือนกันเนอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี(ขอเรียกตัวเราว่าพีแล้วกัน)จะต้องกลับไปเรียนแล้ว รู้สึกใจหายแล้วก็ไม่อยากให้พีกลับเลย” ตอนที่เธอพูดประโยคนี้ออกมามันทำให้เราก็ไม่อยากกลับเหมือนกันเพราะเราทั้งสงสารแล้วก็คิดถึงเธอคนนี้มากแต่เราก็คิดว่าเรากลับไปเรียนก็ไม่ใช่เพราะตัวเราคนเดียวเราทำเพื่อครอบครัวเรา เพื่อคนที่เรารักก็คือเธอคนนี้ เพราะในอนาคตข้างหน้าเราไม่อยากให้คนที่เรารักจะต้องลำบาก และด้วยคำพูดของเธอมันทำให้เรารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยจิงๆมันทำให้เราได้รุ้สึกถึงความรักที่เราไม่เคยได้จากใครมาก่อน วันรุ่งขึ้นเธอก็มาส่งเราที่สนามบินแล้วก่อนที่เราจะเข้าไปข้างใน เธอบอกกับเราว่า"ไปอยู่โน่นต้องดูแลตัวเองดีๆนะ ตั้งใจเรียนด้วยนะ อยู่นี่เค้าก็จะตั้งใจเรียนจะไม่ดื้อจะรอพีกลับมานะ" เราก็กอดกับเธอแล้วก็เดินเข้าไปข้างใน จังหวะที่เรามองผ่านกระจกออกมาแล้วเราก็ได้เอามือของเรา2คนสัมผัสกันโดยมีกระจกกั้นอยู่ตรงกลาง มันเป็นภาพที่เราไม่สามารถจะหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลได้ เราพยายามหันไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้เธอจะต้องเป็นห่วง พอเรากลับมาถึงเราก็คุยกันปกติเหมือนเดิมทุกอย่างๆ แต่แล้วอยู่ดีเธอก็เปลี่ยนไปมันเป็นช่วงที่เธอต้องรับน้อง...เดี๋ยวมาเล่าต่อนะทุกคน
รักแท้แพ้ระยะทาง หรือ รักแท้แพ้ใกล้ชิด??
จนวันนึงช่วงเดือนมิถุนาที่ผ่านมาเราได้กลับไทยแล้วเธอคนนี้ก็มารับเราที่สนามบิน มันเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกัน ก่อนที่เราจะเจอกันเธอกังวลมากว่าถ้าเราเจอเธอครั้งแรกแล้วเราจะไม่โอเค ก่อนเรากลับเธอคนนี้ได้เข้าฟิตเนสหนักมากจนน้ำหนักลดมา4-5กิโลภายในเดือนครึ่ง เธอบอกว่าเธอไม่เคยทำเพื่อใครแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ที่เธอกังวลเพราะว่าเธอเคยเห็นรูปแฟนเก่าของเราที่ตัวเล็กมากเธอจึงไม่มั่นใจในตัวเอง แต่เราก็บอกเธอหลายครั้งแล้วว่าเรารักที่เธอเป็นเธอไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตา ตอนที่เราเดินออกมาจากgate และตอนที่เราเห็นเธอคนนี้ครั้งแรกภาพนั้นยังจำได้ไม่ลืมเธอยืนยิ้มรออยู่หน้าทางออก ในตอนนั้นเราดีใจมากที่เราได้เจอกับเธอคนนี้เราเข้าไปกอดเธอโดยที่คนรอบข้างมองเต็มไปหมด ตอนนั้นเธอทั้งเขินทั้งอายเธอไม่คิดว่าเราจะกล้ากอดเธอขนาดนั้น เราได้อยู่ไทยประมาณเดือนนึง มันเป็นเวลาที่มีค่าและมีความหมายมากๆสำหรับเรา เค้าทำให้เรามีความสุขมากๆ เราอยากจะใช้ทุกวินาทีที่ได้อยู่กับเธอคนนี้ให้คุ้มค่าที่สุด ภายใน1เดือนเราได้เจอกันแค่อาทิตย์ละ 2-3 วันเท่านั้นเพราะเธอต้องไปเรียน ทุกเย็นวันศุกร์เราจะไปรับเธอที่มหาลัยทุกอาทิตย์ซึ่งอยู่ไกลมากจากบ้านเราต้องใช้เวลาขับรถชั่วโมงกว่าได้ แล้ววันอาทิตย์เย็นหรือไม่ก็วันจันทร์ตอนเช้าเราจะขับรถไปส่งเธอเรียนตั้งแต่เช้า เราพยายามทำทุกอย่างให้เค้ามีความสุข เราทั้ง2คนมีความสุขมากๆ
แต่ก็ที่รู้ๆกันอยู่ความสุขก็อยู่กับเราได้ไม่นานหรอก ก่อนวันที่เราจะต้องกลับไปเรียนต่อเรานั่งอยู่ข้างๆเธอ เราเห็นเธอก้มหน้าแต่ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร แล้วเราก็รู้สึกได้ว่ามีน้ำหยดลงมาที่ตักของเรา เราก็รีบถามเธอว่าเธอเป็นอะไร เธอบอกว่า “บางทีความสุขมันก็ผ่านไปเร็วเหมือนกันเนอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี(ขอเรียกตัวเราว่าพีแล้วกัน)จะต้องกลับไปเรียนแล้ว รู้สึกใจหายแล้วก็ไม่อยากให้พีกลับเลย” ตอนที่เธอพูดประโยคนี้ออกมามันทำให้เราก็ไม่อยากกลับเหมือนกันเพราะเราทั้งสงสารแล้วก็คิดถึงเธอคนนี้มากแต่เราก็คิดว่าเรากลับไปเรียนก็ไม่ใช่เพราะตัวเราคนเดียวเราทำเพื่อครอบครัวเรา เพื่อคนที่เรารักก็คือเธอคนนี้ เพราะในอนาคตข้างหน้าเราไม่อยากให้คนที่เรารักจะต้องลำบาก และด้วยคำพูดของเธอมันทำให้เรารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยจิงๆมันทำให้เราได้รุ้สึกถึงความรักที่เราไม่เคยได้จากใครมาก่อน วันรุ่งขึ้นเธอก็มาส่งเราที่สนามบินแล้วก่อนที่เราจะเข้าไปข้างใน เธอบอกกับเราว่า"ไปอยู่โน่นต้องดูแลตัวเองดีๆนะ ตั้งใจเรียนด้วยนะ อยู่นี่เค้าก็จะตั้งใจเรียนจะไม่ดื้อจะรอพีกลับมานะ" เราก็กอดกับเธอแล้วก็เดินเข้าไปข้างใน จังหวะที่เรามองผ่านกระจกออกมาแล้วเราก็ได้เอามือของเรา2คนสัมผัสกันโดยมีกระจกกั้นอยู่ตรงกลาง มันเป็นภาพที่เราไม่สามารถจะหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลได้ เราพยายามหันไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้เธอจะต้องเป็นห่วง พอเรากลับมาถึงเราก็คุยกันปกติเหมือนเดิมทุกอย่างๆ แต่แล้วอยู่ดีเธอก็เปลี่ยนไปมันเป็นช่วงที่เธอต้องรับน้อง...เดี๋ยวมาเล่าต่อนะทุกคน