เมื่อวานเดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯกับเพื่อนอีกหนึ่งคน เส้นทาง กรุงเทพฯ - มหาสารคาม โดยสัมภาระก็มีเสื้อผ้าสี่กระสอบใหญ่พอสมควรค่ะเพราะไปซื้อเสื้อผ้ามาขายอยู่ที่มหาสารคาม แต่เมื่อถึงเวลาเดินทางรถเข้าเทียบชาญชลาเพื่อนเดินไปบอกพนักงานเดินรถว่า...
เพื่อนของดิฉัน : พี่คะรบกวนช่วยยกถุงเสื้อผ้าให้หน่อยได้มั้ยคะ?
พนักงาน ( ชายวัยกลางคน ) : ไม่ได้หรอกผมไม่ยกของหนัก!
นี่คือบทสนทนาระหว่างเพื่อนและก็พนักงานเดินรถของทางบริษัทฯ สุดท้ายเรากับเพื่อนก็ต้องช่วยกันยกไปเองแล้วพนักงานก็ยืนเท้าสะเอวมองดูเพื่อเราก็เลยถามเค้าว่า " บริษัทนี้เค้าไม่มีพนักงานยกของหรอคะ? " เค้าก็ตอบว่า " ไม่มี ที่ผมมายืนช่วยยกของขึ้นชั้นวางให้คุณก็ดีเท่าไหร่แล้วเพราะหน้าที่ผมคือขับรถอย่างเดียว " นี่คือคำตอบที่ได้ เรากับเพื่อนก็ยกไปเองจนถึงกระสอบสุดท้ายแต่กระสอบนี้มันเป็นพวกกางเกงยีนส์ขายาวประมาณ 50 ตัวได้ค่ะ ซึ่งมันหนักเอามากๆเลยล่ะคะ ก็เลยบอกคุณผู้ชายที่ยืนดูอยู่ว่า... ช่วยยกหน่อยค่ะหนัก!!! ( ตอนที่เราพูดประโยคนี้ยอมรับนะค่ะว่าใช้น้ำเสียงที่ดังพอสมควรเพราะเริ่มจะมีอาการโมโห! ) จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็โมโหเหมือนกันแล้วก็โวยวายเป็นการใหญ่ว่า สองคนนั้นมันจ่ายค่าระวางของรึยังของมันตั้งเยอะมีแต่ถุงหนักๆจากนั้นก็มีพนักงานเรียกเราคนเดียว เพื่อนนั่งรออยู่บนรถ
พนักงานที่เรียกลงไปเป็นผู้หญิงค่ะถามเราด้วยถ้อยคำที่สุภาพว่า... ตอนที่ซื้อตั๋วน้องได้บอกเค้ามั้ยค่ะว่ามีของ?
เราก็ตอบกลับไปว่า : ไม่ได้บอกค่ะเพราะพนักงานที่ขายตั๋วให้เค้าไม่ได้ถามหนูเลยค่ะว่ามีสัมภาระหรือมีของอะไรรึเปล่า? ถามแต่ว่า กี่ที่คะ แค่นี้ก็ติ๊กๆๆๆ แล้วก็แจ้งราคาตั๋วจากนั้นเรากับเพื่อนก็ไปรอรถตามจุดที่ในตั๋วบอก
พนักงานคนนั้นก็เลยชี้แจงให้ฟังว่า : ของเยอะขนาดนี้ต้องจ่ายค่าระวางนะค่ะ เป็นจำนวนเงิน 500 บาท เราก็ยินดีจ่ายเพราะเข้าใจว่ามันก็ต้องจ่ายอยู่แล้วถ้ามีของเยอะขนาดนี้ แต่ที่งงและไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือ... ถึงแม้ว่าทางบริษัทจะไม่มีพนักงานยกกระเป๋าหรือช่วยขนสัมภาระแต่ในฐานะที่เป็นผู้ชายก็น่าจะช่วยยกไม่ได้หรอค่ะ? หรือไม่ก็ไม่น่าจะใช้กริยาที่ว่า " มัน " กับลูกค้านะค่ะ แล้วก็อีกอย่างคือ ในรถจะมีคนขับรถอยู่สองคนไว้ผลัดเปลี่ยนกันอีกคนนึงขับ อีกคนนึงก็จะมานอนอยู่ด้านหลังของรถ ซึ่งถ้าใครเคยใช้บริการบริษัทนี้ก็จะเห็นว่ารถจะแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นแบบ VIP ส่วนข้างบนจะเป็นแบบ ธรรมดา...และเมื่อคืนเรากับเพื่อนก็นั่งชั้นล่างคือชั้น VIP แล้วข้างหลังเบาะก็จะเป็นที่นอนของพนักงานพอดีเป๊ะ
จากนั้นก็มีพนักงานขับรถผู้ชายมานอนอยู่ข้างหลังแล้วก็คุยกันกับผู้หญิงอีกคนนึงซึ่งเราคิดว่าน่าจะเป็นภรรยาของเค้าแต่ที่สงสัยคือ เค้าไม่น่าจะมานอนคุยกันทั้งๆที่มีผู้โดยสารกำลังนอนอยู่เช่นกัน... สุดท้ายก็ขอความคิดเห็นจากทุกๆคนด้วยนะค่ะสำหรับกระทู้นี้หวังว่าจะได้รับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์จากทุกๆฝ่ายนะค่ะ
ใครเคยใช้บริการรถโดยสารประจำทางของบริษัทชาญทัวร์แล้วได้ยกสัมภาระขึ้นรถเองบ้างคะ?
เพื่อนของดิฉัน : พี่คะรบกวนช่วยยกถุงเสื้อผ้าให้หน่อยได้มั้ยคะ?
พนักงาน ( ชายวัยกลางคน ) : ไม่ได้หรอกผมไม่ยกของหนัก!
นี่คือบทสนทนาระหว่างเพื่อนและก็พนักงานเดินรถของทางบริษัทฯ สุดท้ายเรากับเพื่อนก็ต้องช่วยกันยกไปเองแล้วพนักงานก็ยืนเท้าสะเอวมองดูเพื่อเราก็เลยถามเค้าว่า " บริษัทนี้เค้าไม่มีพนักงานยกของหรอคะ? " เค้าก็ตอบว่า " ไม่มี ที่ผมมายืนช่วยยกของขึ้นชั้นวางให้คุณก็ดีเท่าไหร่แล้วเพราะหน้าที่ผมคือขับรถอย่างเดียว " นี่คือคำตอบที่ได้ เรากับเพื่อนก็ยกไปเองจนถึงกระสอบสุดท้ายแต่กระสอบนี้มันเป็นพวกกางเกงยีนส์ขายาวประมาณ 50 ตัวได้ค่ะ ซึ่งมันหนักเอามากๆเลยล่ะคะ ก็เลยบอกคุณผู้ชายที่ยืนดูอยู่ว่า... ช่วยยกหน่อยค่ะหนัก!!! ( ตอนที่เราพูดประโยคนี้ยอมรับนะค่ะว่าใช้น้ำเสียงที่ดังพอสมควรเพราะเริ่มจะมีอาการโมโห! ) จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็โมโหเหมือนกันแล้วก็โวยวายเป็นการใหญ่ว่า สองคนนั้นมันจ่ายค่าระวางของรึยังของมันตั้งเยอะมีแต่ถุงหนักๆจากนั้นก็มีพนักงานเรียกเราคนเดียว เพื่อนนั่งรออยู่บนรถ
พนักงานที่เรียกลงไปเป็นผู้หญิงค่ะถามเราด้วยถ้อยคำที่สุภาพว่า... ตอนที่ซื้อตั๋วน้องได้บอกเค้ามั้ยค่ะว่ามีของ?
เราก็ตอบกลับไปว่า : ไม่ได้บอกค่ะเพราะพนักงานที่ขายตั๋วให้เค้าไม่ได้ถามหนูเลยค่ะว่ามีสัมภาระหรือมีของอะไรรึเปล่า? ถามแต่ว่า กี่ที่คะ แค่นี้ก็ติ๊กๆๆๆ แล้วก็แจ้งราคาตั๋วจากนั้นเรากับเพื่อนก็ไปรอรถตามจุดที่ในตั๋วบอก
พนักงานคนนั้นก็เลยชี้แจงให้ฟังว่า : ของเยอะขนาดนี้ต้องจ่ายค่าระวางนะค่ะ เป็นจำนวนเงิน 500 บาท เราก็ยินดีจ่ายเพราะเข้าใจว่ามันก็ต้องจ่ายอยู่แล้วถ้ามีของเยอะขนาดนี้ แต่ที่งงและไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือ... ถึงแม้ว่าทางบริษัทจะไม่มีพนักงานยกกระเป๋าหรือช่วยขนสัมภาระแต่ในฐานะที่เป็นผู้ชายก็น่าจะช่วยยกไม่ได้หรอค่ะ? หรือไม่ก็ไม่น่าจะใช้กริยาที่ว่า " มัน " กับลูกค้านะค่ะ แล้วก็อีกอย่างคือ ในรถจะมีคนขับรถอยู่สองคนไว้ผลัดเปลี่ยนกันอีกคนนึงขับ อีกคนนึงก็จะมานอนอยู่ด้านหลังของรถ ซึ่งถ้าใครเคยใช้บริการบริษัทนี้ก็จะเห็นว่ารถจะแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นแบบ VIP ส่วนข้างบนจะเป็นแบบ ธรรมดา...และเมื่อคืนเรากับเพื่อนก็นั่งชั้นล่างคือชั้น VIP แล้วข้างหลังเบาะก็จะเป็นที่นอนของพนักงานพอดีเป๊ะ